ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจมส์ บราวน์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Safefyeconomy (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนเนื้อหาอาจละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่เป็นสารานุกรม ไม่ใช่? แจ้งที่นี่
บรรทัด 7: บรรทัด 7:
| ขนาดภาพ =
| ขนาดภาพ =
| ภาพแนวนอน =
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง = James Joseph brown jr.
| ชื่อจริง =
| ชื่อเล่น = James brown
| ชื่อเล่น =
| ฉายา =
| ฉายา = Soul Brother Number One, Sex Machine, Mr. Dynamite, The Hardest Working Man in Show Business, Mr. Please Please Please Please Her, และ the Godfather of Soul
| วันเกิด = {{birth date|1933|05|3|}}
| วันเกิด = {{birth date|1933|05|3|}}
| วันที่เสียชีวิต = {{death date and age|2006|12|25|1933|05|03}}<br />[[Atlanta, Georgia]]<ref name="cnnbio">[http://www.cnn.com/2006/SHOWBIZ/Music/12/25/obit.brown/index.html James Brown, the "Godfather of Soul," dies at 73.] (2006, December 25). CNN Entertainment News. Retrieved January 5, 2007.</ref>
| วันที่เสียชีวิต = {{death date and age|2006|12|25|1933|05|03}}<br />[[Atlanta, Georgia]]<ref name="cnnbio">[http://www.cnn.com/2006/SHOWBIZ/Music/12/25/obit.brown/index.html James Brown, the "Godfather of Soul," dies at 73.] (2006, December 25). CNN Entertainment News. Retrieved January 5, 2007.</ref>
บรรทัด 32: บรรทัด 32:


ฉายาของบราวน์ เช่น Soul Brother Number One, Sex Machine, Mr. Dynamite, The Hardest Working Man in Show Business, The King of Funk, Minister of The New New Super Heavy Funk, Mr. Please Please Please Please Her, และ the Godfather of Soul
ฉายาของบราวน์ เช่น Soul Brother Number One, Sex Machine, Mr. Dynamite, The Hardest Working Man in Show Business, The King of Funk, Minister of The New New Super Heavy Funk, Mr. Please Please Please Please Her, และ the Godfather of Soul

'''ตอนใกล้เสียชีวิต'''
"เจมส์ บราวน์" สุดยอดแห่งตำนานของวงการเพลง เจ้าของฉายา "เจ้าพ่อเพลงโซล" เสียชีวิตแล้วด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ขณะที่กำลังเข้ารับการรักษาโรคปอดอักเสบที่โรงพยาบาล ในเช้าของวันคริสต์มาสพอดี ตามรายงานจากเอพี
เจมส์ บราวน์ เจ้าพ่อแห่งเพลงโซล ที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ยังกล่าวกับเพื่อนๆ ของเขาว่า เขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเปิดการแสดงเพื่อฉลองวันก่อนปีใหม่ แม้ว่าเขาจะป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ (pneumonia) ก็ตาม แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเขาก็ได้สิ้นใจเมื่อเช้าวันคริสต์มาสนี้เอง
เจ้าของผลงานเพลงฮิตสุดคลาสสิคอย่าง Papa's Got A Brand New Bag และเพลง I Got You (I Feel Good) ได้เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาด้วยโรคหัวใจล้มเหลว แฟรงค์ คอปซิดาสเอเยนต์ส่วนตัวของเขากล่าว
"คนทั่วๆ ไป ก็รู้ประวัติของเขาแล้ว แต่ผมอยากจะบอกพวกเขาว่า เขาเป็นผู้ชายที่สอนเรื่องของความรักจากบนเวที" ชาร์ล บ็อบบิท เพื่อนคนที่อยู่กับบราวน์ที่โรงพยาบาล กล่าว "สิ่งที่เขาสอนคือ 'ผมไม่เคยเห็นใครเป็นคนที่ผมไม่ได้รักเลย' เขาช่างเป็นผู้ที่อุทิศตัวเพื่อมนุษยชาติที่รักประเทศของเขาอย่างแท้จริง"
สุดยอดคนบันเทิงตัวจริงอย่างเจมส์ บราวน์ ที่มีเอกลักษณ์ด้วยน้ำเสียงที่แหบสูงและลีลาท้าเต้นเท้าไฟผู้นี้ อยู่ในภาวะพักฟื้นของอาการโรคเบาหวานและโรคมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ ซึ่งบ็อบบิทกล่าวว่าตอนที่เขาเข้ามาที่โรงพยาบาลเขายังดีๆ อยู่เลย ขณะที่คอปซิดาสกล่าวว่าสามวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขายังได้ร่วมในงานแจกของเล่นประจำปีในเมืองออกัสตา และเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาคอยที่จะขึ้นแสดงในงานที่จะจัดขึ้นในวันก่อนปีใหม่ด้วย
"เมื่อคืนก่อนที่เขาจะไป เขาพูดกับผมว่า 'ฉันจะไปที่นั่น ฉันเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดในธุรกิจการแสดงนี้' "คอปซิดาสกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
"แต่เขาก็เปรยเหมือนกับจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่า 'คืนนี้ฉันคงต้องไปแล้ว' ซึ่งผมไม่อยากจะเชื่อเขาเลย และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจเงียบๆ 3 ครั้ง หลับตาลง และก็จากเราไปอย่างสงบ" บ็อบบิทกล่าว
ในฐานะหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลหลักของวงการดนตรีในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานั้น สิ่งที่เจมส์ บราวน์มีความสำคัญต่อจังหวะและดนตรีเต้นรำมีมากพอๆ กับการที่ บ็อบ ดีแลน มีต่อการเขียนเนื้อเพลง อิทธิพลของเขาส่งไปถึง มิค แจ็กเกอร์และไมเคิล แจ็คสัน จากเดวิด โบวี ไปจนถึงวง Public Enemy ขณะที่การเต้นด้วยเท้าอันรวดเร็ว จังหวะของดนตรีที่หนักหน่วง และสไตล์การร้องที่ยากต่อการเลียนแบบนั้น ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบทางด้านดนตรีแก่วงการไปอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้เขาเป็นหนึ่งในศิลปินรายแรกๆ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ามาอยู่ในหอเกียรติคุณร็อคแอนด์โรลล์ หรือ Rock and Roll Hall of Fame เช่นเดียวกับเอลวิส เพรสลีย์, ชัค เบอร์รี และตำนานเพลงคนอื่นๆ
"เขาเป็นผู้คิดค้น เป็นผู้ปลดแอก ทั้งยังเป็นต้นแบบ ดนตรีแร็ปทั้งหมดนั้นก็มาจาก เจมส์ บราวน์ ทั้งนั้น" ร็อก แอนด์ โรล์ ในตำนานอย่าง ลิตเติล ริชาร์ด เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของบราวน์ได้บอกกับ MSNBC
"เจมส์ บราวน์ ได้เปลี่ยนแปลงวงการดนตรี" สาธุคุณอัล ชาร์ปตัน ผู้ที่ได้ทัวร์คอนเสิร์ตกับบราวน์ในช่วงยุค 70 และได้เลียนแบบทรงผมของเขามาจนกระทั่งทุกวันนี้กล่าว
"เขาทำให้ดนตรีแนวโซลให้เป็นดนตรีของโลก เจมส์ บราวน์เป็นผู้ให้นิยามดนตรีแนวโซล, ฮิปฮอป, แร็ปทั้งหมด เหมือนกับโยฮัน เซบัสเตียน บาค ให้นิยามแก่ดนตรีคลาสสิค นี่คือคนที่ได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดนตรีอย่างแท้จริง เขาทำให้ทุกคนได้รู้จักจังหวะที่แตกต่าง สไตล์ดนตรีที่แตกต่าง เขาเป็นผู้บุกเบิกเลยทีเดียว" ชาร์ปตันกล่าว
"เขาเท่จนหยดสุดท้ายจริงๆ ที่มาจากเราไปในช่วงคริสต์มาสอย่างนี้ ซึ่งจะทำให้เขาเป็นข่าวใหญ่ในทุกมุมโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเขาแล้ว" สาธุคุณเจสซี แจ็คสัน ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจมส์ บราวน์มาตั้งแต่ปี 1955 กล่าว
บราวน์ได้รับรางวัลแกรมมีในสาขาผู้ที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพในปี 1992 อีกทั้งยังได้รับรางวัลแกรมมีในปี 1965 สาขาการบันทึกเสียงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม จากเพลง Papa's Got a Brand New Bag และรางวัลนักร้องชายอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม จากเพลง Living In America ในปี 1987 อีกด้วย
บราวน์เกิดในครอบครัวที่ยากจนในเมืองบาร์นเวลล์ รัฐเซาท์ คาโรไลนา ในปี 1933 เขาถูกทอดทิ้งตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และอยู่ในความดูแลของญาติๆ และเพื่อนฝูง เขาเติบโตมาบนถนนในเมืองออกัสตา รัฐจอร์เจีย ในที่ที่เขารำลึกความหลังว่าเป็นสถานที่เลวร้ายมากๆ ที่สอนให้เขาต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
โดยในปี 1949 ขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ในช่วงเกรด 8 บราวน์ได้ใช้เวลา 3 ปีครึ่งในสถานดัดนิสัยในคดีงัดแงะรถ ขณะที่เขาอยู่ที่นั่น เขาได้พบกับบ็อบบี เบิร์ด ซึ่งครอบครัวของเบิร์ดก็ได้พาบราวน์ไปอยู่ที่บ้านด้วย แล้วเบิร์ดก็ได้พาบราวน์ร่วมวง Gospel Starlighters ซึ่งอีกไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Famous Flames และเปลี่ยนแนวเพลงเป็นอาร์แอนด์บีอันหนักหน่วง
ในเดือนม.ค.ปี 1956 บริษัท King Records ในซินเซียเนติ ก็ได้เซ็นสัญญากับวงนี้ และ 4 เดือนหลังจากนั้นซิงเกิล Please, Please, Please ของวงก็ได้ติดอยู่ใน 10 อันดับสูงสุดของชาร์ตอาร์แอนด์บี และชื่อของเจมส์ บราวน์ก็เป็นที่รู้จักในวงการนับแต่นั้นเป็นต้นมา
สมาชิกที่เหลือในครอบครัวของเจมส์ บราวน์ตอนนี้ได้แก่ โทมี เรย์ ไฮนี ภรรยาคนที่ 4 ซึ่งเป็นหนึ่งในนักร้องแบ็คอัพของเขา และลูกๆ อีกอย่างน้อย 4 คน โดยเป็นลูกสาว 2 คนและลูกชายชื่อ ดาริลและเจมส์ บราวน์ เดอะเธิร์ด


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:10, 16 มกราคม 2559

เจมส์ บราวน์
เจมส์ บราวน์ในปี 2001
ข้อมูลพื้นฐาน
เกิด3 พฤษภาคม ค.ศ. 1933(1933-05-03)
ที่เกิดAugusta, Georgia
เสียชีวิต25 ธันวาคม ค.ศ. 2006(2006-12-25) (73 ปี)
Atlanta, Georgia[1]
แนวเพลงอาร์แอนด์บี, ฟังก์, ดนตรีโซล
อาชีพนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น โปรดิวเซอร์เพลง
ช่วงปี1956 – 2006
ค่ายเพลงFederal, King, Try Me, Smash, People, Polydor, Scotti Bros.

เจมส์ โจเซฟ บราวน์ จูเนียร์ (อังกฤษ: James Joseph Brown, Jr.) (3 พฤษภาคม ค.ศ. 1933 - 25 ธันวาคม ค.ศ. 2006) เป็นนักร้อง นักแสดง เอนเทอร์เทนเนอร์ ชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีอิทธิผลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงป็อปในคริสตวรรษที่ 20 ด้วยเอกลักษณ์ด้านน้ำเสียงและท่าเต้น

เขาเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น หัวหน้าวง บราวน์เป็นผู้ขับเคลื่อนวงการเพลง เขาเป็นอิทธิพลให้กับศิลปินหลายศิลปิน และยังมีอิทธิพลต่อวงการเพลงป็อปแอฟริกัน อย่างเช่น แอฟโฟรบีต, jùjú และ mbalax[2] และยังเป็นต้นแบบของแนวเพลง โก-โก[3]

บราวน์เริ่มในวงการเพลงในปี 1953 และมีชื่อเสียงในทศวรรษ 1950 และต้นทศวรรษ 1960 แต่ด้วยมีปัญหาหลายอย่างส่วนตัวจึงก้าวถอยไปบ้าง แต่เขาก็ยังมีผลงานเพลงฮิตในทุกทศวรรษจนถึงยุคทศวรรษ 1980

ฉายาของบราวน์ เช่น Soul Brother Number One, Sex Machine, Mr. Dynamite, The Hardest Working Man in Show Business, The King of Funk, Minister of The New New Super Heavy Funk, Mr. Please Please Please Please Her, และ the Godfather of Soul

อ้างอิง

  1. James Brown, the "Godfather of Soul," dies at 73. (2006, December 25). CNN Entertainment News. Retrieved January 5, 2007.
  2. Pareles, J. (2006, December 26). James Brown, the "Godfather of Soul" dies at 73. The New York Times. Retrieved January 31, 2007.
  3. Chuck Brown. (2000). Washington Area Music Association. Retrieved January 28, 2007.