ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิหมิงอิงจง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 42: | บรรทัด 42: | ||
แม้จู ฉีเจิ้น จะอยู่แคว้นมองโกลในฐานะเชลย แต่ก็ได้เป็นมิตรสนิทสนมกับราชครูเหย่เซียน และข่าน[[ทัวทัวปู้ฮวา]] (脱脱不花) |
แม้จู ฉีเจิ้น จะอยู่แคว้นมองโกลในฐานะเชลย แต่ก็ได้เป็นมิตรสนิทสนมกับราชครูเหย่เซียน และข่าน[[ทัวทัวปู้ฮวา]] (脱脱不花) |
||
อย่างไรก็ดี การที่พระมหากษัตริย์ถูกจับเป็นเชลย ทำให้เกิดภาวะไร้ผู้นำจนแผ่นดินจีนสั่นคลอน เพื่อระงับสถานการณ์ [[จักรพรรดิจิ่งไท่|จู ฉี-อฺวี้]] (朱祁鈺) พระอนุชาของจู ฉีเจิ้น |
อย่างไรก็ดี การที่พระมหากษัตริย์ถูกจับเป็นเชลย ทำให้เกิดภาวะไร้ผู้นำจนแผ่นดินจีนสั่นคลอน เพื่อระงับสถานการณ์ [[จักรพรรดิจิ่งไท่|จู ฉี-อฺวี้]] (朱祁鈺) พระอนุชาของจู ฉีเจิ้น ประกาศถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากราชสมบัติ และประทานสมัญญา[[ไท่ช่างหฺวัง|พระเจ้าหลวง]] (太上皇) ให้ แล้วจู ฉี-อฺวี้ ขึ้นเสวยราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ใช้พระนามว่า "[[จักรพรรดิจิ่งไท่|จิ่งไท่]]" (景泰) แปลว่า "มองไกล" กับทั้งได้เสนาบดี[[ยฺหวี เชียน]] (于谦) ช่วยประคับประคองกิจการบ้านเมือง ราชวงศ์หมิงจึงดำเนินต่อไปด้วยดี |
||
==ครองราชย์ครั้งที่สอง== |
|||
จู ฉี-อฺวี้ จักรพรรดิพระองค์ใหม่ ประทานสมัญญา[[ไท่ช่างหฺวัง|พระเจ้าหลวง]] (太上皇) ให้แก่จู ฉีเจิ้น พระเชษฐา |
|||
ใน ค.ศ. 1450 ชาวมองโกลปล่อยจู ฉีเจิ้ง เป็นไทให้กลับไปยังดินแดนจีน แต่ทันทีที่จู ฉีเจิ้น ย่างพระบาทเข้าสู่มาตุภูมิ จู ฉี-อฺวี้ ก็ให้กุมพระองค์ไปกักบริเวณไว้ ณ ตำหนักฝ่ายใต้ใน[[พระราชวังต้องห้าม]] แล้วถอด[[จักรพรรดิเฉิงฮว่า|จู เจี้ยนจฺวิ้น]] (見濬) โอรสของจู ฉีเจิ้น ออกจากตำแหน่งรัชทายาท ตั้งจู เจี้ยนจี้ (朱見濟) โอรสของตัว ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน |
|||
จู ฉีเจิ้น ทรงน้อยพระทัยนัก ถูกกักบริเวณอยู่ตำหนักใต้ถึง 7 ปี กระทั่งจู เจี้ยนจี้ ประชวรสิ้นพระชนม์ จู ฉี-อฺวี้ โทมนัสจนประชวรไปด้วย จู ฉีเจิ้น จึงอาศัยโอกาสนี้รัฐประหารจู ฉี-อฺวี้ เป็นผลสำเร็จ |
|||
จู ฉีเจิ้น ถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากตำแหน่งกษัตริย์ลงเป็นองค์ชาย ให้กักบริเวณไว้ที่ซี-ยฺเวี่ยน (西苑) หนึ่งเดือนให้หลัง จู ฉีเจิ้น ให้ขันทีวางยาฆ่าจู ฉี-อฺวี้ ตาย |
|||
ตัวจู ฉีเจิ้น นั้นกลับขึ้นเสวยราชย์อีกครั้ง ใช้พระนามว่า "เทียนชุ่น" อยู่ในราชสมบัติ 7 ปี ก็เสด็จนฤพานใน ค.ศ. 1464 สิริพระชนม์ 36 พรรษา |
|||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:04, 20 กรกฎาคม 2559
จักรพรรดิอิงจงแห่งราชวงศ์หมิง Emperor Yingzong of Ming | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์หมิง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1435 – 1 กันยายน ค.ศ. 1449[1] | ||||||||||||||||
ก่อนหน้า | เซฺวียนเต๋อ | ||||||||||||||||
ถัดไป | จิ่งไท่ | ||||||||||||||||
พระเจ้าหลวง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 1 กันยายน ค.ศ. 1449 – 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 | ||||||||||||||||
รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์หมิง | |||||||||||||||||
ครองราชย์ | 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 | ||||||||||||||||
ก่อนหน้า | จิ่งไท่ | ||||||||||||||||
ถัดไป | เฉิงฮว่า | ||||||||||||||||
ประสูติ | 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1427 | ||||||||||||||||
สวรรคต | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464 | (36 ปี)||||||||||||||||
ฝังพระศพ | Yuling, Ming tombs, Beijing | ||||||||||||||||
คู่อภิเษก | เฉียน Empress Xiaosu | ||||||||||||||||
พระราชบุตร | Princess Chongqing Zhu Jianshen, Chenghua Emperor Zhu Jianlin, Prince Zhuang of De Zhu Jianshi Zhu Jianchun, Prince Dao of Xu Zhu Jianshu, Prince Huai of Xiu Zhu Jianze, Prince Jian of Chong Zhu Jianjun, Prince Jian of Ji Zhu Jianzhi, Prince Mu of Xin Zhu Jianpei, Prince Zhuang of Hui Princess Jiashan Princess Chun'an Princess Chongde Princess Guangde Princess Yixing Princess Longqing Princess Jiaxiang two unnamed daughters | ||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์หมิง ตระกูลจู | ||||||||||||||||
พระราชบิดา | เซฺวียนเต๋อ | ||||||||||||||||
พระราชมารดา | ซุน |
จู ฉีเจิ้น (จีน: 朱祁鎮; พินอิน: Zhū Qízhèn; 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1427 – 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1464) เป็นจักรพรรดิจีนแห่งราชวงศ์หมิง เสวยราชย์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่าง ค.ศ. 1435–49 ใช้พระนามว่า เจิ้งถ่ง (จีน: 正統; พินอิน: Zhèngtǒng) แปลว่า "ธรรมาภิบาล" นับเป็นรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์หมิง ครั้งที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1457–64 ใช้พระนามว่า เทียนชุ่น (จีน: 天順; พินอิน: Tiānshùn) แปลว่า "สนองเทวบัญชา" นับเป็นรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์หมิง[2] นอกจากนี้ ยังเรียกขานพระนามตามวัดประจำรัชกาลที่ชื่อ อิงจง (จีน: 英宗; พินอิน: Yīngzōng) แปลว่า "วีรตระกูล"
ครองราชย์ครั้งแรก
จู ฉีเจิ้น เป็นโอรสของจู จานจี (朱瞻基) หรือจักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ (宣德) กับมเหสีองค์ที่สอง คือ จักรพรรดินีซุน (孫)
ขณะพระชนม์ได้ 8 ชันษา จู ฉีเจิ้น ได้สืบสมบัติต่อจากเซฺวียนเต๋อพระบิดา ใช้พระนามว่า "เจิ้งถ่ง" เมื่อแรกเสวยราชย์นั้น ราชวงศ์หมิงรุ่งเรืองถึงขีดสุดเพราะการปกครองอันชาญฉลาดในรัชกาลพระบิดา แต่เพราะจู ฉีเจิ้น ทรงพระเยาว์นัก เหล่าขันทีพี่เลี้ยง โดยเฉพาะหวัง เจิ้น (王振) จึงมีอิทธิพลเหนือพระองค์มาก พระองค์ทรงอาศัยความคิดความเห็นของขันทีเป็นหลักในการว่าราชกิจ
เชลยมองโกล
ครั้น ค.ศ. 1449 พระชนม์ได้ 21 ชันษา จู ฉีเจิ้น นำทัพหลวงออกรบกับชาวมองโกลซึ่งนำโดยราชครูเหย่เซียน (也先太師; Esen Taishi) จากเผ่าหว่าล่า (瓦剌; Oirat) ณ ปราการถู่มู่ (土木) เสด็จไปครั้งนั้นมีขันทีหวัง เจิ้น เป็นที่ปรึกษาประจำทัพ แต่เกิดโกลาหล ทัพหลวงแตกพ่าย หวัง เจิ้น ถูกฆ่าตาย และจู ฉีเจิ้น ถูกมองโกลจับเป็นเชลย เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ วิกฤติถู่มู่ (土木之變)
แม้จู ฉีเจิ้น จะอยู่แคว้นมองโกลในฐานะเชลย แต่ก็ได้เป็นมิตรสนิทสนมกับราชครูเหย่เซียน และข่านทัวทัวปู้ฮวา (脱脱不花)
อย่างไรก็ดี การที่พระมหากษัตริย์ถูกจับเป็นเชลย ทำให้เกิดภาวะไร้ผู้นำจนแผ่นดินจีนสั่นคลอน เพื่อระงับสถานการณ์ จู ฉี-อฺวี้ (朱祁鈺) พระอนุชาของจู ฉีเจิ้น ประกาศถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากราชสมบัติ และประทานสมัญญาพระเจ้าหลวง (太上皇) ให้ แล้วจู ฉี-อฺวี้ ขึ้นเสวยราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ ใช้พระนามว่า "จิ่งไท่" (景泰) แปลว่า "มองไกล" กับทั้งได้เสนาบดียฺหวี เชียน (于谦) ช่วยประคับประคองกิจการบ้านเมือง ราชวงศ์หมิงจึงดำเนินต่อไปด้วยดี
ครองราชย์ครั้งที่สอง
ใน ค.ศ. 1450 ชาวมองโกลปล่อยจู ฉีเจิ้ง เป็นไทให้กลับไปยังดินแดนจีน แต่ทันทีที่จู ฉีเจิ้น ย่างพระบาทเข้าสู่มาตุภูมิ จู ฉี-อฺวี้ ก็ให้กุมพระองค์ไปกักบริเวณไว้ ณ ตำหนักฝ่ายใต้ในพระราชวังต้องห้าม แล้วถอดจู เจี้ยนจฺวิ้น (見濬) โอรสของจู ฉีเจิ้น ออกจากตำแหน่งรัชทายาท ตั้งจู เจี้ยนจี้ (朱見濟) โอรสของตัว ขึ้นเป็นรัชทายาทแทน
จู ฉีเจิ้น ทรงน้อยพระทัยนัก ถูกกักบริเวณอยู่ตำหนักใต้ถึง 7 ปี กระทั่งจู เจี้ยนจี้ ประชวรสิ้นพระชนม์ จู ฉี-อฺวี้ โทมนัสจนประชวรไปด้วย จู ฉีเจิ้น จึงอาศัยโอกาสนี้รัฐประหารจู ฉี-อฺวี้ เป็นผลสำเร็จ
จู ฉีเจิ้น ถอดจู ฉี-อฺวี้ ออกจากตำแหน่งกษัตริย์ลงเป็นองค์ชาย ให้กักบริเวณไว้ที่ซี-ยฺเวี่ยน (西苑) หนึ่งเดือนให้หลัง จู ฉีเจิ้น ให้ขันทีวางยาฆ่าจู ฉี-อฺวี้ ตาย
ตัวจู ฉีเจิ้น นั้นกลับขึ้นเสวยราชย์อีกครั้ง ใช้พระนามว่า "เทียนชุ่น" อยู่ในราชสมบัติ 7 ปี ก็เสด็จนฤพานใน ค.ศ. 1464 สิริพระชนม์ 36 พรรษา
อ้างอิง
- ↑ พระองค์ถูกมองโกลจับเป็นเชลย พระอนุชาขึ้นครองราชย์แทน ใช้พระนามว่า จิ่งไท่ (景泰) แล้วตั้งให้พระองค์เป็นพระเจ้าหลวง (太上皇) จนถึง ค.ศ. 1457
- ↑ Leo K. Shin (2006), The Making of the Chinese State: Ethnicity and Expansion on the Ming Borderlands, Cambridge University Press, ISBN 978-0-521-85354-5