ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ"
พระราชประวัติ |
|||
บรรทัด 48: | บรรทัด 48: | ||
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระมีพระราชโอรสธิดารวมกัน 9 พระองค์ เป็นพระราชโอรส 6 พระองค์ เป็นพระราชธิดา 3 พระองค์ ดังนี้ |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระมีพระราชโอรสธิดารวมกัน 9 พระองค์ เป็นพระราชโอรส 6 พระองค์ เป็นพระราชธิดา 3 พระองค์ ดังนี้ |
||
;เจ้าฟ้าทองสุก กรมหลวง |
;เจ้าฟ้าทองสุก [[กรมหลวงประชานุรักษ์]] |
||
มีพระโอรสธิดา 6 พระองค์ คือ |
มีพระโอรสธิดา 6 พระองค์ คือ |
||
* เจ้าฟ้าหญิงเทพ |
* เจ้าฟ้าหญิงเทพ |
||
บรรทัด 61: | บรรทัด 61: | ||
* พระองค์เจ้าชายเสฏฐา |
* พระองค์เจ้าชายเสฏฐา |
||
* พระองค์เจ้าชายปริก |
* พระองค์เจ้าชายปริก |
||
* พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง<ref>พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)</ref> |
* พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง<ref>พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)</ref> |
||
== เกร็ดที่น่าสนใจ == |
== เกร็ดที่น่าสนใจ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:56, 13 ตุลาคม 2558
สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ | |
---|---|
เจ้าฟ้าเพชร สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ | |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2252-พ.ศ. 2275 |
รัชสมัย | 26 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ |
ประสูติ | พ.ศ. 2221 |
สวรรคต | พ.ศ. 2275 |
พระอัครมเหสี | กรมหลวงราชานุรักษ์ (พระนามเดิม เจ้าฟ้าทองสุก)[1] |
พระราชบุตร | เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ เจ้าฟ้าหญิงเทพ เจ้าฟ้าหญิงประทุม เจ้าฟ้าชายอภัย เจ้าฟ้าชายปรเมศร์ เจ้าฟ้าชายทับ พระองค์เจ้าชายเสฏฐา พระองค์เจ้าชายปริก พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง[2] |
สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์บ้านพลูหลวง[3] |
พระราชบิดา | สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 |
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9[4] หรือ พระเจ้าท้ายสระ[4] หรือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ หรือ สมเด็จพระภูมินทรมหาราชาท้ายสระ หรือ สมเด็จพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2252 - พ.ศ. 2275[5]
พระราชประวัติ
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 มีพระนามเดิมว่าเจ้าฟ้าเพชร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี พ.ศ. 2252 จึงขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระภูมินทรมหาราชา โดยพระนามที่เป็นที่รู้จักกันคือพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แล้วสถาปนาพระบัณฑูรน้อย เจ้าฟ้าพร พระราชอนุชาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
สวรรคต
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 เสด็จสวรรคตด้วยพระโรคมะเร็งที่พระชิวหาและพระศอในปี พ.ศ. 2275 รวมระยะเวลาครองราชย์ 24 ปี
ในขณะที่สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ทรงพระประชวรหนักนั้น พระองค์ตัดสินพระทัยทรงมอบราชสมบัติให้แก่เจ้าฟ้าอภัย แต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่ทรงยินยอม จึงเกิดเป็นสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์[5] ที่สุดกรมพระราชวังบวรสถานมลคลเป็นฝ่ายชนะ ทรงสำเร็จโทษเจ้าฟ้าอภัย แล้วจึงครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
พระนาม
- สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ มาจากนามพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ ซึ่งพระองค์ใช้เป็นประทับอันอยู่ข้างสระน้ำท้ายพระบรมมหาราชวัง
- สมเด็จพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์
- สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9
- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
- สมเด็จพระภูมินทราธิราช
- ขุนหลวงทรงปลา
พระราชกรณียกิจ
ในรัชสมัยของพระองค์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจคือ มีการแต่งเรือสำเภาบรรทุกสินค้าไปค้าขายที่เมืองท่ามะริด ไปจรดถึงทวีปแอฟริกาตอนเหนือ มีการขุดคลองสำคัญอันเป็นเส้นทางคมนาคม คือ "คลองมหาไชย" และ "คลองเกร็ดน้อย" มีการแข่งกันสร้างวัด ระหว่างพระองค์กับพระอนุชา คือ วัดมเหยงค์และวัดกุฏีดาว มีการเคลื่อนย้ายพระนอนองค์ใหญ่ของวัดป่าโมกเพื่อให้พ้นจากการถูกน้ำเซาะตลิ่ง เป็นต้น
ในด้านการต่างประเทศ มีการส่งราชทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับจีนถึงสี่ครั้ง ทำให้การค้าขายระหว่างไทยกับจีน ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2244 เกิดความวุ่นวายในเขมร อันเนื่องจากการแย่งราชสมบัติกันระหว่างนักเสด็จกับนักแก้วฟ้าสะจอง นักเสด็จขอเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ส่วนพระแก้วฟ้านักสะจองผู้เป็นอนุชาฝักใฝ่อยู่กับฝ่ายญวน ซึ่งพยายามแผ่อำนาจเข้าไปในเขมร พระองค์ได้ส่งกองทัพกรุงศรีอยุธยาเข้าไปถึงเมืองอุดงมีชัย ราชธานีของเขมร และได้เกลี้ยกล่อมให้นักแก้วฟ้าสะจองกลับมาอ่อนน้อมต่ออยุธยา เขมรจึงมีฐานะเป็นประเทศราชของอาณาจักรเช่นแต่ก่อน
พระราชโอรส-ธิดา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระมีพระราชโอรสธิดารวมกัน 9 พระองค์ เป็นพระราชโอรส 6 พระองค์ เป็นพระราชธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าฟ้าทองสุก กรมหลวงประชานุรักษ์
มีพระโอรสธิดา 6 พระองค์ คือ
- เจ้าฟ้าหญิงเทพ
- เจ้าฟ้าหญิงประทุม
- เจ้าฟ้าพระนเรนทร กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์
- เจ้าฟ้าชายอภัย
- เจ้าฟ้าชายปรเมศร์
- เจ้าฟ้าชายทับ
- พระสนม
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ คือ
- พระองค์เจ้าชายเสฏฐา
- พระองค์เจ้าชายปริก
- พระองค์เจ้าหญิงสมบุญคง[6]
เกร็ดที่น่าสนใจ
- พระองค์โปรดเสวยปลาตะเพียนมาก โดยออกพระราชกำหนดห้ามราษฎรจับหรือรับประทานปลาตะเพียน หากผู้ใดฝ่าฝืน มีบทลงโทษคือปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง หรือ 20 บาท
- พระราชทานท้องพระโรงแก่สมเด็จพระสังฆราชแตงโม (ทอง) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระองค์โดยล่องเรือจากอยุธยาไปเพชรบุรีแล้วไปสร้างที่วัดใหญ่สุวรรณาราม (วัดสุวรรณาราม บ้างก็เรียกวัดใหญ่) จึงทำให้คงเหลือพระราชวัง ท้องพระโรงที่แสดงถึงศิลปกรรมของอยุธยาที่เหลือรอดจากการเผาของพม่าเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
ราชตระกูล
พระราชตระกูลในสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง | ||||||||||||||||
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช | ||||||||||||||||
พระราชเทวี สิริกัลยาณี | ||||||||||||||||
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) | ||||||||||||||||
พระแสนเมือง (พระเจ้าเชียงใหม่) | ||||||||||||||||
พระนางกุสาวดี | ||||||||||||||||
ไม่ทราบ | ||||||||||||||||
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 | ||||||||||||||||
ไม่ทราบ | ||||||||||||||||
อ้างอิง
- ↑ เล็ก พงษ์สมัครไทย. เฉลิมพระยศ เจ้านายฝ่ายในในรัชกาลที่ 1-9. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2552. หน้า 16
- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
- ↑ 4.0 4.1 ราชบัณฑิตยสถาน. พระนามพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2556
- ↑ 5.0 5.1 มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. หน้า 163-6. ISBN 978-616-7308-25-8
- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2246 - พ.ศ. 2252) |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2252 - พ.ศ. 2275) |
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พ.ศ. 2275 - พ.ศ. 2301) |