ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Earthpanot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนกลับไปรุ่นที่ 6808841 โดย 202.12.73.146ด้วยสจห.
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 46: บรรทัด 46:


== ประวัติสโมสร ==
== ประวัติสโมสร ==
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจาก[[สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค]] ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี [[พ.ศ. 2513]] โดยดร.[[วีระ ปิตรชาติ]] มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงาน[[การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค]]ได้ออกกำลังกายและสร้างความสามัคคีร่วมกันในหมู่คณะ
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจาก[[สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค]] ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี [[พ.ศ. 2513]] โดยดร.[[วีระ ปิตรชาติ]] มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงาน[[การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค]]ได้ออกกำลังกายและสร้างความขัดแย้งคีร่วมกันในหมู่คณะ


ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2535]] สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกใน[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน]] ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน[[ไทยลีก ดิวิชัน 1|ดิวิชั่น 1]]ได้สำเร็จ
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2535|พ.ศ. 2835]] สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกใน[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน]] ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน[[ไทยลีก ดิวิชัน 1|ดิวิชั่น 1]]ได้สำเร็จ


หลังจากลงเล่นใน[[ไทยลีก ดิวิชัน 1|ดิวิชั่น 1]]อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นใน[[ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]]เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และ[[ศุภกิจ จินะใจ]] กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ[[ศรายุทธ ชัยคำดี]] กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่น[[เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก]] เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับ[[สโมสรฟุตบอลยาสูบ]] อีกด้วย แต่ทั้ง 2 สโมสรกลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซีไม่ทันตามที่กำหนด จึงทำให้ทั้ง 2 สโมสรถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่นในรายการระดับทวีปในท้ายที่สุด
หลังจากลงเล่นใน[[ไทยลีก ดิวิชัน 1|ดิวิชั่น 100000000000000000000000]]อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นใน[[ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]]เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และ[[ศุภกิจ จินะใจ]] กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ[[ศรายุทธ ชัยคำดี]] กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่น[[เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก]] เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับ[[สโมสรฟุตบอลยาสูบ]] อีกด้วย แต่ทั้ง 2 สโมสรกลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซีไม่ทันตามที่กำหนด จึงทำให้ทั้ง 2 สโมสรถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่นในรายการระดับทวีปในท้ายที่สุด


ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์[[ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]] ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของ[[ประพล พงษ์พาณิชย์]]และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขัน[[เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก]] รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552
ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์[[ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]] ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของ[[ประพล พงษ์พาณิชย์]]และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขัน[[เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก]] รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:10, 30 มกราคม 2560

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ฉายาปราสาทสายฟ้า
(The Thunder Castles)
ก่อตั้งพ.ศ. 2513
สนามไอโมบายสเตเดียม
จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย
Ground ความจุ32,600
ประธานเนวิน ชิดชอบ
หัวหน้าผู้ฝึกสอนรันกอ ปอปอวิช
ลีกไทยลีก
2559ไทยลีก, อันดับที่ 4
เว็บไซต์เว็บไซต์สโมสร
สีชุดทีมเยือน
สีชุดที่สาม
ฤดูกาลปัจจุบัน

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Buriram United F.C.) เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย ก่อตั้งสโมสรในปี พ.ศ. 2513 โดยปัจจุบันลงเล่นในไทยลีก

ประวัติสโมสร

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจากสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 โดยดร.วีระ ปิตรชาติ มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกกำลังกายและสร้างความขัดแย้งคีร่วมกันในหมู่คณะ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2835 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1ได้สำเร็จ

หลังจากลงเล่นในดิวิชั่น 100000000000000000000000อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และศุภกิจ จินะใจ กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 ร่วมกับสโมสรฟุตบอลยาสูบ อีกด้วย แต่ทั้ง 2 สโมสรกลับส่งรายชื่อผู้เล่นให้เอเอฟซีไม่ทันตามที่กำหนด จึงทำให้ทั้ง 2 สโมสรถูกตัดสิทธิและพลาดโอกาสลงเล่นในรายการระดับทวีปในท้ายที่สุด

ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของประพล พงษ์พาณิชย์และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552

ฤดูกาล 2552 สโมสรตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้ และมีผลงานในลีกไม่ดีนัก สโมสรจึงได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 จากประพล พงษ์พาณิชย์ เป็นทองสุข สัมปหังสิต อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา

การซื้อกิจการสโมสร

การซื้อกิจการสโมสรเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล 2552 จากความต้องการของนายเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องการซื้อหุ้นทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ย้ายไปเล่นในนามจังหวัดบุรีรัมย์เป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็สร้างทีมใหม่อีกหนึ่งทีม ไต่อันดับขึ้นมาจากดิวิชันต่ำสุด[1] ในเบื้องต้นได้เจรจากับสโมสรฟุตบอลตำรวจ แต่ได้รับการปฏิเสธ [2] นายเนวินได้มีการเจรจาในเบื้องต้นกับสโมสรฟุตบอลทีโอทีและสโมสรฟุตบอลทหารบก[3] แต่ตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดจึงได้มีการซื้อขายหุ้นของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งมีผลงานสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 9 ทางสโมสรได้ตกลงที่จะย้ายสนามแข่งจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์[2] หลังจากนั้นทางสโมสรได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีมเป็นบุรีรัมย์-พีอีเอ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารทั้งหมดและทีมผู้ฝึกสอนบางส่วน

ฤดูกาล 2553 - 2554

บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเป็นแชมป์ไทยเอฟเอคัพในปี พ.ศ. 2554

การเข้ามาของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ ส่งผลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาทีมอย่างมาก มีการนำระบบบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท เช่น การทำสัญญาจ้างนักฟุตบอล การเจรจา และทำสัญญาซื้อขายนักฟุตบอลด้วยสัญญามาตรฐาน การสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ตามมาตรฐานของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อใช้เป็นสนามเหย้า การจัดทำระบบบัญชี การเงิน กฎหมาย การตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความนิยมให้แก่ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ และ ความน่าเชื่อถือแก่บริษัท

ผลจากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนใหม่ ส่งผลให้บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว มีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก หรือแฟนคลับ มากถึง 65,000 คน [4] มีผู้เข้าชมเกมการแข่งขัน นัดละไม่น้อยกว่า 10,000 คน เมื่อเป็นเจ้าบ้าน และเมื่อเป็นทีมเยือน จะมีแฟนบอลติดตามไปชมไม่น้อยกว่า 1,500 คน อีกทั้งยังเป็นทีมที่สร้างสถิติผู้เข้าชมสูงสุดของไทยพรีเมียร์ลีก คือ 25,000 คน และ สร้างสถิติจำหน่ายของที่ระลึกได้สูงสุด 1,400,000 บาท ภายในวันเดียว คือนัดที่เตะกับเมืองทองยูไนเต็ด เมื่อวันที่ กันยายน 2553 [4]

ในฤดูกาล 2554 ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอได้เป็นแชมเปียนไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก หลังจากเอาชนะ ทีมสโมสรฟุตบอลทหารบก ที่สนามกีฬากองทัพบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ได้คะแนน 75 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง ทั้งที่ยังมีการแข่งขันเหลืออีก 4 นัด [5] โดยมีพิธีมอบถ้วยรางวัลหลังการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล [6]

และยังได้ทริปเปิลแชมป์ หรือ 3 แชมป์ ในฤดูกาลเดียวกัน เมื่อเอาชนะทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ 2-0 ที่สนามศุภชลาศัย ได้แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ หลังจากการได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และไทยคม เอฟเอคัพ ไปแล้ว[7] โดยถือว่าเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทำได้[8]

และยังได้แชมป์ที่ 4 ด้วยการเอาชนะ ทีมเวกัลตะ เซนได จากเจลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในรายการโตโยต้า พรีเมียร์คัพ ไปได้ 5-3 หลังในเวลาเสมอกัน 1-1[9]

ฤดูกาล 2555 - 2557

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แคมป์

ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ฝ่ายเจ้าของสิทธิ์ของสโมสรเดิม คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเดิมอยู่ในการกำกับดูแลของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล จาก พรรคภูมิใจไทย ได้เปลี่ยนมาอยู่ในการกำกับดูแลของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ จาก พรรคเพื่อไทย ได้มีนโยบายที่จะย้ายสโมสรออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่าฝ่ายนายเนวินจะขายหุ้น 70% [1] ที่ตนถืออยู่ออกไป จะแยกทีมการไฟฟ้าออกจากจังหวัดบุรีรัมย์และย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ส่วนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอเดิม จะไปรวมกับสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เอฟซี ที่ได้แชมเปียนไทยลีกดิวิชั่น 1 และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2555 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" [10]

นายเนวินกล่าวว่า ในฤดูกาล 2555 สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (บุรีรัมย์ เอฟซีเดิม) จะลงเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก และเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ด้วยโควตาชนะเลิศฤดูกาล 2554 ของบุรีรัมย์-พีอีเอ [11]

เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555 นายเนวินได้เปิดแถลงข่าวว่า ได้ซื้อหุ้นอีก 30% ของสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมทั้งสิทธิทั้งหมดในนามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากนั้นจะเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ตามแผนเดิม ส่วนสิทธิการเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกของบุรีรัมย์ เอฟซีนั้น จะโอนให้กับ สงขลา เอฟซี ของนายนิพนธ์ บุญญามณี ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น จะไม่มีการส่งทีมเข้าแข่งขันรายการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกต่อไป [12]

ในฤดูกาล 2555 บุรีรัมย์จบอันดับ 4 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 ด้วยการชนะอาร์มี่ ยูไนเต็ด ไป 2–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 รอบคัดเลือก[13] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 4–1[14] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย ในฤดูกาล 2556 บุรีรัมย์จบอันดับ 1ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2556 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556ด้วยการชนะ สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส ไป 3–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม[15] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2556สมัยที่3 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 2–1[16] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม

ในฤดูกาล 2557 บุรีรัมย์คว้าแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. และ แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557 จบอันดับ 1ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2557

ฤดูกาล 2558

ถือเป็นปีทองของทัพ ปราสาทสายฟ้า เมื่อสามารถคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้ถึง 5 รายการ แม้ว่าจะตกรอบแบ่งกลุ่มของศึกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกก็ตาม ซึ่งก่อนที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มต้น ปราสาทสายฟ้า เสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กรวิทย์ นามวิเศษ, นฤพล อารมณ์สวะ, โก ซุล-กิ, กิลแบร์โต มาเชนา, ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังของทีมในฤดูกาล 2558

เปิดฉากความยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์แรก ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ด้วยการเอาชนะ กระต่ายแก้ว บางกอกกล๊าส เอฟซี ไป 1-0 จากประตูชัยของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 56[17]

เดินหน้าต่อกับแชมป์ที่ 2 โตโยต้า ลีกคัพ สมัย 4 สามารถเอาชนะ กูปรีอันตราย ศรีสะเกษ เอฟซี ที่เพิ่งเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรก ไป 1-0 จากประตูชัยของ โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 18[18]

สานต่อความสำเร็จในปีนี้ ด้วยแชมป์ที่ 3 ไทยพรีเมียร์ลีก และเป็นแชมป์ไร้พ่ายอีกด้วย โดยไม่แพ้ใครตลอด 34 นัด ชนะ 25 นัด และเสมอไป 9 นัด ทำประตูได้ถึง 98 ลูก มากที่สุดในลีก และเสียไปเพียง 24 ประตู ซึ่งน้อยที่สุดในลีก แถมจบซีซั่นด้วยการมีแต้มมากกว่า กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ถึง 13 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกันของ ปราสาทสายฟ้า นอกจากนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ยังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังโชว์ฟอร์มสุดโหดเหี้ยม ซัดไป 33 ประตูอีกด้วย ส่วนคู่หู่ในแนวรุกของเขาอย่าง กิลแบร์โต มาเชนา ก็ยิงไป 21 ประตู ได้อันดับ 3 ขณะที่ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทย ก็ทำแอสซิสต์ ไป 19 ครั้ง ซึ่งสูงสุดในลีกปีนี้

ตามมาติด ๆ กับแชมป์ที่ 4 แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ปราสาทสายฟ้า ในฐานะแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ พบกับ สิงห์ร้ายแห่งนครวัด เบิงเกต อังกอร์ ทีมชั้นนำแห่งศึกฟุตบอลลีกกัมพูชา ในศึกฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรีเพื่อชิงความเป็นเจ้าสโมสรแห่งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเอาชนะไปได้ 1-0 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตูเญซ ในนาทีที่ 67 ช่วยให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง[19]

และปิดท้ายปี พ.ศ. 2558 อย่างสมบูรณ์แบบ กับแชมป์ที่ 5 ช้าง เอฟเอคัพ โดยการเอาชนะ กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่ปรับเก่าสมัยไทยพรีเมียร์ลีกไป 3-1 จากลูกจุดโทษของ อันเดรส ตูเญซ ในนาทีที่ 45, โก ซุล-กิ ในนาทีที่ 51 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 70 คว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 4[20] และเป็นถ้วยแชมป์ที่ 5 ในปีนี้ รวมทั้งกลายเป็นสโมสรแรกจากทวีปเอเชีย ที่คว้าถ้วยรางวัล 5 ใบได้สำเร็จในฤดูกาลเดียวอีกด้วย[21]

ตกต่ำ

การเสริมทัพและกระชับมิตร

หลังฤดูกาลที่แล้วสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการ ปราสาทสายฟ้า ก็ได้มีการเสริมทัพนักเตะเข้าสู่ทีมเพิ่มอีกหลายรายเพื่อป้องกันทั้ง 5 แชมป์ในฤดูกาล 2559 และคว้าแชมป์ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น อดุล หละโสะ, อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริตซ์, ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า, สถาพร แดงสี, อนันต์ บัวแสง, เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่[22] และได้จัดการแข่งขันรายการ ช้าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอเชียนทัวร์ 2016 ขึ้นในวันที่ 22 - 31 มกราคม โดยรายได้มอบให้กับการกุศล โดยนัดแรกไปเยือน กัมพูชา ออลสตาร์ ในวันที่ 22 มกราคม จบ 90 นาทีเสมอกันที่ 2-2 โดยฝั่ง ปราสาทสายฟ้า ได้ประตูจาก สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีมในนาทีที่ 45 และ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองในภายหลังในนาทีที่ 83 ส่งผลให้ต้องดวลจุดโทษกันและเป็น กัมพูชา ออลสตาร์ ที่ชนะไป 4-3 รวมผลสกอร์ 6-5[23] แต่หลังจากนันก็มาพลิกล็อกใน 2 นัดสุดท้าย ซึ่งชนะทั้งหมด โดยเปิดบ้านชนะ โปฮัง สตีลเลอส์ ยอดทีมจาก เคลีก ในประเทศเกาหลีใต้ ไป 2-1 จาก อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริทซ์ ในนาทีที่ 9 และ ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า ในนาทีที่ 33[24] และบุกไปชนะ ออลสตาร์ ลาว ไป 3-1 จาก อังเดร ฟรานซิสโก้ โมริทซ์ ในนาทีที่ 2 และ 30 และจุดโทษโดย อันเดรส ตูเญซ ในนาทีที่ 24[25] หลังจากนั้น ดานิโล ซิลิโน่ เดอ โอลิเวียร่า ย้ายทีมแต่ก็ได้กองหน้าคนใหม่ คือ ไคโอะ ฟิลิปเป้ กอนซาเวซ รวมทั้ง คิม ซึง ยอง และ เวสลีย์ เฟย์โตซ่า

โตโยต้า พรีเมียร์คัพ

หลังจากเตรียมทีมมา 1 เดือน ปราสาทสายฟ้า ก็สามารถคว้าแชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2015 เป็นแชมป์แรกได้สำเร็จ โดยเอาชนะ อัลบิเร็กซ์ นีงะตะ จากเจลีกไปได้ 2-1 จากลูกเตะมุมของ ธีราทร บุญมาทัน เปิดให้กับ โก ซุล-กิ โหม่งในนาทีที่ 50 และ 79[26]

ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก.

หลังจาก โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2015 1 สัปดาห์ ปราสาทสายฟ้า ก็สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก. ได้อีกสมัย โดยสามารถเอาชนะคู่ปรับที่ยังไม่เคยชนะ ปราสาทสายฟ้า ได้เลย คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปได้ถึง 3-1 จาก ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ในนาทีที่ 14, จุดโทษของ อันเดรส ตูเญซ ในนาทีที่ 66 และ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาทีที่ 83[27]

เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก

ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ปราสาทสายฟ้า ซึ่งถูกจับอยู่ในกลุ่มเอฟร่วมกับ เอฟซี โซล, ซานตง ลู่เนิง และ ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ปรากฏว่าทำผลงานได้ย่ำแย่มาก ไม่ชนะใครเลย เสมอ 1 และแพ้ 5 ตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยเป็นทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม และเป็นทีมที่สถิติที่แย่ที่สุดของเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในปีนี้อีกด้วย[28]

ไทยลีก

ในไทยลีก ปราสาทสายฟ้า แข่งทั้งหมด 30 นัด มี 55 คะแนน ชนะ 15 เสมอ 10 แพ้ 5 อยู่อันดับที่ 4 ไม่สามารถไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2553[29]

โตโยต้า ลีกคัพ

ในโตโยต้า ลีกคัพ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์ร่วมกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดย ปราสาทสายฟ้า เลือกลงแข่งขันแม่โขงคลับแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2016–17

การเสริมทัพกลางฤดูกาล

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 แฟนเพจอย่างเป็นทางการของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด [30] เปิดเผยแถลงข่าวการขาย ธีราทร บุญมาทัน ให้กับทีมร่วมลีกอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข้อเสนอซื้อจากหลายทีม [31]

สนาม

ไอโมบายสเตเดียม

ไอ-โมบาย สเตเดียม หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ธันเดอร์ คาสเซิล สเตเดียม (อังกฤษ: i-Mobile Stadium, Thunder castle Stadium, Buriram Stadium) เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 35,000 ที่นั่ง โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน[32]

เขากระโดง สเตเดี้ยม

เขากระโดง สเตเดี้ยม
เขากระโดง สเตเดี้ยม
ไฟล์:เขากระโดง สเตเดี้ยม.jpg
ที่ตั้งอำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย
เจ้าขององค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์
ผู้ดำเนินการองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์
ความจุ15,000 ที่นั่ง
เปิดใช้สนาม27 มีนาคม พ.ศ. 2553
การใช้งาน
องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์

เขากระโดง สเตเดี้ยม เป็นสนามเหย้าเดิมของ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 32,600 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม และเปิดรันเวย์สนามบินใช้เฉพาะนักเตะฟุตบอลเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการในปี 2555 และปัจจุบันก็ได้โอนสนามให้เป็นของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศูนย์ราชการศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ โดยมีสนามนี้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย

บันทึกคะแนนตามฤดูกาล

ฤดูกาล ลีก[33] เอฟเอคัพ ลีกคัพ โตโยต้าพรีเมียร์คัพ ควีนสคัพ ถ้วย ก เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก เอเอฟซีคัพ อาเซียนคลับ แม่โขงคลับ ผู้ทำประตูสูงสุด
ดิวิชัน P W D L F A Pts Pos ชื่อ ประตู
2004–05 TPL 18 9 5 4 23 19 32 2  –  –  –  –  –  –  – GR  – ศุภกิจ จินะใจ 10
2006 TPL 22 6 4 12 23 32 22 10  –  –  –  –  – DQ  –  –  – ศุภกิจ จินะใจ 7
2007 TPL 30 13 3 14 35 40 42 8  –  –  –  –  –  –  –  –  – ธนา ชะนะบุตร 7
2008 TPL 30 18 7 5 38 15 61 1  –  –  –  –  –  –  –  –  – รณชัย รังสิโย 16
2009 TPL 30 9 9 12 37 41 36 9 R4  –  – รอบน็อคเอ้าท์ RU QR1 GR  –  – สุริยา ดอมไธสง 9
2010 TPL 30 17 12 1 51 19 63 2 R4 RU  – ไม่ได้เข้าร่วม  –  –  –  –  – สุเชาว์ นุชนุ่ม 11
2011 TPL 34 26 7 1 64 15 85 1 W W  –  –  –  –  –  –  – แฟรงค์ โอฮานด์ซา 19
2012 TPL 34 14 12 8 60 40 54 4 W W W  – RU GR  –  –  – แฟรงค์ โอโปคู 12
2013 TPL 32 23 9 0 73 23 78 1 W W RU  – W QF  –  –  – การ์เมโล กอนซาเลซ 23
2014 TPL 38 23 10 5 69 26 79 1 R4 RU W  – W GR  –  –  – คาเบียร์ ปาตีโญ 21
2015 TPL 34 25 9 0 98 24 84 1 W W  –  – W GR  –  – W ดิโอโก 33
แชมเปียนส์ รองชนะเลิศ อันดับที่ 3 เลื่อนชั้น ตกชั้น กำลังแข่งขัน

ผู้เล่น

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
1 GK ไทย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (รองกัปตันทีมที่ 2)
2 DF ไทย ยศวรรธน์ มนทา
3 DF ไทย พรรษา เหมวิบูลย์
4 DF ไทย นฤพน พุฒซ้อน
6 MF บราซิล รูเบนิลซง คานู
7 MF เกาหลีใต้ โก ซุล-กิ
8 MF ไทย สุเชาว์ นุชนุ่ม (กัปตันทีม)
10 MF ไทย จักรพันธ์ แก้วพรม (รองกัปตันทีมที่ 1)
11 DF ไทย กรกช วิริยอุดมศิริ
13 DF ไทย นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม
14 DF ไทย ชิติพัทธ์ แทนกลาง
16 DF ไทย กรวิทย์ นามวิเศษ
17 MF ไทย อนาวิน จูจีน
18 FW ไทย สิทธิโชค กันหนู
19 MF ไทย ศุภโชค สารชาติ
20 FW บราซิล โรฌีรีอู
21 MF ไทย จิตปัญญา ทิสุด
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
22 FW ไทย ศุภชัย ใจเด็ด
23 MF ไทย อาเลซันแดร์ ซีกฮาร์ท
26 MF ไทย รัตนากร ใหม่คามิ
29 GK ไทย ยศพล เทียงดาห์
30 MF ไทย ซากีรีน ตีกาสม
31 DF ไทย อับดุลฮาฟิส บือราเฮง
32 FW ไทย อาทิตย์ บุตรจินดา
33 GK ไทย ชินพงศ์ รักษี
34 DF ไทย อานนท์ อมรเลิศศักดิ์
35 DF ไทย ปฏิภาณ อุ่นอบ
37 MF ไทย อดิศักดิ์ เส็นสมเอียด
40 FW บราซิล จีโอกู ลูอิส ซังตู
42 DF ไทย อดิศักดิ์ นารัตน์โท
43 DF ไทย จักรพงษ์ สืบสมุทร
44 DF ไทย อมเรศ อมรเลิศศักดิ์
50 FW บราซิล ชาชา
DF ไทย สถาพร แดงศรี

ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
DF ไทย นัสตพล มาลาพันธ์ (ไป ชลบุรี จนจบฤดูกาล)
FW บราซิล วีสลีย์ (ไป โชนัน เบลมาเร)

ผู้ฝึกสอนชุดปัจจุบัน

ตำแหน่ง ชื่อ
หัวหน้าผู้ฝึกสอน เซอร์เบีย รันกอ ปอปอวิช
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน เซอร์เบีย วลาดีคา กรูจิช
ผู้ฝึกสอนการรักษาประตู เซอร์เบีย ซอรัน มียานอวิช
ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค เซอร์เบีย บอซีดาร์ บันดอวิช
หัวหน้าศูนย์พัฒนาเยาวชน บราซิล โชเซ อัลวีส บอร์ชีส

ผู้ฝึกสอน

รายชื่อผู้ฝึกสอน (2550 - ปัจจุบัน)

ชื่อ สัญชาติ ระยะเวลา ความสำเร็จ
โชเซ อัลเวส เบอร์วิส บราซิล 2550-2550
ประพล พงษ์พาณิชย์ ไทย 2551-2552 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551
ทองสุข สัมปหังสิต ไทย พฤษภาคม 2552-ตุลาคม 2552
ธนเดช ฟูประเสริฐ ไทย พฤศจิกายน 2552-พฤษภาคม 2553
อรรถพล บุษปาคม ไทย 2 พฤษภาคม 2553- 2 พฤษภาคม 2556 รองแชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553
รองแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2553
แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2554
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2554
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2554
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2555
รองแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2555
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2556
สกอตต์ คูเปอร์ อังกฤษ 2 พฤษภาคม 2556 - 10 กันยายน 2556
อาเลคันโดร เมเนนเดส การ์ซีอา สเปน 10 กันยายน 2556 - 11 เมษายน 2557 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2556
แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2556
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2556
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2557
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2557
โบซิดาร์ บันโดวิช เซอร์เบีย 11 เมษายน 2557-8 มิถุนายน 2557
อาเลชังดรี กามา บราซิล 8 มิถุนายน 2557-22 พฤษภาคม 2559 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2557
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2558
แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2558
แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2558
แชมป์ แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ 2558
แชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ 2558
แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2558
แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2559
อัฟชิน ก็อตบี อิหร่าน 24 พฤษภาคม 2559-20 สิงหาคม 2559
รันกอ ปอปอวิช เซอร์เบีย 25-สิงหาคม 2559-

เกียรติประวัติ

ทีม ชนะเลิศ รองชนะเลิศ ปีชนะเลิศ ปีรองชนะเลิศ ปีที่เข้ารอบสูงสุด รอบ
เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 0 0 - - 2008, 2009, 2012 , 2013 , 2014 , 2015 รอบ 8 ทีม
เอเอฟซีคัพ 0 0 - - 2004 รอบเพลย์ออฟ
ไทยลีก 5 2 2008, 2011, 2013, 2014, 2015 2005, 2010
ไทยเอฟเอคัพ 3 1 2011,2012, 2013 2010 2011, 2012, 2013 รอบชิงชนะเลิศ
ไทยลีกคัพ 3 1 2011, 2012, 2013 2010 ,2014 2011, 2012, 2013, 2014 รอบชิงชนะเลิศ
ถ้วยพระราชทาน ก 3 2 2013, 2014, 2015 2009, 2012 2009, 2012, 2013, 2014, 2015 รอบชิงชนะเลิศ
ไทยลีกดิวิชั่น 1 0 1 - 2003 - -
แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ 2 0 2015, 2016 - - -

สปอนเซอร์

3

สโมสรพันธมิตร

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 ศึก AFC แชมเปียนส์ลีก สิทธิ์นี้ตกเป็นของใคร
  2. 2.0 2.1 เนวินจะได้แต่ทีมการไฟฟ้าฯ แต่ไม่ได้นักเตะไปบุรีหำ
  3. เนวินเบนเป้าเล็งดึงทัพบกเล่นบุรีรัมย์ สยามกีฬา, 5 พฤศจิกายน 2552
  4. 4.0 4.1 เนวิน ชิดชอบ จากไทยรัฐ
  5. บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์ ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีก2011 Asian Thai NEWS Network, 17 ธันวาคม 2554
  6. 'วิชิต' ยัน 'บุรีรัมย์ พีอีเอ' ได้ถ้วยแชมป์นัดสุดท้าย ไทยรัฐ, 22 ธันวาคม 2554
  7. บุรีรัมย์เฮ 2-0 ซิว 3 แชมป์สมใจ จากผู้จัดการออนไลน์
  8. ′บุรีรัมย์′ อัด ′สิงห์เจ้าท่า′ คว้าถ้วย ′โตโยต้าลีกคัพ′ สร้างสถิติ "ทริปเปิ้ลแชมป์" สุดยิ่งใหญ่ จากมติชน
  9. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดดวลโทษคว่ำเซนไดซิวถ้วยที่4 จากสนุกดอตคอม
  10. "บุรีรัมย์พีอีเอ" เตรียมแถลงข่าวแยกตัวออกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ThaiPBS, 11 ธันวาคม 2554
  11. "บิ๊กเน" ยันสิทธิ์เตะ "แชมเปี้ยนส์ลีก" เป็นของบุรีรัมย์
  12. "เนวิน"ทุ่มซื้อสิทธิ์"พีอีเอ"ยุติปัญหาทั้งหมด
  13. เยอร์โควิชเบิ้ล!บุรีรัมย์ป้องแชมป์ดับอาร์มี่2-1
  14. เยอร์โควิชซัดเบิ้ล!บุรีรัมย์รัวราชบุรี4-1ป้องแชมป์ลีกคัพ
  15. เยอร์โควิชเบิ้ล!บุรีรัมย์ป้องแชมป์ดับบางกอกกล็ส3-1
  16. เยอร์โควิชซัดเบิ้ล!บุรีรัมย์รัวราชบุรี2-1ป้องแชมป์ลีกคัพ
  17. ซานโต้ยิงโทน! 'บุรีรัมย์' เฉือน 'บีจี' 1-0 คว้าแชมป์ถ้วย ก จาก ไทยรัฐ
  18. บุรีรัมย์เฉือนกูปรีคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพ จาก โพสต์ทูเดย์
  19. "บุรีรัมย์" คว้าแชมป์แม่โขงคลับ จาก โพสต์ทูเดย์
  20. ปราสาทแกร่งจริง!ทุบกิเลน 3-1 ซิวแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ จาก สยามกีฬารายวัน
  21. ประวัติศาสตร์ต้องจารึก! “บุรีรัมย์” 5 แชมป์ ทีมแรกเอเชีย จาก สนุก.คอม
  22. ′บุรีรัมย์′ เปิดตัว ′ดานิโล่,สถาพร,อนันต์′ ร่วมทัพ หวังกวาดหมดทุกถ้วยในปี 2016 จาก มติชน
  23. พลิกล็อก! "บุรีรัมย์" พ่ายจุดโทษออลสตาร์เขมร "กิเลน" แพ้เหงียน จาก ผู้จัดการออนไลน์
  24. โมริตซ์-ดานิโลปลดล็อก! บุรีรัมย์อุ่นเชือดโปฮัง 2-1
  25. 'โมริตซ์' เบิ้ล! 'บุรีรัมย์' อัด 'ออลสตาร์ลีกลาว' 3-1 จาก ไทยรัฐ
  26. "โกซุลกิ" เหมา2ปราสาทแซงคว้าแชมป์พรีเมียร์คัพ จาก เดลินิวส์
  27. ปราสาทผ่ากิเลน 3-1 ซิวถ้วย ก 4 สมัยติด
  28. เนวินขอบคุณGU12ยืนหยัดข้างบุรีรัมย์แม้จบACLด้วยสถิติแย่สุด
  29. ตารางคะแนนไทยลีก
  30. แถลงการณ์จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
  31. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แถลงข่าวปล่อยตัว ธีราทร บุญมาทัน ให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
  32. ยลโฉมสนามไอ-โมบาย สเตเดียม อลังการมาตรฐานสุดจะบรรยาย
  33. King, Ian; Schöggl, Hans; Stokkermans, Karel (20 มีนาคม 2014). "Thailand – List of Champions". RSSSF. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2014. {{cite web}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |lastauthoramp= ถูกละเว้น แนะนำ (|name-list-style=) (help) Select link to season required from chronological list.

แหล่งข้อมูลอื่น