ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คำประกาศอิสรภาพสหรัฐ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ไฟล์:Declaration of Independence (1819), by John Trumbull.jpg|thumb|ภาพวาดคณะกรรมการร่างคำประกาศอิสรภาพยื่นร่างให้กับรัฐสภาอเมริกา โดยภาพนี้พบได้ในธนบัตรสองดอลลาร์ด้วย]] |
[[ไฟล์:Declaration of Independence (1819), by John Trumbull.jpg|thumb|ภาพวาดคณะกรรมการร่างคำประกาศอิสรภาพยื่นร่างให้กับรัฐสภาอเมริกา โดยภาพนี้พบได้ในธนบัตรสองดอลลาร์ด้วย]] |
||
'''คำประกาศอิสรภาพสหรัฐ''' ({{lang-en|United States Declaration of Independence}}) เป็นแถลงการณ์ซึ่ง[[สภาภาคพื้นทวีป]]ลงมติยอมรับเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งมีใจความว่า [[สิบสามอาณานิคม]] ซึ่งในเวลานั้นกำลังทำสงครามอยู่กับ[[ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่]]เป็นรัฐเอกราชแล้ว และดังนั้น ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิอังกฤษ]]อีกต่อไป คำประกาศอิสรภาพส่วนใหญ่เขียนขึ้นโดย[[โทมัส เจฟเฟอร์สัน]] อธิบายอย่างเป็นทางการว่าเหตุใดสภาจึงลงมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เพื่อประกาศอิสรภาพจากบริเตนใหญ่ ราวหนึ่งปีหลังจากการปะทุของ[[สงครามปฏิวัติอเมริกัน]] วันเกิดของ[[สหรัฐอเมริกา]] หรือวันประกาศเอกราช มีการเฉลิมฉลองขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบที่คำประกาศอิสรภาพได้รับการเห็นชอบโดยสภา |
'''คำประกาศอิสรภาพแห่งสหรัฐ''' ({{lang-en|United States Declaration of Independence}}) เป็นแถลงการณ์ซึ่ง[[สภาภาคพื้นทวีป]]ลงมติยอมรับเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งมีใจความว่า [[สิบสามอาณานิคม]] ซึ่งในเวลานั้นกำลังทำสงครามอยู่กับ[[ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่]]เป็นรัฐเอกราชแล้ว และดังนั้น ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิอังกฤษ]]อีกต่อไป คำประกาศอิสรภาพส่วนใหญ่เขียนขึ้นโดย[[โทมัส เจฟเฟอร์สัน]] อธิบายอย่างเป็นทางการว่าเหตุใดสภาจึงลงมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เพื่อประกาศอิสรภาพจากบริเตนใหญ่ ราวหนึ่งปีหลังจากการปะทุของ[[สงครามปฏิวัติอเมริกัน]] วันเกิดของ[[สหรัฐอเมริกา]] หรือวันประกาศเอกราช มีการเฉลิมฉลองขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบที่คำประกาศอิสรภาพได้รับการเห็นชอบโดยสภา |
||
คำประกาศอิสรภาพดังกล่าวอธิบายเอกราชของสหรัฐอเมริกาโดยลำดับความเดือดร้อนของอาณานิคมจาก[[สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร|พระเจ้าจอร์จที่ 3]] และโดยการยืนยัน[[สิทธิธรรมชาติ]] ตลอดจน[[สิทธิในการปฏิวัติ]] จุดประสงค์ดั้งเดิมของเอกสารในการประกาศอิสรภาพ แต่ทว่าข้อความของการประกาศอิสรภาพเดิมได้ถูกปฏิเสธไปหลังจาก[[การปฏิวัติอเมริกัน]] แต่ความสำเร็จของมันได้เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่สอง อันเป็นข้อความที่ครอบคลุมถึงสิทธิมนุษย์ปัจเจกชน: |
คำประกาศอิสรภาพดังกล่าวอธิบายเอกราชของสหรัฐอเมริกาโดยลำดับความเดือดร้อนของอาณานิคมจาก[[สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร|พระเจ้าจอร์จที่ 3]] และโดยการยืนยัน[[สิทธิธรรมชาติ]] ตลอดจน[[สิทธิในการปฏิวัติ]] จุดประสงค์ดั้งเดิมของเอกสารในการประกาศอิสรภาพ แต่ทว่าข้อความของการประกาศอิสรภาพเดิมได้ถูกปฏิเสธไปหลังจาก[[การปฏิวัติอเมริกัน]] แต่ความสำเร็จของมันได้เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่สอง อันเป็นข้อความที่ครอบคลุมถึงสิทธิมนุษย์ปัจเจกชน: |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:00, 23 ตุลาคม 2560
คำประกาศอิสรภาพแห่งสหรัฐ (อังกฤษ: United States Declaration of Independence) เป็นแถลงการณ์ซึ่งสภาภาคพื้นทวีปลงมติยอมรับเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งมีใจความว่า สิบสามอาณานิคม ซึ่งในเวลานั้นกำลังทำสงครามอยู่กับราชอาณาจักรบริเตนใหญ่เป็นรัฐเอกราชแล้ว และดังนั้น ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษอีกต่อไป คำประกาศอิสรภาพส่วนใหญ่เขียนขึ้นโดยโทมัส เจฟเฟอร์สัน อธิบายอย่างเป็นทางการว่าเหตุใดสภาจึงลงมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เพื่อประกาศอิสรภาพจากบริเตนใหญ่ ราวหนึ่งปีหลังจากการปะทุของสงครามปฏิวัติอเมริกัน วันเกิดของสหรัฐอเมริกา หรือวันประกาศเอกราช มีการเฉลิมฉลองขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบที่คำประกาศอิสรภาพได้รับการเห็นชอบโดยสภา
คำประกาศอิสรภาพดังกล่าวอธิบายเอกราชของสหรัฐอเมริกาโดยลำดับความเดือดร้อนของอาณานิคมจากพระเจ้าจอร์จที่ 3 และโดยการยืนยันสิทธิธรรมชาติ ตลอดจนสิทธิในการปฏิวัติ จุดประสงค์ดั้งเดิมของเอกสารในการประกาศอิสรภาพ แต่ทว่าข้อความของการประกาศอิสรภาพเดิมได้ถูกปฏิเสธไปหลังจากการปฏิวัติอเมริกัน แต่ความสำเร็จของมันได้เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่สอง อันเป็นข้อความที่ครอบคลุมถึงสิทธิมนุษย์ปัจเจกชน:
เราถือว่าความจริงต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือ มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน และพระผู้สร้างได้มอบสิทธิบางประการที่จะเพิกถอนมิได้ไว้ให้แก่มนุษย์ ในบรรดาสิทธิเหล่านั้นได้แก่ ชีวิต เสรีภาพและการเสาะแสวงหาความสุข
ประโยคนี้ถูกเรียกว่าเป็น "หนึ่งในประโยคที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในภาษาอังกฤษ"[1] และ "คำที่มีอำนาจและผลกระทบมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน"[2] และจากแนวคิดในการปกป้องสิทธิปัจเจกชนและกลุ่มคนชายขอบนี้เองที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่ออับราฮัม ลินคอล์น ผู้ซึ่งพิจารณาว่าคำประกาศอิสรภาพดังกล่าวเป็นรากฐานของปรัชญาการเมืองของตน[3]