ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยุทธการที่เคียฟ (ค.ศ. 1941)"
Plamnakpandin (คุย | ส่วนร่วม) ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
Plamnakpandin (คุย | ส่วนร่วม) ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 32: | ||
หลังจากการรุกอย่างรวดเร็วของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] มุ่งไปสู่การทำลายส่วนกลางของ [[แนวรบด้านตะวันออก (สงครามโลกครั้งที่สอง)|แนวรบด้านตะวันออก]] โดยโจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ร่วมกับ [[กองทัพกลุ่มใต้]] ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1941 ทหารโซเวียตก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน จุดยุทธศาสตร์สำคัญเกือบทั้งหมดของ[[แนวรบตะวันตกเฉียงใต้ (สหภาพโซเวียต|กองพลตะวันตกเฉียงใต้]] ในรอบเมือง[[เคียฟ]] {{sfn|Glantz|2011|pp=54-55}}{{sfn|Clark|1965|p=130}} ซึ่งกำลังขาดแคลนยานเกราะและรถถัง |
หลังจากการรุกอย่างรวดเร็วของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] มุ่งไปสู่การทำลายส่วนกลางของ [[แนวรบด้านตะวันออก (สงครามโลกครั้งที่สอง)|แนวรบด้านตะวันออก]] โดยโจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ร่วมกับ [[กองทัพกลุ่มใต้]] ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1941 ทหารโซเวียตก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน จุดยุทธศาสตร์สำคัญเกือบทั้งหมดของ[[แนวรบตะวันตกเฉียงใต้ (สหภาพโซเวียต|กองพลตะวันตกเฉียงใต้]] ในรอบเมือง[[เคียฟ]] {{sfn|Glantz|2011|pp=54-55}}{{sfn|Clark|1965|p=130}} ซึ่งกำลังขาดแคลนยานเกราะและรถถัง |
||
ในวันที่ 3 สิงหาคม ฮิตเลอร์ออกคำสั่งให้หยุดการรุกสู่[[มอสโก]]เป็นการชั่วคราวและสั่งให้เคลื่อนทัพลงใต้และโจมตี[[เคียฟ]]ใน[[ยูเครน]]{{sfn|Clark|1965|p=101}} อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1941 [[:en:List of Adolf Hitler's directives|คำสั่งส่งกำลังเสริมครั้งที่ 34]] ก็ถูกดำเนินการแต่ก็ถูกต่อต้านโดยนายทหารภาคสนามบางส่วน แต่ฮิตเลอร์ก็มีความมั่นใจและเชื่อว่าจะสามารถทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญของทหารโซเวียตได้ในทางด้านปีกขวาของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] ในแถบรอบเมือง[[เคียฟ]] ก่อนจะทำการรุกสู่มอสโก และมีนายพลที่ต่อต้านคือ[[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]],[[:en:Fedor von bock|เฟดอร์ ฟอน บอค]],[[กูเดเรียน|ไฮนซ์ กูเดเรียน]] ว่าควรรุกสู่มอสโกต่อไปแต่ฮิตเลอร์ไม่ฟังและสั่งให้ [[กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง|กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง]] และ [[กลุ่มแพนเซอร์ที่สาม|กลุ่มแพนเซอร์ที่สาม]] ของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้ได้รับคำสั่งช่วยเหลือ[[กองทัพกลุ่มเหนือ]] และ [[กองทัพกลุ่มใต้]] ตามลำดับก่อนที่จะกลับมาอยู่กองทัพกลุ่มกลางร่วมกับ[[กลุ่มแพนเซอร์ที่สี่]] ของกองทัพกลุ่มเหนือ ครั้งหนึ่งจุดประสงค์ของแม่ทัพกองทัพกลุ่มกลางเคยประสบความสำเร็จในการที่มีกลุ่มแพนเซอร์สามกลุ่มภายใต้การควบคุมของ กองทัพกลุ่มกลาง ในการรุกสู่มอสโก{{sfn|Glantz|2011|p=55}} ในขั้นต้น นายพลฮอลเดอร์หัวหน้าของ[[กองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมัน|กองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมัน]] ฝ่ายพนักงานทั่วไปและนายพลบอค นายพลแห่งกองทัพกลุ่มกลาง เกิดความพึงพอใจในแผนการนี้แต่ก็ถูกต่อต้านเมื่อนำไปเทียบกับความเป็นจริง{{sfn|Glantz|2011|p=56}} |
ในวันที่ 3 สิงหาคม ฮิตเลอร์ออกคำสั่งให้หยุดการรุกสู่[[มอสโก]]เป็นการชั่วคราวและสั่งให้เคลื่อนทัพลงใต้และโจมตี[[เคียฟ]]ใน[[ยูเครน]]{{sfn|Clark|1965|p=101}} อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1941 [[:en:List of Adolf Hitler's directives|คำสั่งส่งกำลังเสริมครั้งที่ 34]] ก็ถูกดำเนินการแต่ก็ถูกต่อต้านโดยนายทหารภาคสนามบางส่วน แต่ฮิตเลอร์ก็มีความมั่นใจและเชื่อว่าจะสามารถทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญของทหารโซเวียตได้ในทางด้านปีกขวาของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] ในแถบรอบเมือง[[เคียฟ]] ก่อนจะทำการรุกสู่มอสโก และมีนายพลที่ต่อต้านคือ[[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]],[[:en:Fedor von bock|เฟดอร์ ฟอน บอค]],[[ไฮนซ์ กูเดเรียน|ไฮนซ์ กูเดเรียน]] ว่าควรรุกสู่มอสโกต่อไปแต่ฮิตเลอร์ไม่ฟังและสั่งให้ [[กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง|กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง]] และ [[กลุ่มแพนเซอร์ที่สาม|กลุ่มแพนเซอร์ที่สาม]] ของ[[กองทัพกลุ่มกลาง]] ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้ได้รับคำสั่งช่วยเหลือ[[กองทัพกลุ่มเหนือ]] และ [[กองทัพกลุ่มใต้]] ตามลำดับก่อนที่จะกลับมาอยู่กองทัพกลุ่มกลางร่วมกับ[[กลุ่มแพนเซอร์ที่สี่]] ของกองทัพกลุ่มเหนือ ครั้งหนึ่งจุดประสงค์ของแม่ทัพกองทัพกลุ่มกลางเคยประสบความสำเร็จในการที่มีกลุ่มแพนเซอร์สามกลุ่มภายใต้การควบคุมของ กองทัพกลุ่มกลาง ในการรุกสู่มอสโก{{sfn|Glantz|2011|p=55}} ในขั้นต้น นายพลฮอลเดอร์หัวหน้าของ[[กองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมัน|กองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมัน]] ฝ่ายพนักงานทั่วไปและนายพลบอค นายพลแห่งกองทัพกลุ่มกลาง เกิดความพึงพอใจในแผนการนี้แต่ก็ถูกต่อต้านเมื่อนำไปเทียบกับความเป็นจริง{{sfn|Glantz|2011|p=56}} |
||
ในวนที่ 18 สิงหาคม [[:en:Oberkommando des Heeres|กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน]] ส่งจดหมายการพิจารณาเกี่ยวกับจุดยุทธศาสตร์ถึง[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์|ฮิตเลอร์]] เกี่ยวกับปฏิบัติการใน[[ปฏิบัติการบาร์บารอสซา]] ในกระดาษเขียนเกี่ยวกับเรื่องการรุกสู่มอสโกและการโต้เถียงเกี่ยวกับว่าการที่กองทัพกลุ่มเหนือและกองทัพกลุ่มใต้มีความแข็งแกร่งพอที่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ การที่กองทัพกลุ่มกลางขาดการสนับสนุน และ การชี้ถึงเวลาว่าจะสามารถยึดมอสโกได้อย่างเด็ดขาดในช่วงก่อนฤดูหนาวหรือไม่{{sfn|Glantz|2011|p=56}} |
ในวนที่ 18 สิงหาคม [[:en:Oberkommando des Heeres|กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน]] ส่งจดหมายการพิจารณาเกี่ยวกับจุดยุทธศาสตร์ถึง[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์|ฮิตเลอร์]] เกี่ยวกับปฏิบัติการใน[[ปฏิบัติการบาร์บารอสซา]] ในกระดาษเขียนเกี่ยวกับเรื่องการรุกสู่มอสโกและการโต้เถียงเกี่ยวกับว่าการที่กองทัพกลุ่มเหนือและกองทัพกลุ่มใต้มีความแข็งแกร่งพอที่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ การที่กองทัพกลุ่มกลางขาดการสนับสนุน และ การชี้ถึงเวลาว่าจะสามารถยึดมอสโกได้อย่างเด็ดขาดในช่วงก่อนฤดูหนาวหรือไม่{{sfn|Glantz|2011|p=56}} |
||
วันที่ 20 สิงหาคม ฮิตเลอร์ปฏิเสธแผนการทำลายเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโซเวียต ในวันที่ 21 สิงหาคม [[:en: Alfred Jodl|อัลเฟร็ด โจล]] แห่ง [[:en:Oberkommando der Wehrmacht|กองบัญชาการกองทัพบกเยอรมัน]] ได้ออกคำสั่งของฮิตเลอร์ถึงนายพล [[:en:Walther von Brauchitsch|วัลเทอร์ ฟอน เบราชิทช์]] ผู้บัญชาการกองทัพบก คำสั่งนั้นย่ำว่าต้องยึดมอสโกให้ได้ก่อนฤดูหนาวเท่านั้นและเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างสำคัญมากก่อนจะนำทัพไปยึด[[คาบสมุทรไครเมีย]] กับแหล่งอุตสาหกรรมและถ่านหินในแถบลุ่มแม่น้ำ[[แม่น้ำดอน|แม่น้ำดอน]] ก่อนจะแยกกำลังไปยึดแหล่งน้ำมันใน[[คอเคซัส]] ก่อนจะค่อยยึดส่วนที่เหลือของสหภาพโซเวียตต่อไปและทางด้านเหนือก็โอบล้อม[[เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก|เลนินกราด]] และเชื่อมกับทหารฟินแลนด์ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆจะเป็นหน้าที่ของกองทัพกลุ่มกลาง คือ การจัดสรรทรัพยากรกับทำลายกองพลรัสเซียนที่ 5 และป้องกันการโต้กลับของโซเวียตในแถบภาคกลาง{{sfn|Glantz|2011|p=57}} {{sfn|Glantz|2011|p=60}} [[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]] ถึงกับตกตะลึงและไปอธิบายกับฮิตเลอร์ในภายหลังว่า"มันเพ้อฝันเกินไปและมันเป็นไปไม่ได้"แต่คำสั่งก็ถูกสั่งการออกไปและฮิตเลอร์เป็นคนเดียวที่ต้องรับความผิดชอบในคำสั่งนี้และทำให้เกิดความขัดแย้งภายในมากขึ้นและมันก็เป็นการสะท้อนในเจตนาของฮิตเลอร์[[ปฏิบัติการบาร์บารอสซา]] ที่[[กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน|กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน]] ตระหนักมาตลอด{{sfn|Glantz|2011|p=58}} [[เจอฮาร์ด เอนเจิล|เจอฮาร์ด เอนเจิล]] ในไดอารี่ของเขาลงวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1941"มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของกองทัพบก".{{sfn|Glantz|2011|p=59}} ฮอลเดอร์ประกาศลาออกและให้คำแนะนำแก่เบราชิทช์ แต่อย่างไรก็ตามแก่เบราชิทช์ก็ปฏิเสธและฮิตเลอร์ก็นิ่งเฉยต่อการกระทำของเขาจนในที่สุดฮอลเดอร์ก็ถอนใบลาออก {{sfn|Glantz|2011|p=58}} |
วันที่ 20 สิงหาคม ฮิตเลอร์ปฏิเสธแผนการทำลายเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโซเวียต ในวันที่ 21 สิงหาคม [[:en: Alfred Jodl|อัลเฟร็ด โจล]] แห่ง [[:en:Oberkommando der Wehrmacht|กองบัญชาการกองทัพบกเยอรมัน]] ได้ออกคำสั่งของฮิตเลอร์ถึงนายพล [[:en:Walther von Brauchitsch|วัลเทอร์ ฟอน เบราชิทช์]] ผู้บัญชาการกองทัพบก คำสั่งนั้นย่ำว่าต้องยึดมอสโกให้ได้ก่อนฤดูหนาวเท่านั้นและเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างสำคัญมากก่อนจะนำทัพไปยึด[[คาบสมุทรไครเมีย]] กับแหล่งอุตสาหกรรมและถ่านหินในแถบลุ่มแม่น้ำ[[แม่น้ำดอน|แม่น้ำดอน]] ก่อนจะแยกกำลังไปยึดแหล่งน้ำมันใน[[คอเคซัส]] ก่อนจะค่อยยึดส่วนที่เหลือของสหภาพโซเวียตต่อไปและทางด้านเหนือก็โอบล้อม[[เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก|เลนินกราด]] และเชื่อมกับทหารฟินแลนด์ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆจะเป็นหน้าที่ของกองทัพกลุ่มกลาง คือ การจัดสรรทรัพยากรกับทำลายกองพลรัสเซียนที่ 5 และป้องกันการโต้กลับของโซเวียตในแถบภาคกลาง{{sfn|Glantz|2011|p=57}} {{sfn|Glantz|2011|p=60}} [[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]] ถึงกับตกตะลึงและไปอธิบายกับฮิตเลอร์ในภายหลังว่า"มันเพ้อฝันเกินไปและมันเป็นไปไม่ได้"แต่คำสั่งก็ถูกสั่งการออกไปและฮิตเลอร์เป็นคนเดียวที่ต้องรับความผิดชอบในคำสั่งนี้และทำให้เกิดความขัดแย้งภายในมากขึ้นและมันก็เป็นการสะท้อนในเจตนาของฮิตเลอร์[[ปฏิบัติการบาร์บารอสซา]] ที่[[กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน|กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน]] ตระหนักมาตลอด{{sfn|Glantz|2011|p=58}} [[:en:เจอฮาร์ด เอนเจิล|เจอฮาร์ด เอนเจิล]] ในไดอารี่ของเขาลงวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1941"มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของกองทัพบก".{{sfn|Glantz|2011|p=59}} ฮอลเดอร์ประกาศลาออกและให้คำแนะนำแก่เบราชิทช์ แต่อย่างไรก็ตามแก่เบราชิทช์ก็ปฏิเสธและฮิตเลอร์ก็นิ่งเฉยต่อการกระทำของเขาจนในที่สุดฮอลเดอร์ก็ถอนใบลาออก {{sfn|Glantz|2011|p=58}} |
||
ในวันที่ 23 สิงหาคม [[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]] เรียกประชุมกับนายพล ฟอน บอค และนายกูเดเรียนใน [[บารีซอฟ|บารีซอฟ]] (ใน [[สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตเบียโลรัสเซีย]]) และหลังจากการไปพบ[[ฮิตเลอร์]]ที่ฐานทัพในปรัสเซียตะวันออกกับนายพลกูเดเรียนและระหว่างการพบ [[ฮิตเลอร์]] และ [[ไฮนซ์ กูเดเรียน|กูเดเรียน]]{{sfn|Guderian|1952|p=200}} และต่อต้านข้อเสนอของ[[:en:Franz Halder|ฟรานซ์ ฮอลเดอร์]] และ [[:en:Walther von Brauchitsch|วัลเทอร์ ฟอน เบราชิทช์]] และกูเดเรียนได้รับอนุญาติจากฮิตเลอร์ให้นำทัพในการรุกสู่[[มอสโก]] และปฏิเสธการต่อต้าน ฮิตเลอร์อ้างว่าการตัดสินใจของตนจะทำให้ภาคเหนือ([[รัฐบอลติก]]) กับ ภาคใต้([[ยูเครน]])ในโซเวียตตะวันตก และยังพูดว่า "การยึด[[มอสโก]] มีความสำคัญมากกว่าปัญหาอื่นๆ" และยังพูดอีกว่า "มันไม่ใช่ปัญหาใหม่เลยแต่ความเป็นจริงมันบอกว่ามันมีโอกาสตั้งแต่เราเริ่ม([[ปฏิบัติการบาร์บารอสซา]]) แล้ว" นอกจากนี้ยังมีการโต้แย้งว่าตอนนี้อยู่ในสภาวะขั้นวิกฤตเพราะโอกาสในการโอบล้อมทหารโซเวียตในจุดยุทธศาสตร์แทบเรียกว่า"เป็นเพียงแค่ความไม่คาดฝันเท่านั้น และมันเป็นการบรรเทาจากถูกทหารโซเวียตถ่วงเวลาในภาคใต้เท่านั้น"{{sfn|Glantz|2011|p=58}} [[ฮิตเลอร์]]ประกาศว่า "คัดค้านในการที่เสียเวลาไปทำลายทหารโซเวียตทาง[[ยูเครน]] จนทำให้การรุกสู่[[มอสโก]]ล่าช้าหรือการที่ยานเกราะขาดการสนับสนุนตามเทคนิคสามารถส่งไปได้แต่ไม่สมบูรณ์" [[ฮิตเลอร์]] ย้ำว่าครั้งหนึ่งปีกของกองทัพกลุ่มกลางทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญโดยเฉพาะทางภาคใต้และได้รับอนุญาติให้กลับไปนำการรุกสู่มอสโกและการรุกครั้งนี้สรุปโดยความว่า"ต้องไม่พลาด"{{sfn|Glantz|2011|p=59}} ในความเป็นจริงฮิตเลอร์เตรียมออกคำสั่งย้ายกลุ่มแพนเซอร์ของนายพลกูเดเรียนไปทางภาคใต้{{sfn|Guderian|1952|pp=202}} กูเดเรียนกลับไปยังกลุ่มแพนเซอร์ของเขาGuderian returned to his [[:en:2nd Panzer Group|กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง]] และเริ่มการรุกสู่ภาคใต้และเริ่มความพยายามในการปิดล้อมจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโซเวียต{{sfn|Glantz|2011|p=58}} |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:12, 25 ตุลาคม 2559
ยุทธการเคียฟครั้งที่หนึ่ง | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ ปฏิบัติการบาร์บารอสซา ใน แนวรบด้านตะวันออก ของ สงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
การรุกช่วงแรกของเยอรมันในปฏิบัติการบาร์บารอสซา | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
นาซีเยอรมนี | สหภาพโซเวียต | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
แกร์ด ฟอน รุนด์ชเตดท์ |
เซมิออน บูดิออนนืย (ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 13 กันยายน) มิคาอิล เคอโพโนส † | ||||||
กำลัง | |||||||
500,000 คน | 627,000 คน[1] | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ทั้งหมด: 128,670 คน[a] เสียชีวิต: 26,856 คน บาดเจ็บ: 96,796 คน ถูกจับเป็นเชลยหรือสูญหาย: 5,008 คน |
ทั้งหมด: 700,544 คน[1] |
ยุทธการเคียฟครั้งที่หนึ่ง เป็นยุทธการที่เป็นการปิดล้อมทหารโซเวียตขนาดใหญ่ โดยเยอรมันในแถบรอบเมืองเคียฟในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยการล้อมนี้ถือว่ายาวที่สุดในประวัติศาสตร์การรบ (จากจำนวนทหาร) ปฏิบัติการเริ่มต้นตั้งแต่ 7 สิงหาคม ถึง 26 กันยายน ค.ศ.1941 เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการบาร์บารอสซาในช่วงที่ฝ่ายอักษะบุกสหภาพโซเวียต ในประวัติศาสตร์การทหารของโซเวียต มันถูกเรียกว่า ปฏิบัติการป้องกันเชิงกลยุทธ์เคียฟ และวันเวลาในการรบค่อนข้างจะแตกต่าง คือ ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ถึง 26 กันยายน ค.ศ.1941[4]
เกือบทั้งหมดของกองพลตะวันตกเฉียงใต้ ของ กองทัพแดง ถูกล้อม อย่างไรก็ตาม การล้อมเคียฟก็ไม่สมบูรณ์และทหารโซเวียตบางส่วนสามารถหลบหนีไปได้ หลังจากที่เยอรมันทำการรุกโอบล้อมในทางตะวันออกของเมือง รวมไปถึงฐานทัพใหญ่ของ จอมพลเซมิออน บูดิออนนืย จอมพลเซมิออน ตีโมเชนโค และ ผู้ตรวจการทางการเมืองนีกีตา ครุชชอฟ ผู้บังคับบัญชาแห่งกองพลตะวันตกเฉียงใต้มิคาอิล เคอโพโนสซึ่งติดกับดักหลังแนวเยอรมันและถูกสังหารในระหว่างการต่อสู้
ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของกองทัพแดงในครั้งนี้โดยมีทหารถูกล้อมถึง 452,700 คน,ปืนใหญ่และปืนครก 2,642 กระบอก และรถถัง 64 คัน,และมีทหารเพียง 15,000 คนที่สามารถหลุดรอดจากวงล้อมในวันที่ 2 ตุลาคม กองพลตะวันตกเฉียงใต้สูญเสียรวมทั้งหมด 700,544 คน รวมถึงทหารที่เสียชีวิต ถูกจับหรือสูญหาย 616,304 คน ในช่วงการรบ
ก่อนการรบ
หลังจากการรุกอย่างรวดเร็วของกองทัพกลุ่มกลาง มุ่งไปสู่การทำลายส่วนกลางของ แนวรบด้านตะวันออก โดยโจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ร่วมกับ กองทัพกลุ่มใต้ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1941 ทหารโซเวียตก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน จุดยุทธศาสตร์สำคัญเกือบทั้งหมดของกองพลตะวันตกเฉียงใต้ ในรอบเมืองเคียฟ [5][6] ซึ่งกำลังขาดแคลนยานเกราะและรถถัง
ในวันที่ 3 สิงหาคม ฮิตเลอร์ออกคำสั่งให้หยุดการรุกสู่มอสโกเป็นการชั่วคราวและสั่งให้เคลื่อนทัพลงใต้และโจมตีเคียฟในยูเครน[7] อย่างไรก็ตามในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1941 คำสั่งส่งกำลังเสริมครั้งที่ 34 ก็ถูกดำเนินการแต่ก็ถูกต่อต้านโดยนายทหารภาคสนามบางส่วน แต่ฮิตเลอร์ก็มีความมั่นใจและเชื่อว่าจะสามารถทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญของทหารโซเวียตได้ในทางด้านปีกขวาของกองทัพกลุ่มกลาง ในแถบรอบเมืองเคียฟ ก่อนจะทำการรุกสู่มอสโก และมีนายพลที่ต่อต้านคือฟรานซ์ ฮอลเดอร์,เฟดอร์ ฟอน บอค,ไฮนซ์ กูเดเรียน ว่าควรรุกสู่มอสโกต่อไปแต่ฮิตเลอร์ไม่ฟังและสั่งให้ กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง และ กลุ่มแพนเซอร์ที่สาม ของกองทัพกลุ่มกลาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้ได้รับคำสั่งช่วยเหลือกองทัพกลุ่มเหนือ และ กองทัพกลุ่มใต้ ตามลำดับก่อนที่จะกลับมาอยู่กองทัพกลุ่มกลางร่วมกับกลุ่มแพนเซอร์ที่สี่ ของกองทัพกลุ่มเหนือ ครั้งหนึ่งจุดประสงค์ของแม่ทัพกองทัพกลุ่มกลางเคยประสบความสำเร็จในการที่มีกลุ่มแพนเซอร์สามกลุ่มภายใต้การควบคุมของ กองทัพกลุ่มกลาง ในการรุกสู่มอสโก[8] ในขั้นต้น นายพลฮอลเดอร์หัวหน้าของกองบัญชาการทหารสูงสุดของเยอรมัน ฝ่ายพนักงานทั่วไปและนายพลบอค นายพลแห่งกองทัพกลุ่มกลาง เกิดความพึงพอใจในแผนการนี้แต่ก็ถูกต่อต้านเมื่อนำไปเทียบกับความเป็นจริง[9]
ในวนที่ 18 สิงหาคม กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน ส่งจดหมายการพิจารณาเกี่ยวกับจุดยุทธศาสตร์ถึงฮิตเลอร์ เกี่ยวกับปฏิบัติการในปฏิบัติการบาร์บารอสซา ในกระดาษเขียนเกี่ยวกับเรื่องการรุกสู่มอสโกและการโต้เถียงเกี่ยวกับว่าการที่กองทัพกลุ่มเหนือและกองทัพกลุ่มใต้มีความแข็งแกร่งพอที่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ การที่กองทัพกลุ่มกลางขาดการสนับสนุน และ การชี้ถึงเวลาว่าจะสามารถยึดมอสโกได้อย่างเด็ดขาดในช่วงก่อนฤดูหนาวหรือไม่[9]
วันที่ 20 สิงหาคม ฮิตเลอร์ปฏิเสธแผนการทำลายเขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของโซเวียต ในวันที่ 21 สิงหาคม อัลเฟร็ด โจล แห่ง กองบัญชาการกองทัพบกเยอรมัน ได้ออกคำสั่งของฮิตเลอร์ถึงนายพล วัลเทอร์ ฟอน เบราชิทช์ ผู้บัญชาการกองทัพบก คำสั่งนั้นย่ำว่าต้องยึดมอสโกให้ได้ก่อนฤดูหนาวเท่านั้นและเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างสำคัญมากก่อนจะนำทัพไปยึดคาบสมุทรไครเมีย กับแหล่งอุตสาหกรรมและถ่านหินในแถบลุ่มแม่น้ำแม่น้ำดอน ก่อนจะแยกกำลังไปยึดแหล่งน้ำมันในคอเคซัส ก่อนจะค่อยยึดส่วนที่เหลือของสหภาพโซเวียตต่อไปและทางด้านเหนือก็โอบล้อมเลนินกราด และเชื่อมกับทหารฟินแลนด์ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆจะเป็นหน้าที่ของกองทัพกลุ่มกลาง คือ การจัดสรรทรัพยากรกับทำลายกองพลรัสเซียนที่ 5 และป้องกันการโต้กลับของโซเวียตในแถบภาคกลาง[10] [11] ฟรานซ์ ฮอลเดอร์ ถึงกับตกตะลึงและไปอธิบายกับฮิตเลอร์ในภายหลังว่า"มันเพ้อฝันเกินไปและมันเป็นไปไม่ได้"แต่คำสั่งก็ถูกสั่งการออกไปและฮิตเลอร์เป็นคนเดียวที่ต้องรับความผิดชอบในคำสั่งนี้และทำให้เกิดความขัดแย้งภายในมากขึ้นและมันก็เป็นการสะท้อนในเจตนาของฮิตเลอร์ปฏิบัติการบาร์บารอสซา ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดเยอรมัน ตระหนักมาตลอด[12] เจอฮาร์ด เอนเจิล ในไดอารี่ของเขาลงวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1941"มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของกองทัพบก".[13] ฮอลเดอร์ประกาศลาออกและให้คำแนะนำแก่เบราชิทช์ แต่อย่างไรก็ตามแก่เบราชิทช์ก็ปฏิเสธและฮิตเลอร์ก็นิ่งเฉยต่อการกระทำของเขาจนในที่สุดฮอลเดอร์ก็ถอนใบลาออก [12]
ในวันที่ 23 สิงหาคม ฟรานซ์ ฮอลเดอร์ เรียกประชุมกับนายพล ฟอน บอค และนายกูเดเรียนใน บารีซอฟ (ใน สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตเบียโลรัสเซีย) และหลังจากการไปพบฮิตเลอร์ที่ฐานทัพในปรัสเซียตะวันออกกับนายพลกูเดเรียนและระหว่างการพบ ฮิตเลอร์ และ กูเดเรียน[14] และต่อต้านข้อเสนอของฟรานซ์ ฮอลเดอร์ และ วัลเทอร์ ฟอน เบราชิทช์ และกูเดเรียนได้รับอนุญาติจากฮิตเลอร์ให้นำทัพในการรุกสู่มอสโก และปฏิเสธการต่อต้าน ฮิตเลอร์อ้างว่าการตัดสินใจของตนจะทำให้ภาคเหนือ(รัฐบอลติก) กับ ภาคใต้(ยูเครน)ในโซเวียตตะวันตก และยังพูดว่า "การยึดมอสโก มีความสำคัญมากกว่าปัญหาอื่นๆ" และยังพูดอีกว่า "มันไม่ใช่ปัญหาใหม่เลยแต่ความเป็นจริงมันบอกว่ามันมีโอกาสตั้งแต่เราเริ่ม(ปฏิบัติการบาร์บารอสซา) แล้ว" นอกจากนี้ยังมีการโต้แย้งว่าตอนนี้อยู่ในสภาวะขั้นวิกฤตเพราะโอกาสในการโอบล้อมทหารโซเวียตในจุดยุทธศาสตร์แทบเรียกว่า"เป็นเพียงแค่ความไม่คาดฝันเท่านั้น และมันเป็นการบรรเทาจากถูกทหารโซเวียตถ่วงเวลาในภาคใต้เท่านั้น"[12] ฮิตเลอร์ประกาศว่า "คัดค้านในการที่เสียเวลาไปทำลายทหารโซเวียตทางยูเครน จนทำให้การรุกสู่มอสโกล่าช้าหรือการที่ยานเกราะขาดการสนับสนุนตามเทคนิคสามารถส่งไปได้แต่ไม่สมบูรณ์" ฮิตเลอร์ ย้ำว่าครั้งหนึ่งปีกของกองทัพกลุ่มกลางทำลายจุดยุทธศาสตร์สำคัญโดยเฉพาะทางภาคใต้และได้รับอนุญาติให้กลับไปนำการรุกสู่มอสโกและการรุกครั้งนี้สรุปโดยความว่า"ต้องไม่พลาด"[13] ในความเป็นจริงฮิตเลอร์เตรียมออกคำสั่งย้ายกลุ่มแพนเซอร์ของนายพลกูเดเรียนไปทางภาคใต้[15] กูเดเรียนกลับไปยังกลุ่มแพนเซอร์ของเขาGuderian returned to his กลุ่มแพนเซอร์ที่สอง และเริ่มการรุกสู่ภาคใต้และเริ่มความพยายามในการปิดล้อมจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโซเวียต[12]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 Glantz 1995, p. 293.
- ↑ Freier 2009.
- ↑ 3.0 3.1 Krivosheev 1997, p. 260.
- ↑ Krivosheev 1997, p. 114.
- ↑ Glantz 2011, pp. 54–55.
- ↑ Clark 1965, p. 130.
- ↑ Clark 1965, p. 101.
- ↑ Glantz 2011, p. 55.
- ↑ 9.0 9.1 Glantz 2011, p. 56.
- ↑ Glantz 2011, p. 57.
- ↑ Glantz 2011, p. 60.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 Glantz 2011, p. 58.
- ↑ 13.0 13.1 Glantz 2011, p. 59.
- ↑ Guderian 1952, p. 200.
- ↑ Guderian 1952, pp. 202.
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/>
ที่สอดคล้องกัน