ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยเซ็ฟ เพ็ทซ์วัล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Watcharakorn (คุย | ส่วนร่วม)
Petzval, Josef Max ถูกย้ายไปเป็น โจเซฟ แมกซิมิเลียน เพทช์วอล แล้ว
Watcharakorn (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''โจเซฟ แมกซิมิเลียน เพทช์วอล''' (Jozef Maximilián Petzval หรือ ''Josef Maximilian Petzval'' และ ''Petzvál József Miksa'') ([[6 มกราคม]] [[พ.ศ. 2350]] – [[17 กันยายน]] [[พ.ศ. 2434]])
Petzval, Josef Max

6 January 1801 - 17 September 1891
เพทช์วอล เกิดใน[[ประเทศฮังการี|ฮังการี]] เขาได้เข้ารับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งบูดาเปสต์ ที่นั่นเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สอนบรรยายวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในปี [[พ.ศ. 2378]] (ค.ศ. 1835) และในปี [[พ.ศ. 2380]] (ค.ศ. 1837) เขาได้ย้ายไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนา


กล้อง Dagurre ได้ถูกเรียกว่า “Wollaston – Chevalies” เลนส์ด้วยเช่นกัน เลนส์ชนิดนี้ได้ถูกใช้ได้จริงกับ
กล้อง Dagurre ได้ถูกเรียกว่า “Wollaston – Chevalies” เลนส์ด้วยเช่นกัน เลนส์ชนิดนี้ได้ถูกใช้ได้จริงกับ
กล้อง Daguerrotype แต่เลนส์ไม่มีความสามารถมากพอสำหรับช่องรับแสงที่ f/17และไม่มีทีเดียวที่จะได้รับความ
กล้อง Daguerrotype แต่เลนส์ไม่มีความสามารถมากพอสำหรับช่องรับแสงที่ f/17และไม่มีทีเดียวที่จะได้รับความ
สะดวกว่องไวและคมชัดที่ดีพอในขณะที่เปอดช่องรับแสง
สะดวกว่องไวและคมชัดที่ดีพอในขณะที่เปิดช่องรับแสง
Petzval เกิดในฮังการีในปีค.ศ. 1807 เขาได้เข้ารับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่ง
Budapest ที่นั่นเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สอนบรรยายวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในปีค.ศ. 1835 และในปีค.ศ. 1837
เขาได้ย้ายไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนา


Petzval ได้ออกแบบเลนส์ชนิดใหม่มา 2 ชนิด
เพทช์วอล ได้ออกแบบเลนส์ชนิดใหม่มา 2 ชนิด
ชนิดแรกคือเลนส์ Portrait ประกอบด้วยช่องรับแสงที่ f/3.6 และเลนส์ชนิดนี้ดีกว่า
* ชนิดแรกคือเลนส์ Portrait ประกอบด้วยช่องรับแสงที่ f/3.6 และเลนส์ชนิดนี้ดีกว่า Chevalier type 16 เท่า
* ชนิดที่ 2 เหมาะสำหรับภาพถ่าย วิวทิวทัศน์ (landscapr) และภาพถ่ายสถาปัตยกรรม (architecture) และตัวเลนส์ได้ถูกเรียกว่า “Orthoscoop”เลนส์ Orthoscoop มีช่องรับแสงที่เล็กกว่าเลนส์ Porirait แต่มี ความคมชัดที่ Image-field มากกว่า
Chevalier type 16เท่า
• ชนิดที่ 2 เหมาะสำหรับภาพถ่าย วิวทิวทัศน์ (landscapr) และภาพถ่ายสถาปัตยกรรม
(architecture) และตัวเลนส์ได้ถูกเรียกว่า “Orthoscoop”เลนส์ Orthoscoop มีช่องรับแสง
ที่เล็กกว่าเลนส์ Porirait แต่มี ความคมชัดที่ Image-field มากกว่า


Petzval ได้ต้องการความชวยเหลือจากผู้ช่วยหลายคนเพื่อที่จะได้แสดงผลงานการคำนวนครั้งยิ่งใหญ่ของตน ดังนั้นเมื่อ
เพทช์วอล ได้ต้องการความชวยเหลือจากผู้ช่วยหลายคนเพื่อที่จะได้แสดงผลงานการคำนวนครั้งยิ่งใหญ่ของตน ดังนั้นเมื่อเจ้าชายลุดวิก ทราบข่าว จึงได้ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพทช์วอล และได้ส่งเหล่าทหารหลายรายที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมาช่วยเพทช์วอล ซึ่งทหารเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการคณิตศาสตร์มาเป็นอย่างดี และในปี พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) เลนส์สามารถผลิตขึ้นได้โดยบริษัท Voightland

เจ้าชาย Ludwig ทราบข่าว จึงได้ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือ Petzvalและได้ส่งเหล่าทหารหลายรายที่มีความรู้เกี่ยวกับ
ตัวเลนส์มีความยาวรัศมีที่มีส่วนโค้งและได้ถูกผลิตด้วยกระจกแบบพอเศษ และได้ถูกปิดเป็นความรับที่มีเพียง
เครื่องยนต์กลไกมาช่วย Petzval ซึ่งทหารเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการคณิตศาสตร์มาเป็นอย่างดี และในปี
เพทช์วอล และช่างผลิตเลนส์ของบริษัท “Voigtlander” เท่านั้นที่รู้
ค.ศ. 1840 เลนส์สามารถผลิตขึ้นได้โดยบริษัท Voightland

ตัวเลนส์มีความยาวรัศมีที่มีส่วนโค้งและได้ถูกผลิตด้วยกระจกแบบพอเศษ และได้ถูกปิดเป็นความรับที่มีเพียง
ด้วยเลนส์ของ เพทช์วอล ได้ใช้ได้จริงกับภาพถ่ายบุคคล (Portrait) และเริ่มเป็นจริงในที่สุดและด้วยสาร
Petzval และช่างผลิตเลนส์ของบริษัท “Voigtlander” เท่านั้นที่รู้
iodine-bromine และ iodine-chlorine เพลท เวลาการรับแสงในการถ่ายภาพสามารถลดลงเหลือที่ 15–30 วินาที
ด้วยเลนส์ของ Petzval ได้ใช้ได้จริงกับภาพถ่ายบุคคล (Portrait) และเริ่มเป็นจริงในที่สุดและด้วยสาร

iodine-bromine และ iodine-chlorine เพลท เวลาการรับแสงในการถ่ายภาพสามารถลดลงเหลือที่15–30 วินาที
ในปีค.ศ. 1856 บริษัท Dietzler ได้สร้างเลนส์ที่มีรัศมี 6 ฟุต และน้ำหนักเกือบ 15 กก.ด้วยเลนส์ตัวนี้
ในปี [[พ.ศ. 2399]] (ค.ศ. 1856) บริษัท Dietzler ได้สร้างเลนส์ที่มีรัศมี 6 ฟุต และน้ำหนักเกือบ 15 กก.ด้วยเลนส์ตัวนี้
ภาพถ่ายสามารถมีขนาดใหญ่ถึง 13*16 ฟุต ( 32*42 ซ.ม. )
ภาพถ่ายสามารถมีขนาดใหญ่ถึง 13x16 ฟุต (32x42 ซ.ม.)

ในปีค.ศ. 1865 ในนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในกรุงเบอร์ลิน กล้องและเลนส์ที่มีขนาดรัศมีที่ 8 ฟุต จึงเป็นที่
ในปี [[พ.ศ. 2408]] (ค.ศ. 1865) ในนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในกรุงเบอร์ลิน กล้องและเลนส์ที่มีขนาดรัศมีที่ 8 ฟุต จึงเป็นที่
ได้รู้จัก ตัวกล้องและเลนส์รวมทั้งขาตั้งกล้องมีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 100 กก.
ได้รู้จัก ตัวกล้องและเลนส์รวมทั้งขาตั้งกล้องมีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 100 กก.

ในปารีส Disde^ri ได้ทดลองด้วยกล้องที่ติดเลนส์ที่มีรัศมี11ฟุต (27 ซม.)เขาได้ใช้วิธีการCollodionเพลท
ในปารีส Disdêri ได้ทดลองด้วยกล้องที่ติดเลนส์ที่มีรัศมี 11 ฟุต (27 ซม.)เขาได้ใช้วิธีการCollodionเพลท
Petzval ได้ปรับปรุงเลนส์ lansvape (the orthoscope) และได้วางตลาดในปี.ศ. 1875 ภายใต้ชื่อ
Petzval ได้ปรับปรุงเลนส์ lansvape (the orthoscope) และได้วางตลาดในปี [[พ.ศ. 2418]] (ค.ศ. 1875) ภายใต้ชื่อ
“Photographischer dialyt” ตัวเลนส์ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Dietzler แต่ในไม่นานบริษัท “Voigtlader”
“Photographischer dialyt” ตัวเลนส์ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Dietzler แต่ในไม่นานบริษัท “Voigtlader”
ก็ได้ผลิตเลนส์นี้ขึ้นเหมือนกันภายใต้ชื่อ “Voightland Orthoscope” นี่คือจุดเริ่มต้นของข้อพิพาทโต้แย้ง
ก็ได้ผลิตเลนส์นี้ขึ้นเหมือนกันภายใต้ชื่อ “Voightland Orthoscope” นี่คือจุดเริ่มต้นของข้อพิพาทโต้แย้ง
อันสาหัสและยาวนานระหว่าง Petzval และ Voightkander ที่เกี่ยวกับสิทธิในการออกแบบเลนส์ ในท้ายที่สุด
อันสาหัสและยาวนานระหว่าง Petzval และ Voightkander ที่เกี่ยวกับสิทธิในการออกแบบเลนส์ ในท้ายที่สุด
Petzval ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนจากการประดิษฐ์ “orthoscope” กลับมา
Petzval ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนจากการประดิษฐ์ “orthoscope” กลับมา
หลังจากเหตุการณ์นี้ Petzval จึงได้ตัดสินใจทำงานแต่กับบริษัท Dietzler เท่านั้น แต่ทางบริษัทก็ได้ล้มละลายลงใน
หลังจากเหตุการณ์นี้เพทช์วอล จึงได้ตัดสินใจทำงานแต่กับบริษัท Dietzler เท่านั้น แต่ทางบริษัทก็ได้ล้มละลายลงใน
ไม่นาน จากนั้น Petzval ก็ได้ทำงานโดยตัวของเขาเอง
ไม่นาน จากนั้นเพทช์วอล ก็ได้ทำงานโดยตัวของเขาเอง
แต่ในค.ศ. 1859 เนื่องจากได้เกิดการโจรกรรมขึ้นกับเค้าต้นฉบับทฤษฎีที่เกี่ยวกับเลนส์จึงได้ถูกทำลายลงจากเหตุการณ์นั้น
แต่ใน [[พ.ศ. 2402]] (ค.ศ. 1859) เนื่องจากได้เกิดการโจรกรรมขึ้นกับเค้าต้นฉบับทฤษฎีที่เกี่ยวกับเลนส์จึงได้ถูกทำลายลงจากเหตุการณ์นั้น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเลิกสนใจและศึกษาค้นคว้าเรื่องเลนส์ แต่ได้หันมาสนใจเกี่ยวกับดนตรี acoustic เป็นพิเศษแทน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเลิกสนใจและศึกษาค้นคว้าเรื่องเลนส์ แต่ได้หันมาสนใจเกี่ยวกับ[[ดนตรีอคูสติก]] เป็นพิเศษแทน


ในปี ค.ศ. 1862 Petzval ได้เลิกสอนบรรยายที่มหาวิทยาลัย
ในปี [[พ.ศ. 2405]] (ค.ศ. 1862) เพทช์วอล ได้เลิกสอนบรรยายที่มหาวิทยาลัย


ในปี ค.ศ. 1869 ขณะที่เขาอายุได้ 62 เขาได้สมรสกับแม่บ้านของเขา แต่น่าเศร้าที่อีก 4 ปีต่อมาหล่อนก็ได้เสียชีวิตลง
ในปี [[พ.ศ. 2412]] (ค.ศ. 1869) ขณะที่เขาอายุได้ 62 เขาได้สมรสกับแม่บ้านของเขา แต่น่าเศร้าที่อีก 4 ปีต่อมาหล่อนก็ได้เสียชีวิตลง


เมื่อเขาอายุได้ 70 ปี Petzval ก็ได้ลาออกจากการเป็นผู้บรรยาย เขาได้ถอนตัวเองออกจากคนรอบข้างและเริ่มที่จะอู่ยู่
เมื่อเขาอายุได้ 70 ปี เพทช์วอลก็ได้ลาออกจากการเป็นผู้บรรยาย เขาได้ถอนตัวเองออกจากคนรอบข้างและเริ่มที่จะอู่ยู่
อย่างโดดเดี่ยวและหลีกเลี่ยงที่จากสังคมมนุษย์
อย่างโดดเดี่ยวและหลีกเลี่ยงที่จากสังคมมนุษย์


เขาตายในปีค.ศ. 1891, เป็นที่น่าขมขื่นที่เขาได้ทะเลาะกับ บริษัท Voightland และด้วยความล้มเหลวของโครงการ
เขาเสียชีวิตในปี [[พ.ศ. 2434]] (ค.ศ. 1891), เป็นที่น่าขมขื่นที่เขาได้ทะเลาะกับ บริษัท Voightland และด้วยความล้มเหลวของโครงการของเขากับบริษัท Dietzler และด้วยการขาดแคลนรางวัลสำหรับชีวิตการทำงานในการเป็นผู้ประยุกต์เลนส์

ของเขากับบริษัท Dietzler และด้วยการขาดแคลนรางวัลสำหรับชีวิตการทำงานในการเป็นผู้ประยุกต์เลนส์
[[Category:บุคคลฮังการี]]
[[Category:นักวิทยาศาสตร์]]
[[en:Jozef Maximilián Petzval]]
[[de:Josef Maximilian Petzval]]
[[sk:Jozef Maximilián Petzval]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:20, 10 ตุลาคม 2548

โจเซฟ แมกซิมิเลียน เพทช์วอล (Jozef Maximilián Petzval หรือ Josef Maximilian Petzval และ Petzvál József Miksa) (6 มกราคม พ.ศ. 235017 กันยายน พ.ศ. 2434)

เพทช์วอล เกิดในฮังการี เขาได้เข้ารับการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งบูดาเปสต์ ที่นั่นเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สอนบรรยายวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในปี พ.ศ. 2378 (ค.ศ. 1835) และในปี พ.ศ. 2380 (ค.ศ. 1837) เขาได้ย้ายไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเวียนนา

กล้อง Dagurre ได้ถูกเรียกว่า “Wollaston – Chevalies” เลนส์ด้วยเช่นกัน เลนส์ชนิดนี้ได้ถูกใช้ได้จริงกับ กล้อง Daguerrotype แต่เลนส์ไม่มีความสามารถมากพอสำหรับช่องรับแสงที่ f/17และไม่มีทีเดียวที่จะได้รับความ สะดวกว่องไวและคมชัดที่ดีพอในขณะที่เปิดช่องรับแสง

เพทช์วอล ได้ออกแบบเลนส์ชนิดใหม่มา 2 ชนิด

  • ชนิดแรกคือเลนส์ Portrait ประกอบด้วยช่องรับแสงที่ f/3.6 และเลนส์ชนิดนี้ดีกว่า Chevalier type 16 เท่า
  • ชนิดที่ 2 เหมาะสำหรับภาพถ่าย วิวทิวทัศน์ (landscapr) และภาพถ่ายสถาปัตยกรรม (architecture) และตัวเลนส์ได้ถูกเรียกว่า “Orthoscoop”เลนส์ Orthoscoop มีช่องรับแสงที่เล็กกว่าเลนส์ Porirait แต่มี ความคมชัดที่ Image-field มากกว่า

เพทช์วอล ได้ต้องการความชวยเหลือจากผู้ช่วยหลายคนเพื่อที่จะได้แสดงผลงานการคำนวนครั้งยิ่งใหญ่ของตน ดังนั้นเมื่อเจ้าชายลุดวิก ทราบข่าว จึงได้ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือเพทช์วอล และได้ส่งเหล่าทหารหลายรายที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไกมาช่วยเพทช์วอล ซึ่งทหารเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการคณิตศาสตร์มาเป็นอย่างดี และในปี พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) เลนส์สามารถผลิตขึ้นได้โดยบริษัท Voightland

ตัวเลนส์มีความยาวรัศมีที่มีส่วนโค้งและได้ถูกผลิตด้วยกระจกแบบพอเศษ และได้ถูกปิดเป็นความรับที่มีเพียง เพทช์วอล และช่างผลิตเลนส์ของบริษัท “Voigtlander” เท่านั้นที่รู้

ด้วยเลนส์ของ เพทช์วอล ได้ใช้ได้จริงกับภาพถ่ายบุคคล (Portrait) และเริ่มเป็นจริงในที่สุดและด้วยสาร iodine-bromine และ iodine-chlorine เพลท เวลาการรับแสงในการถ่ายภาพสามารถลดลงเหลือที่ 15–30 วินาที

ในปี พ.ศ. 2399 (ค.ศ. 1856) บริษัท Dietzler ได้สร้างเลนส์ที่มีรัศมี 6 ฟุต และน้ำหนักเกือบ 15 กก.ด้วยเลนส์ตัวนี้ ภาพถ่ายสามารถมีขนาดใหญ่ถึง 13x16 ฟุต (32x42 ซ.ม.)

ในปี พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) ในนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในกรุงเบอร์ลิน กล้องและเลนส์ที่มีขนาดรัศมีที่ 8 ฟุต จึงเป็นที่ ได้รู้จัก ตัวกล้องและเลนส์รวมทั้งขาตั้งกล้องมีน้ำหนักรวมกันมากกว่า 100 กก.

ในปารีส Disdêri ได้ทดลองด้วยกล้องที่ติดเลนส์ที่มีรัศมี 11 ฟุต (27 ซม.)เขาได้ใช้วิธีการCollodionเพลท Petzval ได้ปรับปรุงเลนส์ lansvape (the orthoscope) และได้วางตลาดในปี พ.ศ. 2418 (ค.ศ. 1875) ภายใต้ชื่อ “Photographischer dialyt” ตัวเลนส์ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Dietzler แต่ในไม่นานบริษัท “Voigtlader” ก็ได้ผลิตเลนส์นี้ขึ้นเหมือนกันภายใต้ชื่อ “Voightland Orthoscope” นี่คือจุดเริ่มต้นของข้อพิพาทโต้แย้ง อันสาหัสและยาวนานระหว่าง Petzval และ Voightkander ที่เกี่ยวกับสิทธิในการออกแบบเลนส์ ในท้ายที่สุด Petzval ก็ไม่ได้รับผลตอบแทนจากการประดิษฐ์ “orthoscope” กลับมา หลังจากเหตุการณ์นี้เพทช์วอล จึงได้ตัดสินใจทำงานแต่กับบริษัท Dietzler เท่านั้น แต่ทางบริษัทก็ได้ล้มละลายลงใน ไม่นาน จากนั้นเพทช์วอล ก็ได้ทำงานโดยตัวของเขาเอง แต่ใน พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) เนื่องจากได้เกิดการโจรกรรมขึ้นกับเค้าต้นฉบับทฤษฎีที่เกี่ยวกับเลนส์จึงได้ถูกทำลายลงจากเหตุการณ์นั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเลิกสนใจและศึกษาค้นคว้าเรื่องเลนส์ แต่ได้หันมาสนใจเกี่ยวกับดนตรีอคูสติก เป็นพิเศษแทน

ในปี พ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1862) เพทช์วอล ได้เลิกสอนบรรยายที่มหาวิทยาลัย

ในปี พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ขณะที่เขาอายุได้ 62 เขาได้สมรสกับแม่บ้านของเขา แต่น่าเศร้าที่อีก 4 ปีต่อมาหล่อนก็ได้เสียชีวิตลง

เมื่อเขาอายุได้ 70 ปี เพทช์วอลก็ได้ลาออกจากการเป็นผู้บรรยาย เขาได้ถอนตัวเองออกจากคนรอบข้างและเริ่มที่จะอู่ยู่ อย่างโดดเดี่ยวและหลีกเลี่ยงที่จากสังคมมนุษย์

เขาเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891), เป็นที่น่าขมขื่นที่เขาได้ทะเลาะกับ บริษัท Voightland และด้วยความล้มเหลวของโครงการของเขากับบริษัท Dietzler และด้วยการขาดแคลนรางวัลสำหรับชีวิตการทำงานในการเป็นผู้ประยุกต์เลนส์