ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หนูน้อยหมวกแดง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ps (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดทันใจด้วยสคริปต์จัดให้
SieBot (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 123: บรรทัด 123:
[[pl:Czerwony Kapturek]]
[[pl:Czerwony Kapturek]]
[[pt:Capuchinho Vermelho]]
[[pt:Capuchinho Vermelho]]
[[simple:Little Red Riding Hood]]
[[sv:Rödluvan]]
[[sv:Rödluvan]]
[[zh:小红帽]]
[[zh:小红帽]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:24, 15 กรกฎาคม 2550

หนูน้อยหมวกแดง เป็นนิทานพื้นบ้านสำหรับเด็ก ที่แพร่หลายไปหลายประเทศ เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งเนื้อเรื่องก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชื่อเรื่องในภาษาต่างประเทศก็มี Little Red Riding Hood, Little Red Cap, La finta nonna, Le Petit Chaperon Rouge, และ Rotkäppchen

ประวัติ และ เนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไป

ที่มาของเรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่เล่าปากต่อปาก แพร่หลายอยู่ในหลายประเทศในยุโรป ซึ่งคาดว่าเป็นก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเนื้อเรื่องที่ปรากฏ ก็มีหลากหลายฉบับ ซึ่งแตกต่างจากฉบับที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในปัจจุบัน

ใน La finta nonna ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของอิตาลีนั้น หนูน้อยใช้ความกะล่อนของเธอ เอาชนะหมาป่าด้วยตัวเธอเอง โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก เพศชาย หรือ เพศชายที่มีอายุมากกว่า. ซึ่งในภายหลังนั้นได้มีการเพิ่มตัวละคร คนตัดไม้ เพื่อลดบทบาทของหนูน้อย ซึ่งเป็นเพศหญิงลงไป. โดยแสดงให้เห็นว่าเพศหญิงนั้น ยังต้องการความช่วยเหลือปกป้องจากเพศชายซึ่งแข็งแรงกว่า ซึ่งในเนื้อเรื่อง ก็คือคนตัดไม้นั่นเอง

Le Petit Chaperon Rouge เท่าที่ทราบโดยทั่วไป เป็นฉบับแรกสุด ที่ได้รับการตีพิมพ์ จากเนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านของฝรั่งเศส โดยเนื้อเรื่องนั้น ได้ถูกพิมพ์ในหนังสือ Histoires et contes du temps passé, avec des moralités. Contes de ma mère l'Oye ในปี ค.ศ. 1697 ซึ่งเป็นเหนังสือที่รวบรวม นิทานและเรื่องเล่าต่าง ๆ พร้อมคติสอนใจ โดย Charles Perrault เนื้อเรื่องของฉบับนี้ [1] จะค่อนข้างรุนแรง เนื่องมาจากความพยายามเน้น ถึงคติสอนใจต่าง ๆ ตอนจบของเรื่องนี้ ทั้งคุณยาย และหนูน้อย ถูกหมาป่าจับกิน คติสอนใจที่ Charles Perrault ได้ให้ไว้สำหรับเรื่องนี้ ก็คือ เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กสาว ไม่ควรไว้ใจฟังคำพูดของคนแปลกหน้า และสำหรับหมาป่านั้น ถึงเราจะเลี้ยงดูให้อาหารหมาป่าก็ยังคงเป็นหมาป่า เลี้ยงไม่เชื่อง โดยปกติแล้ว หมาป่าจะต้องเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย แต่หมาป่าประเภทที่ดูเชื่อง และใจดี นั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่า

ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เรื่องนี้ในฉบับภาษาเยอรมัน ถูกบอกเล่าให้แก่ พี่น้องตระกูลกริมม์. โดยคนพี่ Jakob Grimm ฟังมาจาก Jeanette Hassenpflug (ค.ศ. 1791-1860) , ส่วนคนน้อง Wilhelm Grimm ฟังมาจาก Marie Hassenpflug (ค.ศ. 1788-1856) พี่น้องทั้งสอง ได้รวมเนื้อเรื่องจากทั้งสองฉบับนั้น เป็นเรื่องเดียวในชื่อ Rotkäppchen ไว้ในหนังสือรวมเรื่อง Kinder- und Hausmärchen ในฉบับนี้ [2] คุณยายและหนูน้อย ได้รับการช่วยเหลือจากนักล่าหมาป่า. และต่อมาภายหลัง หนูน้อยและคุณยายก็ได้ใช้ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนั้น ในการจับและฆ่าหมาป่าอีกตัวหนึ่ง

ในภายหลังพี่น้องทั้งสอง ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง จนเป็นฉบับปี ค.ศ. 1857 ที่เป็นเนื้อเรื่องที่แพร่หลายในปัจจุบัน [3] ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างจะจินตนาการมากกว่าฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมา โดยหนูน้อยและคุณยายถูกหมาป่าจับกิน และในภายหลังคนตัดไม้ได้มาช่วย โดยการผ่าท้องหมาป่า ช่วยหนูน้อยและคุณยาย ออกมาได้โดยปลอดภัย

บทแปลเนื้อเรื่อง

แปลจาก เนื้อเรื่องหนูน้อยหมวกแดงฉบับปัจจุบัน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนูน้อยผู้น่ารักอยู่คนหนึ่ง เป็นที่รักใคร่ของทุกๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณยายของหนูน้อย. มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณยายได้ให้หมวกผ้ากำมะหยี่สีแดงแก่หนูน้อย หนูน้อยชอบหมวกนี้มาก และได้ใส่หมวกนี้ไปไหนมาไหนตลอดเวลา จนทุกคนเรียกหนูน้อยนี้ว่า หนูน้อยหมวกแดง

มีอยู่วันหนึ่ง คุณแม่ได้พูดกับหนูน้อยว่า "หนูน้อยหมวกแดงมาหาแม่ซิจ๊ะ ในนี้มีขนมเค้กอยู่หนึ่งชิ้น และ ไวน์อยู่หนึ่งขวด หนูเอาไปให้คุณยายนะจ๊ะ คุณยายของหนูป่วย อย่าลืมรักษามรรยาทนะจ๊ะ บอกคุณยายว่าแม่ฝากความคิดถึงมาด้วยล่ะ แล้วอย่าเถลไถล เดินระวังหกล้มของหกนะจ๊ะ เวลาเข้าไปหาคุณยายในบ้าน ให้กล่าวสวัสดี และ ห้ามไปแอบมองตามช่องก่อนเข้าไปล่ะ"

"ทราบแล้วค่ะ หนูจะทำตามที่คุณแม่บอก" หนูน้อยตอบ พร้อมเขย่ามือคุณแม่เป็นเชิงตอบรับ

คุณยายนั้น อาศัยอยู่ในป่าห่างจากหมู่บ้านครึ่งชั่วโมง เมื่อหนูน้อยเริ่มเดินเข้าไปในป่า ก็มีหมาป่าตัวหนึ่งเดินเข้ามาหา. หนูน้อยไม่รู้ว่าหมาป่านั้นเป็นสัตว์ที่ดุร้าย จึงไม่ได้ตกใจกลัวแต่อย่างใด

"สวัสดีจ๊ะ หนูน้อยหมวกแดง" หมาป่าทักทาย

"ขอบคุณค่ะ คุณหมาป่า"

"หนูจะไปไหนแต่เข้าล่ะจ๊ะเนี่ย, หนูน้อยหมวกแดง?"

"ไปบ้านคุณยายน่ะค่ะ"

"แล้ว นั่นหนูถืออะไรมาล่ะจ๊ะ, ที่ผ้าคลุมอยู่น่ะจ๊ะ?"

"คุณยายป่วยน่ะค่ะ หนูกำลังจะเอาขนมเค้ก ที่คุณแม่อบไว้เมื่อวาน กับไวน์ไปให้ คุณยายจะได้หายไวไว"

"หนูน้อยหมวกแดงจ๊ะ แล้วบ้านคุณยายของหนูอยู่ที่ไหนล่ะจ๊ะ ?"

"บ้านของคุณยาย อยู่ใต้ต้นโอ๊กใหญ่ ลึกเข้าไปในป่าประมาณ 15 นาทีน่ะค่ะ ที่มีแนวพุ่มไม้เฮเซิลล้อมอยู่น่ะค่ะ คุณหมาป่าต้องรู้จักแน่ ๆ" หนูน้อยหมวกแดงตอบ

หมาป่าจึงคิดในใจ "หนูน้อยนี้ ท่าทางน่าอร่อยจริง ๆ รสชาติต้องดีกว่ายายแก่หนังเหนียวแน่ ๆ เอาล่ะ ยังไงก็ใช้เล่ห์เหลี่ยม จับกินทั้งคู่เลยละกัน"

หมาป่าเดินเป็นเพื่อนหนูน้อยไปได้สักพัก ก็พูดขึ้นว่า "หนูน้อยหมวกแดงจ๊ะ ลองมองดูดอกไม้รอบ ๆ สิ ช่างสวยงามจริง ๆ หนูน่าจะแวะดูดอกไม้นะ แล้วยังเสียงนกร้อง ที่ช่างไพเราะนั่นอีก หนูไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ เดินเหมือนเดินไปโรงเรียน จะได้ชมความงามของป่าด้วย"

เมื่อหนูน้อยหมวกแดงมองดูรอบ ๆ ก็ได้เห็นแสงอาทิตย์ระยิบระยับ ที่ส่องลอดใบไม้ที่กำลังไหว และพื้นดินนั้น ก็ปกคลุมไปด้วยดอกไม้. หนูน้อยจึงคิดว่า "ถ้าเก็บดอกไม้ไปให้คุณยาย คุณยายต้องดีใจแน่ ๆ และตอนนี้ก็ยังไม่สายมาก ยังไงก็คงกลับบ้านตรงเวลา" คิดดังนั้น หนูน้อยจึงวิ่งออกข้างทางเพื่อไปเก็บดอกไม้ ทุกครั้งที่เก็บมาได้ดอกหนึ่ง หนูน้อยก็จะเห็นอีกดอกหนึ่งที่สวยกว่า อยู่ไกลออกไปจากเส้นทาง เมื่อตามเก็บไปเรื่อย ๆ หนูน้อยก็ออกห่างจากเส้นทางเข้าไปในป่าทีละน้อย ทีละน้อย อย่างไม่รู้ตัว ส่วนเจ้าหมาป่านั้น ก็บึ่งตรงไปยังบ้านคุณยาย และเมื่อถึงที่ก็เคาะประตู

"นั่นใครน่ะ?" คุณยายถาม

"หนูน้อยหมวกแดงค่ะ หนูถือเค้กและไวน์มาให้คุณยายน่ะค่ะ คุณยายเปิดประตูหน่อยค่ะ"

"ปลดกลอนที่ประตูก็เข้ามาได้แล้วจ๊ะ" คุณยายตอบ "ยายลุกไปเปิดไม่ไหว"

หมาป่าปลดกลอน เปิดประตู และเดินเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังเตียงของคุณยาย และกินคุณยาย แล้วก็เอาชุดนอนของคุณยายมาใส่ เอาหมวกใส่ปิดบังศีรษะ ปิดม่านหน้าต่าง แล้วก็ซุกตัวนอนบนเตียงของคุณยาย

หลังจากที่หนูน้อยหมวกแดง ได้เก็บดอกไม้จนเต็มไม้เต็มมือ ถือเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว จึงนึกถึงคุณยายขึ้นมาได้ จึงเดินทางต่อไปยังบ้านของคุณยาย เมื่อไปถึงหนูน้อยก็แปลกใจที่ประตูบ้านนั้นเปิดอยู่ หนูน้อยจึงเดินเข้าไป หนูน้อยรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ดูแปลก ๆ จึงคิดขึ้น "ทำไมเราถึงรู้สึกกลัวจังเลย ปกติแล้วเราก็ชอบบ้านคุณยายนี่นา"

แล้วหนูน้อยก็ตะโกนทักทาย "อรุณสวัสดิ์ค่ะ" แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ

หนูน้อยจึงเดินไปที่เตียงของคุณยาย และเปิดม่านหน้าต่าง คุณยายกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยมีหมวกคลุมหน้าอยู่ และหน้าคุณยายก็ดูแปลก ๆ

"คุณยายค่ะ ทำไมหูของคุณยายถึงใหญ่จังเลย!"

"จะได้เอาไว้ฟังหนูพูดได้ชัด ๆ ไงจ๊ะ"

"คุณยายค่ะ ทำไมตาของคุณยายถึงใหญ่จังเลย!"

"จะได้เอาไว้มองดูหนูได้ชัด ๆ ไงจ๊ะ"

"คุณยายค่ะ ทำไมมือของคุณยายถึงใหญ่จังเลย!"

"จะได้เอาไว้จับหนูได้ ถนัด ๆ ไงจ๊ะ"

"คุณยายค่ะ ทำไมปากของคุณยายถึงดูน่ากลัวจังเลย!"

"จะได้เอาไว้กินหนูได้ถนัด ๆ ไงจ๊ะ"

ก่อนที่จะจบคำพูดนั้น หมาป่าก็กระโดดออกจากเตียง และกินหนูน้อยหมวกแดงผู้น่าสงสาร หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว หมาป่าก็ได้คืบคลานกลับขึ้นไปบนเตียง ผลอยหลับไป และเริ่มกรนเสียงดัง

ขณะนั้นมี นักล่าสัตว์ผ่านทางมา และคิดในใจว่า "คุณยายนี่กรนเสียงดังจริง ๆ น่าจะแวะเข้าไปดูสักหน่อย ว่าเป็นอะไรไปรึเปล่า"

คิดได้ดังนั้น นักล่าสัตว์จึงเดินเข้าไปข้างใน ในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เตียงนอน เขาได้พบหมาป่านอนหลับอยู่ "ในที่สุด ก็หาตัวเจอจนได้ เจ้าสัตว์ดุร้าย" นักล่าสัตว์พูด "เสียเวลาไล่ล่าซะตั้งนาน"

ในขณะที่เขาจ่อปืนไปยังหมาป่า ก็เกิดเอะใจขึ้นมา ว่าหมาป่าอาจกินคุณยายเข้าไป และเขาอาจช่วยคุณยายได้ ดังนั้นแทนที่จะใช้ปืนยิง เขาจึงใช้กรรไกรเริ่มตัดหนังท้องหมาป่าให้เปิดออก เริ่มตัดไปได้ไม่เท่าไร เขาก็เห็นหมวกสีแดงข้างใน เขาจึงตัดให้ท้องหมาป่าเปิดกว้างออก แล้วหนูน้อยหมวกแดงก็กระโดดออกมา และร้องคร่ำครวญ "โฮ หนูตกใจกลัวมากเลย! ข้างในท้องของหมาป่า มืดจนมองอะไรไม่เห็นเลย!"

และแล้วคุณยาย ก็ออกมาจากท้องหมาป่า ด้วยอาการหอบหายใจอย่างยากลำบาก แล้วหนูน้อยหมวกแดง ก็ไปหาก้อนหินใหญ่ใส่ในท้องหมาป่าแทน เมื่อหมาป่าตื่นขึ้นมา และพยายามจะวิ่งหนี จึงถูกน้ำหนักก้อนหินที่อยู่ในท้อง ถ่วงล้มลงตายคาที่

ทั้งสามคนจึงลงเอยอย่างมีความสุข โดยนักล่าสัตว์ได้ถลกเอาหนังหมาป่ากลับไป คุณยายได้รับประทานขนมเค้กและไวน์ ที่หนูน้อยหมวกแดงนำมาให้ และหนูน้อยหมวกแดงนั้นคิดในใจว่า "ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่เถลไถลเข้าไปในป่าคนเดียว ถ้าคุณแม่บอกห้ามไว้"

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น