ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพุทธเจ้า"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ย้อนการแก้ไขที่ 6244899 สร้างโดย Ns144 (พูดคุย)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 5: บรรทัด 5:
ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญ[[บารมี]]เป็น[[พระโพธิสัตว์]]ก่อน เมื่อบารมีเต็มแล้วจึงจะได้[[ตรัสรู้]]เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีลักษณะพิเศษตรงกันคือ<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 111</ref> เป็นมนุษย์เพศชายเกิดในวรรณะ[[กษัตริย์]]หรือ[[พราหมณ์]] พระวรกายสมบูรณ์ด้วย[[มหาปุริสลักขณะ]] ก่อนออกผนวชจะอภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง วันออกผนวชจะตรงกับวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ
ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญ[[บารมี]]เป็น[[พระโพธิสัตว์]]ก่อน เมื่อบารมีเต็มแล้วจึงจะได้[[ตรัสรู้]]เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีลักษณะพิเศษตรงกันคือ<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 111</ref> เป็นมนุษย์เพศชายเกิดในวรรณะ[[กษัตริย์]]หรือ[[พราหมณ์]] พระวรกายสมบูรณ์ด้วย[[มหาปุริสลักขณะ]] ก่อนออกผนวชจะอภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง วันออกผนวชจะตรงกับวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ


ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่า พระพุทธเจ้า ([[พระโคตมพุทธเจ้า]]) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง [[80 ปีก่อนพุทธศักราช]] จนถึง[[เริ่มพุทธศักราช]]ซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิง[[ปฏิทินสุริยคติไทย]]และ[[ปฏิทินจันทรคติไทย]] และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล
ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่าพระพุทธเจ้า ([[พระโคตมพุทธเจ้า]]) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง [[80 ปีก่อนพุทธศักราช]] จนถึง[[เริ่มพุทธศักราช]]ซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิง[[ปฏิทินสุริยคติไทย]]และ[[ปฏิทินจันทรคติไทย]] และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล


== ความหมายและคุณลักษณะ ==
== ความหมายและคุณลักษณะ ==
บรรทัด 41: บรรทัด 41:
* ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
* ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
* บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
* บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
* พระผู้มีพระภาคเจ้า
* [[ภควา|พระผู้มีพระภาคเจ้า]]
* พระพุทธเจ้าหมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
* พระพุทธเจ้าหมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
* พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
* พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
บรรทัด 54: บรรทัด 54:
== พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายเถรวาท ==
== พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายเถรวาท ==
[[ไฟล์:StandingBuddha.jpg|thumb|right|[[พระพุทธรูป]]ปางประทับยืน พบที่[[ประเทศปากีสถาน|ปากีสถาน]] [[ศิลปะคันธาระ]]สมัย[[พุทธศตวรรษ]]ที่ 5-6]]
[[ไฟล์:StandingBuddha.jpg|thumb|right|[[พระพุทธรูป]]ปางประทับยืน พบที่[[ประเทศปากีสถาน|ปากีสถาน]] [[ศิลปะคันธาระ]]สมัย[[พุทธศตวรรษ]]ที่ 5-6]]
ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว 4 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 และพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปคือพระศรีอารยเมตไตรย ในทัสศนะเถรวาทถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่เหนือกว่าคนทั่วไปคือพระองค์พบทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และเผยแผ่หนทางนั้นต่อสรรพสัตว์ ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เมื่อทรงดับขันธปรินิพพาน คือดับไปโดยไม่เหลือเชื้อใดๆ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องทำความดี (บารมี) มาในชาติก่อน ๆ นับชาติไม่ถ้วน (ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เรียกว่า [[พระโพธิสัตว์]])
ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว 4 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 และพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปคือพระศรีอารยเมตไตรย ในทัสศนะเถรวาทถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่เหนือกว่าคนทั่วไปคือพระองค์พบทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และเผยแผ่หนทางนั้นต่อสรรพสัตว์ ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เมื่อทรงดับขันธปรินิพพาน คือดับไปโดยไม่เหลือเชื้อใด ๆ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องทำความดี (บารมี) มาในชาติก่อน ๆ นับชาติไม่ถ้วน (ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเรียกว่าพระโพธิสัตว์)


== การประสูติของพระพุทธเจ้า ==
== การประสูติของพระพุทธเจ้า ==
บรรทัด 105: บรรทัด 105:
=== พระพุทธเจ้าในอนาคต ===
=== พระพุทธเจ้าในอนาคต ===
ในคัมภีร์[[อนาคตวงศ์]]นั้น ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนี้ <ref>ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์ ภาค 3 อนาคตวงศ์. กทม. อมรินทร์วิชาการ. 2542 และ ดู : http://www.84000.org/anakot/index.html </ref>
ในคัมภีร์[[อนาคตวงศ์]]นั้น ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนี้ <ref>ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์ ภาค 3 อนาคตวงศ์. กทม. อมรินทร์วิชาการ. 2542 และ ดู : http://www.84000.org/anakot/index.html </ref>
* [[พระศรีอริยเมตไตรย]]พุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาลคือพระอชิตเถระ (เป็นคนละองค์กับชื่อที่ปรากฏในพระไตรปิฎก) ตรัสรู้ที่ไม้[[กากะทิง]] พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระศรีอริยเมตไตรย|พระเมตไตรยพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือพระอชิตภิกษุ (เป็นคนละองค์กับ[[พระอชิตเถระ]]ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก) ตรัสรู้ที่ไม้[[กากะทิง]] พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระรามะสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคืออุตมรามราช ตรัสรู้ที่ไม้แก่น[[จันทน์แดง]] พระชนม์ 9 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระรามสัมพุทธเจ้า]] ในอดีตคือ[[พระราม]] ตรัสรู้ที่ไม้แก่น[[จันทน์]] พระชนมายุ 9 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[พระเจ้าปเสนทิโกศล]] ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนม์ 5 หมื่นพรรษา พระกายสูง 16 ศอก
* [[พระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[พระเจ้าปเสนทิโกศล]] ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนมายุ 5 หมื่นพรรษา พระกายสูง 16 ศอก
* [[พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคืออภิภูเทวราช ตรัสรู้ที่ไม้[[รัง]]ใหญ่ พระชนม์ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระธรรมสามีสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[ท้าววสวัตตี]] ตรัสรู้ที่ไม้[[สาละ]]ใหญ่ พระชนมายุ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระนารทะสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[อสุรินทราหู]] ตรัสรู้ที่ไม้แก่นจันทน์แดง พระชนม์ 1 หมื่นพรรษา พระกายสูง 20 ศอก
* [[พระนารทสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[พระราหู]] ตรัสรู้ที่ไม้จันทน์ พระชนมายุ 1 หมื่นพรรษา พระกายสูง 20 ศอก
* [[พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือจังกีพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้[[ดีปลีใหญ่]]หรือไม้[[เลียบ]] พระชนม์ 5 พันพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
* [[พระรังสีมุนีสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือโสณพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้[[ดีปลีใหญ่]]หรือไม้[[เลียบ]] พระชนมายุ 5 พันพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
* [[พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือสุภพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้[[จำปา]] พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือสุภพราหมณ์ ตรัสรู้ที่ไม้[[จำปา]] พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระนรสีหสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[โตเทยยพราหมณ์]] ตรัสรู้ที่ไม้[[แคฝอย]] พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
* [[พระนรสีหสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือ[[โตเทยยพราหมณ์]] ตรัสรู้ที่ไม้[[แคฝอย]] พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
* [[พระติสสสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือช้างนาฬาคีรี ตรัสรู้ที่ไม้[[ไทร]] พระชนม์ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระติสสสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือช้างนาฬาคีรี ตรัสรู้ที่ไม้[[ไทร]] พระชนมายุ 8 หมื่นพรรษา พระกายสูง 80 ศอก
* [[พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือช้างปาลิไลยกะ ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนม์ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 60 ศอก
* [[พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า]] ในสมัยพุทธกาลคือช้างปาลิไลยกะ ตรัสรู้ที่ไม้กากะทิง พระชนมายุ 1 แสนพรรษา พระกายสูง 60 ศอก


== พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายมหายาน ==
== พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายมหายาน ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:14, 8 มกราคม 2559

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า เป็นพระสมัญญานามที่ใช้เรียกพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ พระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานต่างนับถือพระพุทธเจ้าว่าเป็นศาสดาของตนเหมือนกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน ฝ่ายเถรวาทให้ความสำคัญกับพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันคือ "พระโคตมพุทธเจ้า" ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้ และมีกล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอดีตกับในอนาคตบ้างแต่ไม่ให้ความสำคัญเท่า ฝ่ายมหายานนับถือพระพุทธเจ้าของฝ่ายเถรวาททั้งหมดและเชื่อว่านอกจากพระพุทธเจ้า 28 พระองค์[1] ที่ระบุในพุทธวงศ์ของพระไตรปิฎกภาษาบาลีแล้ว ยังมีพระพุทธเจ้าอีกมากมายเพิ่มเติมขึ้นมาจากตำนานของเถรวาท

ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก่อน เมื่อบารมีเต็มแล้วจึงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์มีลักษณะพิเศษตรงกันคือ[2] เป็นมนุษย์เพศชายเกิดในวรรณะกษัตริย์หรือพราหมณ์ พระวรกายสมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักขณะ ก่อนออกผนวชจะอภิเษกสมรสมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง วันออกผนวชจะตรงกับวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ

ตามคัมภีร์ฝ่ายพุทธ ถือกันว่าพระพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า) พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ระหว่าง 80 ปีก่อนพุทธศักราช จนถึงเริ่มพุทธศักราชซึ่งเป็นวันปรินิพพาน ตรงกับ 543 ปีก่อนคริสตกาลตามตำราไทยอ้างอิงปฏิทินสุริยคติไทยและปฏิทินจันทรคติไทย และ 483 ปีก่อนคริสตกาลตามปฏิทินสากล

ความหมายและคุณลักษณะ

ในพระพุทธศาสนา พุทธะ (บาลี: พุทฺธ แปลว่า "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน") หมายถึงบุคคลผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4 แล้วอย่างถ่องแท้

ธชัคคสูตร กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีคุณลักษณะ 9 ประการ[3] เรียกว่า พุทธคุณ 9 ได้แก่

  • อรหํ หมายถึง ผู้ปราศจากกิเลส
  • สมฺมาสมฺพุทฺโธ หมายถึง ผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์
  • วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน หมายถึง ผู้มีความรู้และความประพฤติถึงพร้อม
  • สุคโต หมายถึง ผู้เสด็จไปด้วยดี
  • โลกวิทู หมายถึง ผุ้รู้แจ้งโลก
  • อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ หมายถึง ผู้ฝึกคนได้ดี ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า
  • สตฺถา เทวมนุสฺสานํ หมายถึง ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
  • พุทฺโธ หมายถึง ผู้ตื่น
  • ภควา หมายถึง ผู้มีภคธรรม

คำที่ใช้กล่าวเรียกพระพุทธเจ้า

มีหลายคำดังจะกล่าวต่อไปนี้

  • พระโพธิสัตว์ หมายถึง ท่านผู้ที่กำลังบำเพ็ญ บารมี 10 (โดยยิ่งยวด 30 ทัศ) คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา และ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
  • อังคีรส หมายถึง ท่านผู้มีรัศมีแผ่ออกมาจากพระกาย
  • พระมหาบุรุษ เป็นคำที่ใช้เรียก พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ อีกความหมายหนึ่งคือ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่
  • ตถาคต เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพระองค์เองมี ความหมาย 8 อย่างคือ
    1. พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น
    2. พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น
    3. พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ
    4. พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น
    5. พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น
    6. พระผู้ตรัสอย่างนั้น
    7. พระผู้ทำอย่างนั้น
    8. พระผู้เป็นเจ้า
  • ตถาคตโพธิสัทธา หมายถึง การเชื่อถือปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต
  • ธรรมราชา หมายถึง ท่านผู้เป็นราชาแห่งธรรม
  • ธรรมสวามิศร, ธรรมสามิสร หมายถึง ท่านผู้เป็นใหญ่โดยเป็นเจ้าของธรรม
  • ธรรมสามี หมายถึง ท่านผู้เป็นเจ้าของธรรม
  • ธรรมิศราธิบดี หมายถึง ท่านผู้เป็นอธิปดีในธรรม เป็นคำกวีหมายถึงพระพุทธเจ้า
  • บรมศาสดา, พระบรมศาสดา หมายถึง ท่านผู้เป็น ศาสดาอันยอดยิ่ง พระผู้เป็นครูสูงสุด พระบรมครู
  • พระผู้มีพระภาคเจ้า
  • พระพุทธเจ้าหมายถึง ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบ ด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ
  • พระศาสดา หมายถึง ท่านผู้ทรงสอนชนทั้งปวง
  • พระสัมพุทธเจ้า, พระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
  • ภควา หมายถึง ท่านผู้เป็นผู้มีโชค หรือ ท่านผู้จำแนกแจกธรรม
  • มหาสมณะ
  • โลกนาถ, พระโลกนาถ หมายถึง พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก
  • สยัมภู, พระสัมภู หมายถึง ท่านผู้ตรัสรู้ได้โดยตนเอง ไม่มีใครมาสั่งสอน
  • สัพพัญญู, พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า หมายถึง ท่านผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
  • พระสุคต, พระสุคโต หมายถึง ท่านผู้เสด็จไปดีแล้ว

พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายเถรวาท

พระพุทธรูปปางประทับยืน พบที่ปากีสถาน ศิลปะคันธาระสมัยพุทธศตวรรษที่ 5-6

ในพระไตรปิฏกกล่าวว่า ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว 4 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 และพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปคือพระศรีอารยเมตไตรย ในทัสศนะเถรวาทถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ที่เหนือกว่าคนทั่วไปคือพระองค์พบทางดับทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และเผยแผ่หนทางนั้นต่อสรรพสัตว์ ทรงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เมื่อทรงดับขันธปรินิพพาน คือดับไปโดยไม่เหลือเชื้อใด ๆ ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องทำความดี (บารมี) มาในชาติก่อน ๆ นับชาติไม่ถ้วน (ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเรียกว่าพระโพธิสัตว์)

การประสูติของพระพุทธเจ้า

พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น ก่อนจะจุติจะทรงพิจารณา 5 อย่าง เรียกว่า มหาวิโลกนะ 5[4] คือ

1. กาล (อายุขัยของมนุษย์)

อายุขัยของมนุษย์ขึ้นอยู่กับกระแสสังขารและการทำความดี หากทำดีมากขึ้นอายุก็จะเพิ่มขึ้น หากทำดีน้อยอายุขัยก็จะลดลง อายุขัยของมนุษย์อยู่ระหว่าง 10 ปีถึง 1 อสงไขยปี (1 × 10140 ปี) แต่พระโพธิสัตว์ทรงเลือกอายุขัยมนุษย์ระหว่าง 100-100,000 ปี ถ้าหากน้อยกว่า 100 ปีมนุษย์จะมีจิตใจหยาบช้าเกินกว่าจะฟังธรรมให้แตกจนบรรลุพระนิพพานได้ ถ้าเกิน 100,000 ปีมนุษย์จะเริ่มประมาทความแก่ ความเจ็บ ความตายเพราะอายุยืนความตายมาถึงช้า จะไม่เห็นอริยสัจ 4 หรือธรรมใดๆ

2. ทวีป (ทวีปที่จะลงมาประสูติ)

พระโพธิสัตว์เลือกชมพูทวีปเป็นทวีปที่จะจุติทุกครั้ง เพราะมนุษย์ในชมพูทวีปมีทั้งความสุขและความทุกข์ มีความเห็นทุกข์ เห็นสุข ได้ดีกว่ามนุษย์ในทวีปอื่นๆ

สาเหตุอีกอย่างที่เลือกลงมามนุษยภูมิเพราะมนุษย์เห็นสุขทุกข์ได้ง่ายที่สุด สัตว์ในอบายภูมิ 4 มีแต่ความทุกข์ไม่เห็นสุขกระจ่าง เทวดาพรหมก็เห็นสุขมากกว่าทุกข์จนยากที่จะทำให้เป็นพระอรหันต์ได้ อีกทั้งมนุษย์ทำบุญได้ จึงทรงเลือกมนุษย์

3. ประเทศ (ประเทศที่จะประสูติ)

พระโพธิสัตว์จะทรงเลือกประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจดี มีประชากรหนาแน่น มีนักปราชญ์ เจ้าสำนัก เป็นที่รวมของการศึกษาและศิลปวิทยามากมาย มีผู้มีคุณธรรมมากมาย จะสามารถเผยแพร่ธรรมให้รุ่งเรือง มีคนรู้มากได้

4. ตระกูล (ตระกูลที่จะประสูติ)

พระโพธิสัตว์ทรงเลือกได้ระหว่าง วรรณะกษัตริย์ กับ วรรณะพราหมณ์ ว่าในช่วงเวลานั้นตระกูลใดเจริญมากกว่ากัน ได้รับการยอมรับมากกว่ากัน ใน 4 อสงไขยแสนมหากัปล่าสุดนี้มีพระพุทธเจ้าจากตระกูลกษัตริย์มากกว่า แต่ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าจากตระกูลพราหมณ์มากกว่า (พระกกุสันธะ พระโกนาคมณ์ พระกัสสปะ และพระเมตไตรยะ) มีเพียงพระโคตมพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียวที่มาจากตระกูลกษัตริย์

พระโพธิสัตว์ผู้ได้มาจุติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ทรงเลือกตระกูลศากยโคตมวงศ์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์นคร เพราะได้รับความนับถือมาก และบริสุทธิ์มา 7 รุ่นแล้ว ถ้าไม่บริสุทธิ์แล้วลงมาจุติแล้วเป็นพระพุทธเจ้าก็ยากที่จะได้รับการนับถือ สาเหตุที่เลือกตระกูลกษัตริย์เพราะในช่วงเวลานั้นมีการแบ่งชนชั้นวรรณะกัน และวรรณะกษัตริย์เป็นวรรณะที่มีคนนับถือมากที่สุด จึงทรงเลือกวรรณะกษัตริย์

5. มารดา (มารดาผู้ให้กำเนิดและกำหนดอายุของพระมารดาหลังประสูติ)

พระโพธิสัตว์จะทรงเลือกผู้หญิงจากตระกูลกษัตริย์หรือพราหมณ์ที่รักษาศีล รักษาธรรมได้ดีที่สุด บริสุทธิ์ทางกาย วาจา ใจ ไม่ดื่มสุรา ไม่หลงในอบายมุข ไม่โลเลในบุรุษ และทรงกำหนดอายุของพระมารดาว่ามีประมาณเท่าใด เพราะพระครรภ์ที่ประทับแห่งพระโพธิสัตว์ผู้จะได้เสด็จอุบัติตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เปรียบประดุจพระคันธกุฎีแห่งพระบรมศาสดา ไม่สมควรแก่ผู้อื่น

พระบรมโพธิสัตว์ทรงเลือกพระมารดาที่บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนมลทินโทษ มิฉะนั้นจะยากแก่การเผยแผ่ศาสนา เพราะจะถูกโจมตีว่ามารดาของพระศาสดาไม่บริสุทธิ์ พระนางสิริมหามายาได้อธิษฐานเป็นพระพุทธมารดามาแต่อดีตกาล เมื่อประสูติพระบรมโพธิสัตว์เจ้าได้ 7 วันก็เสด็จทิวงคต ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรสถิตในดุสิตเทวโลก ตามประเพณี พระพุทธมารดาไม่ได้เป็นหญิงอย่างเก่า ที่เกิดเป็นหญิงเพราะอธิษฐานขอเป็นมารดาพระพุทธเจ้า

ประเภทของพระพุทธเจ้า

ในพระไตรปิฎกภาษาบาลีกล่าวถึงพระพุทธเจ้าไว้ 2 ประเภท[5] คือ

  • พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง แล้วประกาศพระศาสนา
  • พระปัจเจกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เฉพาะตน ไม่ได้ประกาศพระศาสนา

ต่อมาในคัมภีร์มโนรถปูรณี อรรถกถาของอังคุตตรนิกาย พระพุทธโฆสะได้กล่าวถึงพุทธะทั้งหมด 4 ประเภท อีกประเภท 2 ประเภทที่เพิ่มเข้ามา[6] คือ

  • จตุสัจจพุทธเจ้า คือพระอรหันตสาวก
  • สุตพุทธเจ้า คือผู้เป็นพหูสูต ได้ศึกษาพระพุทธพจน์มามาก

นอกจากนั้นพระพุทธเจ้ามีอยู่ 3 ประเภทตามกำลังบุญบารมีที่ได้สร้างสั่งสมมาคือ

  • พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ปัญญา” อย่างแก่กล้าแต่มีพระศรัทธาน้อย จึงใช้เวลาสั่งสมบารมีน้อยกว่าพระพุทธเจ้าอีกสองประเภท ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระโคตมพุทธเจ้า
  • พระสัทธาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ศรัทธา” อย่างแก่กล้ายิ่งนัก แต่มีพระปัญญาปานกลาง จึงใช้เวลาสั่งสมพระบารมีอย่างปานกลาง ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมีเป็นเวลา 40 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระกัสสปพุทธเจ้า
  • พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าที่ทรงสร้างสมอบรมบารมีด้าน “ความเพียร” อย่างแก่กล้าทรงมีพระวิริยะยิ่งนัก แต่ทรงมีพระปัญญาน้อยกว่า ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการสร้างบารมียาวนานมากกว่าพระพุทธเจ้าประเภทอื่นเป็นเวลา 80 อสงไขย กับอีกหนึ่งแสนมหากัป เช่น พระศรีอริยเมตไตรย

พระพุทธเจ้าในอดีต

พระพุทธเจ้าในอนาคต

ในคัมภีร์อนาคตวงศ์นั้น ได้กล่าวถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต 10 พระองค์ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนี้ [7]

พระพุทธเจ้าตามความเชื่อของฝ่ายมหายาน

นิกายมหายานยอมรับพระพุทธเจ้าตามคัมภีร์ฝ่ายเถรวาททั้งหมดและยังสร้างพระพุทธเจ้าอีกมากมาย ทั้งที่เป็นมนุษย์และมีสถานะเหมือนเทพเจ้าในศาสนาฮินดู นิกายมหายานเชื่อว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วไม่ดับสูญแต่ไปประทับ ณ พุทธเกษตรซึ่งเป็นดินแดนที่งดงามกว่าสวรรค์ พระพุทธเจ้าตามคติมหายานแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. อาทิพุทธะ ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่อุบัติมาพร้อมกับโลกและประทับอยู่กับโลกเป็นนิรันดร์ มีบทบาทคล้ายพระพรหมในศาสนาฮินดูที่เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล
  2. พระมานุสสพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าที่อวตารมาจากอาทิพุทธะมาเกิดในโลกมนุษย์และบำเพ็ญเพียรในฐานะพระโพธิสัตว์จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อปรินิพพานแล้วจะไปอยู่กับอาทิพุทธะ คล้ายกับคติของศาสนาฮินดูที่เมื่อทำความดีถึงขั้นสูงสุดจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของมหาพรหม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจจุบัน ทางมหายานเรียกว่าพระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นพระมานุสสพุทธะด้วยเช่นกัน
  3. พระธยานิพุทธะ เป็นพุทธะที่อวตารมาจากอาทิพุทธะเช่นกันแต่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าด้วยอำนาจฌาน (ธยาน) ของอาทิพุทธะไม่ได้ผ่านการบำเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์ พุทธะเหล่านี้ประทับบนสวรรค์ ในสภาวะกายทิพย์ มีเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่มองเห็นได้
  4. พระพุทธเจ้าอื่นๆ เช่น พระสัทธรรมวิทยาตถาคต พระไภษัชยคุรุทั้ง 7 พระสหัสประภาราชาศานติสถิตยตตถาคต พระประภูตรัตนะ

จำนวนของพระพุทธเจ้า

ในคัมภีร์ของทางมหายานนั้นได้ระบุนามของพระพุทธเจ้าไว้เป็นจำนวนมาก มีทั้งพระพุทธเจ้า 35 พระองค์ พระพุทธเจ้า 53 พระองค์ และที่มากที่สุดคือพระพุทธเจ้า 3,000 พระองค์ โดยแบ่งเป็น [8]

อ้างอิง

  1. พุทธปกิรณกกัณฑ์, พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
  2. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 111
  3. ธชัคคสูตรที่ 3, พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
  4. พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), มหาวิโลกนะ, พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
  5. มหาปรินิพพานสูตร, พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
  6. มโนรถปูรณี, อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอกบุคคลบาลี อรรถกถาสูตรที่ ๕
  7. ประชุมพงศาวดารฉบับราษฏร์ ภาค 3 อนาคตวงศ์. กทม. อมรินทร์วิชาการ. 2542 และ ดู : http://www.84000.org/anakot/index.html
  8. ภิกษุจีนวิศวภัทร. พระพุทธเจ้าและพระธรรมสูตรฝ่ายมหายาน. กทม. หมื่นคุณธรรมสถาน.2549
  • ประสงค์ แสนบุราณ. พระพุทธศาสนามหายาน. กทม. โอเดียนสโตร์. 2548
  • พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์".

แหล่งข้อมูลอื่น