ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฐานานุกรม"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mahatee (คุย | ส่วนร่วม)
Mahatee (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 17: บรรทัด 17:
# '''ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ''' ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือน[[พระราชาคณะ]]ชั้นสามัญทั่วไป
# '''ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ''' ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือน[[พระราชาคณะ]]ชั้นสามัญทั่วไป
# '''ฐานานุกรมชั้นพระครูปลัดมีราชทินนาม''' พระครูปลัดมีราชทินนามเป็นฐานานุกรมของ[[พระราชาคณะชั้นธรรม]]ขึ้นไปจนถึง[[สมเด็จพระราชาคณะ]] เมื่อได้ตั้งฐานานุกรมชั้นนี้แล้ว ต้องไปแจ้งที่กรมการศาสนาเพื่อขึ้นทะเบียน และจัดนิตยภัตถวายเช่นเดียวกับ[[พระครูสัญญาบัตร]]ทั่วไป
# '''ฐานานุกรมชั้นพระครูปลัดมีราชทินนาม''' พระครูปลัดมีราชทินนามเป็นฐานานุกรมของ[[พระราชาคณะชั้นธรรม]]ขึ้นไปจนถึง[[สมเด็จพระราชาคณะ]] เมื่อได้ตั้งฐานานุกรมชั้นนี้แล้ว ต้องไปแจ้งที่กรมการศาสนาเพื่อขึ้นทะเบียน และจัดนิตยภัตถวายเช่นเดียวกับ[[พระครูสัญญาบัตร]]ทั่วไป
# ฐานานุกรมชั้นพระครูอื่น คือ ฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นราชขึ้นไปจนถึงฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชบางตำแหน่ง เป็นตำแหน่งที่มีคำว่า "พระครู" นำหน้า เช่น พระครูปลัด พระครูวินัยธร เป็นต้น
# '''ฐานานุกรมชั้นพระครูอื่น''' คือ ฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นราชขึ้นไปจนถึงฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชบางตำแหน่ง เป็นตำแหน่งที่มีคำว่า "พระครู" นำหน้า เช่น พระครูปลัด พระครูวินัยธร เป็นต้น อนึ่ง พระครูฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช 4 ตำแหน่งที่อยู่อยู่ระหว่างพระราชาคณะปลัดซ้ายกับพระครูวินัยธร มีสิทธิ์รับพระราชทานนิตยภัตเช่นเดียวกับพระครูปลัดมีราชทินนาม
อนึ่ง พระครูฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช 4 ตำแหน่งที่อยู่อยู่ระหว่างพระราชาคณะปลัดซ้ายกับพระครูวินัยธร มีสิทธิ์รับพระราชทานนิตยภัตเช่นเดียวกับพระครูปลัดมีราชทินนาม
# '''ฐานานุกรมชั้นธรรมดา''' ฐานานุกรมชั้นนี้เป็นของพระราชาคณะชั้นสามัญ มี 3 ตำแหน่งคือ พระปลัด พระสมุห์ และพระใบฎีกา ไม่มีคำว่าพระครูนำหน้า
# '''ฐานานุกรมชั้นธรรมดา''' ฐานานุกรมชั้นนี้เป็นของพระราชาคณะชั้นสามัญ มี 3 ตำแหน่งคือ พระปลัด พระสมุห์ และพระใบฎีกา ไม่มีคำว่าพระครูนำหน้า



รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:39, 14 กุมภาพันธ์ 2560

พระราชาคณะตั้งแต่ชั้นสามัญขึ้นไป สามารถตั้งพระฐานานุกรมของตนได้ตามอัธยาศัย (ในพระบรมราชานุญาต)

ฐานานุกรม คือชื่อเรียกลำดับตำแหน่งสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย ซึ่งภิกษุผู้มีตำแหน่งทางการปกครองหรือมีสมณศักดิ์สูงบางตำแหน่งมีสิทธิ์ตั้งพระรูปอื่นให้เป็นฐานากรมได้ตามศักดิ์ที่ได้รับพระบรมราชานุญาต เช่น พระสงฆ์ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง พระราชาคณะชั้นสามัญตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่ง เป็นต้น ไปจนกระทั่งถึงสมเด็จพระสังฆราชทรงตั้งฐานานุกรมได้ 15 ตำแหน่ง

ฐานานุกรมนั้นมีตำแหน่งที่เป็นหลัก 3 ตำแหน่ง คือ พระปลัด พระสมุห์ พระใบฎีกา หากพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ที่มีสิทธิ์ตั้งฐานานุกรมเป็นผู้ที่มีสมณศักดิ์ตั้งแต่พระราชาคณะชั้นราชขึ้นไป พระฐานานุกรมที่ท่านเหล่านั้นตั้ง จะเรียก "พระครู" นำหน้าตำแหน่งฐานานุกรมนั้นทุกตำแหน่ง เช่น พระครูปลัด พระครูสังฆรักษ์ เป็นต้น

สิทธิในการให้พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์สามารถแต่งตั้งพระฐานานุกรมได้ จะมีระบุไว้ในสัญญาบัตรพระราชทานสมณศักดิ์ ว่าให้สามารถตั้งได้เท่านั้นเท่านี้รูป ซึ่งพระสงฆ์ผู้ได้รับพระราชทานสิทธิในการตั้งพระฐานานุกรม จะตั้งหรือไม่ตั้งก็ได้ หรือจะตั้ง แต่ตั้งเพียงจำนวนเท่าที่เห็นควรก็ได้ ไม่จำต้องตั้งทั้งหมด

ตำแหน่งเหล่านี้เดิมมีพัดยศของหลวงพระราชทานมาให้ แต่ปัจจุบันนี้ต้องจัดทำเอง โดยพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์ที่มีสิทธิ์แต่งตั้งฐานานุกรมจะแต่งตั้งพระสงฆ์รูปใดในศิษยานุศิษย์ของตน ก็สุดแล้วแต่อัธยาศัย ทางการไม่ได้เกี่ยวข้องในการแต่งตั้งพระฐานานุกรม เพียงแต่รับรู้เท่านั้น

ภิกษุผู้ได้รับแต่งตั้งในลักษณะนี้เรียกว่า พระฐานานุกรม ทุกรูปจัดเป็นพระมีสมณศักดิ์เหมือนพระสมณศักดิ์ที่ทรงแต่งตั้ง พระในตำแหน่งเหล่านี้บางทีเรียกประทวนสัญญาบัตร บ้าง ฐานาประทวน บ้าง และเนื่องจากสมณศักดิ์เหล่านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้พระราชทานเอง ดังนั้นเมื่อพระสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์ที่ได้ตั้งฐานานุกรมไว้มรณภาพ ตำแหน่งฐานานุกรมต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นอันสิ้นสุดไปด้วย เรียกกันในภาษาปากว่า พระครูม่าย หรือ ฐานาม่าย จนกว่าจะได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมใหม่

ในอดีต ตำแหน่งฐานานุกรมบางตำแหน่งมีลำดับสมณศักดิ์สูงกว่าพระมหาเปรียญ จึงมีบางครั้งที่พระมหาเปรียญก็อาจได้รับแต่งตั้งฐานานุกรมบ้าง ซึ่งเรียกกันในภาษาปากว่า ฐานาทรงเครื่อง หรือ พระครูทรงเครื่อง คือมีทั้งตำแหน่งมหาเปรียญและฐานานุกรมในคราวเดียวกัน

ประเภทของฐานานุกรม

ฐานานุกรมแบ่งได้ 4 ตำแหน่ง ได้แก่

  1. ฐานานุกรมชั้นพระราชาคณะ ตำแหน่งนี้มีเฉพาะฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น มี 2 ตำแหน่งคือ พระราชาคณะปลัดขวาและพระราชาคณะซ้าย (บางสมัยอาจมีพระราชาคณะปลัดกลาง) และฐานานุกรมชั้นนี้สามารถตั้งฐานานุกรมได้ 3 ตำแหน่งเหมือนพระราชาคณะชั้นสามัญทั่วไป
  2. ฐานานุกรมชั้นพระครูปลัดมีราชทินนาม พระครูปลัดมีราชทินนามเป็นฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นธรรมขึ้นไปจนถึงสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อได้ตั้งฐานานุกรมชั้นนี้แล้ว ต้องไปแจ้งที่กรมการศาสนาเพื่อขึ้นทะเบียน และจัดนิตยภัตถวายเช่นเดียวกับพระครูสัญญาบัตรทั่วไป
  3. ฐานานุกรมชั้นพระครูอื่น คือ ฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นราชขึ้นไปจนถึงฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชบางตำแหน่ง เป็นตำแหน่งที่มีคำว่า "พระครู" นำหน้า เช่น พระครูปลัด พระครูวินัยธร เป็นต้น อนึ่ง พระครูฐานานุกรมของสมเด็จพระสังฆราช 4 ตำแหน่งที่อยู่อยู่ระหว่างพระราชาคณะปลัดซ้ายกับพระครูวินัยธร มีสิทธิ์รับพระราชทานนิตยภัตเช่นเดียวกับพระครูปลัดมีราชทินนาม
  4. ฐานานุกรมชั้นธรรมดา ฐานานุกรมชั้นนี้เป็นของพระราชาคณะชั้นสามัญ มี 3 ตำแหน่งคือ พระปลัด พระสมุห์ และพระใบฎีกา ไม่มีคำว่าพระครูนำหน้า

ฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร)
ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป คือ[1]
  • พระมหาคณิสร พุทธศาสนิกนิกรปสาทาภิบาล สกลสังฆประธานมหาสถาวีรกิจการี นายกบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระจุลคณิศร สัทธรรมนิติธรมหาเถราธิการ คณกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)

ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป คือ[2]

  • พระมหานายก พุทธปาพจนดิลกโลกยปสาทาภิบาล สกลสังฆประธานมหาเถรกิจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระจุลนายก ธรรมนีติสาธกมหาเถราธิการ คณะกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน)

ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป คือ[1]

  • พระมหาคณิศร พุทธศาสนิกนิกรปสาทาภิบาล สกลสังฆประธานมหาสถาวีรกิจการี นายกบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระจุลคณิศร สัทธรรมนิติธรมหาเถราธิการ คณกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ)

ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป[3]

  • พระทักษิณคณาธิกร สุนทรธรรมสาธก พุทธปาพจนดิลกมหาเถรกิจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระอุดรคณาภิรักษ์ อัครศาสนกิจบรรหาร มหาเถราธิการธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี)

ตั้งฐานานุกรมได้ 16 รูป คือ[4]

  • พระมหาคณานุศิษฏ์ สังฆอิสริยาลงกรณ์ สุนทรธรรมสาทก พุทธปาพจนดิลกมหาเถรกิจจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระจุลคณานุศาสก์ วิจารโณภาสภาคยคุณ สุนทรศาสนกิจบรรหาร มหาเถราธุรกิจจการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย)

ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป คือ[5]

  • พระมหาคณานุศิษฏ์ สังฆอิสริยาลงกรณ์ สุนทรธรรมสาธก พุทธปาพจนดิลกมหาเถรกิจจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระจุลคณานุศาสน์ วิจารโณภาสภาคยคุณ สุนทรศาสนกิจบรรหาร มหาเถราธิการธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ)

ตั้งฐานานุกรมได้ 15 รูป คือ[6]

  • พระทักษิณคณาธิกร สุนทรธรรมนายก พุทธปาพจนดิลกมหาเถรกิจจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระอุดรคณาภิรักษ์ อัครศาสนกิจบรรหาร มหาเถราธิการธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)

ตั้งฐานานุกรมได้ 16 รูป คือ[7]

  • พระครูปลัดสัมพิพรรฒศีลาจารย์ ญาณวิมล สกลคณิศร อุดรสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต
  • พระครูปลัดวาจีคณานุสิชฌน์ สังฆอิศริยาลังการ วิจารณกิจโกศล วิมลสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต
  • พระครูปลัดอุทิจยานุสาสน์ วิจารโณภาษภาคยคุณ สุนทรสังฆานุคติ วิสุทธิสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต

รายนามฐานานุกรม ในพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส

  • พระทักษิณคณิสสร บวรสังฆสิทธิการ วิจารณกิจโกศล สกลมหาคณาธิบดี ตรีปิฎกธรรมรักขิต พระราชาคณะปลัดขวา
  • พระอุดรคณารักษ์ อรรควิจารณคุณ วิบุลญาณอนันต์ สรรพมหาคณาธิบดี ตรีปิฎกธรรมรักขิต พระราชาคณะปลัดซ้าย
  • พระสมุหวรคณิสสรสิทธิการ พิศาลวรกิจโกศล โสภณศีลาจารนืวิฐ พิพิธมหาคณาธิบดี ตรีปิฎกธรรมรักขิต พระราชาคณะปลัดกลาง

รายนามฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นต่างๆ

สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง พระราชาคณะชั้นธรรม พระราชาคณะชั้นเทพ พระราชาคณะชั้นราช พระราชาคณะชั้นสามัญ
  • พระครูปลัดมีราชทินนาม ๑
    (พระครูปลัดสัมพิพัฒน...จารย์)
  • พระครูวินัยธร ๑
  • พระครูธรรมธร ๑
  • พระครูคู่สวด ๒
  • พระครูรองคู่สวด ๒
  • พระครูสังฆรักษ์
    มีราชทินนาม ๑
  • พระครูสมุห์ ๑
  • พระครูใบฎีกา ๑
  • พระครูปลัดมีราชทินนาม ๑
    (พระครูปลัดสุวัฒน...คุณ)[# 1]
  • พระครูวินัยธร ๑
  • พระครูธรรมธร ๑
  • พระครูคู่สวด ๒
  • พระครูสังฆรักษ์
    มีราชทินนาม ๑
  • พระครูสมุห์ ๑
  • พระครูใบฎีกา ๑
  • พระครูปลัดมีราชทินนาม ๑
    (พระครูปลัด...วัฒน์)[# 2]
  • พระครูวินัยธร ๑
  • พระครูธรรมธร ๑
  • พระครูสังฆรักษ์ ๑
  • พระครูสมุห์ ๑
  • พระครูใบฎีกา ๑
  • พระครูปลัด ๑
  • พระครูวินัยธร ๑
  • พระครูสังฆรักษ์ ๑
  • พระครูสมุห์ ๑
  • พระครูใบฎีกา ๑
  • พระครูปลัด ๑
  • พระครูสังฆรักษ์ ๑
  • พระครูสมุห์ ๑
  • พระครูใบฎีกา ๑
  • พระปลัด ๑
  • พระสมุห์ ๑
  • พระใบฎีกา ๑
หมายเหตุ
  1. ยกเว้นพระครูปลัด ฐานานุกรมในพระสาสนโสภณ จะมีราชทินนามว่า พระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ
  2. ในพระราชาคณะชั้นธรรมบางรูป จะมีฐานานุกรมที่ลงท้ายด้วย "วัตร" เช่น พระธรรมราชานุวัตร มีพระครูปลัด มีราชทินนามว่า พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร เป็นต้น

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/B/005/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๕ข วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ หน้า ๒-๓
  2. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2532/A/063/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๖ ตอนที่ ๖๓ วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๓๒ ฉบับพิเศษ หน้า ๖-๗
  3. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2515/A/114/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๑๑๔ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ฉบับพิเศษ หน้า ๖-๗
  4. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2508/A/102/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๒ ตอนที่ ๑๐๒ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๐๘ ฉบับพิเศษ หน้า ๕-๖
  5. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2506/A/045/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๘๐ ตอนที่ ๔๕ วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๖ ฉบับพิเศษ หน้า ๔
  6. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2503/A/038/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๗ ตอนที่ ๓๘ วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๓ ฉบับพิเศษ หน้า ๗
  7. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2436/036/388.PDF ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 10 หน้า 389-390