ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เสือโคร่ง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล คำผิด สัมพันธุ์ เป็น สัมพันธ์ |
||
บรรทัด 92: | บรรทัด 92: | ||
|} |
|} |
||
== ความเชื่อและความ |
== ความเชื่อและความสัมพันธ์กับมนุษย์ == |
||
[[ไฟล์:Malaysia FA.gif|thumb|[[สัญลักษณ์]]ของทีม[[ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย]]]] |
[[ไฟล์:Malaysia FA.gif|thumb|[[สัญลักษณ์]]ของทีม[[ฟุตบอลทีมชาติมาเลเซีย]]]] |
||
เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะใน[[วัฒนธรรม]]ของเอเชีย มีเรื่องราว [[ความเชื่อ]]และ[[นิทาน]]เกี่ยวกับเสือโคร่งมากมาย ด้วยเป็นสัตว์ใหญ่มีพละกำลังมากมาย และมีความสง่างาม เช่น เรื่องราวของ[[บู๋ซ้ง]]สู้กับเสือด้วยมือเปล่า ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในวีรบุรุษในวรรณกรรมเรื่อง ''[[108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน]]'' เป็นต้น<ref>Li, Mengxia. 108 ''Heroes from the Water Margin'', page 29. EPB Publishers Pte Ltd, 1992. ISBN 9971-0-0252-3.</ref> |
เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะใน[[วัฒนธรรม]]ของเอเชีย มีเรื่องราว [[ความเชื่อ]]และ[[นิทาน]]เกี่ยวกับเสือโคร่งมากมาย ด้วยเป็นสัตว์ใหญ่มีพละกำลังมากมาย และมีความสง่างาม เช่น เรื่องราวของ[[บู๋ซ้ง]]สู้กับเสือด้วยมือเปล่า ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในวีรบุรุษในวรรณกรรมเรื่อง ''[[108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน]]'' เป็นต้น<ref>Li, Mengxia. 108 ''Heroes from the Water Margin'', page 29. EPB Publishers Pte Ltd, 1992. ISBN 9971-0-0252-3.</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:40, 10 มกราคม 2560
เสือโคร่ง | |
---|---|
ลูกเสือโคร่งมลายู (P. t. jacksoni) 2 ตัวกำลังเล่นกัน | |
เสือโคร่งอินโดจีน (P. t. corbetti) ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ไฟลัมย่อย: | Vertebrata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Carnivora |
วงศ์: | Felidae |
สกุล: | Panthera |
สปีชีส์: | P. tigris |
ชื่อทวินาม | |
Panthera tigris (Linnaeus, 1758) | |
ชนิดย่อย | |
P. t. tigris | |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของเสือโคร่งในอดีต (สีเหลือง) และใน ค.ศ. 2006 (สีเขียว)[2] | |
ชื่อพ้อง | |
Felis tigris Linnaeus, 1758 |
เสือโคร่ง หรือ เสือลายพาดกลอน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม อันดับสัตว์กินเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris ในวงศ์ Felidae จัดเป็นสัตว์ที่มีขนาดที่สุดในวงศ์นี้ และเป็นเสือชนิดที่ใหญ่ที่สุดด้วย
กายภาพและลักษณะ
เสือโคร่งมีโครโมโซมจำนวน 38 โครโมโซม (2 N = 38) มีความยาวโดยเฉลี่ยจากหัวไปจนถึงโคนหาง 1.4-2.8 เมตร หางยาว 60-95 เซนติเมตร น้ำหนักตัว 130-260 กิโลกรัม มีขนลำตัวสีน้ำตาลเหลืองหรือเหลืองอมส้ม มีลายสีดำ พาดขวางตลอดทั้งลำตัวเป็นจุดเด่น ซึ่งลายเส้นนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสือโคร่งแต่ละตัวจะมีลายไม่เหมือนกันเช่นเดียวกับลายนิ้วมือของมนุษย์ ส่วนหางมีแถบดำเป็นบั้ง ๆ หรือวงสีดำสลับน้ำตาล ปลายหางมีสีดำ โดยไม่มีพู่เหมือนสิงโต (P. leo) ซึ่งเป็นสัตว์ในสกุลเดียวกัน ขนใต้คาง คอ และใต้ท้องเป็นสีขาว ขนเหนือบริเวณตาเป็นสีขาวหรือเป็นแถบหรือเส้นสีดำพาดขวางเช่นกัน หลังใบหูมีสีดำและมีจุดสีขาวนวลอยู่ตรงกลาง อายุโดยเฉลี่ย 15-20 ปี
พฤติกรรม
เสือโคร่งมีพฤติกรรมและอุปนิสัยชอบอยู่เพียงลำพังตัวเดียวโดด ๆ ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์จึงจะจับคู่กัน อายุที่พร้อมจะผสมพันธุ์ได้นั้นคือ 3-5 ปี โดยตัวเมียจะเป็นสัดทุก ๆ 50 วัน และจะส่งเสียงร้องดังขึ้น ๆ และถี่ขึ้นเรื่อย ๆ การผสมพันธุ์ของเสือโคร่งนั้นใช้เวลาเร็วมาก คือ ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วตัวผู้จะแยกจากไป และอาจไปผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวอื่น ตัวเมียที่ปฏิสนธิแล้วจะตั้งท้องนานประมาณ 105-110 วัน คลอดลูกครั้งละ 1-6 ตัว และจะเลี้ยงลูกเองตามลำพังโดยไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ประมาณ 2 ปี
ชอบอาศัยอยู่ตามป่าทึบสลับกับทุ่งหญ้าโล่ง ชอบว่ายน้ำและแช่น้ำมาก ซึ่งแตกต่างจากเสือสายพันธุ์อื่น ล่าเหยื่อได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ส่วนใหญ่ในเวลากลางวันจะนอนพักผ่อน ล่าเหยื่อในเวลาเย็น พลบค่ำ กลางคืน หรือขณะที่อากาศไม่ร้อนจัด มีสายตาที่มองเห็นได้ทั้งที่มืดและสว่าง จะคืบคลานเข้าหาเหยื่อในระยะใกล้ 10-25 เมตร จนกระทั่งได้ระยะ 2-5 เมตร จึงกระโดดใส่ หากเป็นเหยื่อขนาดเล็กจะกัดที่คอหอย หากเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น เก้ง หรือ กวาง จะกัดที่ท้ายทอยหรือหลังด้านบน เสือโคร่งวิ่งได้เร็วกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถกระโจนในระยะทาง 500 เมตรได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที[3]
เสือโคร่งมักจะกัดที่คอหอยเหยื่อจากทางด้านบนหรือด้านล่าง บางทีกระโดดตะปบหลังและตะปบขาหลังเหยื่อให้ล้มลงก่อนที่จะกัดคอหอย และเมื่อได้เหยื่อแล้ว จะเริ่มกินเนื้อบริเวณคอก่อน แล้วจึงมากินที่ท้องและกล้ามเนื้อหลัง โดยมักจะไม่กินหัวและขาของเหยื่อ เหยื่อที่เหลือจะถูกฝังกลบโดยใช้ใบไม้ หรือกิ่งไม้ หรือเศษหญ้า และตัวเสือโคร่งเองจะหลบนอนอบู่บริเวณใกล้ ๆ นั้น และบางตัวอาจคาบเหยื่อขึ้นไปขัดไว้ตามคบไม้เหมือนเสือดาว (P. pardus) ด้วยก็ได้ เสือโคร่งมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงมาก สามารถตามเหยื่อได้ไกลถึง 100-200 เมตร เพศผู้มีพื้นที่ในการหากินกว้างถึง 200-300 ตารางกิโลเมตร ขณะที่ตัวเมียมีเพียง 60 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เพื่อเลี้ยงตัวเองและลูกน้อย
นิสัยปกติจะหวงถิ่น โดยการหันก้นปัสสาวะรดตามต้นไม้ โขดหิน เพื่อให้กลิ่นของตนเองติดอยู่ เพื่อประกาศอาณาเขต ในบางครั้งอาจจะข่วนเล็บกับเปลือกไม้ด้วยเพื่อเป็นการลับเล็บและประกาศอาณาเขต หากมีเสือโคร่งตัวอื่นหรือสัตว์อื่นที่มีขนาดใหญ่รุกล้ำมา จะต่อสู้กัน โดยปกติแล้ว เสือโคร่งจะกลัวมนุษย์ จะหลบหนีไปเมื่อพบกับมนุษย์ แต่จะทำร้ายหรือกินเนื้อมนุษย์ได้ เมื่อบาดเจ็บหรือจนตรอก หรือเป็นเสือที่อายุมากแล้วไม่สามารถล่าเหยื่อชนิดอื่นได้ หากได้กินเนื้อมนุษย์ก็จะติดใจและจะกลับมากินอีก จนกลายเป็นเสือกินคน[4]
การแพร่กระจายพันธุ์
เสือโคร่งกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปในทวีปเอเชีย ตั้งแต่เอเชียตะวันออกจนถึงตะวันออกกลาง เป็นสัตว์ที่ปรับตัวให้อยู่ในภูมิประเทศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แม้แต่ในพื้นที่หนาวเย็นอย่างไซบีเรีย หรือแห้งแล้งเป็นทะเลทราย อีกทั้งยังอยู่ได้ตามเกาะแก่งกลางทะเลอีกด้วย หากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีรายงานว่า เสือโคร่งสามารถว่ายน้ำข้ามไปมาระหว่างเกาะต่าง ๆ ได้ด้วย
ปัจจุบัน ปริมาณเสือโคร่งในธรรมชาติในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมีจำนวน 3,890 ตัว กระจายทั่วไปใน 13 ประเทศของทวีปเอเชีย ได้แก่ บังกลาเทศ, ภูฏาน, กัมพูชา , จีน , อินเดีย, อินโดนีเซีย, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, เนปาล, รัสเซีย, เวียดนาม และไทย[5] สำหรับในประเทศไทยมีราว 250 ตัว ส่วนใหญ่กระจายพันธุ์อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และผืนป่าตะวันตก เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร, อุทยานแห่งชาติแม่วงก์, อุทยานแห่งชาติคลองลาน[6] รวมถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา ที่มีปริมาณรองลงมา ส่วนป่าแถบอื่นพบน้อยมาก[5]
ชนิดย่อย
เสือโคร่งนั้นจากการที่มีจำนวนประชากรกระจายอยู่ทั่วทวีปเอเชีย ทำให้มีชนิดย่อยมากถึง 9 ชนิดด้วยกัน แต่สูญพันธุ์ไปแล้วถึง 3 ชนิด ส่วนที่เหลือก็อยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์หรือใกล้สูญพันธุ์ในขั้นวิกฤตแทบทั้งสิ้น
โดยในแต่ละชนิดย่อยนั้น จะแตกต่างกันที่ขนาดรูปร่างและลวดลายบนลำตัว แต่พฤติกรรมและนิเวศวิทยาจะไม่แตกต่างกันมากนัก
ชื่อภาษาไทย | ชื่อภาษาอังกฤษ | ชื่อวิทยาศาสตร์ | ลักษณะ | สถานที่พบ | สถานะ |
เสือโคร่งไซบีเรีย | Siberian tiger | P. t. altaica | เป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยตัวผู้ที่โตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 3 เมตร หนักได้กว่า 300 กิโลกรัม | ไซบีเรีย, บางส่วนของจีนที่ติดกับรัสเซีย และบางส่วนของเกาหลีเหนือ | ปัจจุบันคาดว่ามีเหลืออยู่ในธรรมชาติราว 200 ตัว |
เสือโคร่งเบงกอล | Bengal tiger | P. t. tigris | เป็นชนิดที่ขนาดใหญ่รองลงมา เป็นสายพันธุ์ที่มีปริมาณประชากรเหลือมากที่สุด และนิยมเลี้ยงกันตามสวนสัตว์เนื่องจากมีนิสัยดุร้ายน้อยที่สุด | เอเชียใต้และบางส่วนของพม่า | ประมาณ 2,000 ตัว ในธรรมชาติ |
เสือโคร่งอินโดจีน | Indochinese tiger | P. t. corbetti | เป็นชนิดที่แยกออกมาจากชนิดเบงกอล มีลักษณะใกล้เคียงกัน โดยมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย | บางส่วนของพม่าที่ติดต่อกับไทย, ทางตอนใต้ของจีน และภูมิภาคอินโดจีน | ประมาณ 1,227-1,785 ตัวในธรรมชาติ |
เสือโคร่งสุมาตรา | Sumatran tiger | P. t. sumatrae | เป็นชนิดที่มีขนาดเล็กที่สุดที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ | พบได้เฉพาะบนเกาะสุมาตราที่เดียวเท่านั้น | ประมาณ 250-300 ตัวในธรรมชาติ |
เสือโคร่งจีนใต้ | South China tiger | P. t. amoyensis | เป็นชนิดที่มีลวดลายน้อยและมีสีสันอ่อนที่สุด | พบในประเทศจีนทางตอนใต้ | ประมาณ 30 ตัวในธรรมชาติ จัดเป็นสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด |
เสือโคร่งแคสเปียน | Caspian tiger | P. t. virgata | เป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ มีลักษณะใกล้เคียงกับชนิดไซบีเรีย | พบตั้งแต่ที่ราบสูงแมนจูเรีย, เอเชียกลาง ไปจนถึงตะวันออกกลาง และอาจมีประชากรบางส่วนในซูดานหรืออียิปต์ด้วย | สูญพันธุ์ไปแล้ว |
เสือโคร่งชวา | Java tiger | P. t. sondaica | เป็นหนึ่งในสามชนิดที่พบได้ในอินโดนีเซีย | พบเฉพาะบนเกาะชวาเท่านั้น | สูญพันธุ์ไปแล้ว |
เสือโคร่งบาหลี | Bali tiger | P. t. balica | เคยเป็นชนิดที่มีขนาดเล็กที่สุด | พบเฉพาะบนเกาะบาหลีเท่านั้น | สูญพันธุ์ไปแล้ว |
เสือโคร่งมลายู | Malayan tiger | P. t. jacksoni | เป็นชนิดที่ถูกแยกออกมาจากชนิดอินโดจีน โดยเฉลี่ยแล้วมีรูปร่างที่เล็กกว่าเล็กน้อย | พบเฉพาะบนคาบสมุทรมลายู | ประมาณ 490 ตัว ในธรรมชาติ |
ความเชื่อและความสัมพันธ์กับมนุษย์
เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับมนุษย์มาช้านาน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมของเอเชีย มีเรื่องราว ความเชื่อและนิทานเกี่ยวกับเสือโคร่งมากมาย ด้วยเป็นสัตว์ใหญ่มีพละกำลังมากมาย และมีความสง่างาม เช่น เรื่องราวของบู๋ซ้งสู้กับเสือด้วยมือเปล่า ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในวีรบุรุษในวรรณกรรมเรื่อง 108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน เป็นต้น[7]
แต่เสือโคร่ง ก็จัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่ทำร้ายและกินมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในอินเดีย ในช่วงทศวรรษที่ 20 มีผู้ถูกเสือโคร่งฆ่าตายและกินไปกว่า 1,600 รายต่อปี แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงมีผู้ถูกทำร้ายและกินเป็นระยะ ๆ ในอดีตการล่าเสือโคร่ง ถือเป็นกิจกรรมของบุคคลชั้นสูงและระดับเชื้อพระวงศ์ แม้กระทั่งในยุคที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดีย โดยการขี่หลังช้างล่าในทุ่งหญ้าทั้งหญ้าสูง และหญ้าต่ำ แต่เสือโคร่งก็สามารถกระโจนหรือโจมตีช้างหรือผู้ที่อยู่บนหลังช้างได้อย่างไม่เกรงกลัว โดยมากแล้ว เสือโคร่งที่กินมนุษย์ จะเป็นเสือโคร่งที่แก่หรือได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจล่าเหยื่อที่เป็นสัตว์ชนิดอื่นได้ จึงหันมาโจมตีมนุษย์ เพราะเป็นเหยื่อที่อ่อนแอ โจมตีได้ง่ายกว่า และเมื่อได้กินเนื้อมนุษย์ครั้งแรกแล้วก็จะติดใจ ในบางพื้นที่ของอินเดีย จะมีวิธีการป้องกันเสือโคร่งโจมตีได้ด้วยการใส่หน้ากากไว้ข้างหลัง เพราะเสือโคร่งมักจะโจมตีเหยื่อจากด้านหลัง [3] ในซันดาร์บังส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์เขตติดต่อระหว่างอินเดียและบังกลาเทศ เป็นสถานที่ ๆ เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นที่ ๆ เสือโคร่งโจมตีใส่มนุษย์มากที่สุด ชาวพื้นเมืองที่นี่มีความเชื่อว่า บอนบีบี ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งป่าช่วยคุ้มครองปกป้องมนุษย์ให้พ้นจากเสือโคร่ง แต่ก็มีรายงานการโจมตีใส่มนุษย์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา[8]
ในมาเลเซีย ได้ใช้เสือโคร่งเป็นตราแผ่นดินและสัญลักษณ์ของประเทศ โดยทีมฟุตบอลทีมชาติมาเลเซียก็ได้รับฉายาว่า "เสือเหลือง" ด้วยเช่นกัน[9]
สำหรับความเชื่อทางโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเสือโคร่ง เช่น กระดูก กะโหลก เขี้ยว เล็บหรือหนังใช้เป็นเครื่องรางป้องกันภูผีปีศาจหรือเสนียดจัญไรได้ นอกจากนี้แล้วในตำรายาจีนอวัยวะของเสือโคร่ง เช่น อวัยวะเพศผู้ เชื่อว่าเป็นยาบำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะ หรือเสริมสร้างสมรรถนะทางเพศ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเพราะจากการได้ศึกษาแล้วก็พบว่าเป็นเพียงอาหารให้โปรตีนเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่จากความเชื่อนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เสือโคร่งถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์จากธรรมชาติเช่นในปัจจุบัน
การอนุรักษ์
ปัจจุบัน เสือโคร่งทุกชนิดจัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN[1]) โดยถูกล่าเพื่อนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ ขายในตลาดค้าสัตว์ป่าหรือตลาดมืด ซึ่งชิ้นส่วนของเสือโคร่งนับว่าเป็นที่ต้องการอย่างมากของทวีปเอเชียรองลงมาจากงาช้างและนอแรด
ในปี ค.ศ. 2010 ทุกประเทศที่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่ในธรรมชาติมีการทำสัตยาบันร่วมกันว่าภายในปี ค.ศ. 2022 ทุกประเทศจะต้องทำให้ประชากรเสือโคร่งในป่าอนุรักษ์เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปริมาณที่มีอยู่ปัจจุบัน สำหรับในประเทศไทย เสือโคร่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2546 ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้งประเทศไทยยังจัดว่าเป็นประเทศที่อนุรักษ์เสือโคร่งได้ดีในลำดับต้น ๆ โดยในรายงานขององค์การอนุรักษ์เสือโลกยกย่องให้ประเทศไทยอยู่อันดับ 4 ที่ขึ้นชื่อว่าสามารถอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณเสือโคร่งในป่าธรรมชาติได้ดีรองจากอินเดีย, รัสเซีย และเนปาล [5]
ในระดับโลก ในวันที่ 29 กรกฎาคม ได้ถูกจัดให้เป็นวันอนุรักษ์เสือโคร่งโลก โดยเริ่มต้นขึ้นจากการประชุมว่าด้วยเรื่องเสือโคร่งที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ใน ค.ศ. 2010[10]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 Chundawat, R.S., Habib, B., Karanth, U., Kawanishi, K., Ahmad Khan, J., Lynam, T., Miquelle, D., Nyhus, P., Sunarto, S., Tilson, R., Wang, S. (2011). "Panthera tigris". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2011.2.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "Wild Tiger Conservation". Save The Tiger Fund. สืบค้นเมื่อ 2009-03-07.
- ↑ 3.0 3.1 Tigers, "Biggest & Baddest". สารคดีทางอนิมอล พลาเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: พุธที่ 23 มกราคม 2556
- ↑ นิตยสาร SM@RTPET ปีที่ 1 ฉบับที่ 7 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545 คอลัมน์ สัตว์ป่าน่ารู้ หน้า 201-213 โดย พัชรินทร์ ธรรมรส
- ↑ 5.0 5.1 5.2 "29 ก.ค.วันอนุรักษ์เสือโคร่งโลก คืน "เสือ" ให้ "ป่า"". ไทยรัฐ. 28 July 2015. สืบค้นเมื่อ 29 July 2015.
- ↑ ถอนพิษ (รีรัน), รายการทางบลูสกายแชนแนล โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, อัญชลีพร กุสุมภ์ และวิทเยนทร์ มุตตามระ: อาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2556
- ↑ Li, Mengxia. 108 Heroes from the Water Margin, page 29. EPB Publishers Pte Ltd, 1992. ISBN 9971-0-0252-3.
- ↑ Killer Tigers, "World's Deadliest Towns". สารคดีทางแอนิมอลแพลนเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: ศุกร์ที่ 3 มกราคม 2557
- ↑ "อย่าประมาท!เฮงเตือนไทย'เสือเหลือง'ยุคใหม่อันตราย". โกลด์.คอม. 13 July 2013. สืบค้นเมื่อ 5 January 2014.
- ↑ "Vietnam observes International Tiger Day". สืบค้นเมื่อ 29 July 2015.
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Panthera tigris ที่วิกิสปีชีส์