ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐปีนัง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 81: | บรรทัด 81: | ||
การทีอังกฤษจะให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่รัฐเกดะห์ในกรณีที่ถูกคุกคามจากต่างชาติ อย่างไรก็ดี เมื่อไทยโดยเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเข้ามาตีดินแดนทางใต้ ทางรัฐเคดะห์ ก็ได้รวม เปอร์ลิส เคดะห์ กลันตัน ตรังกานู และปี นัง เข้าเป็นประเทศราชของไทย |
การทีอังกฤษจะให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่รัฐเกดะห์ในกรณีที่ถูกคุกคามจากต่างชาติ อย่างไรก็ดี เมื่อไทยโดยเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเข้ามาตีดินแดนทางใต้ ทางรัฐเคดะห์ ก็ได้รวม เปอร์ลิส เคดะห์ กลันตัน ตรังกานู และปี นัง เข้าเป็นประเทศราชของไทย |
||
โดยไทยได้เรียกเคดะห์และปี นังว่าเมืองไทรบุรี โดยอังกฤษก็ไม่ได้ขัดขวางไทย และไม่ได้ช่วยคุ้มครองเคดะห์ เพราะอังกฤษก็ต้องการท่จีะครอบครองเกาะมะละกาอยู่แล้ว ต่อมาปีค.ศ.1909 ไทยได้ท าสนธิสัญญากับอังกฤษให้ไทยยินยอมยกเมืองปี นังและเมืองขึ้นอื่นๆบนเกาะมะละกาให้กับอังกฤษ |
โดยไทยได้เรียกเคดะห์และปี นังว่าเมืองไทรบุรี โดยอังกฤษก็ไม่ได้ขัดขวางไทย และไม่ได้ช่วยคุ้มครองเคดะห์ เพราะอังกฤษก็ต้องการท่จีะครอบครองเกาะมะละกาอยู่แล้ว ต่อมาปีค.ศ.1909 ไทยได้ท าสนธิสัญญากับอังกฤษให้ไทยยินยอมยกเมืองปี นังและเมืองขึ้นอื่นๆบนเกาะมะละกาให้กับอังกฤษ |
||
และใช้ปี นังเป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าระหว่างอนิเดียกบัจีน อย่างไรกด็ีส่งิท่ยีังหลงเหลืออยู่คือ มีชาวมาเลย์ เชื้อสายไทย ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นคนไทยในอดีตอาศัยอยู่ในรัฐต่างๆ |
และใช้ปี นังเป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าระหว่างอนิเดียกบัจีน อย่างไรกด็ีส่งิท่ยีังหลงเหลืออยู่คือ มีชาวมาเลย์ เชื้อสายไทย ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นคนไทยในอดีตอาศัยอยู่ในรัฐต่างๆในแถบตอนเหนือของมาเลเซีย ท่เีรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” (Siamese) โดยมีจำนวนมากกว่า60,000 คน และยังคงรู้สึกว่าเป็นคนไทย พูดและใช้ภาษาไทย นับถือศาสนาพุทธ และยังคงรักษาธรรมเนียมประเพณีไทยไว้ได้อย่างดี ในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี2 ปีนังได้ตกอยู่ใต้ความคุ้มครองของญ่ีปุ่นเป็นเวลากว่า 3 ปีและเม่ือญ่ีปุ่นแพ้สงคราม มาเลเซียกก็ลับไปเป็น |
||
ในแถบตอนเหนือของมาเลเซีย ท่เีรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” (Siamese) โดยมีจำนวนมากกว่า60,000 คน และยังคงรู้สึกว่าเป็นคนไทยพูดและใช้ภาษาไทย นับถือศาสนาพุทธ และยังคง |
|||
รักษาธรรมเนียมประเพณีไทยไว้ได้อย่างดี ในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี2 ปีนังได้ตกอยู่ใต้ความคุ้มครองของญ่ีปุ่นเป็นเวลากว่า 3 ปีและเม่ือญ่ีปุ่นแพ้สงคราม มาเลเซียกก็ลับไปเป็น |
|||
อาณานิคมของอังกฤษ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1957 อังกฤษจึงได้ให้เอกราชโดยสมบูรณ์แก่มะละกาหรือประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน |
อาณานิคมของอังกฤษ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1957 อังกฤษจึงได้ให้เอกราชโดยสมบูรณ์แก่มะละกาหรือประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:24, 4 กุมภาพันธ์ 2559
ปีนัง | |
---|---|
รัฐ | |
ปูเลาปีนัง ปูเลามูตียารา (Pulau Pinang Pulau Mutiara) | |
สมญา: ไข่มุกแห่งบูรพาทิศ | |
คำขวัญ: | |
เพลง: อุนตุก์ นกรี กีตา (เพื่อรัฐของเรา) | |
พิกัด: 5°24′N 100°14′E / 5.400°N 100.233°Eพิกัดภูมิศาสตร์: 5°24′N 100°14′E / 5.400°N 100.233°E | |
เมืองหลวง | จอร์จทาวน์ |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการรัฐ | อับดุล ระห์มัน อับบัส |
• มุขมนตรี | ลิ้ม กวนเอง |
พื้นที่[2] | |
• ทั้งหมด | 1,048 ตร.กม. (405 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2010)[3] | |
• ทั้งหมด | 1,520,143 คน |
• ความหนาแน่น | 1,500 คน/ตร.กม. (3,800 คน/ตร.ไมล์) |
ดัชนีการพัฒนามนุษย์ | |
• HDI (2010) | 0.773 (สูง) |
เขตเวลา | UTC+8 (MST) |
รหัสไปรษณีย์ | 10xxx–14xxx |
รหัสโทรศัพท์ | +604 |
ทะเบียนพาหนะ | P |
อังกฤษเข้ายึดครอง | 11 สิงหาคม พ.ศ. 2329 |
ญี่ปุ่นเข้ายึดครอง | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2484 |
เข้าร่วมสหพันธรัฐมาลายา | 31 มกราคม พ.ศ. 2491 |
รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 |
เว็บไซต์ | www.penang.gov.my |
ปูเลาปีนัง (มลายู: Pulau Pinang) เป็นหนึ่งในสิบสามรัฐที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย เดิมชาวมาเลย์รุ่นแรกเรียกว่า ปูเลาวาซาตู หรือเกาะเดี่ยว ต่อมาพบในแผนที่เดินเรือ เรียกว่า ปูเลาปีนัง หรือเกาะหมาก ต่อมาอังกฤษเรียกว่า เกาะพรินซ์ออฟเวลส์ ในอดีตเกาะปี นังเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเกดะห์ต่อมาในปี ค.ศ.1700 อังกฤษซึ่งแสวงหาท่าเรือสินค้าสำหรับใช้เป็นทักจอดรับเสบียงในการค้าขายระหว่างอินเดียกและจีนได้ส่ง Captain Francis Light มาขอเช่าเกาะปีนังจากสลุ ต่านแห่งรัฐเคดะห์โดยแลกกับ
การทีอังกฤษจะให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่รัฐเกดะห์ในกรณีที่ถูกคุกคามจากต่างชาติ อย่างไรก็ดี เมื่อไทยโดยเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเข้ามาตีดินแดนทางใต้ ทางรัฐเคดะห์ ก็ได้รวม เปอร์ลิส เคดะห์ กลันตัน ตรังกานู และปี นัง เข้าเป็นประเทศราชของไทย โดยไทยได้เรียกเคดะห์และปี นังว่าเมืองไทรบุรี โดยอังกฤษก็ไม่ได้ขัดขวางไทย และไม่ได้ช่วยคุ้มครองเคดะห์ เพราะอังกฤษก็ต้องการท่จีะครอบครองเกาะมะละกาอยู่แล้ว ต่อมาปีค.ศ.1909 ไทยได้ท าสนธิสัญญากับอังกฤษให้ไทยยินยอมยกเมืองปี นังและเมืองขึ้นอื่นๆบนเกาะมะละกาให้กับอังกฤษ และใช้ปี นังเป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าระหว่างอนิเดียกบัจีน อย่างไรกด็ีส่งิท่ยีังหลงเหลืออยู่คือ มีชาวมาเลย์ เชื้อสายไทย ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นคนไทยในอดีตอาศัยอยู่ในรัฐต่างๆในแถบตอนเหนือของมาเลเซีย ท่เีรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” (Siamese) โดยมีจำนวนมากกว่า60,000 คน และยังคงรู้สึกว่าเป็นคนไทย พูดและใช้ภาษาไทย นับถือศาสนาพุทธ และยังคงรักษาธรรมเนียมประเพณีไทยไว้ได้อย่างดี ในช่วงสงครามโลกคร้ังท่ี2 ปีนังได้ตกอยู่ใต้ความคุ้มครองของญ่ีปุ่นเป็นเวลากว่า 3 ปีและเม่ือญ่ีปุ่นแพ้สงคราม มาเลเซียกก็ลับไปเป็น อาณานิคมของอังกฤษ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1957 อังกฤษจึงได้ให้เอกราชโดยสมบูรณ์แก่มะละกาหรือประเทศมาเลเซียในปัจจุบัน
ภูมิศาสตร์
รัฐปีนังประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน ได้แก่ เกาะปีนัง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ และเป็นที่ตั้งของจอร์จทาวน์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ และเซเบอรังเปอไร (สมารังไพร) ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่ง
ประชากร
รัฐปีนังเป็นเขตการปกครองเพียงแห่งเดียวของมาเลเซียที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีน โดยมีอัตราส่วนของประชากรเชื้อสายจีนประมาณร้อยละ 41.72 มากกว่าประชากรเชื้อสายมลายูซึ่งมีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 41.33[4]
ศาสนา
As of 2010 the population of Penang is
- 45% Muslim,
- 36% Buddhist (in the Theravada, Mahayana and increasingly also Vajrayana traditions[6][7]),
- 9% Hindu,
- 5% Christian (Roman Catholicism and Protestantism, the largest denominations of which are the Methodists, Seventh-day Adventists, Anglican, Presbyterian and Baptists),
- 4.6% Taoist or Chinese religion follower,
- 1% follower of other religions, and
- 0.4% non-religious.
This reflects Penang's diverse ethnic and socio-cultural amalgamation. There was also a tiny and little-known community of Jews in Penang, mainly along Jalan Zainal Abidin (formerly Jalan Yahudi or Jewish Street).[8] The last known native Jew died in 2011, rendering the centuries-old Jewish community in Penang effectively extinct.[9][10]
อ้างอิง
- ↑ "Journal of the parliaments of the Commonwealth". Journal of the Parliaments of the Commonwealth. Commonwealth Parliamentary Association, General Council. 34. 1953.
- ↑ "Laporan Kiraan Permulaan 2010". Jabatan Perangkaan Malaysia. p. 27. สืบค้นเมื่อ 2011-01-24.
- ↑ "Laporan Kiraan Permulaan 2010". Jabatan Perangkaan Malaysia. p. iv. สืบค้นเมื่อ 2011-01-24.
- ↑ "Penang Statistics (Quarter 1, 2008)" (PDF). Socio-Economic & Environmental Research Institute. 2008. สืบค้นเมื่อ 2008-07-19.
- ↑ "2010 Population and Housing Census of Malaysia" (PDF). Department of Statistics, Malaysia. สืบค้นเมื่อ 17 June 2012. p. 13
- ↑ Drukpa Penang, Druk Tharpa Choling. Drukpa.org.my. Retrieved on 11 August 2011.
- ↑ "Penang Samye Buddhist Society « Vajrayana Malaysia Centre Directory". Vajrayana Malaysia Centre Directory. สืบค้นเมื่อ 13 September 2014.
- ↑ Raimy Ché-Ross (April 2002). "A Penang Kaddish: The Jewish Cemetery in Georgetown – A case study of the Jewish Diaspora in Penang (1830s–1970s)" (Word Document). The Penang Story – International Conference 2002. สืบค้นเมื่อ 28 June 2008.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - ↑ [1][ลิงก์เสีย]
- ↑ "Archived text of NST news article: "Uncle Mordy laid to rest". New Straits Times, 18 July 2011. Retrieved 5 December 2013". สืบค้นเมื่อ 13 September 2014.