ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โสดาบัน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Spacialitar (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Spacialitar (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 4: บรรทัด 4:


== การละสังโยชน์ ==
== การละสังโยชน์ ==
'''โสดาบัน''' เป็นชื่อเรียกพระ[[อริยบุคคล]]ประเภทแรกใน ๔ ประเภท คือ โสดาบัน [[สกทาคามี]] [[อนาคามี]] [[อรหันต์]] ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละ [[สังโยชน์]] เบื้องต่ำ ๓ ประการได้คือ
'''โสดาบัน''' เป็นชื่อเรียก[[อริยบุคคล]]ประเภทแรกใน ๔ ประเภท คือ โสดาบัน [[สกทาคามี]] [[อนาคามี]] [[อรหันต์]] ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละ [[สังโยชน์]] เบื้องต่ำ ๓ ประการได้คือ


1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน
1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:53, 8 ตุลาคม 2558

โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสธรรม ผู้แรกถึงกระแสธรรม

การละสังโยชน์

โสดาบัน เป็นชื่อเรียกอริยบุคคลประเภทแรกใน ๔ ประเภท คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์ ผู้ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วด้วยการละ สังโยชน์ เบื้องต่ำ ๓ ประการได้คือ

1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน

2. วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยในพระรัตนตรัย และในกุศลธรรมทั้งหลาย

3. สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดมั่นในข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่เข้าใจว่าเป็นข้อปฏิบัติที่บริสุทธิ์หลุดพ้น เช่น การประพฤติวัตรอย่างโค การนอนบนหนามของพวกโยคี เป็นต้น

ความเป็นพระโสดาบันนี้ก็เช่นเดียวกับความเป็นพระอริยบุคคลประเภทอื่น ๆ ที่มิได้จำกัดอยู่เฉพาะเพศบรรพชิต(นักบวช) เท่านั้น แม้ คฤหัสถ์ คือชายหรือหญิงผู้ครองเรือน ก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้ เช่น ในสมัยพุทธกาลคฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันที่มีชื่อเสียงก็มีจำนวนมากได้แก่ นางวิสาขามหาอุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระเจ้าพิมพิสาร เป็นต้น

การเข้าถึงกระแสธรรมของพระโสดาบันนั้น เป็นการยกระดับจิตใจของท่านอย่างถาวร ทำให้ท่านไม่สามารถกลับมาเป็นปุถุชนได้อีก เป็นผู้ที่จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ (เช่น นรก หรือ เดียรฉาน) ทั้งยังเป็นผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้าอย่างแน่นอน

ประเภท

ดังที่กล่าวมาแล้วโสดาบันสามารถละสังโยชน์ 3 ประการ ตัดขาดออกจากใจได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ การตัดสังโยชน์ 3 ประการ คือการตัดเส้นทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลงไดั ผู้สำเร็จเป็นโสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้

ประเภทที่ 1 เอกพีชีโสดาบัน เอ-กะ-พี-ชี จะเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการเสวยวิมุตติสุขในอายตนนิพพานมากที่สุด เพราะเมื่อมาเกิดแล้ว ลงมือปฏิบัติธรรมก็จะได้บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ซึ่งเป็นขั้นสูงของอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา

ประเภทที่ 2 โกลังโกลโสดาบัน โก-ลัง-โก-ละ เป็นอริยบุคคลที่มีความพิเศษรองลงมา คือ จะมาเกิดอีกเพียง 2-3 ชาติเท่านั้น แล้วจะได้สำเร็จเป็นอรหันต์

ประเภทที่ 3 สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน สัด-ตะ-ตัก-กะ-ขัด-ตะ-ตุ-ปอ-ระ-มะ คืออริยบุคคล ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

การที่โสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังที่กล่าวมา เพราะว่าการสั่งสมบุญบารมี อีกทั้งอินทรีย์ 5 ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ และปัญญา ที่อบรมมาแตกต่างกัน เช่น ผู้ที่สร้างบารมีมาอย่างแก่กล้า เกิดในภพชาตินี้ เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สมาธิ สติ และปัญญา ถึงความแก่รอบสม่ำเสมอ ก็สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว โสดาบันประเภทนี้ คือ สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน

ตัวอย่างบุคคลผู้บรรลุโสดาบันในพุทธกาล หรือบรรลุธรรมจักษุ

  • 1.พระนางวิสาขามหาอุบาสิกาฝ่าย ทายิกา ปัจจุบันได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดา บนสวรรค์ชั้นที่ 5 สวรรค์ชั้นนิมมานรดี
  • 2.ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมหาอุบาสก ฝ่ายทายก ปัจจุบันได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นที่ 4 สวรรค์ชั้นดุสิต (สวรรค์ชั้นที่พักระหว่างทางของพระโพธิสัตว์
  • 3.นางสิริมา หญิงโสเภณี ปัจจุบันได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดา บนสวรรค์ชั้นที่ 5 สวรรค์ชั้นนิมมานรดี
  • 4.พระนางสามาวดี มหาอุบาสิกาฝ่ายเมตตาวิหารี ปัจจุบันได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดา บนสวรรค์ชั้นที่ 2 สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
  • 5.พระเจ้าพิมพิสาร ที่ถูกพระเจ้าอชาติศัตรูพระโอรสปลงพระชนม์ ปัจจุบันได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรสายยักษ์ บนสวรรค์ชั้นที่ 1 สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา (เนื่องจากคุ้นเคยในสวรรค์ชั้นนี้มาหลายชาติภพ แม้จะสามารถไปเกิดชั้นที่สูงกว่านี้ได้)

เป็นต้น ฯลฯ

อ้างอิง