ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิเกาหลี"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
→การฟื้นฟูสถาบันจักรพรรดิ: พงศาวดารเกาหลีบัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์พระองค์ใดก็ตามที... ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 136: | บรรทัด 136: | ||
สถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้งเมื่อวันที่ [[29 กันยายน]] [[พ.ศ. 2549]] โดยเจ้าหญิงเฮวอน (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงประกาศฟื้นฟูสถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีอย่างเป็นทางการ โดยพระนางทรงเรียกพระองค์เองว่า ''จักรพรรดินีแห่งเกาหลี'' ทำให้เกาหลีมีประมุขแห่งราชวงศ์ลีและสถาบันจักรพรรดิเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ปิดฉากไปเป็นเวลานานกว่า 97 ปี (พ.ศ. 2453) ด้วยการที่จักรวรรดิญี่ปุ่น (ด้วยความร่วมมือขอพระราชบิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิควางมู หรือพระเจ้าโกจง) บุกยึดเกาหลีและล้มล้างสถาบันจักรพรรดิจนราบคาบ แต่เนื่องจากรัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ยังมิได้ให้การรับรองหรือเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ จึงทำให้พระนางยังคงขาดสถานะความเป็นประมุขแห่งรัฐ |
สถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้งเมื่อวันที่ [[29 กันยายน]] [[พ.ศ. 2549]] โดยเจ้าหญิงเฮวอน (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงประกาศฟื้นฟูสถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีอย่างเป็นทางการ โดยพระนางทรงเรียกพระองค์เองว่า ''จักรพรรดินีแห่งเกาหลี'' ทำให้เกาหลีมีประมุขแห่งราชวงศ์ลีและสถาบันจักรพรรดิเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ปิดฉากไปเป็นเวลานานกว่า 97 ปี (พ.ศ. 2453) ด้วยการที่จักรวรรดิญี่ปุ่น (ด้วยความร่วมมือขอพระราชบิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิควางมู หรือพระเจ้าโกจง) บุกยึดเกาหลีและล้มล้างสถาบันจักรพรรดิจนราบคาบ แต่เนื่องจากรัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ยังมิได้ให้การรับรองหรือเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ จึงทำให้พระนางยังคงขาดสถานะความเป็นประมุขแห่งรัฐ |
||
อย่างไรก็ตาม [[สมเด็จพระจักรพรรดินีเฮวอน]]ทรงดำรงพระยศเป็น ''ประมุขแห่งราชตระกูลจักรพรรดิเกาหลี'' และ ''ประมุข |
อย่างไรก็ตาม [[สมเด็จพระจักรพรรดินีเฮวอน]]ทรงดำรงพระยศเป็น ''ประมุขแห่งราชตระกูลจักรพรรดิเกาหลี'' และ ''ประมุขศาสนาพุทธนิกายมหายานเกาหลี'' |
||
== รายพระนามจักรพรรดิและผู้อ้างสิทธิแห่งราชบัลลังก์ == |
== รายพระนามจักรพรรดิและผู้อ้างสิทธิแห่งราชบัลลังก์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:49, 17 กุมภาพันธ์ 2560
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
จักรวรรดิโชซ็อน 대한제국 (大韓帝國) แดฮัน-เจกุก | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1897–1910 | |||||||||||
คำขวัญ: 광명천지(光明天地)
"ให้แสงสาดส่องทั่วทั้งแดนดิน" | |||||||||||
อาณาเขตของจักรวรรดิ | |||||||||||
เมืองหลวง | ฮันซอง | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาเกาหลี | ||||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ | ||||||||||
จักรพรรดิ | |||||||||||
• ค.ศ. 1897 - 1907 | จักรพรรดิควางมู | ||||||||||
• ค.ศ. 1907 - 1910 | จักรพรรดิยุงฮี | ||||||||||
นายกรัฐมนตรีb | |||||||||||
• ค.ศ. 1894 - 1896 | คิม ฮง-จิบ | ||||||||||
• ค.ศ. 1896 - 1905 | ฮัน กยู-ซุล | ||||||||||
• ค.ศ. 1906 | พัก เจ-ซุน | ||||||||||
• ค.ศ. 1906 - 1910 | เย วัน-ยง | ||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคจักรวรรดินิยมใหม่ | ||||||||||
• สถาปนาจักรวรรดิ | 13 ตุลาคม ค.ศ. 1897 | ||||||||||
17 สิงหาคม ค.ศ. 1899 | |||||||||||
17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1905 | |||||||||||
ค.ศ. 1907 | |||||||||||
29 สิงหาคม 1910 | |||||||||||
ประชากร | |||||||||||
• 1907 | 13,000,000 | ||||||||||
สกุลเงิน | วอน (원; 圓) | ||||||||||
| |||||||||||
a อย่างไม่เป็นทางการ b 총리대신 (總理大臣) ภายหลังเปลี่ยนเป็น 의정대신 (議政大臣) |
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ |
---|
ประวัติศาสตร์เกาหลี |
เส้นเวลา |
สถานีย่อยประเทศเกาหลี |
จักรวรรดิโชซ็อน (อังกฤษ: The Greater Korean Empire หรือ ประเทศโชซ็อน (เกาหลี: 대한제국; ฮันจา: 大韓帝國) คือราชอาณาจักรโชซ็อนที่ประกาศยกสถานะของรัฐจากราชอาณาจักรเป็นจักรวรรดิ ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าโกจง พร้อมกับการเปลี่ยนพระอิสริยยศจาก กษัตริย์ เป็น จักรพรรดิ โดยพระองค์มีพระนามว่า จักรพรรดิควางมูแห่งเกาหลี เพื่อให้ประเทศเอกราชจากจักรวรรดิชิง และยกสถานะของประเทศมีความเท่าเทียมกับจักรวรรดิชิง และ จักรวรรดิญี่ปุ่น แม้ว่าโดยพฤติการณ์แล้วสถานะของเกาหลีไม่ได้เข้าข่ายการเป็นจักรวรรดิเลยก็ตาม จนกระทั่งถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองในปี ค.ศ. 1910
ประวัติศาสตร์
การสถาปนาจักรวรรดิ
ราชอาณาจักรโชซ็อนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพัฒนาประเทศให้ทันสมัยตามแบบชาวตะวันตก ขณะที่เกาหลียึดมั่นในความสันโดษอย่างแข็งกร้าว ในปี พ.ศ. 2437 (ค.ศ. 1894) เป็นปีแห่งความวุ่นวายของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจปีคัปชิน ทำให้ฝ่ายหัวก้าวหน้ามีอำนาจ หรือกบฏทงฮัก ซึ่งทั้งจีน (ตามคำขอของพระมเหสีมินจายอง) และญี่ปุ่นต่างส่งทัพมาปราบ และทำสงครามกัน ผลลงเอยด้วยญี่ปุ่นได้ชัยชนะเกิดสนธิสัญญาชิโมะโนะเซะกิ ซึ่งจักรวรรดิชิงรับรองว่าเกาหลีเป็นประเทศเอกราชตามสนธิสัญญาดังกล่าว
แต่จักรวรรดิรัสเซียเห็นว่าการขยายอำนาจในตะวันออกไกลของญี่ปุ่นจะเป็นภัย ด้วยความช่วยเหลือของเยอรมนีและฝรั่งเศส การบังคับยึดเอาพอร์ตอาเธอร์ในคาบสมุทรเหลียวตงมาจากจีนกลายเป็นภัยโดยตรงต่อญี่ปุ่น พระมเหสีมินจายองทรงเป็นผู้นำในการต่อต้านอิทธิพลของญี่ปุ่นในเกาหลี จึงทรงถูกทหารญี่ปุ่นลอบสังหารในปี พ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895) ทำให้พระเจ้าโกจงทรงหลบหนีไปสถานกงสุลรัสเซีย ญี่ปุ่นเข้าควบคุมการปกครองเกาหลี ทำการปรับปรุงประเทศต่างๆ ยกเลิกประเพณีเก่าแก่ เช่น ยกเลิกการใช้นามปีนับศักราชแบบจีน และให้ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนแทน รวมทั้งการตัดจุกของผู้ชาย ซึ่งขัดกับหลักขงจื้อที่ห้ามตัดผมตลอดชีวิต ทำให้ประชาชนเล็งเห็นถึงภัยจากต่างชาติที่กำลังคุกคามเกาหลี อย่างหนัก จึงรวมตัวกันเป็นสมาคมเอกราช รบเร้าให้พระเจ้าโกจงทรงกลับมาต่อต้านอิทธิพลของญี่ปุ่น
ในปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) พระเจ้าโกจงทรงกลับมาประทับที่พระราชวังต๊อกซูกุง ประกาศเปลี่ยนให้อาณาจักรโชซ็อนเป็นจักรวรรดิเกาหลี และพระองค์เองทรงเลื่อนสถานะเป็นสมเด็จจักรพรรดิควางมู (광무제; 光武帝) (รวมทั้งเลื่อนสถานะพระมเหสีมินจายองเป็นสมเด็จจักรพรรดินีเมียงซอง) ทรงเลือกใช้คำว่า"ฮัน"มาเป็นชื่อประเทศจากอาณาจักรสามฮันในสมัยโบราณ
การแทรกแซงของรัสเซีย
หลังจากที่จีนสิ้นอำนาจไปแล้วจักรวรรดิรัสเซียก็เริ่มที่จะมีอิทธิพลในตะวันออกไกลแทน รัสเซียสร้างทางรถไฟในแมนจูเรียจากฮาร์บินผ่านมุกเดนมาถึงพอร์ตอาเธอร์ แต่กบฏนักมวยได้เผาทางรถไฟของรัสเซียในแมนจูเรียในพ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899)ทำให้รัสเซียยกทัพเข้ายึดครองแมนจูเรีย อ้างว่าเพื่อปกป้องทางรถไฟของตน และบรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่น ว่ารัสเซียจะไม่ยุ่งกับเกาหลี และญี่ปุ่นจะไม่ยุ่งกับแมนจูเรีย แต่ทั้งสองประเทศต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายจ้องจะยึดครองอาณานิคมของอีกฝ่ายอยู่
จนญี่ปุ่นทำข้อตกลงพันธมิตรกับอังกฤษในพ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) ทำให้รัสเซียไม่อาจดึงชาติตะวันตกอื่นๆมาร่วมได้ เพราะจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับอังกฤษ ขณะเดียวกันรัสเซียก็เริ่มเคลื่อนไหวที่ริมฝั่งแม่น้ำยาลูฝั่งแมนจูเรีย ในพ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ทูตญี่ปุ่นที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้พยายามเจรจาอีกครั้ง แต่ไม่ประสบผล ในพ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นจึงเริ่มขึ้น โดยรบกันที่พอร์ตอาเธอร์และแม่น้ำยาลูเป็นส่วนใหญ่ ญี่ปุ่นนำกองทัพเคลื่อนผ่านเกาหลีไปมาโดยที่ขุนนางเกาหลีไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะแม้พระเจ้าโกจงทรงอุตสาหะเลื่อนสถานะของประเทศเป็นจักรวรรดิ แต่ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของญี่ปุ่นอยู่ดี
การเข้ายึดครองของญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นยึดพอร์ตอาเธอร์ได้ในที่สุดในพ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) การชนะสงครามกับรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งเอเชียบูรพา และสามารถขอการสนับสนุนจากชาติตะวันตกในการยึดครองเกาหลีได้ เช่น สหรัฐอเมริกายินยอมให้ญี่ปุ่นแผ่อิทธิพลสู่เกาหลีในข้อตกลงทาฟต์-คะสึระ จนบังคับเกาหลีลงนามใน สนธิสัญญาอึลซา ให้เกาหลีตกเป็นรัฐในอารักขาของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีเพียงรัฐมนตรีเกาหลีบางคนเท่านั้นที่ลงนามยอมรับ แต่ตัวจักรพรรดิควางมูเองมิได้ทรงลงนามด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ได้หมดสภาพในการติดต่อสัมพันธ์กับต้างประเทศ และการค้ากับต่างประเทศผ่านท่าเรือทุกแห่งญี่ปุ่นจะเข้าควบคุมดูแล รวมทั้งเข้ายึดครองระบบขนส่งและสื่อสารทั้งหมดของประเทศ
แต่จักรพรรดิควางมูก็ยังไม่ทรงหมดความหวัง โดยแอบส่งทูตไปยังการประชุมอนุสัญญากรุงเฮกในปีพ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากการกระทำของญี่ปุ่นในสภาโลก แต่บรรดามหาอำนาจทั้งหลายไม่ยอมรับโชซ็อนเป็นรัฐเอกราช และไม่ยอมให้ผู้แทนเกาหลีเข้าร่วมการประชุม เมื่อญี่ปุ่นทราบเหตุการณ์จึงกล่าวโทษเกาหลีว่าละเมิดข้อสัญญาในสนธิสัญญาอึลซา จึงบังคับให้เกาหลีทำสนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลีฉบับที่ 3 ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) และให้จักรพรรดิควางมูสละบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิยุงฮึย ชาวญี่ปุ่นได้เข้าเป็นผู้บริหารประเทศ จักรพรรดิควางมูสิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน
จนในพ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) การลงนามในสนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี ทำให้ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีอย่างสมบูรณ์ ในสนธิสัญญามีตราตั้งพระราชลัญจกร และมีพระนามของจักรพรรดิยุงฮีที่ลงนามโดยลีวานยง นายกรัฐมนตรีแทน ดังนั้นตลอดเวลาและหลังการยึดครองของญี่ปุ่น จึงมีคำถามโดยเฉพาะกับชาวเกาหลีว่าสนธิสัญญาฉบับนี้มีความถูกต้องมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่าชาวเกาหลีในปัจจุบันจะต้องไม่ยอมรับสัญญาฉบับนี้ และประกาศให้สัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะในพ.ศ. 2548 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นไป 30 กว่าปี จนกระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็นเหนือและใต้
การเมืองการปกครอง
นิติบัญญัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
บริหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ตุลาการ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
นโยบายต่างประเทศ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กองทัพ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากรศาสตร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การฟื้นฟูสถาบันจักรพรรดิ
สถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีได้ถูกฟื้นฟูอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยเจ้าหญิงเฮวอน (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงประกาศฟื้นฟูสถาบันจักรพรรดิแห่งเกาหลีอย่างเป็นทางการ โดยพระนางทรงเรียกพระองค์เองว่า จักรพรรดินีแห่งเกาหลี ทำให้เกาหลีมีประมุขแห่งราชวงศ์ลีและสถาบันจักรพรรดิเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ปิดฉากไปเป็นเวลานานกว่า 97 ปี (พ.ศ. 2453) ด้วยการที่จักรวรรดิญี่ปุ่น (ด้วยความร่วมมือขอพระราชบิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิควางมู หรือพระเจ้าโกจง) บุกยึดเกาหลีและล้มล้างสถาบันจักรพรรดิจนราบคาบ แต่เนื่องจากรัฐบาลของสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ยังมิได้ให้การรับรองหรือเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ จึงทำให้พระนางยังคงขาดสถานะความเป็นประมุขแห่งรัฐ
อย่างไรก็ตาม สมเด็จพระจักรพรรดินีเฮวอนทรงดำรงพระยศเป็น ประมุขแห่งราชตระกูลจักรพรรดิเกาหลี และ ประมุขศาสนาพุทธนิกายมหายานเกาหลี
รายพระนามจักรพรรดิและผู้อ้างสิทธิแห่งราชบัลลังก์
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเกาหลี
พระนามจริง | พระนามเต็ม | นามปี | ปีที่ครองราชย์ (ค.ศ.) |
---|---|---|---|
ลี เมียงบก | สมเด็จพระจักรพรรดิควางมู | ควางมู | 1897 - 1907 |
ลี ชอก | สมเด็จพระจักรพรรดิยุงฮี | ยุงฮี | 1907 - 1910 |
ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเกาหลี
พระนามจริง | พระนามเต็ม | นามปี | ปีที่อยู่ในตำแหน่ง (ค.ศ.) |
---|---|---|---|
ลี อุยมิน | เจ้าชายอุยมิน มกุฎราชกุมารแห่งเกาหลี | อุยมิน | 1910 - 1970 |
ลี กู | เจ้าชายโฮอุนแห่งเกาหลี | โฮอุน | 1970 - 2005 |
ลี วอน | เจ้าชายวอน รัชทายาทแห่งเกาหลี | - | 2006 - ปัจจุบัน |
ลี เฮวอน | เจ้าหญิงแฮวอนแห่งเกาหลี | - | 2006 - ปัจจุบัน |