ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามปฏิวัติอเมริกา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{Infobox military conflict
{{Infobox military conflict
|conflict= สงครามปฏิวัติอเมริกา
|conflict= สงครามปฏิวัติอเมริกา
|image=[[ไฟล์:AmericanRevolutionaryWarMon.jpg|300px]]
|image=
|caption='''เรียงตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย''': [[Surrender of Lord Cornwallis|การยอมจำนนของลอร์ดคอร์นวอลลิส]]หลัง[[การล้อมยอร์กทาวน์]], [[Battle of Trenton|ยุทธการที่เทรนตัน]], [[The Death of General Warren at the Battle of Bunker's Hill, June 17, 1775|การเสียชีวิตของนายพลวอร์เรน]] ณ [[Battle of Bunker Hill|ยุทธการที่บังเกอร์ฮิล]], [[Battle of Long Island|ยุทธการที่ลองไอแลนด์]], [[Battle of Guilford Court House|ยุทธการที่สำนักงานศาลกิลเฟิร์ด]]
|caption=
|date= 19 เมษายน ค.ศ. 1775 – 3 กันยายน ค.ศ. 1783 ({{Age in years and days|1775|4|19|1783|9|3}})
|date= 19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783 ({{Age in years and days|1775|4|19|1783|9|3}})
|place= [[ทวีปอเมริกาเหนือ]]ตะวันออก, [[ยิบรอลตาร์]], [[หมู่เกาะแบลีแอริก]], [[อเมริกากลาง]];<br>อาณานิคมในครอบครองฝรั่งเศส ดัตช์และอังกฤษใน[[อนุทวีปอินเดีย]]และที่อื่น;<br>
|place= [[ทวีปอเมริกาเหนือ]]ตะวันออก, [[ทะเลแคริบเบียน]] อนุทวีปอินเดีย อเมริกากลาง ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย
|result=[[สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)]]
น่านน้ำชายฝั่ง[[ยุโรป]], [[ทะเลแคริบเบียน]], [[มหาสมุทรแอตแลนติก]]และ[[มหาสมุทรอินเดีย|อินเดีย]]
|result=[[สนธิสัญญาปารีส (ค.ศ. 1783)]]
* ชัยชนะของอเมริกา ได้รับเอกราช
* ชัยชนะของอเมริกา ได้รับเอกราช
|casus=[[ไม่จ่ายภาษีหากไม่มีผู้แทน]]; การปกครองโดยตรงของอังกฤษภายใต้[[พระราชบัญญัติแสดงสิทธิ์]], [[พระราชบัญญัติทาวน์เซนด์ ]] และ[[พระราชบัญญัติหมดความอดทน]]
|casus=[[ไม่จ่ายภาษีหากไม่มีผู้แทน]]; การปกครองโดยตรงของอังกฤษภายใต้[[พระราชบัญญัติแสดงสิทธิ์]], [[พระราชบัญญัติทาวน์เซนด์ ]] และ[[พระราชบัญญัติหมดความอดทน]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:25, 3 มกราคม 2560

สงครามปฏิวัติอเมริกา

เรียงตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: การยอมจำนนของลอร์ดคอร์นวอลลิสหลังการล้อมยอร์กทาวน์, ยุทธการที่เทรนตัน, การเสียชีวิตของนายพลวอร์เรนยุทธการที่บังเกอร์ฮิล, ยุทธการที่ลองไอแลนด์, ยุทธการที่สำนักงานศาลกิลเฟิร์ด
วันที่19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783 (8 ปี 137 วัน)
สถานที่
ทวีปอเมริกาเหนือตะวันออก, ทะเลแคริบเบียน อนุทวีปอินเดีย อเมริกากลาง ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย
ผล

สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)

  • ชัยชนะของอเมริกา ได้รับเอกราช
ดินแดน
เปลี่ยนแปลง
อังกฤษเสียดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และทางใต้ของเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ให้แก่สหรัฐอเมริกาที่มีเอกราช และสเปน สเปนได้ฟลอริดาตะวันออก ฟลอริดาตะวันตก และไมนอร์กา; อังกฤษยกโตบาโกและเซเนกัลให้แก่ฝรั่งเศส
สาธารณรัฐดัตช์เสียนาคปัตตินัมให้แก่อังฤษ
คู่สงคราม

 สหรัฐ
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
สเปน สเปน
 สาธารณรัฐดัตช์
Oneida
Tuscarora
สาธารณรัฐเวอร์มอนต์
Watauga Association
Catawba

Lenape

ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ บริเตนใหญ่
Onondaga
Mohawk
Cayuga
Seneca

เชโรกี
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สหรัฐ จอร์จ วอชิงตัน
สหรัฐ Nathanael Greene
สหรัฐ Horatio Gates
สหรัฐ Richard Montgomery
สหรัฐ Daniel Morgan
สหรัฐ Henry Knox
สหรัฐ Ethan Allen
สหรัฐ Francis Nash
สหรัฐ Francis Marion
สหรัฐ Benedict Arnold (แปรพักตร์)
สหรัฐ Friedrich Wilhelm von Steuben
สหรัฐ Marquis de La Fayette
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส Comte de Rochambeau
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส Comte de Grasse
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส Bailli de Suffren
สเปน Bernardo de Gálvez
สเปน Luis de Córdova
สเปน Juan de Lángara
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่Lord North
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Sir William Howe
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Thomas Gage
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Sir Henry Clinton
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Lord Cornwallis (เชลย)
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Sir Guy Carleton
Allan Maclean
Alexander Stewart
James Agnew
James Grant
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ John Burgoyne (เชลย)
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Benedict Arnold
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ George Rodney
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Richard Howe
ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ Wilhelm von Knyphausen
Joseph Brant
กำลัง

ณ จุดสูงสุด:
กองทัพภาคพื้นทวีป 35,000 นาย
ทหารชาวบ้าน 44,500 คน
กะลาสีกองทัพภาคพื้นทวีป 5,000 คน (สูงสุดใน ค.ศ. 1779)[1]
เรือกองทัพเรือภาคพื้นทวีป 34 ลำ (สูงสุดใน ค.ศ. 1779)[2]; 53 ลำ (ณ บางจุดระหว่างสงคราม)[1]
ฝรั่งเศส 10,000 นาย (ในอเมริกา)

ฝรั่งเศสและสเปน ~60,000 นาย (ในยุโรป)[3]

ณ จุดสูงสุด:
อังกฤษ 56,000 นาย [ต้องการอ้างอิง]
เรือราชนาวี 78 ลำ ใน ค.ศ. 1775[1] กะลาสี 171,000 คน[4]
เยอรมัน 30,000 นาย[5]
ฝ่ายภักดีอังกฤษ 50,000 คน[6]

ชนพื้นเมือง 13,000 คน[7]
ความสูญเสีย
อเมริกัน 50,000± คน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ[8]

กองทัพอังกฤษ 20,000± คน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กะลาสี 19,740 คน เสียชีวิต[4]
กละาสี 42,000 คน เสียชีวิตด้วยความหิวโหย[4]

เยอรมันเสียชีวิต 7,554 นาย

สงครามปฏิวัติอเมริกา (อังกฤษ: American Revolutionary War; ค.ศ. 1775–1783) หรือเรียก สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา (อังกฤษ: American War of Independence) หรือสงครามปฏิวัติในสหรัฐ เป็นการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างบริเตนใหญ่และสิบสามอาณานิคมอเมริกาเหนือซึ่งหลังสงครามเปิดฉากประกาศอิสรภาพเป็นสหรัฐอเมริกา

สงครามนี้มีจุดกำเนิดจากการต่อต้านภาษีบางชนิดและพระราชบัญญัติซึ่งชาวอเมริกันจำนวนมากอ้างว่าไม่ชอบธรรมและมิชอบด้วยกฎหมาย การประท้วงของแพทริอัต (Patriot) ลุกลามเป็นการคว่ำบาตร และในวันที่ 16 ธันวาคม 1773 พวกเขาทำลายการส่งสินค้าชาในท่าบอสตัน รัฐบาลบริเตนตอบโต้โดยปิดท่าบอสตัน แล้วผ่านมาตรการโดยมุ่งลงโทษอาณานิคมที่เป็นกบฏ แพทริอัตสนองโดยซัฟฟอล์กรีซอฟส์ (Suffolk Resolves) คือ การสถาปนารัฐบาลเงาซึ่งกำจัดการควบคุมมณฑลจากคราวน์นอกบอสตัน สิบสองอาณานิคมตั้งสภาภาคพื้นทวีปเพื่อประสานงานการต่อต้าน และสถาปนาคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ซึ่งยึดอำนาจชะงัด

ความพยายามยึดยุทโธปกรณ์อเมริกันของบริเตนในเดือนเมษายน 1775 นำสู่การยุทธ์อย่างเปิดเผยระหว่างกำลังคราวน์และทหารอาสาสมัครแพทริอัต ทหารอาสาสมัครเดินหน้าล้อมกำลังบริติชในบอสตัน บังคับให้ต้องอพยพนครในเดือนมีนาคม 1776 สภาภาคพื้นทวีปตั้งจอร์จ วอชิงตันให้บังคับบัญชาทหารอาสาสมัคร ต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีปที่เพิ่งตั้ง ตลอดจนประสานงานหน่วยทหารอาสาสมัครของรัฐ ในเวลาเดียวกับการทัพบอสตัน ความพยายามบุกครองควิเบกของอเมริกาและปลุกการกบฏต่อพระมหากษัตริย์บริติชล้มเหลวโดยสิ้นเชิง วันที่ 2 กรกฎาคม 1774 สภาลงมติสนับสนุนเอกราชอย่างเป็นทางการ โดยออกคำประกาศในวันที่ 4 กรกฎาคม

เซอร์วิลเลียม ฮาว (William Howe) เริ่มการตีโต้ตอบซึ่งมุ่งยึดนครนิวยอร์กคืน ฮาวชนะวอชิงตันด้วยอุบาย ทำให้ความมั่นใจของฝ่ายอเมริกาแตะจุดต่ำสุด วอชิงตันสามารถยึดกองทัพเฮชชัน (Hessian) ได้ที่เทรนตัน และขับบริเตนออกจากนิวเจอร์ซีย์ ฟื้นความมั่นใจของฝ่ายอเมริกา ในปี 1777 บริเตนส่งกองทัพใหม่โดยมีจอห์น เบอร์กอยน์ (John Burgoyne) เป็นผู้บังคับบัญชาให้ยกลงใต้จากแคนาดาและแยกอาณานิคมนิวอิงแลนด์ ทว่า ฮาวไม่สนับสนุนเบอร์กอยน์ แต่นำกองทัพของเขาในอีกการทัพหนึ่งต่อกรุงฟิลาเดลเฟีย เมืองหลวงฝ่ายปฏิวัติ เบอร์กอยน์หมดกำลังบำรุง ถูกล้อมและยอมจำนนในเดือนตุลาคม 1777

ความปราชัยของบริเตนที่ซาราโทกา (Saratoga) มีผลใหญ่หลวง ฝรั่งเศสและสเปนได้จัดหาอาวุธ เครื่องกระสุนและกำลังบำรุงอื่นให้ชาวอาณานิคมอย่างลับ ๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน 1776 บัดนี้ฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามอย่างเป็นทางการในปี 1778 โดยลงนามพันธมิตรทางทหารซึ่งรับรองเอกราชของสหรัฐ บริเตนตัดสินใจยอมเสียอาณานิคมทางเหนือ และกู้อดีตอาณานิคมทางใต้ กำลังบริเตนโดยมีชาลส์ คอร์นวอลลิส (Charles Cornwallis) เป็นผู้บังคับบัญชายึดจอร์เจียและเซาท์แคโรไลนา ยึดกองทัพอเมริกาได้ที่ชาลส์ตัน เซาท์แคโรไลนา ยุทธศาสตร์นี้อาศัยการก่อการกำเริบของลอยัลลิสต์ (Loyalist) ติดอาวุธจำนวนมาก แต่มีผู้มาเข้าร่วมน้อยเกินไป ในปี 1779 สเปนเข้าร่วมสงครามเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสภายใต้สนธิสัญญาตระกูล (Pacte de Famille) โดยเจตนายึดยิบรอลตาร์และอาณานิคมบริติชในแคริบเบียน บริเตนประกาศสงครามต่อสาธารณรัฐดัตช์ในปี 1780

ในปี 1781 หลังปราชัยอย่างเด็ดขาดสองครั้งที่คิงส์เมาน์เทนและคาวเพนส์ คอร์นวอลลิสถอยไปเวอร์จิเนียโดยตั้งใจอพยพ ชัยทางเรืออย่างเด็ดขาดของฝรั่งเศสในเดือนกันยายนตัดทางหนีของบริเตน กองทัพร่วมฝรั่งเศส-อเมริกาโดยมีเคาต์รอช็องโบ (Count Rochambeau) และวอชิงตันเป็นผู้นำล้อมกองทัพบริติชที่ยอร์กทาวน์ เมื่อเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือและสถานการณ์ป้องกันไม่อยู่ คอร์นวอลลิสยอมจำนนในเดือนตุลาคม และทหารถูกจับเป็นเชลยประมาณ 8,000 คน

วิกในบริเตนคัดค้านฝ่ายข้างมากทอรีนิยมสงครามในรัฐสภาอย่างยาวนาน ทว่า ความปราชัยที่ยอร์กทาวน์ทำให้วิกเป็นฝ่ายเหนือกว่า ต้นปี 1782 พวกเขาลงมติยุติปฏิบัติการบุกทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่สงครามกับฝรั่งเศสและสเปนยังดำเนินต่อ โดยบริเตนชนะทั้งสองประเทศระหว่างการล้อมใหญ่ยิบรอลตาร์ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาชนะฝรั่งเศสทางเรือหลายครั้งทโดยที่เด็ดขาดที่สุด คือ ยุทธนาวีที่ซานต์ (Battle of the Saintes) ในแคริบเบียนปีเดียวกัน วันที่ 3 กันยายน 1783 คู่สงครามลงนามสนธิสัญญากรุงปารีสซึ่งยุติสงคราม บริเตนตกลงรับรองเอกราชของสหรัฐเหนือดินแดนโดยมีขอบเขตคร่าว ๆ อยู่ที่แคนาดาทางเหนือ ฟลอริดาทางใต้และแม่น้ำมิสซิสซิปปีทางตะวันตก แม้การเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องของฝรั่งเศสมีผลชี้ขาดต่อสาเหตุของเอกราชอเมริกา แต่ได้ดินแดนเพียงเล็กน้อย และมีปัญหาหนี้สินมหาศาล สเปนได้อาณานิคมฟลอริดาของบริเตนและเกาะมินอร์กา แต่ไม่สามารถชิงยิบรอลตาร์คืนซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ฝ่ายดัตช์มีแต่เสีย โดยถูกบังคับให้ยกดินแดนบางส่วนให้บริติช

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 Jack P. Greene and J. R. Pole. A Companion to the American Revolution (Wiley-Blackwell, 2003), p. 328.
  2. Everett C. Dolman. The Warrior State: How Military Organization Structures Politics (Macmillan, 2004), p. 163.
  3. Montero[โปรดขยายความ] p. 356
  4. 4.0 4.1 4.2 Mackesy (1964), pp. 6, 176 (British seamen)
  5. A. J. Berry, A Time of Terror (2006) p. 252
  6. Claude, Van Tyne, The loyalists in the American Revolution (1902) pp. 182–3.
  7. Greene and Pole (1999), p. 393; Boatner (1974), p. 545
  8. American dead and wounded: Shy, pp. 249–50. The lower figure for number of wounded comes from Chambers, p. 849.

ดูเพิ่ม