ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปีแยร์ รอซีเย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 17: บรรทัด 17:
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้<ref>กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)</ref> ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง<ref>Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ [[เทียนจิน]]และ[[ปักกิ่ง]] และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.</ref> แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป
ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้<ref>กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)</ref> ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง<ref>Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ [[เทียนจิน]]และ[[ปักกิ่ง]] และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.</ref> แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป


เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ<ref>Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).</ref> ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย ''เนเกรตตีและแซมบรา'' อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861<ref>นิตยสาร ''[[The Times]]'' ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน ''The Times'' ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).</ref> ภาพทัศนียภาพของประเทศญี่ปุ่นที่ถ่ายโดยรอซีเย ได้มีการเผยแพร่ก่อน ในหนังสือของจอร์จ สมิท ที่ชื่อ ''Ten Weeks in Japan'' ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1861 และในเดือนกรกฎาคมปีนั้น อีก 8 ภาพถ่ายของรอซีเยปรากฏในรูปแบบของ[[ภาพพิมพ์หิน]] ในหนังสือของเฮนรี อาร์เทอร์ ทิลลีย์ ในหนังสือที่ชื่อ ''Japan, the Amoor, and the Pacific''<ref name="Bennett PiJ, 49.">Bennett PiJ, 49.</ref> ภาพถ่ายใน ''Illustrated London News'' ปี ค.ศ. 1861 มีภาพแกะภายใต้ชื่อ ''Domestic Life in China'' เป็นภาพ 3 มิติ ถ่ายโดยรอซีเย<ref>Bennett OJP, 119.</ref> อีก 1 ภาพที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' โฆษณาไว้ในปี ค.ศ. 1860 มีการตีพิมพ์เพื่อการค้าครั้งแรกในญี่ปุ่น และอาจถือได้ว่าเป็นภาพถ่ายสีเขียนมือของญี่ปุ่นภาพแรก<ref>ภาพชื่อว่า "Japanese ladies in full dress" (Bennett PiJ, 47; 49, fig. 45).</ref>
เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ<ref>Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).</ref> ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย ''เนเกรตตีและแซมบรา'' อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861<ref>นิตยสาร ''[[The Times]]'' ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน ''The Times'' ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).</ref> ภาพทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นที่ถ่ายโดยรอซีเย ได้มีการเผยแพร่ก่อน ในหนังสือของจอร์จ สมิท ที่ชื่อ ''Ten Weeks in Japan'' ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1861 และในเดือนกรกฎาคมปีนั้น อีก 8 ภาพถ่ายของรอซีเยปรากฏในรูปแบบของ[[ภาพพิมพ์หิน]] ในหนังสือของเฮนรี อาร์เทอร์ ทิลลีย์ ในหนังสือที่ชื่อ ''Japan, the Amoor, and the Pacific''<ref name="Bennett PiJ, 49.">Bennett PiJ, 49.</ref> ภาพถ่ายใน ''Illustrated London News'' ปี ค.ศ. 1861 มีภาพแกะภายใต้ชื่อ ''Domestic Life in China'' เป็นภาพ 3 มิติ ถ่ายโดยรอซีเย<ref>Bennett OJP, 119.</ref> อีก 1 ภาพที่ ''เนเกรตตีและแซมบรา'' โฆษณาไว้ในปี ค.ศ. 1860 มีการตีพิมพ์เพื่อการค้าครั้งแรกในญี่ปุ่น และอาจถือได้ว่าเป็นภาพถ่ายสีเขียนมือของญี่ปุ่นภาพแรก<ref>ภาพชื่อว่า "Japanese ladies in full dress" (Bennett PiJ, 47; 49, fig. 45).</ref>


จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท ''เนเกรตตีและแซมบรา'' นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น[[วอลเทอร์ บี. วุดเบอรี]] ที่ได้รับการว่าจ้างจาก ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เช่นกัน แต่เขาทำงานใน[[ปัตตาเวีย]] (ปัจจุบันคือ[[จาการ์ตา]]) หรือ[[อาเบล กาวเวอร์]] ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของ[[มหาวิทยาลัยไลเดิน]]มีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ ''[[เอชเอ็มเอส แซมป์สัน]]'' จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ<ref>Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.</ref>
จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท ''เนเกรตตีและแซมบรา'' นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น[[วอลเทอร์ บี. วุดเบอรี]] ที่ได้รับการว่าจ้างจาก ''เนเกรตตีและแซมบรา'' เช่นกัน แต่เขาทำงานใน[[ปัตตาเวีย]] (ปัจจุบันคือ[[จาการ์ตา]]) หรือ[[อาเบล กาวเวอร์]] ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของ[[มหาวิทยาลัยไลเดิน]]มีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ ''[[เอชเอ็มเอส แซมป์สัน]]'' จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ<ref>Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:36, 4 พฤศจิกายน 2560

สัญลักษณ์แสดงภาพถ่ายที่ผลิตโดยสตูดิโอของรอซีเยในฟรีบูร์

ปีแยร์ โฌแซ็ฟ รอซีเย (ฝรั่งเศส: Pierre Joseph Rossier; 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1829 – ระหว่างปี ค.ศ. 1883 ถึง 1898) เป็นช่างภาพยุคบุกเบิกชาวสวิส ที่ถ่ายภาพโดยวิธีแอลบูเมน ที่รวมถึงการภาพถ่าย 3 มิติ และภาพการ์ตเดอวีซิต ที่เป็นภาพถ่ายรูปคน ภาพทิวทัศน์ของเมือง และภูมิทัศน์ เขาได้รับการว่าจ้างจากบริษัทในลอนดอนที่ชื่อ เนเกรตตีและแซมบรา (Negretti and Zambra) ให้เดินทางมายังเอเชียเพื่อบันทึกภาพกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศสในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่วมกับคณะทหารไปด้วย แต่เขายังคงอยู่ในเอเชียหลายปี โดยผลิตผลงานเพื่อการค้าเป็นครั้งแรกให้กับประเทศจีน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และสยาม (ปัจจุบันคือประเทศไทย) เขาถือเป็นช่างภาพอาชีพคนแรกของประเทศญี่ปุ่น ที่นั่นเขาได้สอนฟุรุกะวะ ชุมเป, คะวะโนะ เทโซ, อุเอะโนะ ฮิโกะมะ, มะเอะดะ เก็นโซ, โฮะริเอะ คุวะจิโร และช่างภาพรุ่นแรกคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าของญี่ปุ่น ส่วนในสวิตเซอร์แลนด์ เขาก่อตั้งสตูดิโอถ่ายภาพในเมืองฟรีบูร์และไอน์ซีเดิล์น และยังคงผลิตภาพถ่ายในสถานที่อื่น ๆ ของประเทศ รอซีเยถือเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรกของการถ่ายภาพ ไม่เพียงเพราะผลงานภาพถ่ายของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการสอนของเขาได้ส่งผลกระทบสำคัญแก่วงการถ่ายภาพญี่ปุ่นในยุคบุกเบิกด้วย

อัตลักษณ์และภูมิลำเนา

ข้อมูลเกี่ยวกับรอซีเยเป็นที่ทราบกันน้อยมากจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ แม้กระทั่งชื่อตัวของเขาก็ยังเคยเป็นปริศนา ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ บางครั้งเขาใช้ชื่อว่า เป. รอซีเย (P. Rossier) และในบางครั้งก็มีอีกชื่อคือ แอม. รอซีเย (M. Rossier) ในที่สุดเอกสารต่าง ๆ ที่พบที่เมืองฟรีบูร์ก็ทำให้พิสูจน์ได้ว่าเขามีชื่อตัวว่า ปีแยร์ และสามารถอนุมานได้ว่า อักษร M ใน M. Rossier นั้นย่อมาจาก "เมอซีเยอ" ([Monsieur] ข้อผิดพลาด: {{Lang}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ซึ่งเป็นคำนำหน้าชื่อบุคคลชายในภาษาฝรั่งเศส มีความเชื่อกันมานานว่าเขามาจากฝรั่งเศส และขณะที่เขาอยู่ในญี่ปุ่น เขายังถูกเรียกว่าเป็น "ชาวอังกฤษ" อีกด้วย[1] อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่า รอซีเยเป็นชาวสวิส เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1829 ที่กรันซีวาซ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในรัฐฟรีบูร์ เขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้อง 10 คน ในครอบครัวเกษตรกรที่มีทรัพย์สินไม่มากนัก ในวัย 16 ปี เขาเป็นครูสอนที่โรงเรียนในหมู่บ้านข้างเคียง แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1855 เขาได้หนังสือเดินทางเล่มหนึ่งสำหรับเดินทางไปฝรั่งเศสและอังกฤษในฐานะช่างภาพ[2]

หลังจากออกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ รอซีเยได้รับการว่าจ้างจากบริษัท เนเกรตตีและแซมบรา (Negretti and Zambra) ให้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อบันทึกภาพในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (ค.ศ. 1858–1860) เป็นไปได้ว่าทางบริษัทเล็งเห็นว่า สัญชาติสวิสของรอซีเยจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางดังกล่าว โดยสถานะเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์น่าจะเอื้อให้เขาเดินทางข้ามประเทศด้วยเรือของอังกฤษหรือเรือของฝรั่งเศสก็ได้ เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายที่สูงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ และความเป็นไปได้ที่เกิดความเสี่ยงต่อตัวเขาเอง นี่จึงเป็นภารกิจที่สำคัญ[3]

การถ่ายภาพในเอเชีย

French Sailors at Canton, 1858. Stereograph, การพิมพ์ภาพแบบอัลบูเมน

รอซีเยอยู่ที่ฮ่องกงในปี ค.ศ. 1858 และเริ่มถ่ายภาพแทบจะทันที ภาพส่วนใหญ่ถ่ายบริเวณกวางตุ้ง (ปัจจุบันคือ กว่างโจว)[4] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1859 เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ภาพของรอซีเย 50 ภาพ รวมถึงภาพสามมิติด้วย ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมในช่วงเวลานั้น ในปี ค.ศ. 1858 หรือ 1859 รอซีเยเดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ เขาเดินทางมาถ่ายภาพภูเขาไฟตาอัล รอซีเยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1859 ถ่ายภาพแรก ๆ ในนะงะซะกิ คะนะงะวะ โยะโกะฮะมะ และเอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) เขาเป็นช่างภาพอาชีพคนแรกที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น[5] หนึ่งในภาพถ่ายของรอซีเยในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1859 (ขณะที่เขาอยู่ในนะงะซะกิ) เป็นภาพลูกชายของฟีลิพพ์ ฟรันทซ์ ฟ็อน ซีบ็อลท์ ที่ชื่ออาเล็กซันเดอร์ กับกลุ่มซะมุไรจากกลุ่มนะเบะชิมะ[6]

ปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1860 รอซีเยอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมายังเมืองนี้เพราะพยายามที่จะขออนุญาตติดตามคณะทหารกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส ที่ได้เดินทางมาถึงภาคเหนือของประเทศจีนแล้ว และเพื่อทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงในการบันทึกภาพสงครามฝิ่นครั้งที่สองนี้[7] ถ้าเขาตั้งใจเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถลุล่วงภารกิจได้ เพราะกองทัพทั้งสองได้จ้างช่างภาพเพื่อบันทึกภารกิจเรียบร้อยแล้ว กองทัพอังกฤษจ้างช่างภาพชื่อ เฟลิซ บีโต และจอห์น พาพิลลอน ส่วนกองทัพฝรั่งเศสจ้างอ็องตวน โฟเชอรี, พันโท ดูว์ แป็ง และอาจรวมถึงหลุยส์ เลอกร็อง[8] แม้รอซีเยจะพลาดภารกิจที่เขาได้รับการว่าจ้างมา แต่เขาก็ยังอยู่ในเอเชียตะวันออกเพื่อบันทึกภาพต่อไป

เดือนตุลาคม ค.ศ. 1860 รอซีเยกลับไปยังนะงะซะกิ เขาถ่ายภาพท่าเรือของเมือง ในนามของกงสุลอังกฤษ จอร์จ เอส. มอร์ริสัน ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้เขาเป็นเงิน 70 เหรียญสหรัฐ[9] ถึงมีภาพถ่ายของรอซีเยจะมีการโฆษณาโดย เนเกรตตีและแซมบรา อย่างน้อย 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1860 แต่บริษัทก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพจนกระทั่งเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1861[10] ภาพทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นที่ถ่ายโดยรอซีเย ได้มีการเผยแพร่ก่อน ในหนังสือของจอร์จ สมิท ที่ชื่อ Ten Weeks in Japan ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1861 และในเดือนกรกฎาคมปีนั้น อีก 8 ภาพถ่ายของรอซีเยปรากฏในรูปแบบของภาพพิมพ์หิน ในหนังสือของเฮนรี อาร์เทอร์ ทิลลีย์ ในหนังสือที่ชื่อ Japan, the Amoor, and the Pacific[11] ภาพถ่ายใน Illustrated London News ปี ค.ศ. 1861 มีภาพแกะภายใต้ชื่อ Domestic Life in China เป็นภาพ 3 มิติ ถ่ายโดยรอซีเย[12] อีก 1 ภาพที่ เนเกรตตีและแซมบรา โฆษณาไว้ในปี ค.ศ. 1860 มีการตีพิมพ์เพื่อการค้าครั้งแรกในญี่ปุ่น และอาจถือได้ว่าเป็นภาพถ่ายสีเขียนมือของญี่ปุ่นภาพแรก[13]

จากเอกสารจำนวนมากในช่วงนั้น ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าภาพถ่ายประเทศจีนและญี่ปุ่นของบริษัท เนเกรตตีและแซมบรา นั้นถ่ายโดยรอซีเย แต่หลายปีที่เราคิดว่าภาพเหล่านี้ถ่ายโดยผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นวอลเทอร์ บี. วุดเบอรี ที่ได้รับการว่าจ้างจาก เนเกรตตีและแซมบรา เช่นกัน แต่เขาทำงานในปัตตาเวีย (ปัจจุบันคือจาการ์ตา) หรืออาเบล กาวเวอร์ ช่างภาพสมัครเล่นในญี่ปุ่น ที่น่าสนใจคือ คลังภาพถ่ายของมหาวิทยาลัยไลเดินมีภาพถ่ายที่เข้าใจว่าเป็นภาพของกาวเวอร์ แต่มีการเซ็นว่า "เป. รอซีเย" และในปี ค.ศ. 1859 ทั้งรอซีเยและกาวเวอร์ได้เดินทางไปด้วยกันในเรือ เอชเอ็มเอส แซมป์สัน จากนะงะซะกิไปยังเอะโดะ[14]

การสอนถ่ายภาพ

View of Yokohama, 1859. Stereograph, การพิมพ์ภาพแบบอัลบูเมน

รอซีเยเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1859 อันเป็นช่วงเวลาที่การทดลองการถ่ายภาพสมัยแรก ๆ กำลังเริ่มต้นในเกาะคีวชู โดยเฉพาะที่นะงะซะกิ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของรังงะกุ (การศึกษาด้านวิทยาการตะวันตก) และเป็นเมืองที่แพทย์ 2 คน ได้แก่ ยัน กาเริล ฟัน แด็นบรุก และเย. แอ็ล. เซ. โปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต เป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาชาวญี่ปุ่น ไม่เฉพาะวิชาการแพทย์ แต่ยังรวมถึงวิชาเคมีและวิชาการถ่ายภาพอีกด้วย[15] แต่ทั้งฟัน แด็นบรุก และโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต ต่างก็ไม่ใช่ช่างภาพผู้มีประสบการณ์ ความพยายามถ่ายภาพหลาย ๆ ครั้งก็ล้มเหลว[16] ถึงกระนั้น พวกเขาก็ได้สอนการถ่ายภาพด้วยกระบวนการกระจกเปียกให้กับเคอิไซ โยชิโอะ,[17] ฟุรุกะวะ ชุมเป, คะวะโนะ เทโซ, มะเอะดะ เก็นโซ, อุเอะโนะ ฮิโกะมะ, โฮะริเอะ คุวะจิโร รวมถึงผู้อื่นด้วย[18]

เมื่อรอซีเยมาถึงประเทศญี่ปุ่น คาดว่าเขาคงแนะนำตัวเองว่าเป็นช่างภาพที่บริษัท เนเกรตตีและแซมบรา ส่งมาทำงานในญี่ปุ่น นี่อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน กล่าวคือ ในช่วงที่เขาอยู่ญี่ปุ่น เขาถูกเรียกว่าช่างภาพชาวอังกฤษอยู่บ่อยครั้ง ในนะงะซะกิ รอซีเยมีผู้ช่วยคือมะเอะดะ เก็นโซ ซึ่งได้รับคำสั่งให้ติดตาม "คนอังกฤษ" และเรียนรู้การถ่ายภาพเพิ่มเติม[19] ทั้งมะเอะดะและนักเรียนคนอื่น ๆ ได้ติดตามเขาระหว่างอยู่ในเมือง รอซีเยได้ถ่ายภาพนักบวช ขอทาน ผู้ชมการแข่งขันซูโม่ นิคมชาวต่างชาติ และภาพถ่ายของอาเล็กซันเดอร์ ฟ็อน ซีบ็อลท์ กับซะมุไร รอซีเยเชื่อว่าความล้มเหลวในการถ่ายภาพของโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนสารเคมีที่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงเขียนจดหมายรับรองให้มะเอะดะเพื่อให้ได้มาซึ่งอุปกรณ์และสารเคมีสำหรับการถ่ายภาพจากแหล่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ทั้งมะเอะดะและฟุรุกะวะได้ซื้อเลนส์ สารเคมี และกระดาษแอมบูเมนผ่านทางรอซีเย[20]

ในช่วงเวลานั้น รอซีเยยังได้สอนถ่ายภาพให้กับอุเอะโนะ ฮิโกะมะ และโฮะริเอะ คุวะจิโร อีกด้วย เป็นที่ชัดเจนว่า ในช่วงแรก อุเอะโนะมีเจตนาที่จะเรียนรู้ไม่เพียงแต่การถ่ายภาพแต่อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องการผลิตกล้องด้วย ดูเหมือนว่าการพบกับรอซีเยจะทำให้อุเอะโนะมุ่งมั่นไล่ตามความฝันที่จะเป็นช่างภาพมืออาชีพ แต่เขาก็จำนนต่อเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพจนเลิกล้มความคิดที่จะผลิตกล้องเป็นของตัวเองอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่เดือน เขาและโฮะริเอะซื้อกล้องถ่ายรูปและสารเคมีต่าง ๆ จากฝรั่งเศส ก่อนจะยึดอาชีพเป็นช่างภาพอิสระ[21]

แม้ว่ารอซีเยจะใช้เวลาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และมรดกด้านการถ่ายรูปจากช่วงเวลาของเขาจะเหลือเพียงน้อยนิด แต่เขาก็มีอิทธิพลต่อวงการถ่ายภาพของญี่ปุ่นอยู่เป็นเวลานาน[5]

ช่วงท้ายของชีวิตและมรดกตกทอด

Portrait of a Siamese woman, ประมาณ ค.ศ. 1861. การพิมพ์ภาพแบบอัลบูเมน

ในปี ค.ศ. 1861 รอซีเยอยู่สยาม เขาทำงานร่วมกับมารี ฟีร์แม็ง บอกูร์ นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศส โดยช่วยถ่ายภาพทางชาติพันธุ์วรรณนาให้แก่คณะสำรวจด้านวิทยาศาสตร์ของบอกูร์ระหว่างปี ค.ศ. 1861–1862 และในปี ค.ศ. 1863 เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ชุดภาพถ่าย 3 มิติของบุคคลและภาพทิวทัศน์ในสยามจำนวน 30 รูป ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นผลงานของรอซีเยอย่างไม่มีข้อสงสัย[11] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1862 รอซีเยกลับมายังเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง เขาขายกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพก่อนที่จะลงเรือกลับยุโรป[22] ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในเอเชีย เป็นไปได้ว่ารอซีเยได้ไปถ่ายภาพในอินเดียด้วย สันนิษฐานจากการที่ เนเกรตตีและแซมบรา ได้ตีพิมพ์ภาพชุดทิวทัศน์อินเดียในช่วงเวลาเดียวกับภาพถ่ายทิวทัศน์จีนของรอซีเย[11]

รอซีเยเดินทางกลับถึงสวิตเซอร์แลนด์ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1862 และได้สมรสกับแคเทอริน บาร์บ เคลิน (ค.ศ. 1843–1867) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1865 ทั้งคู่มีบุตรชายชื่อ คริสต็อฟ มารี ปีแยร์ โฌแซ็ฟ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1866 ต่อมาแคเทอรินเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1867

รอซีเยยังคงดำเนินกิจการสตูดิโอถ่ายภาพในฟรีบูร์จนกระทั่งปี ค.ศ. 1876 เป็นอย่างน้อย เขายังมีสตูดิโอในในเมืองไอน์ซีเดิล์น และระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1860 และถึงคริสต์ทศวรรษ 1870 เขาผลิตภาพถ่าย 3 มิติและการ์ตเดอวีซิตอันประกอบด้วยภาพบุคคลและภาพทิวทัศน์ของเมืองฟรีบูร์, ไอน์ซีเดิล์น และสถานที่อื่น ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1871 ลาลีแบร์เต หนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสจากเมืองฟรีบูร์ได้ลงโฆษณาโดยเสนอภาพถ่ายงานจิตรกรรมทางศาสนาของศิลปินที่ชื่อ เม็ลชียอร์ เพาล์ ฟ็อน เดชวันเดิน ซึ่งถ่ายโดยรอซีเย[23] ในปี ค.ศ. 1872 รอซีเยได้ทำเรื่องขอหนังสือเดินทางเพื่อเดินทางไปยังฝรั่งเศส คาดว่าเขาอาจถ่ายภาพที่นี่ จากนั้นในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปี ค.ศ. 1871 ถึง 1884 เขาสมรสอีกครั้ง ภรรยาคนที่ 2 ชื่อ มารี วีร์ฌีนี ออแวร์แน ได้รับการว่าจ้างให้เป็นคนรับใช้จากเจ้าของที่ดินของสตูดิโอเขา ทั้งคู่มีบุตรชายชื่อ โฌแซ็ฟ หลุยส์ ซึ่งเกิดในปารีสเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1884 ต่อมาบุตรคนนี้มีร้านกาแฟในเมืองเวอแว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1927

ปีแยร์ รอซีเย เสียชีวิตในปารีสในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปี ค.ศ. 1883 ถึง 1898[3]

ภาพถ่ายทิวทัศน์สวิตเซอร์แลนด์จำนวนหนึ่งของรอซีเยได้รับการจัดเก็บไว้ในสถาบันและงานสะสมส่วนบุคคลหลายแห่งในประเทศ รอซีเยถ่ายภาพทิวทัศน์จีนและญี่ปุ่นในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ปัจจุบันภาพถ่ายเหล่านั้นหาดูได้ยาก บางครั้งเขาก็บ่นเรื่องผลกระทบทางลบของภูมิอากาศต่อสารเคมีสำหรับถ่ายภาพของเขา และภาพเนกาทิฟบางภาพอาจได้รับความเสียหายระหว่างทางจากเอเชียไปยังลอนดอน แม้ว่าภาพถ่ายของรอซีเยจะหลงเหลืออยู่ไม่มากนักในปัจจุบัน แต่เขาก็มีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์สมัยเริ่มแรกของวิชาการถ่ายภาพในเอเชีย ก่อนที่เขาจะมาถึงญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1859 นักเรียนวิชาการถ่ายภาพชาวญี่ปุ่นมักติดขัดในการผลิตผลงานถ่ายภาพให้น่าพึงพอใจ แต่ประสบการณ์ คำสอน และการติดต่อกับผู้จัดส่งวัตถุดิบสำหรับการถ่ายภาพของรอซีเยนั้นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาขนบการถ่ายภาพในลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่น

หมายเหตุและอ้างอิง

  1. เขาถูกระบุว่าเป็นชาวฝรั่งเศสโดย Yokoe (167) เป็นต้น แม้แต่ฐานข้อมูล ULAN จากสถาบันเกตตีรีเสิร์ช ก็ยังระบุชื่อเขาเป็น Rossier, M. โดยเขียนว่า อาจเป็นชาวอังกฤษ
  2. ข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับอัตลักษณ์และภูมิลำเนาส่วนใหญ่มาจากข้อมูลของเบนเนตต์ (บทความทางอินเทอร์เน็ต The Search for Rossier ในบรรณานุกรมด้านล่างในชื่อ "Bennett", และหนังสือของเขา Early Japanese Images, Photography in Japan: 1853-1912, และ Old Japanese Photographs ที่ใช้ชื่อ "Bennett EJI", "Bennett PiJ", and "Bennett OJP", เรียงตามลำดับ)
  3. 3.0 3.1 Bennett.
  4. Bennett. วอร์วิกบอกว่ารอซีเยอยู่ในจนระหว่างปี ค.ศ. 1857 ถึง 1859 แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากไปกว่านั้น (Worswick, 146).
  5. 5.0 5.1 Yokoe, 167.
  6. ภาพนี้อยู่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซีบ็อลท์ในนะงะซะกิ (Himeno, 22).
  7. กองทัพทหารอังกฤษและฝรั่งเศส มารวมตัวกันที่อ่าวต้าเหลียงและ Chefoo ตามลำดับในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1860 (Harris, 17) และรอซีเยได้อยู่ที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1860 เป็นไปได้ว่าเขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพื่อหาอุปกรณ์ถ่ายภาพ (Bennett)
  8. Bennett; Thiriez. พาพิลลอนได้ถ่ายภาพระหว่างอยู่ที่กวางตุ้งกับป้อมทะคุ แต่ป่วยและอพยพออกไปก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ภาพจากคณะเดินทางของโฟเชอรีก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน แต่บางทีอาจรวมกับภาพ 3 มิติ 24 ภาพของกองทัพฝรั่งเศสในกวางตุ้น เซี้ยงไฮ้ เทียนจินและปักกิ่ง และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นของดูแป็งหรือเลอกร็อง ที่ถ่ายระหว่างการเดินทางครั้งนี้. Thiriez, 6-7.
  9. Dobson, 20; Clark, Fraser, and Osman, 137-138).
  10. นิตยสาร The Times ฉบับ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1860 มีโฆษณาภาพ 3 มิติ เป็นภาพสตรีญี่ปุ่นสวมเสื้อผ้าเต็มชุด ถ่ายโดยรอซีเย และโฆษณาใน The Times ฉบับ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1860 อ้างว่าจะมีภาพถ่ายจากญี่ปุ่น ที่หายาก เป็นภาพทิวทัศน์ และมีภาพประกอบชนพื้นเมืองของญี่ปุ่น เบนเนตต์ยังคาดว่าที่ เนเกรตตีและแซมบรา เผยแพร่ภาพเหล่านี้ล่าช้าเพราะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพ หรือไม่ก็อาจเสียหายระหว่างการขนส่ง หรือความยากลำบากที่รอซีเยไม่สามารถให้สารเคมีในการถ่ายภาพได้ในเอเชีย (Bennett).
  11. 11.0 11.1 11.2 Bennett PiJ, 49.
  12. Bennett OJP, 119.
  13. ภาพชื่อว่า "Japanese ladies in full dress" (Bennett PiJ, 47; 49, fig. 45).
  14. Bennett PiJ, 45; 117, fig. 141.
  15. Himeno, 18, 20-21.
  16. ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือด้านเครื่องมือที่เขาได้นำเข้ามา แต่ดูเหมือนว่า ฟัน แด็นบรุก จะไม่พอใจกับภาพถ่าย ส่วนโปมเปอ ฟัน เมร์แดร์โฟร์ต ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากกว่า หนึ่งในการทดลองถ่ายของเขาก็มีเงาดำไม่เพียงพอ (Himeno, 21-22).
  17. เคอิไซ เป็นลุงของช่างภาพอุชิดะ คุอิชิ (Himeno, 24-25).
  18. Himeno, 21-22.
  19. มัตซุโมะโตะ จุนให้มะเอะดะช่วยเหลือรอซีเย (Bennett EJI, 54).
  20. มะเอะดะและฟุรุกะวะประสบความสำเร็จจากการถ่ายรูปด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1860 ในวันที่เขายังอยู่ที่จังหวัดฟุกุโอะกะ สถานที่ที่ถ่ายภาพนี้ (Himeno, 22)
  21. Himeno, 22.
  22. รายชื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ มีอยู่ในประกาศโฆษณา (Bennett PiJ, 49).
  23. Bennett OJP, 120.

บรรณานุกรม

  • Bennett, Terry. Early Japanese Images. Rutland, Vermont: Charles E. Tuttle, 1996. ISBN 0-8048-2033-3 (paper), ISBN 0-8048-2029-5 (hard)
  • Bennett, Terry. Old Japanese Photographs: Collector's Data Guide London: Quaritch, 2006. ISBN 0-9550852-4-1 (hard)
  • Bennett, Terry. Photography in Japan: 1853-1912 Rutland, Vermont: Charles E. Tuttle, 2006. ISBN 0-8048-3633-7 (hard)
  • Bennett, Terry. The Search for Rossier: Early Photographer of China and Japan. Accessed 12 September 2006; cited above as "Bennett". Originally appeared in The PhotoHistorian-Journal of the Historical Group of the Royal Photographic Society, December 2004.
  • Clark, John, John Fraser, and Colin Osman. "A revised chronology of Felice (Felix) Beato (1825/34?-1908?)". In Japanese Exchanges in Art, 1850s to 1930s with Britain, Continental Europe, and the USA: Papers and Research Materials. Sydney: Power Publications, 2001. ISBN 1-86487-303-5
  • Dobson, Sebastian. "Yokohama Shashin". In Art and Artifice: Japanese Photographs of the Meiji Era — Selections from the Jean S. and Frederic A. Sharf Collection at the Museum of Fine Arts, Boston. Boston: MFA Publications, 2004. ISBN 0-87846-682-7 (paper), ISBN 0-87846-683-5 (hard)
  • Harris, David. Of Battle and Beauty: Felice Beato's Photographs of China. Santa Barbara: Santa Barbara Museum of Art, 1999. ISBN 0-89951-100-7 (paper), ISBN 0-89951-101-5 (hard)
  • Himeno, Junichi. "Encounters With Foreign Photographers: The Introduction and Spread of Photography in Kyushu". In Reflecting Truth: Japanese Photography in the Nineteenth Century, ed. Nicole Coolidge Rousmaniere, Mikiko Hirayama. Amsterdam: Hotei Publishing, 2004. ISBN 90-74822-76-2
  • Thiriez, Régine. Barbarian Lens: Western Photographers of the Qianlong Emperor's European Palaces. Amsterdam: Gordon and Breach, 1998. ISBN 90-5700-519-0
  • Union List of Artist Names, s.v. "Rossier, M.". Accessed 15 September 2006.
  • Worswick, Clark. Japan: Photographs 1854-1905. New York: Pennwick/Alfred A. Knopf, 1979. ISBN 0-394-50836-X
  • Yokoe Fuminori. "The Arrival of Photography". In The Advent of Photography in Japan / 寫眞渡來のころ. Tokyo: Tokyo Metropolitan Museum of Photography; Hakodate: Hakodate Museum of Art, 1997. Exhibition catalogue with bilingual text.