ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศเอธิโอเปีย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 44: | บรรทัด 44: | ||
| GDP_nominal_year=2553 |
| GDP_nominal_year=2553 |
||
| GDP_nominal_per_capita = 350 ดอลลาร์สหรัฐ<ref name=imf2/> |
| GDP_nominal_per_capita = 350 ดอลลาร์สหรัฐ<ref name=imf2/> |
||
| HDI_year= |
| HDI_year= 2558 |
||
| HDI={{ |
| HDI={{steady}} 0.448 |
||
| HDI_rank= |
| HDI_rank= 174th |
||
| HDI_category=<span style="color:red">ต่ำ</span> |
| HDI_category=<span style="color:red">ต่ำ</span> |
||
| FSI=95.3 {{increase}} 3.4 |
| FSI=95.3 {{increase}} 3.4 |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:29, 5 เมษายน 2560
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย | |
---|---|
คำขวัญ: ไม่มี | |
เพลงชาติ: March Forward, Dear Mother Ethiopia: เดินก้าวไปข้างหน้า เอธิโอเปียที่รัก | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | อาดดิสอาบาบา |
ภาษาราชการ | ภาษาอามฮารา |
การปกครอง | สาธารณรัฐ |
• ประธานาธิบดี | กีร์มา โวลเด-กีออร์กิส |
• นายกรัฐมนตรี | Haile Mariam Desalegne |
การก่อตั้ง | |
980 ปีก่อนคริสต์ศักราช | |
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) | |
พื้นที่ | |
• รวม | 1,127,127 ตารางกิโลเมตร (435,186 ตารางไมล์) (อันดับที่ 16) |
0.7 | |
ประชากร | |
• 2554 ประมาณ | 82,101,998 คน[1] (อันดับที่ 14) |
• สำมะโนประชากร 2550 | 73,918,505 คน |
74 ต่อตารางกิโลเมตร (191.7 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 123) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2553 (ประมาณ) |
• รวม | 86.123 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
• ต่อหัว | 1,015 ดอลลาร์สหรัฐ[2] |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2553 (ประมาณ) |
• รวม | 29.717 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
• ต่อหัว | 350 ดอลลาร์สหรัฐ[2] |
จีนี (2542–2543) | 30 ปานกลาง |
เอชดีไอ (2558) | 0.448 ข้อผิดพลาด: ค่า HDI ไม่ถูกต้อง · 174th |
สกุลเงิน | เบอร์ (ETB) |
เขตเวลา | UTC+3 (EAT) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (ไม่ใช้) |
ขับรถด้าน | ขวามือ |
รหัสโทรศัพท์ | 251 |
โดเมนบนสุด | .et |
เอธิโอเปีย (อังกฤษ: Ethiopia; อามฮารา: ኢትዮጵያ) หรือชื่อทางการคือ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (Federal Democratic Republic of Ethiopia; อามฮารา: የኢትዮጵያ ፌዴራላዊ ዲሞክራሲያዊ ሪፐብሊክ) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ตั้งอยู่ในส่วนแหลมของทวีปแอฟริกา (Horn of Africa) เป็นหนึ่งในชาติที่มีประวัติศาสตร์อันต่อเนื่องยาวนานที่สุดบนทวีปนี้ ในฐานะชาติอิสระ เอธิโอเปียเป็นประเทศเดียวในแอฟริกาที่ยังคงเอกราชระหว่างยุคล่าอาณานิคมในแอฟริกา (Scramble for Africa) และยังคงเอกราชไว้จนถึง พ.ศ. 2479 ซึ่งกองทัพอิตาลีในสมัยของเบนิโต มุสโสลินีได้เข้ายึดครองประเทศนี้ อังกฤษและเอธิโอเปียปราบกองทัพอิตาลีในพ.ศ. 2484 แต่เอธิโอเปียไม่ได้รับเอกราชใหม่จนถึงการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างอังกฤษกับเอธิโอเปีย (Anglo-Ethiopian Agreement) เมื่อธันวาคม พ.ศ. 2487
ประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เอธิโอเปียเป็นดินแดนที่ได้รับอารยธรรมจากอียิปต์และกรีกตั้งแต่สมัยเก่า
ประวัติศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุคกลาง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สุลต่านอัซซา
จักรวรรดิ
จักรพรรดิเมเนลิคถึงอัดวา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
จักรพรรดิเฮลี เซลาสซี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ราชอาณาจักรอิตาลีโจมตีเอธิโอเปียเมื่อ พ.ศ. 2479 และเข้าครอบครองได้สำเร็จใน พ.ศ. 2484 จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเอธิโอเปีย เฮลี เซลาสซีที่ 1 เป็นผู้จัดตั้งระบบรัฐสภาเมื่อ พ.ศ. 2474
คอมมิวนิสต์
ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 เกิดความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องจนเกิดความวุ่นวายภายในประเทศ จักรพรรดิเซลาสซีสละราชบัลลังก์เมื่อ พ.ศ. 2517 เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐเมื่อ พ.ศ. 2518 นอกจากนั้นยังเกิดสงครามภายในระหว่างกลุ่มการเมืองและเผ่าต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากซูดานและโซมาเลีย พ.ศ. 2521 เอธิโอเปียได้รับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตจนรบชนะทหารโซมาเลีย และมีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างกันเมื่อ พ.ศ. 2531
สาธารณรัฐประชาธิปไตย
การเมือง
เอธิโอปียปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แบ่งการปกครองเป็น 9รัฐ และ2เขตเป็นการปกครองพิเศษ ได้แก่ อาดดิสอาบาบาและเขตปกครองพิเศษ ไดร์ดาวา แม้เดิมเอธิโอเปียระบอบกษัตริย์ ในปี 2517 มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลและโค่นล้มระบอบกษัตริย์ในปีต่อมาจากนั้นได้ปกครองประเทศด้วยสังคมนิยมและเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในปี พศ 2534 แต่อย่างนั้นก็ยังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองอยู่เสมอ โดยรัฐบาลถูกกล่าวหาจากฝ่ายค้านว่าทุจริตการเลือกตั้ง
- ฝ่ายบริหารได้แก่
- ประธานาธิบดี เป็นประมุขประเทศมาจากการเลือกตั้งโดยสภาผู้แทนราษฏร มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6ปี
- นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล มาจากการเสนอชื่อของพรรครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
- ฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วย2สภา ได้แก่
- สภาแห่งสหพันธรัฐมีลักษณะเดียวกับวุฒิสภา มี 112ที่นั่ง
- สภาผู้แทนราษฏร มี 547ที่นั่ง
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศเอธิโอเปียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 เขตบริหาร (administrative countries-kililoch) แบ่งย่อยออกมาเป็น 68 เขต และ 2 นครอิสระ (chartered cities-astedader akababiwoch) ได้แก่
- อาดดิสอาบาบา
- เขตอะฟาร์
- เขตอามฮารา
- เขตเบนิสฮันกุล-ฮามุซ
- ไดร์ดาวา
- เขตกัมเบลา
- เขตฮารารี
- เขตโอโรเมีย
- เขตโซมาลี
- เขตเซาเทิร์นเนชันเนทิแนลลิทีแอนด์พีเพิลส์
- เขตทิเกรย์
สภาพทางภูมิศาสตร์
มีสภาพเป็นหุบเขาสูงชันและที่ราบสูง ที่ตั้ง อยู่ในทวีปแอฟริกาตะวันออกบริเวณที่เรียกว่า จะงอยแอฟริกา (Horn of Africa)
- ทิศเหนือ ติดกับเอริเทรีย
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับจิบูตี
- ทิศตะวันออก ติดกับโซมาเลีย
- ทิศใต้ ติดกับเคนยา
- ทิศตะวันตก ติดกับซูดาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
พื้นที่ 1,221,900 ตร.กม. (มีขนาดเป็น 2 เท่าของประเทศไทย)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเอธิโอเปียยังพึ่งพารายได้จากภาคกสิกรรมเป็นหลัก แม้รัฐบาลจะได้ปฏิรูปที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากขาดการวางแผนที่ดี และการเพาะปลูกยังพึ่งพาแหล่งน้ำฝนตามธรรมชาติอยู่เกือบทั้งหมด มีปัญหาการชลประทานรวมทั้งวิธีการเพาะปลูกที่ล้าสมัย ในขณะเดียวกันภาคบริการของเอธิโอเปียก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนกระทั่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ประชาชาติ โดยภาคส่วนที่มีอัตราการเติบโตสูงได้แก่การบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการคมนาคม รัฐบาลเอธิโอเปียมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งสัตว์ป่า แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอธิโอเปียยังไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเท่าใดนัก และยังล้าหลังเคนยาอยู่มาก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเอธิโอเปียประมาณปีละ 2 แสนคน
นับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอิงแนวทางของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ภายใต้กรอบนโยบาย Sustainable Development and Poverty Reduction Programme (SDPRP) ตามเงื่อนไขของ IMF และประเทศผู้บริจาคต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนักลงทุน และบรรดาประเทศผู้บริจาคต่างๆ เนื่องจากการปฏิรูปเศรษฐกิจนำไปสู่ระบบเสรีเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การแปรรูปรัฐวิสาหกิจยังมีน้อย และโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น ถนน และระบบสาธารณูปโภค ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนขนาดใหญ่
ความสำเร็จของการปฏิรูปเศรษฐกิจของเอธิโอเปียขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือที่ได้รับจากประเทศผู้บริจาคเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ได้มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศผู้บริจาคมีความห่วงกังวล เช่น การปราบปรามผู้ประท้วงฝ่ายค้านอย่างรุนแรง สงครามกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในโซมาเลีย และปัญหาชายแดนกับเอริเทรีย นอกจากนี้ กลุ่มกบฏ Ogaden National Liberation Front (ONLF) ยังได้โจมตีฐานขุดเจาะน้ำมันของจีนที่เมือง Ogaden เมื่อเดือนเมษายน 2550 ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติในเอธิโอเปียขาดความมั่นใจ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจเอธิโอเปียจะเติบโตในอัตราร้อยละ 7.5 ในปี 2550-2551 มีบริษัทต่างชาติใหม่ๆ เข้าไปลงทุนในเอธิโอเปีย เช่น Starbucks รวมทั้งการลงทุนการผลิตพลังงานชีวภาพก็เพิ่มขึ้นด้วย
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP)
103.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
GDP รายหัว (GDP per Capita)
1,200 ดอลลาร์สหรัฐ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2553)
อัตราการเติบโตของ GDP
7% (ค่าประมาณพ.ศ. 2555) GDP แยกตามภาคการผลิต
ภาคการเกษตร 46.6% ภาคอุตสาหกรรม 14.6% ภาคการบริการ 38.8% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555) อัตราการว่างงาน
ไม่มีข้อมูล
อัตราเงินเฟ้อ (Consumer Prices)
21.7% (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
หนี้สาธารณะ
44.4% จาก GDP (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
ผลผลิตทางการเกษตร
ธัญพืช ถั่ว กาแฟ เมล็ดน้ำมัน ฝ้าย น้ำตาลก้อน มันสำปะหลัง ต้นแกต ดอกไม้สด หนังสัตว์ โค กระบือ แกะ แพะ ปลา
อุตสาหกรรม
อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งทอ หนัง เคมีภัณฑ์ การผลิตโลหะ ซีเมนต์
ดุลบัญชีเดินสะพัด
-2.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
มูลค่าการส่งออก
3.163 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สินค้าส่งออกที่สำคัญ
กาแฟ ต้นแกต ทอง ผลิตภัณฑ์จากหนัง สิ่งมีชีวิต และต้นน้ำมัน
ประเทศคู่ค้า (ส่งออก) ที่สำคัญ
- จีน 12.2%
- เยอรมัน 14.2%
- เบลเยี่ยม 7.8%
- ซาอุดิอาระเบีย 6.8%
- สหรัฐอเมริกา 6.3%
- อิตาลี 5.1% (พ.ศ. 2554)
มูลค่าการนำเข้า
10.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าประมาณ พ.ศ. 2555)
สินค้านำเข้าที่สำคัญ
อาหารและสิ่งมีชีวิต ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร เครื่องยนต์ยานพาหนะ ธัญพืช และสิ่งทอ
ประเทศคู่ค้า (นำเข้า) ที่สำคัญ
- จีน 9.9%
- สหรัฐอเมริกา 7.6%
- ซาอุดิอาระเบีย 10%
- อินเดีย 4.6% (พ.ศ. 2554)
สกุลเงิน
เอธิโอเปีย เบีย (Ethiopian Birr)
สัญลักษณ์เงิน
ETB
อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา
(ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้ที่นี่)
ประชากร
กลุ่มชาติพันธุ์
- โอโรโม ร้อยละ 34.49
- อามฮารา ร้อยละ 26.89
- โซมาลี ร้อยละ 6.20
- ตีเกรย์ ร้อยละ 6.07
- ซีดามา ร้อยละ 4.01
- กูราจ ร้อยละ 2.53
- โวเลย์ตา ร้อยละ 2.31
- ฮาดียา ร้อยละ 1.74
- อาฟาร์ ร้อยละ 1.73
- กาโม ร้อยละ 1.50
- เคฟฟีโช ร้อยละ 1.18
และชาติพันธุ์อื่น ๆ อีกร้อยละ 11[3][4]
ศาสนา
จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี พ.ศ. 2550 พบว่าชาวเอธิโอเปียร้อยละ 62.8 นับถือศาสนาคริสต์ (ในจำนวนนี้เป็นผู้นับถือนิกายเอธิโอเปียนคอปติกออร์ทอดอกซ์ร้อยละ 43.5 และนิกายอื่น ๆ ร้อยละ 19.3), ร้อยละ 33.9 นับถือศาสนาอิสลาม, ร้อยละ 2.6 นับถือความเชื่อดั้งเดิม และร้อยละ 0.6 นับถือศาสนาอื่น ๆ [3]
วัฒนธรรม
ใน่วนที่เป็นชนเผ่าจมีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งดูได้จากหลังคาที่นำมาทำขอหมู่บ้านต่างๆ เอธิโอเปียเป็นหล่งกำเนิดมนุษย์ยุคแรกแต่ไม่ใช่อาณาจักรแรกเพราะยังคงไม่มีความเจริญทางปัญญา แต่มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประดิษฐ์ขึ้นเก่าแก่ที่สุดในโลก การตั้งชื่อคนแบบเอธิโอเปียนำมาใช้เช่นเดียวกับในประเทศพม่าคือ ใช้ ชื่อพ่อ หรือ ปู่แทนนามสกุล(ในเอธิโอเปียไม่มีการล้อชื่อพ่อ แม่จึงใช้แทนนามสกุลได้) การนับวันในเอธิโอเปียใช้ปฏิทินแบบเอธิเปีย ภาษาประจำชาติของเอธิโอเปียคือ[[1]]ซึ่งเป็นภาษาแรกๆที่มีระบบการเขียนในแอฟริกา
อ้างอิง
- ↑ "Ethiopia". The World Factbook. CIA. สืบค้นเมื่อ 18 January 2013.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 "Ethiopia". International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 2011-04-21.
- ↑ 3.0 3.1 Berhanu Abegaz, Ethiopia: A Model Nation of MinoritiesPDF (51.7 KB) . Retrieved 6 April 2006. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "bx" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ Embassy of Ethiopia, Washington, DC. Retrieved 6 April 2006.