ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อักษรฮันกึล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่ 6560159 สร้างโดย 182.232.21.75 (พูดคุย)
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Hangeul.png|thumb|300px|right|"ฮันกึล" (Hangeul) จะเห็นว่าใน 1 คำ ประกอบด้วยพยัญชนะและสระ]]
[[ไฟล์:Hangeul.png|thumb|300px|right|"ฮันกึล" จะเห็นว่าใน 1 คำ ประกอบด้วยพยัญชนะและสระ]]
[[ไฟล์:Hunmin_jeong-eum.jpg|thumb|300px|right|ภาพส่วนหนึ่งของเอกสาร "ฮูมิน จองอึม"]]
[[ไฟล์:Hunmin_jeong-eum.jpg|thumb|300px|right|ภาพส่วนหนึ่งของเอกสาร "ฮูมิน จองอึม"]]


'''ฮันกึล''' ({{lang-ko|한글}}; {{lang-en|Hangeul หรือ Hangul}}) เป็นชื่อเรียกตัวอักษรของเกาหลีที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นใช้แทนตัว[[อักษรฮันจา]] ฮันจานั้นหมายถึงตัว[[อักษรจีน]]ที่ใช้ใน[[ภาษาเกาหลี]]ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรขึ้นใช้แทนโดย[[พระเจ้าเซจงมหาราช]] (세종대왕)
'''ฮันกึล''' ({{lang-ko|한글, Hangeul, Hangul}}) เป็นชื่อเรียกตัวอักษรของเกาหลีที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นใช้แทนตัว[[อักษรฮันจา]] ฮันจานั้นหมายถึงตัว[[อักษรจีน]]ที่ใช้ใน[[ภาษาเกาหลี]]ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรขึ้นใช้แทนโดย[[พระเจ้าเซจงมหาราช]] (세종대왕)


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:51, 24 กรกฎาคม 2559

"ฮันกึล" จะเห็นว่าใน 1 คำ ประกอบด้วยพยัญชนะและสระ
ภาพส่วนหนึ่งของเอกสาร "ฮูมิน จองอึม"

ฮันกึล (เกาหลี: 한글, Hangeul, Hangul) เป็นชื่อเรียกตัวอักษรของเกาหลีที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นใช้แทนตัวอักษรฮันจา ฮันจานั้นหมายถึงตัวอักษรจีนที่ใช้ในภาษาเกาหลีก่อนที่จะมีการประดิษฐ์อักษรขึ้นใช้แทนโดยพระเจ้าเซจงมหาราช (세종대왕)

ประวัติ

กำเนิดการเขียนในเกาหลี

การเขียนภาษาจีนแพร่หลายเข้าสู่เกาหลีตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว มีการใช้อย่างกว้างขวางเมื่อจีน เข้าปกครองเกาหลีในช่วง พ.ศ. 435–856 เมื่อประมาณ พ.ศ. 1000[ต้องการอ้างอิง] เริ่มเขียนภาษาเกาหลีด้วยอักษรจีนโบราณ เริ่มพบเมื่อราว พ.ศ. 947[ต้องการอ้างอิง] โดยมีระบบการเขียน 3 ระบบ คือ Hyangchal Gukyeol และ Idu ระบบเหล่านี้ใกล้เคียงกับระบบที่ใช้เขียนภาษาญี่ปุ่น และอาจจะเป็นแม่แบบให้ภาษาญี่ปุ่นด้วย

ระบบ Idu ใช้การผสมกันระหว่างอักษรจีนกับสัญลักษณ์พิเศษเพื่อแสดงการลงท้ายคำกริยาในภาษาเกาหลี และใช้ในเอกสารทางราชการและบันทึกส่วนตัวเป็นเวลาหลายศตวรรษ ระบบ Hyangchal ใช้อักษรจีนแสดงเสียงของภาษาเกาหลี ใช้ในการเขียนบทกวีเป็นหลัก ภาษาเกาหลียืมคำจากภาษาจีนเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาษาเกาหลีสามารถอ่านหรือสื่อความหมายได้ด้วยอักษรจีน มีการประดิษฐ์สัญลักษณ์ขึ้นใหม่ราว 150 ตัว ส่วนใหญ่มีที่ใช้น้อยหรือเป็นชื่อเฉพาะ

การประดิษฐ์อักษรใหม่

อักษรฮันกึล ได้ประดิษฐ์โดยพระเจ้าเซจง (พ.ศ. 1940 - 1993 ครองราชย์ พ.ศ. 1961 - 1993) กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซ็อนของเกาหลี แต่นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่าการประดิษฐ์อักษรเป็นงานที่ซับซ้อน อาจเป็นฝีมือของกลุ่มบัณฑิตสมัยนั้นมากกว่า แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้แสดงว่าบัณฑิตในสมัยนั้นต่างคัดค้านการใช้ตัวอักษรใหม่แทนตัวอักษรฮันจา ดังนั้น จึงได้มีการบันทึกว่าอักษรฮันกึลเป็นผลงานของพระเจ้าเซจงแต่เพียงพระองค์เดียว นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าพระญาติของพระเจ้าเซจองได้มีส่วนร่วมอย่างลับ ๆ ในการประดิษฐ์อักษร เพราะประเด็นนี้ในสมัยนั้นเป็นข้อขัดแย้งระหว่างบัณฑิตอย่างมาก

อักษรฮันกึลได้ประดิษฐ์เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 1986 (ค.ศ. 1443) หรือ มกราคม ค.ศ. 1444 และถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 1989 (ค.ศ. 1446) ในเอกสารที่ชื่อว่า "ฮุนมิน จองอึม" (ฮันกึล: 훈민정음, ฮันจา: 訓民正音; Hunmin Jeong-eum) หรือแปลว่า เสียงอักษรที่ถูกต้องเพื่อการศึกษาสำหรับประชาชน ซึ่งในวันที่ 9 ตุลาคม ของทุกปี ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศให้เป็น วันฮันกึล ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ส่วนในเกาหลีเหนือเป็นวันที่ 15 มกราคม

พระเจ้าเซจงมหาราชทรงให้เหตุผลของการประดิษฐ์ตัวอักษรใหม่ว่า อักษรจีนมีไม่เพียงพอที่จะเขียนคำเกาหลี และอักษรจีนนั้นเขียนยากเรียนยาก ทำให้ชาวบ้านรู้หนังสือน้อย ในสมัยนั้น เฉพาะชายในชนชั้นขุนนาง (ยังบัน) เท่านั้นที่มีสิทธิเรียนและเขียนตัวอักษรฮันจาได้ การประดิษฐ์และใช้ตัวอักษรใหม่แทนตัวอักษรเดิมนี้ถูกต่อต้านอย่างมากจากเหล่าบัณฑิต ซึ่งเห็นว่าตัวอักษรฮันจาเท่านั้นที่เป็นตัวอักษรที่ถูกต้องชอบธรรมที่สุด

กษัตริย์เซจงและนักปราชญ์ของพระองค์นำแนวคิดการประดิษฐ์อักษรใหม่มาจากอักษรมองโกเลียและอักษรพัก-ปา ทิศทางในการเขียนในแนวตั้งจากขวาไปซ้ายได้อิทธิพลจากอักษรจีน หลังการประดิษฐ์อักษรเกาหลีชาวเกาหลีส่วนใหญ่ยังเขียนด้วยอักษรจีน หรืออักษรระบบ Gukyeol หรือ Idu อักษรเกาหลีใช้เฉพาะชนชั้นระดับล่าง เช่นเด็ก ผู้หญิง และผู้ไร้การศึกษา ในช่วง พ.ศ. 2400 – 2500 การผสมผสานระหว่างการเขียนที่ใช้อักษรจีน (ฮันจา) และอักษรฮันกึลเริ่มเป็นที่นิยม ตั้งแต่ พ.ศ. 2492 ฮันจาถูกยกเลิกในเกาหลีเหนือ เว้นแต่การใช้ในตำราเรียนและหนังสือพิเศษบางเล่ม เมื่อราว พ.ศ. 2510 – 2512 จึงมีการฟื้นฟูการใช้ฮันจาอีกครั้งในเกาหลีเหนือ ในเกาหลีใต้มีการใช้ฮันจาตลอดมา วรรณคดีเกาหลีสมัยใหม่ส่วนใหญ่ และการเขียนที่ไม่เป็นทางการใช้ฮันกึลทั้งหมด แต่งานเขียนทางวิชาการและเอกสารราชการใช้ฮันกึลควบคู่กับฮันจา

จาโม

ดูเพิ่มที่ ตารางอักษรฮันกึล

โดยผิวเผินแล้ว อาจมองอักษรฮันกึลว่าอยู่ในระบบอักษรรูปภาพ แต่จริง ๆ แล้ว อักษรฮันกึลอยู่ในระบบอักษรแทนเสียง (Alphabet) อักษรฮันกึลมีตัวอักษรที่เรียกว่า จาโม (자모, 字母 อักษรแม่) ทั้งหมด 24 ตัว ประกอบด้วย พยัญชนะ 14 ตัว คือ ㄱ ㄴ ㄷ ㄹ ㅁ ㅂ ㅅ ㅇ ㅈ ㅊ ㅋ ㅌ ㅍ และ ㅎ และสระ 10 ตัว คือ ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ ㅡ และ ㅣ

พยัญชนะและสระดังกล่าวเรียกว่า พยัญชนะเดี่ยว และสระเดี่ยว ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าพยัญชนะซ้ำ และสระประสมด้วย

พยัญชนะซ้ำมี 5 ตัว คือ ㄲ ㄸ ㅃ ㅆ และ ㅉ สระประสมมี 11 ตัว คือ ㅐ ㅒ ㅔ ㅖ ㅚ ㅟ ㅘ ㅙ ㅝ ㅞ และ ㅢ

อักษรนี้ได้แนวคิดจากรูปร่างของอวัยวะที่ใช้ออกเสียง พยัญชนะอื่นใช้การเพิ่มเส้นพิเศษลงบนพยัญชนะพื้นฐาน รูปร่างของสระได้แนวคิดจาก คน (เส้นตั้ง) โลก (เส้นนอน) และสวรรค์ (จุด) อักษรฮันกึลสมัยใหม่ จุดจะแสดงด้วยขีดสั้น มีช่องว่างระหว่างคำโดยคำนั้นอาจมีมากกว่า 1 พยางค์ เส้นของพยัญชนะบางตัวเปลี่ยนไปขึ้นกับว่าอยู่ต้น กลาง หรือท้ายพยางค์

การประสมอักษร

อักษรฮันกึล มีส่วนที่คล้ายภาษาไทย คือ พยางค์ในอักษรฮันกึลหนึ่งพยางค์จะเกิดจากการรวมกันของ พยัญชนะต้น และสระ หรือ พยัญชนะต้น, สระ และพยัญชนะสะกด แต่ภาษาเกาหลีไม่มีระดับวรรณยุกต์ การสร้างพยางค์หนึ่งพยางค์สามารถทำโดยการเขียนตำแหน่งพยัญชนะ, สระ และพยัญชนะสะกดแบบใดแบบหนึ่งใน 6 แบบดังนี้

กำหนดให้ สีแดง คือ พยัญชนะต้น, สีน้ำเงิน คือ สระ และ สีเขียว คือ พยัญชนะสะกด

รูปแบบ คำอธิบาย

- รูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่เขียนพยัญชนะต้นข้างหน้าสระ
- และสระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระแนวตั้ง คือ ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅣ ㅐ ㅒ ㅔ และ ㅖ
- ตัวอย่าง 이= /อี/, 가 = /คา/, 저 = /ชอ/, 여 = /ยอ/, 나라 = /นา-รา/, 네 = /เน/, 먜 = /มเย/ (อ่านควบ)

- เป็นรูปแบบที่มีทั้งพยัญชนะต้น,สระ และพยัญชนะสะกด โดยพยัญชนะต้นอยู่ด้านหน้าสระในระดับเดียวกัน และ พยัญชนะสะกดอยู่ล่างสุด
- สระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระแนวตั้ง คือ ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅣ ㅐ ㅒ ㅔ และ ㅖ
- ตัวอย่าง 안= /อัน/, 녕 = /นย็อง/ (อ่านควบ),상 = /ซ็อง/, 점심 = /ช็อม-ชิม/, 밥 = /พับ/

- รูปแบบนี้ เป็นรูปแบบที่พยัญชนะต้นอยู่ข้างบนสระ
- และสระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระแนวนอน คือ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ และ ㅡ
- ตัวอย่าง 코 = /โค่/, 고 = /โค/, 아니오 = /อา-นี-โอ/, 토요일 = /โท-โย-อิล/, 변호사 = /พย็อน-โฮ-ซา/

- เป็นรูปแบบที่มีทั้งพยัญชนะต้น,สระ และพยัญชนะสะกด โดยเรียงลำดับจากบนลงล่าง
- สระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระแนวนอน คือ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ และ ㅡ
-ตัวอย่าง 층 = /ชึ่ง/, 물 = /มุล/

- รูปแบบนี้ประกอบด้วยพยัญชนะต้นและสระ
- สระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระ ㅚ ㅟ ㅢ ㅘ ㅙ ㅝ และ ㅞ
- ตัวอย่าง 화 = /ฮวา/

- รูปแบบนี้ประกอบด้วยพยัญชนะต้น,สระ และพยัญชนะสะกด
- สระที่เขียนในรูปแบบนี้ได้ต้องเป็นสระ ㅚ ㅟ ㅢ ㅘ ㅙ ㅝ และ ㅞ
- ตัวอย่าง 원 = /ว็อน/

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  • Chang, Suk-jin (1996). "Scripts and Sounds". Korean. Philadelphia: John Benjamins Publishing Company. ISBN 1556197284. (Volume 4 of the London Oriental and African Language Library).
  • Hannas, William C (1997). Asia's Orthographic Dilemma. University of Hawaii Press. ISBN 082481892X.
  • Kim-Renaud, Y-K. (ed) 1997. The Korean Alphabet: Its History and Structure. University of Hawai`i Press.
  • Lee, Iksop. (2000). The Korean Language. (transl. Robert Ramsey) Albany, NJ: State University of New York Press. ISBN 0-7914-4831-2
  • The Ministry of Education of South Korea. (1988) Hangeul Matchumbeop.
  • Sampson, Geoffrey (1990). Writing Systems. Stanford University Press. ISBN 9780804717564.
  • Silva, David J. (2003). Western attitudes toward the Korean language: An Overview of Late Nineteenth and Early Twentieth-Century Mission Literature. Korean Studies. 2008, vol 26(2), pp. 270–286
  • Sohn, H.-M. (1999). The Korean Language. Cambridge: Cambridge University Press.
  • Song, J,J. (2005). The Korean Language: Structure, Use and Context. London: Routledge.

แหล่งข้อมูลอื่น