ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปีแยร์ รอซีเย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้<ref>กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)</ref> ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง<ref>Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ [[เทียนจิน]]และ[[ปักกิ่ง]] และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.</ref> แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป |
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้<ref>กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)</ref> ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง<ref>Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ [[เทียนจิน]]และ[[ปักกิ่ง]] และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.</ref> แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป |
||
เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ<ref>Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).</ref> ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย ''เนเกรตตีและแซมบรา'' อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861<ref>นิตยสาร ''[[The Times]]'' ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน ''The Times'' ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).</ref> ภาพ |
เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ<ref>Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).</ref> ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย ''เนเกรตตีและแซมบรา'' อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861<ref>นิตยสาร ''[[The Times]]'' ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน ''The Times'' ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).</ref> ภาพทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นที่ถ่ายโดยรอซีเย ได้มีการเผยแพร่ก่อน ในหนังสือของจอร์จ สมิท ที่ชื่อ ''Ten Weeks in Japan'' ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1861 และในเดือนกรกฎาคมปีนั้น อีก 8 ภาพถ่ายของรอซีเยปรากฏในรูปแบบของ[[ภาพพิมพ์หิน]] ในหนังสือของเฮนรี อาร์เทอร์ ทิลลีย์ ในหนังสือที่ชื่อ ''Japan, the Amoor, and the Pacific''<ref name="Bennett PiJ, 49.">Bennett PiJ, 49.</ref> ภาพถ่ายใน ''Illustrated London News'' ปี ค.ศ. 1861 มีภาพแกะภายใต้ชื่อ ''Domestic Life in China'' เป็นภาพ 3 มิติ ถ่ายโดยรอซีเย<ref>Bennett OJP, 119.</ref> อีก 1 ภาพที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' โฆษณาไว้ในปี ค.ศ. 1860 มีการตีพิมพ์เพื่อการค้าครั้งแรกในญี่ปุ่น และอาจถือได้ว่าเป็นภาพถ่ายสีเขียนมือของญี่ปุ่นภาพแรก<ref>ภาพชื่อว่า "Japanese ladies in full dress" (Bennett PiJ, 47; 49, fig. 45).</ref> |
||
จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท ''เนเกรตตีและแซมบรา'' นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น[[วอลเทอร์ บี. วุดเบอรี]] ที่ได้รับการว่าจ้างจาก ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เช่นกัน แต่เขาทำงานใน[[ปัตตาเวีย]] (ปัจจุบันคือ[[จาการ์ตา]]) หรือ[[อาเบล กาวเวอร์]] ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของ[[มหาวิทยาลัยไลเดิน]]มีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ ''[[เอชเอ็มเอส แซมป์สัน]]'' จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ<ref>Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.</ref> |
จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท ''เนเกรตตีและแซมบรา'' นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น[[วอลเทอร์ บี. วุดเบอรี]] ที่ได้รับการว่าจ้างจาก ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เช่นกัน แต่เขาทำงานใน[[ปัตตาเวีย]] (ปัจจุบันคือ[[จาการ์ตา]]) หรือ[[อาเบล กาวเวอร์]] ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของ[[มหาวิทยาลัยไลเดิน]]มีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ ''[[เอชเอ็มเอส แซมป์สัน]]'' จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ<ref>Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:36, 4 พฤศจิกายน 2560
ปีแยร์ โฌแซ็ฟ รอซีเย (ฝรั่งเศส: Pierre Joseph Rossier; 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1829 – ระหว่างปี ค.ศ. 1883 ถึง 1898) เป็นช่างภาพยุคบุกเบิกชาวสวิส ที่ถ่ายภาพโดยวิธีแอลบูเมน ที่รวมถึงการภาพถ่าย 3 มิติ และภาพการ์ตเดอวีซิต ที่เป็นภาพถ่ายรูปคน ภาพทิวทัศน์ของเมือง และภูมิทัศน์ เขาได้รับการว่าจ้างจากบริษัทในลอนดอนที่ชื่อ เนเกรตตีและแซมบรา (Negretti and Zambra) ให้เดินทางมายังเอเชียเพื่อบันทึกภาพกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศสในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่วมกับคณะทหารไปด้วย แต่เขายังคงอยู่ในเอเชียหลายปี โดยผลิตผลงานเพื่อการค้าเป็นครั้งแรกให้กับประเทศจีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และสยาม (ปัจจุบันคือประเทศไทย) เขาถือเป็นช่างภาพอาชีพคนแรกของประเทศญี่ปุ่น ที่นั่นเขาได้สอนฟุรุกะวะ ชุมเป, คะวะโนะ เทโซ, อุเอะโนะ ฮิโกะมะ, มะเอะดะ เก็นโซ, โฮะริเอะ คุวะจิโร และช่างภาพรุ่นแรกคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าของญี่ปุ่น ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์ เขาก่อตั้งสตูดิโอถ่ายภาพในเมืองฟรีบูร์และไอน์ซีเดิล์น และยังคงผลิตภาพถ่ายในสถานที่อื่น ๆ ของประเทศ รอซีเยถือเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรกของการถ่ายภาพ ไม่เพียงเพราะผลงานภาพถ่ายของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการสอนของเขาได้ส่งผลกระทบสำคัญแก่วงการถ่ายภาพญี่ปุ่นในยุคบุกเบิกด้วย
อัตลักษณ์และภูมิลำเนา
ข้อมูลเกี่ยวกับรอซีเยเป็นที่ทราบกันน้อยมากจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ แม้กระทั่งชื่อตัวของเขาก็ยังเคยเป็นปริศนา ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ บางครั้งเขาใช้ชื่อว่า เป. รอซีเย (P. Rossier) และในบางครั้งก็มีอีกชื่อคือ แอม. รอซีเย (M. Rossier) ในที่สุดเอกสารต่าง ๆ ที่พบที่เมืองฟรีบูร์ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่าเขามีชื่อตัวว่า ปีแยร์ และสามารถอนุมานได้ว่า อักษร M ใน M. Rossier นั้นย่อมาจาก "เมอซีเยอ" ([Monsieur] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ซึ่งเป็นคำนำหน้าชื่อบุคคลชายในภาษาฝรั่งเศส มีความเชื่อกันมานานว่าเขามาจากฝรั่งเศส และขณะที่เขาอยู่ในญี่ปุ่น เขายังถูกเรียกว่าเป็น "ชาวอังกฤษ" อีกด้วย[1] อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่า รอซีเยเป็นชาวสวิส เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1829 ที่กรันซีวาซ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในรัฐฟรีบูร์ เขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้อง 10 คน ในครอบครัวเกษตรกรที่มีทรัพย์สินไม่มากนัก ในวัย 16 ปี เขาเป็นครูสอนที่โรงเรียนในหมู่บ้านข้างเคียง แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1855 เขาได้หนังสือเดินทางเล่มหนึ่งสำหรับเดินทางไปฝรั่งเศสและอังกฤษในฐานะช่างภาพ[2]
หลังจากออกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ รอซีเยได้รับการว่าจ้างจากบริษัท เนเกรตตีและแซมบรา (Negretti and Zambra) ให้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อบันทึกภาพในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (ค.ศ. 1858–1860) เป็นไปได้ว่าทางบริษัทเล็งเห็นว่า สัญชาติสวิสของรอซีเยจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางดังกล่าว โดยสถานะเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์น่าจะเอื้อให้เขาเดินทางข้ามประเทศด้วยเรือของอังกฤษหรือเรือของฝรั่งเศสก็ได้ เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายที่สูงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ และความเป็นไปได้ที่เกิดความเสี่ยงต่อตัวเขาเอง นี่จึงเป็นภารกิจที่สำคัญ[3]
การถ่ายภาพในเอเชีย
รอซีเยอยู่ที่ฮ่องกงในปี ค.ศ. 1858 และเริ่มถ่ายภาพแทบจะทันที ภาพส่วนใหญ่ถ่ายบริเวณกวางตุ้ง (ปัจจุบันคือ กว่างโจว)[4] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1859 เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ภาพของรอซีเย 50 ภาพ รวมถึงภาพสามมิติด้วย ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมในช่วงเวลานั้น ในปี ค.ศ. 1858 หรือ 1859 รอซีเยเดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ เขาเดินทางมาถ่ายภาพภูเขาไฟตาอัล รอซีเยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1859 ถ่ายภาพแรก ๆ ในนะงะซะกิ คะนะงะวะ โยะโกะฮะมะ และเอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) เขาเป็นช่างภาพอาชีพคนแรกที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น[5] หนึ่งในภาพถ่ายของรอซีเยในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1859 (ขณะที่เขาอยู่ในนะงะซะกิ) เป็นภาพลูกชายของฟีลิพพ์ ฟรันทซ์ ฟ็อน ซีบ็อลท์ ที่ชื่ออาเล็กซันเดอร์ กับกลุ่มซะมุไรจากกลุ่มนะเบะชิมะ[6]
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้[7] ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง[8] แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป
เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ[9] ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย เนเกรตตีและแซมบรา อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861[10] ภาพทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นที่ถ่ายโดยรอซีเย ได้มีการเผยแพร่ก่อน ในหนังสือของจอร์จ สมิท ที่ชื่อ Ten Weeks in Japan ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1861 และในเดือนกรกฎาคมปีนั้น อีก 8 ภาพถ่ายของรอซีเยปรากฏในรูปแบบของภาพพิมพ์หิน ในหนังสือของเฮนรี อาร์เทอร์ ทิลลีย์ ในหนังสือที่ชื่อ Japan, the Amoor, and the Pacific[11] ภาพถ่ายใน Illustrated London News ปี ค.ศ. 1861 มีภาพแกะภายใต้ชื่อ Domestic Life in China เป็นภาพ 3 มิติ ถ่ายโดยรอซีเย[12] อีก 1 ภาพที่ เนเกรตตีและแซมบรา โฆษณาไว้ในปี ค.ศ. 1860 มีการตีพิมพ์เพื่อการค้าครั้งแรกในญี่ปุ่น และอาจถือได้ว่าเป็นภาพถ่ายสีเขียนมือของญี่ปุ่นภาพแรก[13]
จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท เนเกรตตีและแซมบรา นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นวอลเทอร์ บี. วุดเบอรี ที่ได้รับการว่าจ้างจาก เนเกรตตีและแซมบรา เช่นกัน แต่เขาทำงานในปัตตาเวีย (ปัจจุบันคือจาการ์ตา) หรืออาเบล กาวเวอร์ ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของมหาวิทยาลัยไลเดินมีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ เอชเอ็มเอส แซมป์สัน จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ[14]
การสอนถ่ายภาพ
รอซีเยเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1859 อันเป็นช่วงเวลาที่การทดลองการถ่ายภาพสมัยแรก ๆ กำลังเริ่มต้นในเกาะคีวชู โดยเฉพาะที่นะงะซะกิ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของรังงะกุ (การศึกษาด้านวิทยาการตะวันตก) และเป็นเมืองที่แพทย์ 2 คน ได้แก่ ยัน กาเริล ฟัน แด็นบรุก และเย. แอ็ล. เซ. โปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต เป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาชาวญี่ปุ่น ไม่เฉพาะวิชาการแพทย์ แต่ยังรวมถึงวิชาเคมีและวิชาการถ่ายภาพอีกด้วย[15] แต่ทั้งฟัน แด็นบรุก และโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต ต่างก็ไม่ใช่ช่างภาพผู้มีประสบการณ์ ความพยายามถ่ายภาพหลาย ๆ ครั้งก็ล้มเหลว[16] ถึงกระนั้น พวกเขาก็ได้สอนการถ่ายภาพด้วยกระบวนการกระจกเปียกให้กับเคอิไซ โยชิโอะ,[17] ฟุรุกะวะ ชุมเป, คะวะโนะ เทโซ, มะเอะดะ เก็นโซ, อุเอะโนะ ฮิโกะมะ, โฮะริเอะ คุวะจิโร รวมถึงผู้อื่นด้วย[18]
เมื่อรอซีเยมาถึงประเทศญี่ปุ่น คาดว่าเขาคงแนะนำตัวเองว่าเป็นช่างภาพที่บริษัท เนเกรตตีและแซมบรา ส่งมาทำงานในญี่ปุ่น นี่อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน กล่าวคือ ในช่วงที่เขาอยู่ญี่ปุ่น เขาถูกเรียกว่าช่างภาพชาวอังกฤษอยู่บ่อยครั้ง ในนะงะซะกิ รอซีเยมีผู้ช่วยคือมะเอะดะ เก็นโซ ซึ่งได้รับคำสั่งให้ติดตาม "คนอังกฤษ" และเรียนรู้การถ่ายภาพเพิ่มเติม[19] ทั้งมะเอะดะและนักเรียนคนอื่น ๆ ได้ติดตามเขาระหว่างอยู่ในเมือง รอซีเยได้ถ่ายภาพนักบวช ขอทาน ผู้ชมการแข่งขันซูโม่ นิคมชาวต่างชาติ และภาพถ่ายของอาเล็กซันเดอร์ ฟ็อน ซีบ็อลท์ กับซะมุไร รอซีเยเชื่อว่าความล้มเหลวในการถ่ายภาพของโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนสารเคมีที่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายรับรองให้มะเอะดะเพื่อให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์และสารเคมีสำหรับการถ่ายภาพจากแหล่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ทั้งมะเอะดะและฟุรุกะวะได้ซื้อเลนส์ สารเคมี และกระดาษแอมบูเมนผ่านทางรอซีเย[20]
ในช่วงเวลานั้น รอซีเยยังได้สอนถ่ายภาพให้กับอุเอะโนะ ฮิโกะมะ และโฮะริเอะ คุวะจิโร อีกด้วย เป็นที่ชัดเจนว่า ในช่วงแรก อุเอะโนะมีเจตนาที่จะเรียนรู้ไม่เพียงแต่การถ่ายภาพแต่อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องการผลิตกล้องด้วย ดูเหมือนว่าการพบกับรอซีเยจะทำให้อุเอะโนะมุ่งมั่นไล่ตามความฝันที่จะเป็นช่างภาพมืออาชีพ แต่เขาก็จำนนต่อเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพจนเลิกล้มความคิดที่จะผลิตกล้องเป็นของตัวเองอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่เดือน เขาและโฮะริเอะซื้อกล้องถ่ายรูปและสารเคมีต่าง ๆ จากฝรั่งเศส ก่อนจะยึดอาชีพเป็นช่างภาพอิสระ[21]
แม้ว่ารอซีเยจะใช้เวลาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และมรดกด้านการถ่ายรูปจากช่วงเวลาของเขาจะเหลือเพียงน้อยนิด แต่เขาก็มีอิทธิพลต่อวงการถ่ายภาพของญี่ปุ่นอยู่เป็นเวลานาน[5]
ช่วงท้ายของชีวิตและมรดกตกทอด
ในปี ค.ศ. 1861 รอซีเยอยู่สยาม เขาทำงานร่วมกับมารี ฟีร์แม็ง บอกูร์ นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศส โดยช่วยถ่ายภาพทางชาติพันธุ์วรรณนาให้แก่คณะสำรวจด้านวิทยาศาสตร์ของบอกูร์ระหว่างปี ค.ศ. 1861–1862 และในปี ค.ศ. 1863 เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ชุดภาพถ่าย 3 มิติของบุคคลและภาพทิวทัศน์ในสยามจำนวน 30 รูป ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นผลงานของรอซีเยอย่างไม่มีข้อสงสัย[11] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1862 รอซีเยกลับมายังเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง เขาขายกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพก่อนที่จะลงเรือกลับยุโรป[22] ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเอเชีย เป็นไปได้ว่ารอซีเยได้ไปถ่ายภาพในอินเดียด้วย สันนิษฐานจากการที่ เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ภาพชุดทิวทัศน์อินเดียในช่วงเวลาเดียวกับภาพถ่ายทิวทัศน์จีนของรอซีเย[11]
รอซีเยเดินทางกลับถึงสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1862 และได้สมรสกับแคเทอริน บาร์บ เคลิน (ค.ศ. 1843–1867) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1865 ทั้งคู่มีบุตรชายชื่อ คริสต็อฟ มารี ปีแยร์ โฌแซ็ฟ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1866 ต่อมาแคเทอรินเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1867
รอซีเยยังคงดำเนินกิจการสตูดิโอถ่ายภาพในฟรีบูร์จนกระทั่งปี ค.ศ. 1876 เป็นอย่างน้อย เขายังมีสตูดิโอในในเมืองไอน์ซีเดิล์น และระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1860 และถึงคริสต์ทศวรรษ 1870 เขาผลิตภาพถ่าย 3 มิติและการ์ตเดอวีซิตอันประกอบด้วยภาพบุคคลและภาพทิวทัศน์ของเมืองฟรีบูร์, ไอน์ซีเดิล์น และสถานที่อื่น ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1871 ลาลีแบร์เต หนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสจากเมืองฟรีบูร์ได้ลงโฆษณาโดยเสนอภาพถ่ายงานจิตรกรรมทางศาสนาของศิลปินที่ชื่อ เม็ลชียอร์ เพาล์ ฟ็อน เดชวันเดิน ซึ่งถ่ายโดยรอซีเย[23] ในปี ค.ศ. 1872 รอซีเยได้ทำเรื่องขอหนังสือเดินทางเพื่อเดินทางไปยังฝรั่งเศส คาดว่าเขาอาจถ่ายภาพที่นี่ จากนั้นในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปี ค.ศ. 1871 ถึง 1884 เขาสมรสอีกครั้ง ภรรยาคนที่ 2 ชื่อ มารี วีร์ฌีนี ออแวร์แน ได้รับการว่าจ้างให้เป็นคนรับใช้จากเจ้าของที่ดินของสตูดิโอเขา ทั้งคู่มีบุตรชายชื่อ โฌแซ็ฟ หลุยส์ ซึ่งเกิดในปารีสเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1884 ต่อมาบุตรคนนี้มีร้านกาแฟในเมืองเวอแว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1927
ปีแยร์ รอซีเย เสียชีวิตในปารีสในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปี ค.ศ. 1883 ถึง 1898[3]
ภาพถ่ายทิวทัศน์สวิตเซอร์แลนด์จำนวนหนึ่งของรอซีเยได้รับการจัดเก็บไว้ในสถาบันและงานสะสมส่วนบุคคลหลายแห่งในประเทศ รอซีเยถ่ายภาพทิวทัศน์จีนและญี่ปุ่นในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ปัจจุบันภาพถ่ายเหล่านั้นหาดูได้ยาก บางครั้งเขาก็บ่นเรื่องผลกระทบทางลบของภูมิอากาศต่อสารเคมีสำหรับถ่ายภาพของเขา และภาพเนกาทิฟบางภาพอาจได้รับความเสียหายระหว่างทางจากเอเชียไปยังลอนดอน แม้ว่าภาพถ่ายของรอซีเยจะหลงเหลืออยู่ไม่มากนักในปัจจุบัน แต่เขาก็มีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์สมัยเริ่มแรกของวิชาการถ่ายภาพในเอเชีย ก่อนที่เขาจะมาถึงญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1859 นักเรียนวิชาการถ่ายภาพชาวญี่ปุ่นมักติดขัดในการผลิตผลงานถ่ายภาพให้น่าพึงพอใจ แต่ประสบการณ์ คำสอน และการติดต่อกับผู้จัดส่งวัตถุดิบสำหรับการถ่ายภาพของรอซีเยนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาขนบการถ่ายภาพในลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่น
หมายเหตุและอ้างอิง
- ↑ เขาถูกระบุว่าเป็นชาวฝรั่งเศสโดย Yokoe (167) เป็นต้น แม้แต่ฐานข้อมูล ULAN จากสถาบันเกตตีรีเสิร์ช ก็ยังระบุชื่อเขาเป็น Rossier, M. โดยเขียนว่า อาจเป็นชาวอังกฤษ
- ↑ ข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับอัตลักษณ์และภูมิลำเนาส่วนใหญ่มาจากข้อมูลของเบนเนตต์ (บทความทางอินเทอร์เน็ต The Search for Rossier ในบรรณานุกรมด้านล่างในชื่อ "Bennett", และหนังสือของเขา Early Japanese Images, Photography in Japan: 1853-1912, และ Old Japanese Photographs ที่ใช้ชื่อ "Bennett EJI", "Bennett PiJ", and "Bennett OJP", เรียงตามลำดับ)
- ↑ 3.0 3.1 Bennett.
- ↑ Bennett. วอร์วิกบอกว่ารอซีเยอยู่ในจนระหว่างปี ค.ศ. 1857 ถึง 1859 แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากไปกว่านั้น (Worswick, 146).
- ↑ 5.0 5.1 Yokoe, 167.
- ↑ ภาพนี้อยู่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซีบ็อลท์ในนะงะซะกิ (Himeno, 22).
- ↑ กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)
- ↑ Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ เทียนจินและปักกิ่ง และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.
- ↑ Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).
- ↑ นิตยสาร The Times ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน The Times ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ เนเกรตตีและแซมบรา เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).
- ↑ 11.0 11.1 11.2 Bennett PiJ, 49.
- ↑ Bennett OJP, 119.
- ↑ ภาพชื่อว่า "Japanese ladies in full dress" (Bennett PiJ, 47; 49, fig. 45).
- ↑ Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.
- ↑ Himeno, 18, 20-21.
- ↑ ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือด้านเครื่องมือที่เขาได้นำเข้ามา แต่ดูเหมือนว่า ฟัน แด็นบรุก จะไม่พอใจกับภาพถ่าย ส่วนโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากกว่า หนึ่งในการทดลองถ่ายของเขาก็มีเงาดำไม่เพียงพอ (Himeno, 21-22).
- ↑ เคอิไซ เป็นลุงของช่างภาพอุชิดะ คุอิชิ (Himeno, 24-25).
- ↑ Himeno, 21-22.
- ↑ มัตซุโมะโตะ จุนให้มะเอะดะช่วยเหลือรอซีเย (Bennett EJI, 54).
- ↑ มะเอะดะและฟุรุกะวะประสบความสำเร็จจากการถ่ายรูปด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1860 ในวันที่เขายังอยู่ที่จังหวัดฟุกุโอะกะ สถานที่ที่ถ่ายภาพนี้ (Himeno, 22)
- ↑ Himeno, 22.
- ↑ รายชื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ มีอยู่ในประกาศโฆษณา (Bennett PiJ, 49).
- ↑ Bennett OJP, 120.
บรรณานุกรม
- Bennett, Terry. Early Japanese Images. Rutland, Vermont: Charles E. Tuttle, 1996. ISBN 0-8048-2033-3 (paper), ISBN 0-8048-2029-5 (hard)
- Bennett, Terry. Old Japanese Photographs: Collector's Data Guide London: Quaritch, 2006. ISBN 0-9550852-4-1 (hard)
- Bennett, Terry. Photography in Japan: 1853-1912 Rutland, Vermont: Charles E. Tuttle, 2006. ISBN 0-8048-3633-7 (hard)
- Bennett, Terry. The Search for Rossier: Early Photographer of China and Japan. Accessed 12 September 2006; cited above as "Bennett". Originally appeared in The PhotoHistorian-Journal of the Historical Group of the Royal Photographic Society, December 2004.
- Clark, John, John Fraser, and Colin Osman. "A revised chronology of Felice (Felix) Beato (1825/34?-1908?)". In Japanese Exchanges in Art, 1850s to 1930s with Britain, Continental Europe, and the USA: Papers and Research Materials. Sydney: Power Publications, 2001. ISBN 1-86487-303-5
- Dobson, Sebastian. "Yokohama Shashin". In Art and Artifice: Japanese Photographs of the Meiji Era — Selections from the Jean S. and Frederic A. Sharf Collection at the Museum of Fine Arts, Boston. Boston: MFA Publications, 2004. ISBN 0-87846-682-7 (paper), ISBN 0-87846-683-5 (hard)
- Harris, David. Of Battle and Beauty: Felice Beato's Photographs of China. Santa Barbara: Santa Barbara Museum of Art, 1999. ISBN 0-89951-100-7 (paper), ISBN 0-89951-101-5 (hard)
- Himeno, Junichi. "Encounters With Foreign Photographers: The Introduction and Spread of Photography in Kyushu". In Reflecting Truth: Japanese Photography in the Nineteenth Century, ed. Nicole Coolidge Rousmaniere, Mikiko Hirayama. Amsterdam: Hotei Publishing, 2004. ISBN 90-74822-76-2
- Thiriez, Régine. Barbarian Lens: Western Photographers of the Qianlong Emperor's European Palaces. Amsterdam: Gordon and Breach, 1998. ISBN 90-5700-519-0
- Union List of Artist Names, s.v. "Rossier, M.". Accessed 15 September 2006.
- Worswick, Clark. Japan: Photographs 1854-1905. New York: Pennwick/Alfred A. Knopf, 1979. ISBN 0-394-50836-X
- Yokoe Fuminori. "The Arrival of Photography". In The Advent of Photography in Japan / 寫眞渡來のころ. Tokyo: Tokyo Metropolitan Museum of Photography; Hakodate: Hakodate Museum of Art, 1997. Exhibition catalogue with bilingual text.