ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน"
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 32: | ||
'''พระเจ้าซ็อนโจ''' ({{lang-ko|선조 宣祖}}) เป็นกษัตริย์[[ราชวงศ์โชซ็อน]]องค์ที่ 14 ([[พ.ศ. 2110]] ถึง [[พ.ศ. 2151]]) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของ[[เกาหลี]]และมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้ง[[การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)|การรุกรานของญี่ปุ่น]]และการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น [[ลีซุนชิน]] [[ลีฮวาง]] [[ลีอี]] แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก |
'''พระเจ้าซ็อนโจ''' ({{lang-ko|선조 宣祖}}) เป็นกษัตริย์[[ราชวงศ์โชซ็อน]]องค์ที่ 14 ([[พ.ศ. 2110]] ถึง [[พ.ศ. 2151]]) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของ[[เกาหลี]]และมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้ง[[การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)|การรุกรานของญี่ปุ่น]]และการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น [[ลีซุนชิน]] [[ลีฮวาง]] [[ลีอี]] แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก |
||
องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าจุงจง]]กับพระสนมอันชางบิน |
องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าจุงจง]]กับพระสนมอันชางบิน เป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ใน[[พ.ศ. 2110]] [[พระเจ้าเมียงจง]] สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่พระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน |
||
== การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม == |
== การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม == |
||
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจ |
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัย[[องค์ชายยอนซันกุน|องค์ชายยอนซัน]] สมัย[[พระเจ้าจุงจง]]ที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของ[[ยุนวอนฮัง]] พระเจ้าซ็อนโจเปลี่ยนแปลงการสอบ[[ควากอ]] ([[จอหงวน]]) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับ[[รัฐศาสตร์]][[การปกครอง]]และ[[ประวัติศาสตร์เกาหลี|ประวัติศาสตร์]]เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบ[[ปรัชญา]][[ขงจื้อ]]และ[[ชิโจ|การแต่งกลอน]]เท่านั้น |
||
เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้า |
เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ใน[[พ.ศ. 2118]] ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง |
||
ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า '''ฝ่ายตะวันตก''' (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ[[โซล|ฮันซอง]] ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่า'''ฝ่ายตะวันออก''' (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป |
ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า '''ฝ่ายตะวันตก''' (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ [[โซล|ฮันซอง]] ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่า'''ฝ่ายตะวันออก''' (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป |
||
จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมือง[[แคซอง]] เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ใน[[พ.ศ. 2126]] ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวก[[แมนจู]]และ[[ญี่ปุ่น]]สะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตใน[[พ.ศ. 2127]] |
จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมือง[[แคซอง]] เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ใน[[พ.ศ. 2126]] ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวก[[แมนจู]]และ[[ญี่ปุ่น]]สะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตใน[[พ.ศ. 2127]] |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ใน[[พ.ศ. 2134]] โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมา[[พ.ศ. 2135]] โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมา[[คะโต คิโยะมะสะ]] ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว |
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ใน[[พ.ศ. 2134]] โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมา[[พ.ศ. 2135]] โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมา[[คะโต คิโยะมะสะ]] ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว |
||
พระเจ้าซ็อนโจเมื่อ |
พระเจ้าซ็อนโจเมื่อกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า [[พระราชวังต๊อกซู]] ([[ต๊อกซูกุง]]) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซ็อนควรจะรับ[[ปืน]]มาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน [[พ.ศ. 2140]] การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลัก[[ยุทธศาสตร์]] แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง |
||
ใน[[พ.ศ. 2141]] โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน |
ใน[[พ.ศ. 2141]] โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน |
||
== การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก == |
== การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก == |
||
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้า |
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่หลบหนีไปจีน และที่กระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซ็อน ทำให้[[นักประวัติศาสตร์]]กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ |
||
สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่า'''ฝ่ายใต้''' (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่า'''ฝ่ายเหนือ''' (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็น'''ฝ่ายเหนือใหญ่''' (แทบุก) และ'''ฝ่ายเหนือเล็ก''' (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี |
สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่า'''ฝ่ายใต้''' (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่า'''ฝ่ายเหนือ''' (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็น'''ฝ่ายเหนือใหญ่''' (แทบุก) และ'''ฝ่ายเหนือเล็ก''' (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี |
||
พระเจ้า |
พระเจ้าซ็อนโจเหน็ดเหนื่อยหลังจากผ่านวิกฤตมามาก จึงมอบให้[[องค์ชายควางแฮกุน|องค์ชายควางแฮ]]ว่าราชการแทน แต่เมื่อมเหสีอินมอกประสูติองค์ชายยอนชัง ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายเหนือใหญ่และฝ่ายเหนือเล็กขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายเหนือใหญ่สนับสนุนองค์ชาวควางแฮ และฝ่ายเหนือเล็กสนับสนุนองค์ชายยอนชัง |
||
พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ใน[[พ.ศ. 2151]] โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์ |
พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ใน[[พ.ศ. 2151]] โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:32, 16 กุมภาพันธ์ 2560
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน | |||||
---|---|---|---|---|---|
กษัตริย์แห่งโชซ็อน | |||||
ครองราชย์ | 1567∼1608 | ||||
ก่อนหน้า | มยองจง | ||||
ถัดไป | ควางแฮกุน | ||||
ผู้สำเร็จราชการ | องค์ชายควางแฮกุน (1592-1608) | ||||
ประสูติ | ค.ศ. 1552 Indalbang, Seoul ลียอน | ||||
มเหสี | Queen Uiin, Queen Inmok | ||||
พระราชบุตร | Gwanghaegun | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | Yi | ||||
พระราชบิดา | Deokheung Daewongun | ||||
พระราชมารดา | Hadongbu Daebuin Jeong |
พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน | |
ฮันกึล | 선조 |
---|---|
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | Seonjo |
เอ็มอาร์ | Sŏn-jo |
ชื่อเกิด | |
ฮันกึล | 이연 |
ฮันจา | 李蚣 |
อาร์อาร์ | I Yeon |
เอ็มอาร์ | Yi Yŏn |
พระเจ้าซ็อนโจ (เกาหลี: 선조 宣祖) เป็นกษัตริย์ราชวงศ์โชซ็อนองค์ที่ 14 (พ.ศ. 2110 ถึง พ.ศ. 2151) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดของเกาหลีและมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้งการรุกรานของญี่ปุ่นและการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น ลีซุนชิน ลีฮวาง ลีอี แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก
องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของพระเจ้าจุงจงกับพระสนมอันชางบิน เป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ในพ.ศ. 2110 พระเจ้าเมียงจง สิ้นพระชนม์โดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่พระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน
การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยองค์ชายยอนซัน สมัยพระเจ้าจุงจงที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของยุนวอนฮัง พระเจ้าซ็อนโจเปลี่ยนแปลงการสอบควากอ (จอหงวน) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับรัฐศาสตร์การปกครองและประวัติศาสตร์เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบปรัชญาขงจื้อและการแต่งกลอนเท่านั้น
เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ในพ.ศ. 2118 ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง
ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า ฝ่ายตะวันตก (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ ฮันซอง ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่าฝ่ายตะวันออก (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป
จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมืองแคซอง เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ในพ.ศ. 2126 ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวกแมนจูและญี่ปุ่นสะสมกำลังมากขึ้น โชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตในพ.ศ. 2127
การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)
โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ รวบรวมประเทศญี่ปุ่นในยุคเซงโงกุได้สำเร็จ และมีความทะเยอทะยานที่จะพิชิตจีน จึงส่งทูตมาโชซ็อนเพื่อขอความร่วมมือในการบุกยึดจีนในพ.ศ. 2130 โดยผ่านทางตระกูลโซเจ้าครองเกาะซึชิมา ซึ่งเป็นทางเดียวที่โชซ็อนติดต่อกับญี่ปุ่น แต่เจ้าครองเกาะเห็นว่า โชซ็อนไม่มีวันจะเข้ากับญี่ปุ่นรุกรานจีน หากส่งสาสน์ไปจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าที่เกาะซึชิมาพึงมี จึงเปลี่ยนแปลงเนื้อความในสารให้เป็นการทำสัมพันธไมตรีธรรมดา ในพ.ศ. 2133 พระเจ้าซ็อนโจจึงส่งทูตไปขอบพระทัยโทโยโตมิที่เกียวโต แต่โทโยโตมิกำลังทำสงครามกับไดเมียวอื่นอยู่ ทำให้ทูตโชซ็อนต้องรออยู่หลายวัน และโทโยโตมิเข้าใจว่าทูตโชซ็อนมาส่งบรรณาการ จึงไม่ให้การต้องรับอย่างสมเกียรติเท่าที่ควร และเขียนสาสน์อย่างไม่เคารพพระเจ้าซ็อนโจ ให้ร่วมมือกันบุกยึดจีน
การกระทำของโทโยโตมิสร้างความแปลงประหลาดใจและความสงสัยให้กัยโชซ็อนอย่างมาก และไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะมีความสามารถทำอะไรจีนราชวงศ์หมิงได้ ทูตฝ่ายตะวันตกรายงานว่าโทโยโตมิสะสมกำลังกองทัพไว้ขนาดใหญ่มาก แต่ทูตฝ่ายตะวันออกกลับบอกว่ากองทัพนี้เอาไว้รบกับไดเมียวอื่นๆในญี่ปุ่น พระเจ้าซ็อนโจทรงเชื่อฝ่ายตะวันออก และทรงละเลยความเป็นไปได้ของภัยคุกคามจากญี่ปุ่น
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ในพ.ศ. 2134 โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมาพ.ศ. 2135 โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมาคะโต คิโยะมะสะ ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว
พระเจ้าซ็อนโจเมื่อกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า พระราชวังต๊อกซู (ต๊อกซูกุง) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซ็อนควรจะรับปืนมาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน พ.ศ. 2140 การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลักยุทธศาสตร์ แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง
ในพ.ศ. 2141 โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน
การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่หลบหนีไปจีน และที่กระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซ็อน ทำให้นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ
สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่าฝ่ายใต้ (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่าฝ่ายเหนือ (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็นฝ่ายเหนือใหญ่ (แทบุก) และฝ่ายเหนือเล็ก (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี
พระเจ้าซ็อนโจเหน็ดเหนื่อยหลังจากผ่านวิกฤตมามาก จึงมอบให้องค์ชายควางแฮว่าราชการแทน แต่เมื่อมเหสีอินมอกประสูติองค์ชายยอนชัง ก็เป็นเหตุให้ฝ่ายเหนือใหญ่และฝ่ายเหนือเล็กขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายเหนือใหญ่สนับสนุนองค์ชาวควางแฮ และฝ่ายเหนือเล็กสนับสนุนองค์ชายยอนชัง
พระเจ้าซ็อนโจสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2151 โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองยังคุกรุ่น องค์ชายควางแฮสืบบัลงก์ต่อจากพระองค์
พระนามเต็ม
สมเด็จพระราชา ซ็อนโจ แทโจโซคยอง จองรยุน ริปกุ๊ก ซองด็อก ฮงรยอล จิซอง แดอึย คยอกชอล เฮอึน คยองมยอง ซินรยอก ฮงคง ยุนคอป ฮนอนมุน อึยมู ช็อนคเย ดันฮโย แห่งเกาหลี
พระบรมวงศานุวงศ์
- พระราชบิดา: องค์ชายท็อกฮึง แทวอนกุน
- พระราชมารดา: พระนางฮาดง บูแทบูอิน ตระกูลจอง (하동부대부인 정씨)
พระมเหสี
- สมเด็จพระราชินีอึยอิน ตระกูลปาร์ค แห่งบันนัม (의인왕후 박씨)
- สมเด็จพระราชินีอินม๊ก ตระกูลคิม แห่งยอนอัน (인목왕후 김씨)
พระสนม
- พระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งคิมแฮ (공빈 김씨)
- พระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน (인빈 김씨)
- พระสนมซุนบิน ตระกูลคิม (순빈 김씨)
- พระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง (정빈 민씨)
- พระสนมจองบิน ตระกูลฮง แห้งนัมยาง (정빈 홍씨)
- พระสนมอนบิน ตระกูลฮัน แห่งชองจู (온빈 한씨)
- พระสนมควีอิน ตระกูลจอง แห่งยองอิล (귀인 정씨)
- พระสนมซุกอึย ตระกูลจอง แห่งดงแร (숙의 정씨)
- พระสนมโซวอน ตระกูลยุน (폐소원 윤씨) ภายหลังถูกถอดจากตำแหน่งพระสนม
พระราชโอรส
- องค์ชายยองชาง ลีอึย (영창대군 ,永昌大君 ,1606 - 1614) พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีอินม็อก ตระกูลคิม แห่งยอนอัน
- องค์ชายอิมแฮ ลีจิน (임해군 ,臨海君 ,1572 - 1609) พระราชโอรสของพระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งกิมแฮ
- องค์ชายควางแฮ (광해군 ,光海君 ,1575 - 1641)พระราชโอรสของพระสนมกงบิน ตระกูลคิม แห่งกิมแฮ
- องค์ชายอึยอัน ลีซอง (의안군 ,義安君 ,1576 - 1588) พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์ชายซินซอง ลีฮู (신성군 ,信城君 ,1578 - 1592)พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์ชายจองวอน ลีบู (정원군 ,定遠君 ,1580 - 1619) พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์ชายอึยชาง ลีกวาง ( 의창군 ,義昌君 ,1589 - 1645)พระราชโอรสของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์ชายซุนฮวา ลีโบ (순화군 ,順和君 ,1580 - 1607)พระราชโอรสของพระสนมซุนบิน ตระกูลคิม
- องค์ชายอินซอง ลีคง (인성군 ,仁城君 ,1588 - 1628)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
- องค์ชายอินฮึง ลียอง (인흥군 ,仁興君 ,1604 - 1651)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
- องค์ชายคยองชาง ลีจู (경창군 ,慶昌君 ,1596 - 1644)พระราชโอรสของพระสนมจองบิน ตระกูลฮง
- องค์ชายฮึงอัน ลีเจ (흥안군 ,興安君 ,1598 - 1624)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
- องค์ชายคยองพยอง ลีนึก (경평군 ,慶平君 ,1600 - 1673)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
- องค์ชายยองซอง ลีคเย (영성군 ,寧城君 ,1605 - 1649)พระราชโอรสของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
พระราชธิดา
- องค์หญิงจองมยอง (정명공주 ,貞明公主 ,1603 - 1685)พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินม็อก ตระกูลคิม แห่งยอนอัน (ภายหลังองค์หญิงได้กลายเป็นต้นสายตระกูลของพระนางฮอนคยอง พระพันปีหลวง ตระกูลฮง แห่งพุงซาน (헌경왕후 홍씨))
- องค์หญิงจองซิน (정신옹주 ,貞愼翁主 ,1583 - 1653)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์หญิงจองฮเย (정혜옹주 ,靜惠翁主 ,1584 - 1638)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์หญิงจองซุก (정숙옹주 ,貞淑翁主 ,1587 - 1627)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์หญิงจองอัน (정안옹주 ,貞安翁主 ,1590 - 1660)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์หญิงจองฮวี (정휘옹주 ,貞徽翁主 ,1593 - 1653)พระราชธิดาของพระสนมอินบิน ตระกูลคิม แห่งซูวอน
- องค์หญิงจองอิน (정인옹주 ,貞仁翁主 ,1590 - 1656)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
- องค์หญิงจองช็อน (정선옹주 ,貞善翁主 ,1594 - 1614)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
- องค์หญิงจองกึน (정근옹주 ,貞謹翁主 ,1601 - 1613)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลมิน แห่งยอฮึง
- องค์หญิงจองจอง (정정옹주 ,貞正翁主 ,1595 - 1666)พระราชธิดาของพระสนมจองบิน ตระกูลฮง
- องค์หญิงจองฮวา (정화옹주 ,貞和翁主 ,1604 - 1667)พระราชธิดาของพระสนมอนบิน ตระกูลฮัน
ก่อนหน้า | พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าเมียงจง | ประมุขแห่งเกาหลี (พ.ศ. 2110 - พ.ศ. 2151) |
องค์ชายควางแฮ|} |