ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก"
ล ลักษณะ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
| fossil_range = ปลาย[[Devonian|ดีโวเนียน]]-ปัจจุบัน |
| fossil_range = ปลาย[[Devonian|ดีโวเนียน]]-ปัจจุบัน |
||
}} |
}} |
||
'''สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก''' หรือที่นิยมเรียกอย่างทั่วไปว่า '''สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ''' ({{lang-en| |
'''สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก''' หรือที่นิยมเรียกอย่างทั่วไปว่า '''สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ''' ({{lang-en|Amphibians}}) เป็น[[สัตว์มีกระดูกสันหลัง]]ที่อยู่ใน[[ชั้น (ชีววิทยา)|ชั้น]] Amphibia อาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก มีลักษณะเฉพาะ คือ ผิวหนังมีต่อมเมือกทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลา ผิวหนังเปียกลื่นอยู่เสมอ ไม่มีเกล็ดตัวไม่แห้งหรือไม่มีขน หายใจด้วย[[เหงือก]], [[ปอด]], [[ผิวหนัง]] หรือผิวในปากในคอ โดยชั้นผิวหนังนั้นมีลักษณะพิเศษสามารถแลกเปลี่ยน[[ออกซิเจน]]ได้เนื่องจากมีโครงข่าย[[เส้นเลือดฝอย|หลอดเลือดฝอย]]จำนวนมาก เพื่อใช้ในการหายใจ<ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 2</ref> สืบพันธุ์โดยการผสมพันธุ์ภายนอกลำตัว สืบพันธุ์เมื่ออายุ 2–3 ปี ออกลูกเป็น[[ไข่]]อยู่ในน้ำ ไม่มีเปลือก วางไข่เป็นกลุ่มในน้ำมีสารเป็นวุ้นหุ้ม |
||
ลูกอ่อนที่ออกจากไข่มีรูปร่างคล้าย[[ปลา]]เรียกว่า "[[ลูกอ๊อด]]" อยู่ในน้ำหายใจด้วยเหงือก เมื่อเติบโตเต็มที่แล้วมีปอดหายใจ ขึ้นบกได้ แต่ต้องอยู่ใกล้น้ำ |
ลูกอ่อนที่ออกจากไข่มีรูปร่างคล้าย[[ปลา]]เรียกว่า "[[ลูกอ๊อด]]" อยู่ในน้ำหายใจด้วยเหงือก เมื่อเติบโตเต็มที่แล้วมีปอดหายใจ ขึ้นบกได้ แต่ต้องอยู่ใกล้น้ำ |
||
บรรทัด 31: | บรรทัด 31: | ||
== อันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก == |
== อันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก == |
||
* '''[[Anura]]''' หรือ '''อันดับกบ''' |
* '''[[Anura]]''' หรือ '''อันดับกบ''' |
||
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง [[คางคก]], [[อึ่ง]] และ[[กบ|เขียด]]หรือปาดด้วย มีรูปร่างโดยรวมคือ มีสี่ขา ขาหลังขาวใหญ่และมี[[กล้ามเนื้อ]]ที่แข็งแรงใช้กระโดดได้ระยะไกล โดย[[มุม]]ที่กระโดดได้มีความสูงที่สุด คือ 90 [[องศา]] กับพื้นราบ ส่วนการกระโดดที่ไกลที่สุดคือ เมื่อทำมุม 45 องศา กับพื้นราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเร่งและหดตัวของกล้ามเนื้อ<ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, |
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง [[คางคก]], [[อึ่ง]] และ[[กบ|เขียด]]หรือปาดด้วย มีรูปร่างโดยรวมคือ มีสี่ขา ขาหลังขาวใหญ่และมี[[กล้ามเนื้อ]]ที่แข็งแรงใช้กระโดดได้ระยะไกล โดย[[มุม]]ที่กระโดดได้มีความสูงที่สุด คือ 90 [[องศา]] กับพื้นราบ ส่วนการกระโดดที่ไกลที่สุดคือ เมื่อทำมุม 45 องศา กับพื้นราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเร่งและหดตัวของกล้ามเนื้อ<ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 115</ref> ระหว่างนิ้วมีพังผืดเชื่อมติดกันเพื่อช่วยในการ[[ว่ายน้ำ]] ตาโต ปากกว้าง เป็นสัตว์ที่ดูเหมือนว่าไม่มีคอ ใน[[เพศผู้|ตัวผู้]]มีต่อมที่ลำคอทั้งสองข้างใช้ในการส่งเสียงร้องได้ เพื่อเรียกความสนใจของตัวเมียเพื่อการผสมพันธุ์และวางไข่ วางไข่ในน้ำ ไข่ติดกันเป็นพวงเหมือนเม็ด[[แมงลัก]] วัยอ่อนมีหางเหมือนปลาและมีพู่เหงือกใช้ในการหายใจเห็นชัดเจน มี 2 ชุด เรียกว่า "ลูกอ๊อด" บางจำพวก เช่น ปาดอาจวางไข่เพียงครั้งละฟองบนน้ำค้างบน[[ใบไม้]] เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะไม่มีหาง |
||
กบใน[[ประเทศไทย]]ใช้เนื้อในการรับประทานของ[[มนุษย์]]เป็น[[อาหาร]] มีหลายชนิด ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิ [[กบทูด|กบภูเขา]] (''Limnonectes blythii'') ซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทยด้วย, [[อึ่งปากขวด]] (''Glyphoglossus molossus''), [[Hoplobatrachus rugulosus|กบนา]] (''Hoplobatrachus rugulosus'') ซึ่งนิยมเพาะเลี้ยงกันเป็น[[สัตว์เศรษฐกิจ]] |
กบใน[[ประเทศไทย]]ใช้เนื้อในการรับประทานของ[[มนุษย์]]เป็น[[อาหาร]] มีหลายชนิด ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิ [[กบทูด|กบภูเขา]] (''Limnonectes blythii'') ซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทยด้วย, [[อึ่งปากขวด]] (''Glyphoglossus molossus''), [[Hoplobatrachus rugulosus|กบนา]] (''Hoplobatrachus rugulosus'') ซึ่งนิยมเพาะเลี้ยงกันเป็น[[สัตว์เศรษฐกิจ]] |
||
ปัจจุบันมีการค้นพบและอนุกรมวิธานแล้วกว่าเกือบ 4,800 ชนิด นับว่ามีความหลากหลายที่สุดของสัตว์ในชั้นนี้<ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, |
ปัจจุบันมีการค้นพบและอนุกรมวิธานแล้วกว่าเกือบ 4,800 ชนิด นับว่ามีความหลากหลายที่สุดของสัตว์ในชั้นนี้<ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 301</ref> |
||
* '''[[Caudata]]''' หรือ '''อันดับซาลาแมนเดอร์และนิวต์''' |
* '''[[Caudata]]''' หรือ '''อันดับซาลาแมนเดอร์และนิวต์''' |
||
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอีกอันดับหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับ[[จิ้งจก]]ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน จึงได้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งใน[[ภาษาไทย]]ว่า "จิ้งจกน้ำ" หรือ "จั๊กกิ้มน้ำ" กล่าวคือ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วก็ยังมีหาง ในขณะที่ยังเป็นวัยอ่อนก็มีรูปร่างไม่ได้ต่างอะไรกับตัวเต็มวัย แต่สภาพของพู่เหงือกจะมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพถิ่นที่อยู่ โดยพวกที่วางไข่ในแหล่งน้ำนิ่งหรือบกบก เหงือกได้ลดรูปและช่องเหงือกปิดก่อนหน้าจะเป็นตัวฟักออกจากไข่ สำหรับพวกที่อาศัยในแหล่งน้ำไหลมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูง จะมีได้ทั้งเหงือกขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีทั้งแบบเป็นพู่คล้ายขนนก แต่ในจำพวกที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำตลอดเวลา จะไม่เปลี่ยนรูปร่างของเหงือกไปตามวัย แม้จะมีปอดขึ้นมาแล้วก็ตาม<ref |
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอีกอันดับหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับ[[จิ้งจก]]ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน จึงได้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งใน[[ภาษาไทย]]ว่า "จิ้งจกน้ำ" หรือ "จั๊กกิ้มน้ำ" กล่าวคือ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วก็ยังมีหาง ในขณะที่ยังเป็นวัยอ่อนก็มีรูปร่างไม่ได้ต่างอะไรกับตัวเต็มวัย แต่สภาพของพู่เหงือกจะมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพถิ่นที่อยู่ โดยพวกที่วางไข่ในแหล่งน้ำนิ่งหรือบกบก เหงือกได้ลดรูปและช่องเหงือกปิดก่อนหน้าจะเป็นตัวฟักออกจากไข่ สำหรับพวกที่อาศัยในแหล่งน้ำไหลมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูง จะมีได้ทั้งเหงือกขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีทั้งแบบเป็นพู่คล้ายขนนก แต่ในจำพวกที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำตลอดเวลา จะไม่เปลี่ยนรูปร่างของเหงือกไปตามวัย แม้จะมีปอดขึ้นมาแล้วก็ตาม <ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 14-42</ref> |
||
ซึ่งสัตว์ในอันดับนี้ในประเทศไทยมีพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ [[กะท่าง]] หรือ จิ้งจกน้ำดอยอินทนนท์ (''Tylototriton verrucosus'') ซึ่งจะพบได้เฉพาะ[[ลำธาร]]ในเขตภูเขาสูงของ[[ภาคเหนือ]]ของประเทศเท่านั้น และต่อมาได้มีการค้นพบเพิ่มอีกที่แอ่งน้ำใน[[จังหวัดขอนแก่น]] ซึ่งตัวผู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงฤดูผสมพันธุ์จะมี[[สีสัน]]ที่สดใส[[สวย]]งามมาก นอกจากนี้แล้ว สัตว์ในอันดับนี้ถือได้ว่าเป็นสัตว์สะเทินน้ำทะเทินบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย คือ [[ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน]] (''Andrias davidianus'') ที่อยู่ใน[[ซาลาแมนเดอร์ยักษ์|วงศ์ซาลาแมนเดอร์ยักษ์]] (Cryptobranchidae) เมื่อโตเต็มที่อาจมีความยาวได้ถึงเกือบ 2 เมตร อาศัยอยู่เฉพาะในลำธารน้ำที่ใสสะอาดแถบภาคกลางและภาคใต้ของ[[ป่าดิบชื้น]]ใน[[จีน]]เท่านั้น |
ซึ่งสัตว์ในอันดับนี้ในประเทศไทยมีพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ [[กะท่าง]] หรือ จิ้งจกน้ำดอยอินทนนท์ (''Tylototriton verrucosus'') ซึ่งจะพบได้เฉพาะ[[ลำธาร]]ในเขตภูเขาสูงของ[[ภาคเหนือ]]ของประเทศเท่านั้น และต่อมาได้มีการค้นพบเพิ่มอีกที่แอ่งน้ำใน[[จังหวัดขอนแก่น]] ซึ่งตัวผู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงฤดูผสมพันธุ์จะมี[[สีสัน]]ที่สดใส[[สวย]]งามมาก นอกจากนี้แล้ว สัตว์ในอันดับนี้ถือได้ว่าเป็นสัตว์สะเทินน้ำทะเทินบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย คือ [[ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน]] (''Andrias davidianus'') ที่อยู่ใน[[ซาลาแมนเดอร์ยักษ์|วงศ์ซาลาแมนเดอร์ยักษ์]] (Cryptobranchidae) เมื่อโตเต็มที่อาจมีความยาวได้ถึงเกือบ 2 เมตร อาศัยอยู่เฉพาะในลำธารน้ำที่ใสสะอาดแถบภาคกลางและภาคใต้ของ[[ป่าดิบชื้น]]ใน[[จีน]]เท่านั้น |
||
อนึ่ง คำว่า "ซาลาแมนเดอร์" นั้น มีที่มาจาก[[เทพปกรณัมกรีก]]คือ ตัว[[ซาลาแมนเดอร์ (สิ่งมีชีวิตในตำนาน)|ซาลาแมนเดอร์]] ที่เป็น[[สัตว์ในตำนาน]]ที่เมื่ออยู่ใน[[ไฟ]]ก็ไม่ตาย ส่วนคำว่า "[[นิวต์]]" นั้นจะใช้เรียกซาลาแมนเดอร์ที่มีขนาดเล็ก เช่น กะท่าง เป็นต้น<ref>[http://dictionary.flexthai.com/dictionary.php?key=newt&image.x=39&image.y=27 ดิกชันนารีออนไลน์ โปรแกรมแปลภาษา แปลศัพท์ online English-Thai]</ref> ปัจจุบันมีการจำแนกและอนุกรมวิธานแล้วกว่า 580 ชนิด<ref |
อนึ่ง คำว่า "ซาลาแมนเดอร์" นั้น มีที่มาจาก[[เทพปกรณัมกรีก]]คือ ตัว[[ซาลาแมนเดอร์ (สิ่งมีชีวิตในตำนาน)|ซาลาแมนเดอร์]] ที่เป็น[[สัตว์ในตำนาน]]ที่เมื่ออยู่ใน[[ไฟ]]ก็ไม่ตาย ส่วนคำว่า "[[นิวต์]]" นั้นจะใช้เรียกซาลาแมนเดอร์ที่มีขนาดเล็ก เช่น กะท่าง เป็นต้น<ref>[http://dictionary.flexthai.com/dictionary.php?key=newt&image.x=39&image.y=27 ดิกชันนารีออนไลน์ โปรแกรมแปลภาษา แปลศัพท์ online English-Thai]</ref> ปัจจุบันมีการจำแนกและอนุกรมวิธานแล้วกว่า 580 ชนิด <ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 14-42</ref> |
||
* '''[[Gymnophiona]]''' หรือ '''อันดับเขียดงู''' |
* '''[[Gymnophiona]]''' หรือ '''อันดับเขียดงู''' |
||
เป็นอันดับที่มีรูปร่างคล้ายเหมือน[[ปลาไหล]]หรือ[[งู]]ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน เพราะมีลำตัวเรียวยาวไม่มีขาหรือเกล็ด [[ตา]]มีขนาดเล็ก ทำให้ส่วนใหญ่เมื่อมีผู้พบเห็นเข้าใจผิดอยู่เสมอว่าเป็นงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน พบได้ในทั่วโลก มีลำตัวเป็นปล้อง โดยปล้องโดยทั่วไปมีขนาดจำนวนเท่ากับปล้องของกระดูกสันหลัง แต่บางชนิดอาจมีปล้องจำนวน 2 หรือ 3 ปล้องต่อกระดูกสันหลังปล้องเดียวก็ได้ ในบางชนิดที่มีเกล็ด จะเป็นเกล็ดที่ประกอบด้วย[[คอลลาเจน]]หลายชั้นฝังและเรียงตัวซ้อนกันในร่องส่วนลึกสุดของปล้องลำตัวปฐมภูมิ โดยเรียงลำดับต่อเนื่องกันในแนวเฉียง |
เป็นอันดับที่มีรูปร่างคล้ายเหมือน[[ปลาไหล]]หรือ[[งู]]ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน เพราะมีลำตัวเรียวยาวไม่มีขาหรือเกล็ด [[ตา]]มีขนาดเล็ก ทำให้ส่วนใหญ่เมื่อมีผู้พบเห็นเข้าใจผิดอยู่เสมอว่าเป็นงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน พบได้ในทั่วโลก มีลำตัวเป็นปล้อง โดยปล้องโดยทั่วไปมีขนาดจำนวนเท่ากับปล้องของกระดูกสันหลัง แต่บางชนิดอาจมีปล้องจำนวน 2 หรือ 3 ปล้องต่อกระดูกสันหลังปล้องเดียวก็ได้ ในบางชนิดที่มีเกล็ด จะเป็นเกล็ดที่ประกอบด้วย[[คอลลาเจน]]หลายชั้นฝังและเรียงตัวซ้อนกันในร่องส่วนลึกสุดของปล้องลำตัวปฐมภูมิ โดยเรียงลำดับต่อเนื่องกันในแนวเฉียง |
||
อาศัยทั้งบนบก โพรงดิน ใต้กองใบไม้ หรือในน้ำ ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานได้ 33 [[genus|สกุล]] 174 ชนิด ใน 6 [[วงศ์ (ชีววิทยา)|วงศ์]] จำแนกโดยการใช้รูปร่าง[[โครโมโซม]] และลักษณะทาง[[โมเลกุล]] ในประเทศไทยพบได้ 4 ชนิด อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกันทั้งหมด ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ [[Ichthyophis kohtaoensis|เขียดงูเกาะเต่า]] (''Ichthyophis kohtaoensis'') <ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, |
อาศัยทั้งบนบก โพรงดิน ใต้กองใบไม้ หรือในน้ำ ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานได้ 33 [[genus|สกุล]] 174 ชนิด ใน 6 [[วงศ์ (ชีววิทยา)|วงศ์]] จำแนกโดยการใช้รูปร่าง[[โครโมโซม]] และลักษณะทาง[[โมเลกุล]] ในประเทศไทยพบได้ 4 ชนิด อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกันทั้งหมด ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ [[Ichthyophis kohtaoensis|เขียดงูเกาะเต่า]] (''Ichthyophis kohtaoensis'') <ref>วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 303-304</ref> |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
===รายการอ้างอิง=== |
|||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
||
===บรรณานุกรม=== |
|||
*{{cite book| title=วิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก|first=วีรยุทธ์ |last=เลาหะจินดา |publisher=สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |year=2552 |isbn=978-616-556-016-0}} |
|||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
{{wikispecies|Amphibia}} |
{{wikispecies|Amphibia}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:46, 25 กรกฎาคม 2559
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: ปลายดีโวเนียน-ปัจจุบัน | |
---|---|
กบ จัดเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ไฟลัมย่อย: | Vertebrata |
ชั้น: | Amphibia Linnaeus, 1758 |
ชั้นย่อย และ อันดับ | |
|
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก หรือที่นิยมเรียกอย่างทั่วไปว่า สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ (อังกฤษ: Amphibians) เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่อยู่ในชั้น Amphibia อาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก มีลักษณะเฉพาะ คือ ผิวหนังมีต่อมเมือกทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลา ผิวหนังเปียกลื่นอยู่เสมอ ไม่มีเกล็ดตัวไม่แห้งหรือไม่มีขน หายใจด้วยเหงือก, ปอด, ผิวหนัง หรือผิวในปากในคอ โดยชั้นผิวหนังนั้นมีลักษณะพิเศษสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้เนื่องจากมีโครงข่ายหลอดเลือดฝอยจำนวนมาก เพื่อใช้ในการหายใจ[1] สืบพันธุ์โดยการผสมพันธุ์ภายนอกลำตัว สืบพันธุ์เมื่ออายุ 2–3 ปี ออกลูกเป็นไข่อยู่ในน้ำ ไม่มีเปลือก วางไข่เป็นกลุ่มในน้ำมีสารเป็นวุ้นหุ้ม
ลูกอ่อนที่ออกจากไข่มีรูปร่างคล้ายปลาเรียกว่า "ลูกอ๊อด" อยู่ในน้ำหายใจด้วยเหงือก เมื่อเติบโตเต็มที่แล้วมีปอดหายใจ ขึ้นบกได้ แต่ต้องอยู่ใกล้น้ำ
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทั้งภายนอกและภายในอย่างสิ้นเชิง ไปตามวงจรชีวิต ตัวอ่อนอาศัยอยู่ในน้ำ หายใจด้วยเหงือก เมื่อโตขึ้นจะเปลี่ยนรูปร่างอาศัยอยู่บนบก หายใจด้วยปอดหรือผิวหนัง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งในช่วงระหว่างฤดูหนาวถึงฤดูร้อน ส่วนใหญ่จะขุดรูจำศีล เพื่อหนีความแห้งแล้ง มิให้ผิวหนังแห้ง ถ้าผิวหนังแห้งจะหายใจไม่ได้และตายในที่สุด เพราะก๊าชจากอากาศต้องละลายไปกับน้ำเมือกที่ผิวหนัง แล้วจึงแพร่เข้าสู่กระแสโลหิต ระยะนี้จะใช้อาหารที่สะสมไว้ในร่างกายอย่างช้า ๆ นิวต์และซาลามานเดอร์ก็เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเหมือนกัน แต่แตกตางกันตรงที่นิวต์และซาลามานเดอร์จะยังคงหางของมันไว้ เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกถือเป็นสัตว์เลือดเย็น เช่นเดียวกับสัตว์พวกปลา หรือแมลง หรือสัตว์เลื้อยคลาน ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานสัตว์ในชั้นแล้วกว่า 6,500 ชนิด[2]
วิวัฒนาการของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกถือเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังจำพวกแรกที่ขึ้นจากน้ำมาอยู่บนบก โดยวิวัฒนาการตัวเองมาจากปลาในยุคปลายดีโวเนียน (406 ล้านปีก่อน) ในปลาชั้น Sarcopterygii โดยเฉพาะปลาในชั้นย่อย Tetrapodomorpha ที่ปัจจุบันได้สูญพันธุ์และวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์อย่างอื่นไปแล้ว ก่อนที่จะวิวัฒนาการเป็นสัตว์เลื้อยคลานต่อไป[3]
อันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก
- Anura หรือ อันดับกบ
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง คางคก, อึ่ง และเขียดหรือปาดด้วย มีรูปร่างโดยรวมคือ มีสี่ขา ขาหลังขาวใหญ่และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงใช้กระโดดได้ระยะไกล โดยมุมที่กระโดดได้มีความสูงที่สุด คือ 90 องศา กับพื้นราบ ส่วนการกระโดดที่ไกลที่สุดคือ เมื่อทำมุม 45 องศา กับพื้นราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเร่งและหดตัวของกล้ามเนื้อ[4] ระหว่างนิ้วมีพังผืดเชื่อมติดกันเพื่อช่วยในการว่ายน้ำ ตาโต ปากกว้าง เป็นสัตว์ที่ดูเหมือนว่าไม่มีคอ ในตัวผู้มีต่อมที่ลำคอทั้งสองข้างใช้ในการส่งเสียงร้องได้ เพื่อเรียกความสนใจของตัวเมียเพื่อการผสมพันธุ์และวางไข่ วางไข่ในน้ำ ไข่ติดกันเป็นพวงเหมือนเม็ดแมงลัก วัยอ่อนมีหางเหมือนปลาและมีพู่เหงือกใช้ในการหายใจเห็นชัดเจน มี 2 ชุด เรียกว่า "ลูกอ๊อด" บางจำพวก เช่น ปาดอาจวางไข่เพียงครั้งละฟองบนน้ำค้างบนใบไม้ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะไม่มีหาง
กบในประเทศไทยใช้เนื้อในการรับประทานของมนุษย์เป็นอาหาร มีหลายชนิด ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิ กบภูเขา (Limnonectes blythii) ซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทยด้วย, อึ่งปากขวด (Glyphoglossus molossus), กบนา (Hoplobatrachus rugulosus) ซึ่งนิยมเพาะเลี้ยงกันเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ปัจจุบันมีการค้นพบและอนุกรมวิธานแล้วกว่าเกือบ 4,800 ชนิด นับว่ามีความหลากหลายที่สุดของสัตว์ในชั้นนี้[5]
- Caudata หรือ อันดับซาลาแมนเดอร์และนิวต์
เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอีกอันดับหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับจิ้งจกที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน จึงได้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งในภาษาไทยว่า "จิ้งจกน้ำ" หรือ "จั๊กกิ้มน้ำ" กล่าวคือ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วก็ยังมีหาง ในขณะที่ยังเป็นวัยอ่อนก็มีรูปร่างไม่ได้ต่างอะไรกับตัวเต็มวัย แต่สภาพของพู่เหงือกจะมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพถิ่นที่อยู่ โดยพวกที่วางไข่ในแหล่งน้ำนิ่งหรือบกบก เหงือกได้ลดรูปและช่องเหงือกปิดก่อนหน้าจะเป็นตัวฟักออกจากไข่ สำหรับพวกที่อาศัยในแหล่งน้ำไหลมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูง จะมีได้ทั้งเหงือกขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีทั้งแบบเป็นพู่คล้ายขนนก แต่ในจำพวกที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำตลอดเวลา จะไม่เปลี่ยนรูปร่างของเหงือกไปตามวัย แม้จะมีปอดขึ้นมาแล้วก็ตาม [6]
ซึ่งสัตว์ในอันดับนี้ในประเทศไทยมีพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ กะท่าง หรือ จิ้งจกน้ำดอยอินทนนท์ (Tylototriton verrucosus) ซึ่งจะพบได้เฉพาะลำธารในเขตภูเขาสูงของภาคเหนือของประเทศเท่านั้น และต่อมาได้มีการค้นพบเพิ่มอีกที่แอ่งน้ำในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งตัวผู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงฤดูผสมพันธุ์จะมีสีสันที่สดใสสวยงามมาก นอกจากนี้แล้ว สัตว์ในอันดับนี้ถือได้ว่าเป็นสัตว์สะเทินน้ำทะเทินบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย คือ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน (Andrias davidianus) ที่อยู่ในวงศ์ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ (Cryptobranchidae) เมื่อโตเต็มที่อาจมีความยาวได้ถึงเกือบ 2 เมตร อาศัยอยู่เฉพาะในลำธารน้ำที่ใสสะอาดแถบภาคกลางและภาคใต้ของป่าดิบชื้นในจีนเท่านั้น
อนึ่ง คำว่า "ซาลาแมนเดอร์" นั้น มีที่มาจากเทพปกรณัมกรีกคือ ตัวซาลาแมนเดอร์ ที่เป็นสัตว์ในตำนานที่เมื่ออยู่ในไฟก็ไม่ตาย ส่วนคำว่า "นิวต์" นั้นจะใช้เรียกซาลาแมนเดอร์ที่มีขนาดเล็ก เช่น กะท่าง เป็นต้น[7] ปัจจุบันมีการจำแนกและอนุกรมวิธานแล้วกว่า 580 ชนิด [8]
- Gymnophiona หรือ อันดับเขียดงู
เป็นอันดับที่มีรูปร่างคล้ายเหมือนปลาไหลหรืองูที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน เพราะมีลำตัวเรียวยาวไม่มีขาหรือเกล็ด ตามีขนาดเล็ก ทำให้ส่วนใหญ่เมื่อมีผู้พบเห็นเข้าใจผิดอยู่เสมอว่าเป็นงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน พบได้ในทั่วโลก มีลำตัวเป็นปล้อง โดยปล้องโดยทั่วไปมีขนาดจำนวนเท่ากับปล้องของกระดูกสันหลัง แต่บางชนิดอาจมีปล้องจำนวน 2 หรือ 3 ปล้องต่อกระดูกสันหลังปล้องเดียวก็ได้ ในบางชนิดที่มีเกล็ด จะเป็นเกล็ดที่ประกอบด้วยคอลลาเจนหลายชั้นฝังและเรียงตัวซ้อนกันในร่องส่วนลึกสุดของปล้องลำตัวปฐมภูมิ โดยเรียงลำดับต่อเนื่องกันในแนวเฉียง
อาศัยทั้งบนบก โพรงดิน ใต้กองใบไม้ หรือในน้ำ ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานได้ 33 สกุล 174 ชนิด ใน 6 วงศ์ จำแนกโดยการใช้รูปร่างโครโมโซม และลักษณะทางโมเลกุล ในประเทศไทยพบได้ 4 ชนิด อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกันทั้งหมด ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ เขียดงูเกาะเต่า (Ichthyophis kohtaoensis) [9]
อ้างอิง
รายการอ้างอิง
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 2
- ↑ Amphibian diversity and life history. (อังกฤษ)
- ↑ A supertree of early tetrapods. (อังกฤษ)
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 115
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 301
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 14-42
- ↑ ดิกชันนารีออนไลน์ โปรแกรมแปลภาษา แปลศัพท์ online English-Thai
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 14-42
- ↑ วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, 2552: หน้า 303-304
บรรณานุกรม
- เลาหะจินดา, วีรยุทธ์ (2552). วิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ISBN 978-616-556-016-0.