ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 32: บรรทัด 32:
'''พระเจ้าซ็อนโจ''' ({{lang-ko|선조 宣祖}}) เป็นกษัตริย์[[ราชวงศ์โชซ็อน]]องค์ที่ 14 ([[พ.ศ. 2110]] ถึง [[พ.ศ. 2151]]) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของ[[เกาหลี]]และมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้ง[[การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)|การรุกรานของญี่ปุ่น]]และการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น [[ลีซุนชิน]] [[ลีฮวาง]] [[ลีอี]] แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก
'''พระเจ้าซ็อนโจ''' ({{lang-ko|선조 宣祖}}) เป็นกษัตริย์[[ราชวงศ์โชซ็อน]]องค์ที่ 14 ([[พ.ศ. 2110]] ถึง [[พ.ศ. 2151]]) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของ[[เกาหลี]]และมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้ง[[การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)|การรุกรานของญี่ปุ่น]]และการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น [[ลีซุนชิน]] [[ลีฮวาง]] [[ลีอี]] แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก


องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าจุงจง]]กับพระสนมอันชางบิน ทรงเป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ใน[[พ.ศ. 2110]] [[พระเจ้าเมียงจง]]สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่ทรงพระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงทรงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน
องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าจุงจง]]กับพระสนมอันชางบิน เป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ใน[[พ.ศ. 2110]] [[พระเจ้าเมียงจง]] สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่พระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน


== การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม ==
== การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม ==
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัย[[องค์ชายยอนซันกุน|องค์ชายยอนซัน]] สมัย[[พระเจ้าจุงจง]]ที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของ[[ยุนวอนฮัง]] พระเจ้าซ็อนโจทรงเปลี่ยนแปลงการสอบ[[ควากอ]] ([[จอหงวน]]) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับ[[รัฐศาสตร์]][[การปกครอง]]และ[[ประวัติศาสตร์เกาหลี|ประวัติศาสตร์]]เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบ[[ปรัชญา]][[ขงจื้อ]]และ[[ชิโจ|การแต่งกลอน]]เท่านั้น
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัย[[องค์ชายยอนซันกุน|องค์ชายยอนซัน]] สมัย[[พระเจ้าจุงจง]]ที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของ[[ยุนวอนฮัง]] พระเจ้าซ็อนโจเปลี่ยนแปลงการสอบ[[ควากอ]] ([[จอหงวน]]) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับ[[รัฐศาสตร์]][[การปกครอง]]และ[[ประวัติศาสตร์เกาหลี|ประวัติศาสตร์]]เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบ[[ปรัชญา]][[ขงจื้อ]]และ[[ชิโจ|การแต่งกลอน]]เท่านั้น


เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจทรงรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทรงทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ใน[[พ.ศ. 2118]] ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง
เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ใน[[พ.ศ. 2118]] ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง


ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า '''ฝ่ายตะวันตก''' (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ[[โซล|ฮันซอง]] ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่า'''ฝ่ายตะวันออก''' (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป
ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า '''ฝ่ายตะวันตก''' (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ [[โซล|ฮันซอง]] ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่า'''ฝ่ายตะวันออก''' (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป


จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมือง[[แคซอง]] เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ใน[[พ.ศ. 2126]] ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวก[[แมนจู]]และ[[ญี่ปุ่น]]สะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตใน[[พ.ศ. 2127]]
จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมือง[[แคซอง]] เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ใน[[พ.ศ. 2126]] ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวก[[แมนจู]]และ[[ญี่ปุ่น]]สะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตใน[[พ.ศ. 2127]]
บรรทัด 51: บรรทัด 51:
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ใน[[พ.ศ. 2134]] โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมา[[พ.ศ. 2135]] โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมา[[คะโต คิโยะมะสะ]] ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ใน[[พ.ศ. 2134]] โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมา[[พ.ศ. 2135]] โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมา[[คะโต คิโยะมะสะ]] ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว


พระเจ้าซ็อนโจเมื่อทรงกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า [[พระราชวังต๊อกซู]] ([[ต๊อกซูกุง]]) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซ็อนควรจะรับ[[ปืน]]มาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน [[พ.ศ. 2140]] การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลัก[[ยุทธศาสตร์]] แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงทรงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง
พระเจ้าซ็อนโจเมื่อกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า [[พระราชวังต๊อกซู]] ([[ต๊อกซูกุง]]) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซ็อนควรจะรับ[[ปืน]]มาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน [[พ.ศ. 2140]] การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลัก[[ยุทธศาสตร์]] แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง


ใน[[พ.ศ. 2141]] โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน
ใน[[พ.ศ. 2141]] โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน


== การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก ==
== การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก ==
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจทรงละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่ทรงหลบหนีไปจีน และที่ทรงกระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซ็อน ทำให้[[นักประวัติศาสตร์]]กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่หลบหนีไปจีน และที่กระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซ็อน ทำให้[[นักประวัติศาสตร์]]กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ


สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่า'''ฝ่ายใต้''' (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่า'''ฝ่ายเหนือ''' (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็น'''ฝ่ายเหนือใหญ่''' (แทบุก) และ'''ฝ่ายเหนือเล็ก''' (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี
สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่า'''ฝ่ายใต้''' (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่า'''ฝ่ายเหนือ''' (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็น'''ฝ่ายเหนือใหญ่''' (แทบุก) และ'''ฝ่ายเหนือเล็ก''' (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี


พระเจ้าซ็อนโจทรงเหน็จเหนื่อยหลังจากผ่านวิกฤตมามาก จึงมอบให้[[องค์ชายควางแฮกุน|องค์ชายควางแฮ]]ว่าราชการแทน แต่เมื่อมเหสีอินมอกประสูติองค์ชายยอนชัง ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายเหนือใหญ่และฝ่ายเหนือเล็กขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายเหนือใหญ่สนับสนุนองค์ชาวควางแฮ และฝ่ายเหนือเล็กสนับสนุนองค์ชายยอนชัง
พระเจ้าซ็อนโจเหน็ดเหนื่อยหลังจากผ่านวิกฤตมามาก จึงมอบให้[[องค์ชายควางแฮกุน|องค์ชายควางแฮ]]ว่าราชการแทน แต่เมื่อมเหสีอินมอกประสูติองค์ชายยอนชัง ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายเหนือใหญ่และฝ่ายเหนือเล็กขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายเหนือใหญ่สนับสนุนองค์ชาวควางแฮ และฝ่ายเหนือเล็กสนับสนุนองค์ชายยอนชัง


พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ใน[[พ.ศ. 2151]] โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์
พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ใน[[พ.ศ. 2151]] โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:32, 16 กุมภาพันธ์ 2560

พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน
กษัตริย์แห่งโชซ็อน
ครองราชย์1567∼1608
ก่อนหน้ามยองจง
ถัดไปควางแฮกุน
ผู้สำเร็จราชการองค์ชายควางแฮกุน (1592-1608)
ประสูติค.ศ. 1552
Indalbang, Seoul
ลียอน
มเหสีQueen Uiin, Queen Inmok
พระราชบุตรGwanghaegun
พระนามเต็ม
พระเจ้าซ็อนโจ
ราชวงศ์Yi
พระราชบิดาDeokheung Daewongun
พระราชมารดาHadongbu Daebuin Jeong
พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน
ฮันกึล
선조
ฮันจา
อาร์อาร์Seonjo
เอ็มอาร์Sŏn-jo
ชื่อเกิด
ฮันกึล
이연
ฮันจา
李蚣
อาร์อาร์I Yeon
เอ็มอาร์Yi Yŏn

พระเจ้าซ็อนโจ (เกาหลี: 선조 宣祖) เป็นกษัตริย์ราชวงศ์โชซ็อนองค์ที่ 14 (พ.ศ. 2110 ถึง พ.ศ. 2151) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของเกาหลีและมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้งการรุกรานของญี่ปุ่นและการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น ลีซุนชิน ลีฮวาง ลีอี แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก

องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของพระเจ้าจุงจงกับพระสนมอันชางบิน เป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ในพ.ศ. 2110 พระเจ้าเมียงจง สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่พระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน

การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม

เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยองค์ชายยอนซัน สมัยพระเจ้าจุงจงที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของยุนวอนฮัง พระเจ้าซ็อนโจเปลี่ยนแปลงการสอบควากอ (จอหงวน) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับรัฐศาสตร์การปกครองและประวัติศาสตร์เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบปรัชญาขงจื้อและการแต่งกลอนเท่านั้น

เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ในพ.ศ. 2118 ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง

ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า ฝ่ายตะวันตก (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ ฮันซอง ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่าฝ่ายตะวันออก (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป

จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมืองแคซอง เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ในพ.ศ. 2126 ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวกแมนจูและญี่ปุ่นสะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตในพ.ศ. 2127

การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)

โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ รวบรวมประเทศญี่ปุ่นในยุคเซงโงกุได้สำเร็จ และมีความทะเยอทะยานที่จะพิชิตจีน จึงส่งทูตมาโชซ็อนเพื่อขอความร่วมมือในการบุกยึดจีนในพ.ศ. 2130 โดยผ่านทางตระกูลโซเจ้าครองเกาะซึชิมา ซึ่งเป็นทางเดียวที่โชซ็อนติดต่อกับญี่ปุ่น แต่เจ้าครองเกาะเห็นว่า โชซ็อนไม่มีวันจะเข้ากับญี่ปุ่นรุกรานจีน หากส่งสาสน์ไปจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าที่เกาะซึชิมาพึงมี จึงเปลี่ยนแปลงเนื้อความในสารให้เป็นการทำสัมพันธไมตรีธรรมดา ในพ.ศ. 2133 พระเจ้าซ็อนโจจึงส่งทูตไปขอบพระทัยโทโยโตมิที่เกียวโต แต่โทโยโตมิกำลังทำสงครามกับไดเมียวอื่นอยู่ ทำให้ทูตโชซ็อนต้องรออยู่หลายวัน และโทโยโตมิเข้าใจว่าทูตโชซ็อนมาส่งบรรณาการ จึงไม่ให้การต้องรับอย่างสมเกียรติเท่าที่ควร และเขียนสาสน์อย่างไม่เคารพพระเจ้าซ็อนโจ ให้ร่วมมือกันบุกยึดจีน

การกระทำของโทโยโตมิสร้างความแปลงประหลาดใจและความสงสัยให้กัยโชซ็อนอย่างมาก และไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะมีความสามารถทำอะไรจีนราชวงศ์หมิงได้ ทูตฝ่ายตะวันตกรายงานว่าโทโยโตมิสะสมกำลังกองทัพไว้ขนาดใหญ่มาก แต่ทูตฝ่ายตะวันออกกลับบอกว่ากองทัพนี้เอาไว้รบกับไดเมียวอื่นๆในญี่ปุ่น พระเจ้าซ็อนโจทรงเชื่อฝ่ายตะวันออก และทรงละเลยความเป็นไปได้ของภัยคุกคามจากญี่ปุ่น

เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ในพ.ศ. 2134 โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมาพ.ศ. 2135 โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมาคะโต คิโยะมะสะ ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว

พระเจ้าซ็อนโจเมื่อกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า พระราชวังต๊อกซู (ต๊อกซูกุง) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซ็อนควรจะรับปืนมาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน พ.ศ. 2140 การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลักยุทธศาสตร์ แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง

ในพ.ศ. 2141 โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน

การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก

สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่หลบหนีไปจีน และที่กระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซ็อน ทำให้นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ

สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่าฝ่ายใต้ (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่าฝ่ายเหนือ (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็นฝ่ายเหนือใหญ่ (แทบุก) และฝ่ายเหนือเล็ก (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี

พระเจ้าซ็อนโจเหน็ดเหนื่อยหลังจากผ่านวิกฤตมามาก จึงมอบให้องค์ชายควางแฮว่าราชการแทน แต่เมื่อมเหสีอินมอกประสูติองค์ชายยอนชัง ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายเหนือใหญ่และฝ่ายเหนือเล็กขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายเหนือใหญ่สนับสนุนองค์ชาวควางแฮ และฝ่ายเหนือเล็กสนับสนุนองค์ชายยอนชัง

พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2151 โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์

พระนามเต็ม

สมเด็จพระราชา ซ็อนโจ แทโจโซคยอง จองรยุน ริปกุ๊ก ซองด็อก ฮงรยอล จิซอง แดอึย คยอกชอล เฮอึน คยองมยอง ซินรยอก ฮงคง ยุนคอป ฮนอนมุน อึยมู ช็อนคเย ดันฮโย แห่งเกาหลี

พระบรมวงศานุวงศ์

  • พระราชบิดา: องค์ชายท็อกฮึง แทวอนกุน
  • พระราชมารดา: พระนางฮาดง บูแทบูอิน ตระกูลจอง (하동부대부인 정씨)

พระมเหสี

พระสนม

  • พระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งคิมแฮ (공빈 김씨)
  • พระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน (인빈 김씨)
  • พระสนมซุนบิน ตระกูลคิม (순빈 김씨)
  • พระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง (정빈 민씨)
  • พระสนมจองบิน ตระกูลฮง แห้งนัมยาง (정빈 홍씨)
  • พระสนมอนบิน ตระกูลฮัน แห่งชองจู (온빈 한씨)
  • พระสนมควีอิน ตระกูลจอง แห่งยองอิล (귀인 정씨)
  • พระสนมซุกอึย ตระกูลจอง แห่งดงแร (숙의 정씨)
  • พระสนมโซวอน ตระกูลยุน (폐소원 윤씨) ภายหลังถูกถอดจากตำแหน่งพระสนม

พระราชโอรส

  • องค์ชายยองชาง ลีอึย (영창대군 ,永昌大君 ,1606 - 1614) พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีอินม็อก ตระกูลคิม แห่งยอนอัน
  • องค์ชายอิมแฮ ลีจิน (임해군 ,臨海君 ,1572 - 1609) พระราชโอรสของพระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งกิมแฮ
  • องค์ชายควางแฮ (광해군 ,光海君 ,1575 - 1641)พระราชโอรสของพระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งกิมแฮ
  • องค์ชายอึยอัน ลีซอง (의안군 ,義安君 ,1576 - 1588) พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์ชายซินซอง ลีฮู (신성군 ,信城君 ,1578 - 1592)พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์ชายจองวอน ลีบู (정원군 ,定遠君 ,1580 - 1619) พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์ชายอึยชาง ลีกวาง ( 의창군 ,義昌君 ,1589 - 1645)พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์ชายซุนฮวา ลีโบ (순화군 ,順和君 ,1580 - 1607)พระราชโอรสของพระสนมซุนบิน ตระกูลคิม
  • องค์ชายอินซอง ลีคง (인성군 ,仁城君 ,1588 - 1628)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
  • องค์ชายอินฮึง ลียอง (인흥군 ,仁興君 ,1604 - 1651)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
  • องค์ชายคยองชาง ลีจู (경창군 ,慶昌君 ,1596 - 1644)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลฮง
  • องค์ชายฮึงอัน ลีเจ (흥안군 ,興安君 ,1598 - 1624)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
  • องค์ชายคยองพยอง ลีนึก (경평군 ,慶平君 ,1600 - 1673)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
  • องค์ชายยองซอง ลีคเย (영성군 ,寧城君 ,1605 - 1649)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน

พระราชธิดา

  • องค์หญิงจองมยอง (정명공주 ,貞明公主 ,1603 - 1685)พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินม็อก ตระกูลคิม แห่งยอนอัน (ภายหลังองค์หญิงได้กลายเป็นต้นสายตระกูลของพระนางฮอนคยอง พระพันปีหลวง ตระกูลฮง แห่งพุงซาน (헌경왕후 홍씨))
  • องค์หญิงจองซิน (정신옹주 ,貞愼翁主 ,1583 - 1653)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์หญิงจองฮเย (정혜옹주 ,靜惠翁主 ,1584 - 1638)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์หญิงจองซุก (정숙옹주 ,貞淑翁主 ,1587 - 1627)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์หญิงจองอัน (정안옹주 ,貞安翁主 ,1590 - 1660)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์หญิงจองฮวี (정휘옹주 ,貞徽翁主 ,1593 - 1653)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
  • องค์หญิงจองอิน (정인옹주 ,貞仁翁主 ,1590 - 1656)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
  • องค์หญิงจองช็อน (정선옹주 ,貞善翁主 ,1594 - 1614)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
  • องค์หญิงจองกึน (정근옹주 ,貞謹翁主 ,1601 - 1613)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
  • องค์หญิงจองจอง (정정옹주 ,貞正翁主 ,1595 - 1666)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลฮง
  • องค์หญิงจองฮวา (정화옹주 ,貞和翁主 ,1604 - 1667)พระราชธิดาของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
ก่อนหน้า พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน ถัดไป
พระเจ้าเมียงจง ประมุขแห่งเกาหลี
(พ.ศ. 2110 - พ.ศ. 2151)
องค์ชายควางแฮ|}