ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จัง ฮี-แจ"
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต: เปลี่ยนจาก หมวดหมู่:บุคคลในยุคราชวงศ์โชซอน ไปยัง หมวดหมู่:บุคคลในยุคราชวงศ์โชซ็อน |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
'''จางฮีเจ''' ({{เกาหลี|장희재}}; ? — [[ค.ศ. 1701]]) เป็นขุนนางคนสำคัญและเป็นแกนนำขุนนางฝ่ายใต้ในรัชสมัย [[พระเจ้าซุกจง]] และเป็นพระเชษฐาของ [[พระสนมฮีบิน จากตระกูลจาง]] |
'''จางฮีเจ''' ({{เกาหลี|장희재}}; ? — [[29 ตุลาคม]] [[ค.ศ. 1701]]) เป็นขุนนางคนสำคัญและเป็นแกนนำขุนนางฝ่ายใต้ในรัชสมัย [[พระเจ้าซุกจง]] และเป็นพระเชษฐาของ [[พระสนมฮีบิน จากตระกูลจาง]] |
||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:59, 15 สิงหาคม 2559
จางฮีเจ (เกาหลี: 장희재; ? — 29 ตุลาคม ค.ศ. 1701) เป็นขุนนางคนสำคัญและเป็นแกนนำขุนนางฝ่ายใต้ในรัชสมัย พระเจ้าซุกจง และเป็นพระเชษฐาของ พระสนมฮีบิน จากตระกูลจาง
ประวัติ
จางฮีเจ เกิดเมื่อใดไม่ทราบแน่ชัด ต่อมาได้เข้ารับราชการแต่ถูกเนรเทศเพราะกระทำความผิดในเวลาต่อมา จางอ๊กจอง ผู้เป็นน้องสาวได้ถวายตัวเป็น "จางซังกุง" และเมื่อได้เป็นพระสนมฮีบินพระนางได้กราบทูลให้พระเจ้าซุกจงทรงอภัยโทษและเรียกตัวจางฮีเจกลับมารับราชการ
เรืองอำนาจ
เมื่อจางฮีเจได้กลับเข้ารับราชการเป็นช่วงที่ราชสำนักเปลี่ยนขั้วทางการเมืองพอดีจากฝ่ายตะวันตกเป็นฝ่ายใต้ทำให้เขาทรงอิทธิพลในราชสำนักเพราะน้องสาวของเขาได้ขึ้นเป็นพระมเหสีแต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อพระเจ้าซุกจงทรงไต่สวนคดีการสิ้นพระชนม์ของพระพันปีมยองซองใหม่แล้วพบว่าพระมเหสีอินฮย็อน มิได้ทรงเป็นผู้บงการแต่เป็นพระสนมฮีบินที่เป็นผู้บงการซึ่งขุนนางฝ่ายตะวันตกกราบทูลให้สำเร็จโทษแต่พระเจ้าซุกจงทรงสงสารองค์ชายรัชทายาทลียุนที่จะต้องกำพร้าพระมารดาจึงโปรดให้ปลดออกจากตำแหน่งพระมเหสีลงไปเป็นพระสนมเอกตามเดิมทำให้พระสนมฮีบินมิพอพระทัยมีรับสั่งให้ "นายหญิงยุน" พระมารดาและจางฮีเจไปจ้างหมอคุณไสยทำร้ายพระมเหสีอินฮย็อนจนประชวรและสิ้นพระชนม์ในที่สุด
สิ้นชีวิต
หลังจากที่พระมเหสีอินฮย็อนสิ้นพระชนม์แล้วพระเจ้าซุกจงจึงโปรดให้สืบสวนและพบว่าพระสนมฮีบิน, จางฮีเจ และนายหญิงยุนเป็นผู้บงการจึงโปรดให้เข้าค้นพระตำหนักของพระสนมพบของทำคุณไสยจำนวนมากจึงโปรดให้นำตัวพระสนมฮีบินไปสำเร็จโทษด้วยการประทานยาพิษส่วนนายหญิงยุนและจางฮีเจพร้อมคนสนิทโปรดให้นำตัวไปประหารด้วยการตัดคอ
จางฮีเจ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี ค.ศ. 1701
ข้อมูลเพิ่มเติม
หลังจากจบคดีดังกล่าวพระเจ้าซุกจงโปรดเกล้าให้ตรากฎมณเฑียรบาลเพิ่มเข้าไปว่าห้ามแต่งตั้งพระสนมขึ้นเป็นพระมเหสีอีกต่อไป