ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยุทธการที่เตียงปัน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27: บรรทัด 27:
แต่ระหว่างอพยพ ราษฎรที่ติดตามเล่าปี่ไปนั้นมีจำนวนมาก รวมไปถึงครอบครัวของเล่าปี่ด้วย ทำให้ต้องล่าช้า โดยกองทัพของโจโฉไล่ตามหลังตามมาติด ๆ ในส่วนของเล่าปี่นั้นล่วงหน้าไปก่อน โดยที่[[อาเต๊า]] บุตรชายเพียงคนเดียวของเล่าปี่ในขณะนั้นที่เกิดกับนาง[[กำฮูหยิน]] ซึ่งยังเป็นเพียงทารกอยู่ และอยู่ในการดูแลของนาง[[บิฮูหยิน]] ภรรยาอีกคนของเล่าปี่ซึ่งเป็นน้องสาวของ[[บิต๊ก]] หนึ่งในที่ปรึกษาของเล่าปี่ ติดอยู่ด้านหลัง สุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะเสียทีแก่กองทัพโจโฉ [[จูล่ง]]จึงขออาสาไปตามตัวกลับมา โดยจูล่งควบม้าขาวและใช้ทวนยาวซึ่งเป็นอาวุธคู่กายรวมถึงกระบี่ชิงกังหรือกระบี่กีเท็น ที่ชิงมาได้จาก[[แฮหัวอิ๋น]] สังหารทหารจำนวนมากของโจโฉอย่างกล้าหาญตลอดทาง จูล่งควบม้าวิ่งเข้าออกระหว่างแถวหน้ากับแถวหลังขบวนรวมทั้งสิ้น 8 รอบ เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 12 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 03:00 น. จนถึงเวลา 15:00 น. ของวันรุ่งขึ้น จนในที่สุดก็สามารถหาตัวอาเต๊าพบ แม้จูล่งจะพบและช่วยนางกำฮูหยินไว้ได้ แต่นางบิฮูหยินก็ถูกอาวุธของข้าศึกจนขาบาดเจ็บไม่อาจขึ้นหลังม้าไปได้ นางได้ฝากให้จูล่งดูแลอาเต๊าให้ดี ส่วนตัวนางนั้นได้กระโดดฆ่าตัวตายในบ่อน้ำเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่จูล่ง จูล่งได้ทะลายซากกำแพงเก่าปิดปากบ่อไว้ และเมื่อควบม้าวิ่งออกมาแล้ว พบกับกองทัพจำนวนนับแสนของโจโฉ แม้จะกลุ้มรุมเข้าสู้กับจูล่งแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรจูล่งได้ โจโฉซึ่งมองดูอยู่บนเขาเกงสัน ถึงกับออกปากถามว่า ทหารในเกราะขาวผู้นั้นเป็นใคร ? จึงได้ให้[[โจหอง]]ไปถาม เมื่อได้คำตอบว่าชื่อ จูล่ง จึงได้ออกคำสั่งว่า ห้ามจับตาย ให้จับเป็นเท่านั้น และเอ่ยปากชมเชยว่า เก่งกล้าสมเป็นทหารเสืออย่างแท้จริง<ref name=ไทย/> แต่จูล่งก็สามารถเอาตัวรอดออกมาได้พร้อมกับอาเต๊าที่รอดปลอดภัยไปหาเล่าปี่ โดยที่[[เตียวหุย]] ขุนพลคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเล่าปี่ ดักรออยู่ที่สะพานเตียงปันเกี้ยว เตียวหุยรู้ตัวว่ามีกำลังพลน้อยกว่า จึงได้ใช้อุบายให้ผูกกิ่งไม้กับหางม้าและให้ม้าวิ่งลากไปมาให้ฝุ่นคลุ้งเพื่อตบตาโจโฉ เมื่อโจโฉมาถึงก็ไม่กล้าสั่งให้ทหารบุกตะลุยเข้าไป ด้วยกลัวเป็นกลลวงของขงเบ้ง
แต่ระหว่างอพยพ ราษฎรที่ติดตามเล่าปี่ไปนั้นมีจำนวนมาก รวมไปถึงครอบครัวของเล่าปี่ด้วย ทำให้ต้องล่าช้า โดยกองทัพของโจโฉไล่ตามหลังตามมาติด ๆ ในส่วนของเล่าปี่นั้นล่วงหน้าไปก่อน โดยที่[[อาเต๊า]] บุตรชายเพียงคนเดียวของเล่าปี่ในขณะนั้นที่เกิดกับนาง[[กำฮูหยิน]] ซึ่งยังเป็นเพียงทารกอยู่ และอยู่ในการดูแลของนาง[[บิฮูหยิน]] ภรรยาอีกคนของเล่าปี่ซึ่งเป็นน้องสาวของ[[บิต๊ก]] หนึ่งในที่ปรึกษาของเล่าปี่ ติดอยู่ด้านหลัง สุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะเสียทีแก่กองทัพโจโฉ [[จูล่ง]]จึงขออาสาไปตามตัวกลับมา โดยจูล่งควบม้าขาวและใช้ทวนยาวซึ่งเป็นอาวุธคู่กายรวมถึงกระบี่ชิงกังหรือกระบี่กีเท็น ที่ชิงมาได้จาก[[แฮหัวอิ๋น]] สังหารทหารจำนวนมากของโจโฉอย่างกล้าหาญตลอดทาง จูล่งควบม้าวิ่งเข้าออกระหว่างแถวหน้ากับแถวหลังขบวนรวมทั้งสิ้น 8 รอบ เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 12 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 03:00 น. จนถึงเวลา 15:00 น. ของวันรุ่งขึ้น จนในที่สุดก็สามารถหาตัวอาเต๊าพบ แม้จูล่งจะพบและช่วยนางกำฮูหยินไว้ได้ แต่นางบิฮูหยินก็ถูกอาวุธของข้าศึกจนขาบาดเจ็บไม่อาจขึ้นหลังม้าไปได้ นางได้ฝากให้จูล่งดูแลอาเต๊าให้ดี ส่วนตัวนางนั้นได้กระโดดฆ่าตัวตายในบ่อน้ำเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่จูล่ง จูล่งได้ทะลายซากกำแพงเก่าปิดปากบ่อไว้ และเมื่อควบม้าวิ่งออกมาแล้ว พบกับกองทัพจำนวนนับแสนของโจโฉ แม้จะกลุ้มรุมเข้าสู้กับจูล่งแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรจูล่งได้ โจโฉซึ่งมองดูอยู่บนเขาเกงสัน ถึงกับออกปากถามว่า ทหารในเกราะขาวผู้นั้นเป็นใคร ? จึงได้ให้[[โจหอง]]ไปถาม เมื่อได้คำตอบว่าชื่อ จูล่ง จึงได้ออกคำสั่งว่า ห้ามจับตาย ให้จับเป็นเท่านั้น และเอ่ยปากชมเชยว่า เก่งกล้าสมเป็นทหารเสืออย่างแท้จริง<ref name=ไทย/> แต่จูล่งก็สามารถเอาตัวรอดออกมาได้พร้อมกับอาเต๊าที่รอดปลอดภัยไปหาเล่าปี่ โดยที่[[เตียวหุย]] ขุนพลคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเล่าปี่ ดักรออยู่ที่สะพานเตียงปันเกี้ยว เตียวหุยรู้ตัวว่ามีกำลังพลน้อยกว่า จึงได้ใช้อุบายให้ผูกกิ่งไม้กับหางม้าและให้ม้าวิ่งลากไปมาให้ฝุ่นคลุ้งเพื่อตบตาโจโฉ เมื่อโจโฉมาถึงก็ไม่กล้าสั่งให้ทหารบุกตะลุยเข้าไป ด้วยกลัวเป็นกลลวงของขงเบ้ง


เหตุการณ์นี้ครั้งนี้ถือเป็น วีรกรรมครั้งสำคัญที่เลื่องชื่อที่สุดครั้งหนึ่งของจูล่ง ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งใน[[ห้าทหารเสือ]] แห่งจ๊กก๊ก ภายหลังเล่าปี่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิที่เสฉวน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ใน[[สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)]] เรียกว่า "จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า"<ref>{{cite web|url=http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/3241|title=สามก๊ก ตอนจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า|date=2010-01-12|accessdate=2017-07-11|author=ครูไทยประกายเพชร|work=ทรูปลูกปัญญา}}</ref>
เหตุการณ์นี้ถือเป็น วีรกรรมครั้งสำคัญที่เลื่องชื่อที่สุดครั้งหนึ่งของจูล่ง ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งใน[[ห้าทหารเสือ]] แห่งจ๊กก๊ก ภายหลังเล่าปี่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิที่เสฉวน ใน[[สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)]] เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า"<ref>{{cite web|url=http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/3241|title=สามก๊ก ตอนจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า|date=2010-01-12|accessdate=2017-07-11|author=ครูไทยประกายเพชร|work=ทรูปลูกปัญญา}}</ref>


==สถานที่เกิดเหตุ==
==สถานที่เกิดเหตุ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:15, 12 กรกฎาคม 2560

ศึกสะพานเตียงปันเกี้ยว

ภาพวาดจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊าที่ระเบียงยาวภายในพระราชวังฤดูร้อน ที่กรุงปักกิ่ง
วันที่ตุลาคม ค.ศ. 208
สถานที่
ผล โจโฉเป็นฝ่ายชนะ เล่าปี่ต้องอพยพหลบหนี
คู่สงคราม
โจโฉ เล่าปี่
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
โจโฉ เล่าปี่
กำลัง

ทหารม้า 5,000 คน

ทหารราบ 80,000นาย
ทหารราบ 5,000-40,000 คน
ประชาชนหลายแสนคน
ภาพอุกิโยะของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงเตียวหุย ดักรอบุนเพ่ง หนึ่งในขุนพลของโจโฉที่สะพานเตียงปันเกี้ยว

ศึกสะพานเตียงปันเกี้ยว (อังกฤษ: Battle of Changban ; จีน: 長坂之戰; พินอิน: Chángbǎn zhī zhàn) เป็นหนึ่งในสงครามสามก๊ก เป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของ เล่าปี่ และ โจโฉ เป็นจุดเริ่มต้นของศึกผาแดงอันลือลั่นในเวลาต่อมา

จุดเกิดของศึกสงคราม

ศึกสะพานเตียงปันเกี้ยวเกิดขึ้นภายหลังจาก เล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋วเสียชีวิตโจโฉเตรียมกำลังทหารหวังยึดครองเกงจิ๋ว ขงเบ้ง ที่ปรึกษาของเล่าปี่จึงแนะนำให้เล่าปี่อพยพจากเมืองซินเอี๋ยไปยังเมืองอ้วนเซียเพื่อป้องกันการรุกรานของโจโฉแต่ถูกกลอุบายของขงเบ้งให้จูล่งลอบเผาเมืองซินเอี๋ยจนแตกทัพ

แต่ระหว่างอพยพ ราษฎรที่ติดตามเล่าปี่ไปนั้นมีจำนวนมาก รวมไปถึงครอบครัวของเล่าปี่ด้วย ทำให้ต้องล่าช้า โดยกองทัพของโจโฉไล่ตามหลังตามมาติด ๆ ในส่วนของเล่าปี่นั้นล่วงหน้าไปก่อน โดยที่อาเต๊า บุตรชายเพียงคนเดียวของเล่าปี่ในขณะนั้นที่เกิดกับนางกำฮูหยิน ซึ่งยังเป็นเพียงทารกอยู่ และอยู่ในการดูแลของนางบิฮูหยิน ภรรยาอีกคนของเล่าปี่ซึ่งเป็นน้องสาวของบิต๊ก หนึ่งในที่ปรึกษาของเล่าปี่ ติดอยู่ด้านหลัง สุ่มเสี่ยงอย่างมากที่จะเสียทีแก่กองทัพโจโฉ จูล่งจึงขออาสาไปตามตัวกลับมา โดยจูล่งควบม้าขาวและใช้ทวนยาวซึ่งเป็นอาวุธคู่กายรวมถึงกระบี่ชิงกังหรือกระบี่กีเท็น ที่ชิงมาได้จากแฮหัวอิ๋น สังหารทหารจำนวนมากของโจโฉอย่างกล้าหาญตลอดทาง จูล่งควบม้าวิ่งเข้าออกระหว่างแถวหน้ากับแถวหลังขบวนรวมทั้งสิ้น 8 รอบ เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 12 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 03:00 น. จนถึงเวลา 15:00 น. ของวันรุ่งขึ้น จนในที่สุดก็สามารถหาตัวอาเต๊าพบ แม้จูล่งจะพบและช่วยนางกำฮูหยินไว้ได้ แต่นางบิฮูหยินก็ถูกอาวุธของข้าศึกจนขาบาดเจ็บไม่อาจขึ้นหลังม้าไปได้ นางได้ฝากให้จูล่งดูแลอาเต๊าให้ดี ส่วนตัวนางนั้นได้กระโดดฆ่าตัวตายในบ่อน้ำเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่จูล่ง จูล่งได้ทะลายซากกำแพงเก่าปิดปากบ่อไว้ และเมื่อควบม้าวิ่งออกมาแล้ว พบกับกองทัพจำนวนนับแสนของโจโฉ แม้จะกลุ้มรุมเข้าสู้กับจูล่งแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรจูล่งได้ โจโฉซึ่งมองดูอยู่บนเขาเกงสัน ถึงกับออกปากถามว่า ทหารในเกราะขาวผู้นั้นเป็นใคร ? จึงได้ให้โจหองไปถาม เมื่อได้คำตอบว่าชื่อ จูล่ง จึงได้ออกคำสั่งว่า ห้ามจับตาย ให้จับเป็นเท่านั้น และเอ่ยปากชมเชยว่า เก่งกล้าสมเป็นทหารเสืออย่างแท้จริง[1] แต่จูล่งก็สามารถเอาตัวรอดออกมาได้พร้อมกับอาเต๊าที่รอดปลอดภัยไปหาเล่าปี่ โดยที่เตียวหุย ขุนพลคนสำคัญอีกคนหนึ่งของเล่าปี่ ดักรออยู่ที่สะพานเตียงปันเกี้ยว เตียวหุยรู้ตัวว่ามีกำลังพลน้อยกว่า จึงได้ใช้อุบายให้ผูกกิ่งไม้กับหางม้าและให้ม้าวิ่งลากไปมาให้ฝุ่นคลุ้งเพื่อตบตาโจโฉ เมื่อโจโฉมาถึงก็ไม่กล้าสั่งให้ทหารบุกตะลุยเข้าไป ด้วยกลัวเป็นกลลวงของขงเบ้ง

เหตุการณ์นี้ถือเป็น วีรกรรมครั้งสำคัญที่เลื่องชื่อที่สุดครั้งหนึ่งของจูล่ง ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งในห้าทหารเสือ แห่งจ๊กก๊ก ภายหลังเล่าปี่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิที่เสฉวน ในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "จูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า"[2]

สถานที่เกิดเหตุ

เตียงปันเกี้ยว หรือ เตียงบันโบ๋ (ตามสำเนียงฮกเกี้ยน) หรือ ฉางปันโบ๋ (ตามสำเนียงจีนกลาง) คือเนินเขาทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซงหยง หรือเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย บ้างก็ถูกเรียกว่า เตียงปัน หรือ ตงบันโบ๋

เตียงบันโบ๋ ปัจจุบันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตกัวเต๋า เขตการปกครองหนึ่งของเมืองจิ้งเหมิน มณฑลหูเป่ย อยู่ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากเกงจิ๋ว หรือเมืองจิ้งโจวราว 86 กิโลเมตร ปัจจุบันในสวนสาธารณะประจำเมืองมีภาพวาดการสู้รบของเหตุการณ์นี้ และอนุสาวรีย์จูล่งขี่ม้าอยู่ใจกลางเมือง[1]

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "Spirit of Asia : เดินบนแผ่นดินสามก๊ก ตอนที่ 2 (17 ม.ค. 59)". ไทยพีบีเอส. 2016-01-17. สืบค้นเมื่อ 2017-07-11.
  2. ครูไทยประกายเพชร (2010-01-12). "สามก๊ก ตอนจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊า". ทรูปลูกปัญญา. สืบค้นเมื่อ 2017-07-11.