ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เบราน์ชไวค์"

พิกัด: 52°16′N 10°31′E / 52.267°N 10.517°E / 52.267; 10.517
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ponpan (คุย | ส่วนร่วม)
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 19: บรรทัด 19:
| population_density_km2 = 1,300
| population_density_km2 = 1,300
| population_as_of = 31 ธันวาคม 2013
| population_as_of = 31 ธันวาคม 2013
| population_footnotes = <ref name="ประชากรเบราน์ชไวก์">{{de icon}} Landesbetrieb für Statistik und Kommunikationstechnologie Niedersachsen, [http://www1.nls.niedersachsen.de/statistik/ ''102 Bevölkerung - Basis Zensus 2011'', Stand 31. Dezember 2013 (Tabelle K1020014)]</ref>
| population_footnotes = <ref name="ประชากรเบราน์ชไวก์">Landesbetrieb für Statistik und Kommunikationstechnologie Niedersachsen, [http://www1.nls.niedersachsen.de/statistik/ ''102 Bevölkerung - Basis Zensus 2011'', Stand 31. Dezember 2013 (Tabelle K1020014)] {{de icon}}</ref>
| timezone = [[เวลายุโรปกลาง|CET]]
| timezone = [[เวลายุโรปกลาง|CET]]
| utc_offset = +1
| utc_offset = +1
บรรทัด 37: บรรทัด 37:


==ประวัติศาสตร์==
==ประวัติศาสตร์==
ประวัติศาสตร์ของเบราน์ชไวก์ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น[[คริสต์ศตวรรษที่ 9]]<ref name="Kimpflinger94">{{de icon}} Wolfgang Kimpflinger: ''Denkmaltopographie Bundesrepublik Deutschland. Baudenkmale in Niedersachsen.'' Band 1.1.: ''Stadt Braunschweig.'' Teil 1, S.&nbsp;94.</ref> [[ไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรีย]]ได้พัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีอิทธิพลและเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ทำให้ตั้งแต่กลาง[[คริสต์ศตวรรษที่ 13]] เบราน์ชไวก์มีฐานะเป็นเมืองสมาชิกใน[[สันนิบาตฮันเซียติก]] ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของเมืองการค้าและสมาคมพ่อค้าที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาเอกสิทธิ์ในการค้าขายตามชายฝั่งทะเลของ[[ยุโรปเหนือ]]
ประวัติศาสตร์ของเบราน์ชไวก์ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น[[คริสต์ศตวรรษที่ 9]]<ref name="Kimpflinger94">Wolfgang Kimpflinger: ''Denkmaltopographie Bundesrepublik Deutschland. Baudenkmale in Niedersachsen.'' Band 1.1.: ''Stadt Braunschweig.'' Teil 1, S.&nbsp;94. {{de icon}}</ref> [[ไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรีย]]ได้พัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีอิทธิพลและเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ทำให้ตั้งแต่กลาง[[คริสต์ศตวรรษที่ 13]] เบราน์ชไวก์มีฐานะเป็นเมืองสมาชิกใน[[สันนิบาตฮันเซียติก]] ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของเมืองการค้าและสมาคมพ่อค้าที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาเอกสิทธิ์ในการค้าขายตามชายฝั่งทะเลของ[[ยุโรปเหนือ]]


ต้น[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] เบราน์ชไวก์มีสถานะเป็นเมืองหลวงของ[[รัฐอิสระเบราน์ชไวก์]] ส่วนหนึ่งของ[[สาธารณรัฐไวมาร์]] จนกระทั่ง ค.ศ. 1946 ([[พ.ศ. 2489]]) เบราน์ชไวก์กลายเป็นส่วนหนึ่งของ[[รัฐโลว์เออร์แซกโซนี]]จนถึงปัจจุบัน
ต้น[[คริสต์ศตวรรษที่ 19]] เบราน์ชไวก์มีสถานะเป็นเมืองหลวงของ[[รัฐอิสระเบราน์ชไวก์]] ส่วนหนึ่งของ[[สาธารณรัฐไวมาร์]] จนกระทั่ง ค.ศ. 1946 ([[พ.ศ. 2489]]) เบราน์ชไวก์กลายเป็นส่วนหนึ่งของ[[รัฐโลว์เออร์แซกโซนี]]จนถึงปัจจุบัน
บรรทัด 43: บรรทัด 43:
== ภูมิศาสตร์ ==
== ภูมิศาสตร์ ==
[[ไฟล์:Lower Saxony BS.svg|thumb|left|ตำแหน่งของเมืองเบราน์ชไวน์ (สีแดง) ใน[[รัฐโลว์เออร์แซกโซนี]] (สีเทา)]]
[[ไฟล์:Lower Saxony BS.svg|thumb|left|ตำแหน่งของเมืองเบราน์ชไวน์ (สีแดง) ใน[[รัฐโลว์เออร์แซกโซนี]] (สีเทา)]]
เมืองเบราน์ชไวก์ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของ[[ประเทศเยอรมนี]] มีลักษณะภูมิประเทศเป็น[[ที่ราบ]]เรียกว่า ''ที่ราบเยอรมันเหนือ'' (''Norddeutsches Tiefland'') มี[[แม่น้ำโอเกอร์]] (''Oker'') ยาว 128 [[กิโลเมตร]]<ref>{{de icon}} [http://www.wasserblick.net/servlet/is/17842/ C-Berichte 2005 der Oberflächengewässer], wasserblick.net.</ref> ไหลจากทิศใต้ขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านเขตเมืองเก่า แม่น้ำสายนี้มีลักษณะพิเศษคือเมื่อเริ่มไหลเข้าเขตเมืองเก่าทางทิศใต้จะมีฝายกั้นน้ำแยกแม่น้ำออกเป็นสองส่วน และบรรจบกันอีกครั้งทางตอนเหนือ ทำให้เขตเมืองเก่าของเบราน์ชไวก์มีสภาพคล้ายเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในยุคกลางทำหน้าที่เป็นป้อมปราการธรรมชาติของเมือง แม่น้ำโอเกอร์บรรจบกับ[[คลองมิทเทิลลันด์คานาล]] (''Mittellandkanal'') ทางทิศเหนือของเมือง แหล่งน้ำแห่งอื่นได้แก่ คลองวาเบ (''Wabe'', ยาว 26.5 กิโลเมตร) และคลองมิทเทิลรีเด (''Mittelriede'', ยาว 6 กิโลเมตร) ซึ่งคลองทั้งสองสายนี้ตั้งอยู่ห่างกันราว 100 เมตร ไหลจากทิศใต้ขึ้นเหนือ ผ่านตัวเมืองด้านทิศตะวันออก คลองทั้งสองสายไหลบรรจบกับคลองชุนเทอร์ (''Schunter'') ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
เมืองเบราน์ชไวก์ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของ[[ประเทศเยอรมนี]] มีลักษณะภูมิประเทศเป็น[[ที่ราบ]]เรียกว่า ''ที่ราบเยอรมันเหนือ'' (''Norddeutsches Tiefland'') มี[[แม่น้ำโอเกอร์]] (''Oker'') ยาว 128 [[กิโลเมตร]]<ref>[http://www.wasserblick.net/servlet/is/17842/ C-Berichte 2005 der Oberflächengewässer], wasserblick.net. {{de icon}}</ref> ไหลจากทิศใต้ขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านเขตเมืองเก่า แม่น้ำสายนี้มีลักษณะพิเศษคือเมื่อเริ่มไหลเข้าเขตเมืองเก่าทางทิศใต้จะมีฝายกั้นน้ำแยกแม่น้ำออกเป็นสองส่วน และบรรจบกันอีกครั้งทางตอนเหนือ ทำให้เขตเมืองเก่าของเบราน์ชไวก์มีสภาพคล้ายเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในยุคกลางทำหน้าที่เป็นป้อมปราการธรรมชาติของเมือง แม่น้ำโอเกอร์บรรจบกับ[[คลองมิทเทิลลันด์คานาล]] (''Mittellandkanal'') ทางทิศเหนือของเมือง แหล่งน้ำแห่งอื่นได้แก่ คลองวาเบ (''Wabe'', ยาว 26.5 กิโลเมตร) และคลองมิทเทิลรีเด (''Mittelriede'', ยาว 6 กิโลเมตร) ซึ่งคลองทั้งสองสายนี้ตั้งอยู่ห่างกันราว 100 เมตร ไหลจากทิศใต้ขึ้นเหนือ ผ่านตัวเมืองด้านทิศตะวันออก คลองทั้งสองสายไหลบรรจบกับคลองชุนเทอร์ (''Schunter'') ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง


เมืองเบราน์ชไวก์มีพื้นที่ทั้งสั้น 192.13 [[ตารางกิโลเมตร]] อาณาเขตเมืองยาวทั้งสิ้น 98 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดระหว่างทิศเหนือ-ใต้ยาว 19.1 กิโลเมตร ระหว่างทิศตะวันออก-ตะวันตกยาว 15.7 กิโลเมตร พื้นที่ใจกลางเมืองมีความสูงจาก[[ระดับน้ำทะเล]]เฉลี่ย 70 เมตร จุดที่สูงที่สุดของเมืองคือถนนไกเทิลเดอร์ (''Geitelder Berg'') ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ซึ่งมีความสูง 111 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนจุดที่ต่ำที่สุดเป็นแนวโค้งของแม่น้ำโอเกอร์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง มีความสูง 62 เมตรจากระดับน้ำทะเล<ref>{{de icon}} Stadt Braunschweig, Fachbereich Stadtentwicklung und Statistik [http://www.braunschweig.de/politik_verwaltung/statistik/statistische_angaben.html ''Statistische Angaben über Braunschweig'']</ref>
เมืองเบราน์ชไวก์มีพื้นที่ทั้งสั้น 192.13 [[ตารางกิโลเมตร]] อาณาเขตเมืองยาวทั้งสิ้น 98 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดระหว่างทิศเหนือ-ใต้ยาว 19.1 กิโลเมตร ระหว่างทิศตะวันออก-ตะวันตกยาว 15.7 กิโลเมตร พื้นที่ใจกลางเมืองมีความสูงจาก[[ระดับน้ำทะเล]]เฉลี่ย 70 เมตร จุดที่สูงที่สุดของเมืองคือถนนไกเทิลเดอร์ (''Geitelder Berg'') ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ซึ่งมีความสูง 111 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนจุดที่ต่ำที่สุดเป็นแนวโค้งของแม่น้ำโอเกอร์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง มีความสูง 62 เมตรจากระดับน้ำทะเล<ref>Stadt Braunschweig, Fachbereich Stadtentwicklung und Statistik [http://www.braunschweig.de/politik_verwaltung/statistik/statistische_angaben.html ''Statistische Angaben über Braunschweig''] {{de icon}}</ref>


เบราน์ชไวก์มี[[ภูมิอากาศ]]ก้ำกึ่งระหว่างอากาศแบบชายทะเลทางทิศตะวันตกและอากาศแบบแผ่นดินใหญ่ทางทิศตะวันออก [[อุณหภูมิ]]ปานกลางเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 8.8 [[องศาเซลเซียส|°C]] ปริมาณ[[หยาดน้ำฟ้า]]อยู่ระหว่าง 600 ถึง 650 [[มิลลิเมตร]]ต่อปี อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูร้อนอยู่ที่ 17.5 °C ส่วนในเดือนมกราคมซึ่งเป็นฤดูหนาวมีอุณหภูมิเฉลี่ย 0.2 °C
เบราน์ชไวก์มี[[ภูมิอากาศ]]ก้ำกึ่งระหว่างอากาศแบบชายทะเลทางทิศตะวันตกและอากาศแบบแผ่นดินใหญ่ทางทิศตะวันออก [[อุณหภูมิ]]ปานกลางเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 8.8 [[องศาเซลเซียส|°C]] ปริมาณ[[หยาดน้ำฟ้า]]อยู่ระหว่าง 600 ถึง 650 [[มิลลิเมตร]]ต่อปี อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูร้อนอยู่ที่ 17.5 °C ส่วนในเดือนมกราคมซึ่งเป็นฤดูหนาวมีอุณหภูมิเฉลี่ย 0.2 °C
บรรทัด 199: บรรทัด 199:
===สวนสาธารณะ===
===สวนสาธารณะ===
[[ไฟล์:Braunschweig Luftaufnahme Oestliches Ringgebiet (2011).JPG|thumb|สวน ''Prinz-Albrecht-Park'']]
[[ไฟล์:Braunschweig Luftaufnahme Oestliches Ringgebiet (2011).JPG|thumb|สวน ''Prinz-Albrecht-Park'']]
เบราน์ชไวก์มีพื้นที่สีเขียวในตัวเมืองหลายแห่ง ได้แก่ [[สวนพฤกษศาสตร์]]แห่ง[[มหาวิทยาลัยเทคนิคเบราน์ชไวก์]] ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1840 โดย[[โยฮันน์ ไฮน์ริช บลาซิอุส]] นอกจากนี้ยังมีสวนเบือร์เกอร์พาร์ก (''Bürgerpark'') ทางทิศใต้ของเมืองเก่า สวนเลอเวนวัลล์ (''Löwenwall '') ซึ่งภายในมีเสา[[โอเบลิสก์]]ต้นหนึ่งตั้งอยู่ สวนพรินซ์อัลเบรคท์พาร์ก (''Prinz-Albrecht-Park'') ทางทิศตะวันออกของเมือง สวนอินเซิลวัลล์ (''Inselwallpark'') สวนมูเซอุมพาร์ก (''Museumpark'') สวนหลายแห่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกันกลายเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองชั้นใน
เบราน์ชไวก์มีพื้นที่สีเขียวในตัวเมืองหลายแห่ง ได้แก่ [[สวนพฤกษศาสตร์]]แห่ง[[มหาวิทยาลัยเทคนิคเบราน์ชไวก์]] ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1840 โดย[[โยฮันน์ ไฮน์ริช บลาซิอุส]] นอกจากนี้ยังมีสวนเบือร์เกอร์พาร์ก (''Bürgerpark'') ทางทิศใต้ของเมืองเก่า สวนเลอเวนวัลล์ (''Löwenwall '') ซึ่งภายในมีเสา[[โอเบลิสก์]]ต้นหนึ่งตั้งอยู่ สวนพรินซ์อัลเบรกท์พาร์ก (''Prinz-Albrecht-Park'') ทางทิศตะวันออกของเมือง สวนอินเซิลวัลล์ (''Inselwallpark'') สวนมูเซอุมพาร์ก (''Museumpark'') สวนหลายแห่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกันกลายเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองชั้นใน


==บุคคลสำคัญจากเมือง==
==บุคคลสำคัญจากเมือง==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:05, 26 สิงหาคม 2558

เบราน์ชไวก์
Braunschweig
ตราราชการของเบราน์ชไวก์ Braunschweig
ตราอาร์ม
เบราน์ชไวก์ Braunschweigตั้งอยู่ในเยอรมนี
เบราน์ชไวก์ Braunschweig
เบราน์ชไวก์
Braunschweig
พิกัด: 52°16′N 10°31′E / 52.267°N 10.517°E / 52.267; 10.517
ประเทศเยอรมนี เยอรมนี
รัฐโลว์เออร์แซกโซนี
พื้นที่
 • ทั้งหมด192.13 ตร.กม. (74.18 ตร.ไมล์)
ความสูง75 เมตร (246 ฟุต)
ประชากร
 (31 ธันวาคม 2013)[1]
 • ทั้งหมด247,227 คน
 • ความหนาแน่น1,300 คน/ตร.กม. (3,000 คน/ตร.ไมล์)
เขตเวลาUTC+1 (CET)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC+2 (CEST)
รหัสไปรษณีย์38100–38126
รหัสพื้นที่0531, 05300, 05307, 05309, 05341
ทะเบียนพาหนะBS
เว็บไซต์www.braunschweig.de

เบราน์ชไวก์ (เยอรมัน: Braunschweig; อังกฤษ, ฝรั่งเศส: Brunswick) เป็นเมืองหนึ่งในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี ประเทศเยอรมนี มีฐานะเป็นเมืองอิสระ (kreisfreie Stadt) ตามการบริหารเขตปกครองของเยอรมนี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ ปัจจุบันมีประชากรราว 247,000 คน ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของรัฐโลว์เออร์แซกโซนีรองจากฮันโนเวอร์ เมื่อรวมเขตปริมณฑลของเมืองเข้าด้วยจะมีประชากรราว 1 ล้านคน เบราน์ชไวก์เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของประเทศและสหภาพยุโรป[2]

เบราน์ชไวก์เป็นส่วนหนึ่งของ เขตปริมณฑลฮันโนเวอร์-เบราน์ชไวก์-เกิททิงเงน-ว็อลฟส์บูร์ก ซึ่งมีประชากรทั้งหมดราว 3.9 ล้านคน เมืองใหญ่แห่งอื่นที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงได้แก่ ว็อลฟส์บูร์ก (ประชากร 123,000) ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 30 กิโลเมตร ฮันโนเวอร์ (ประชากร 518,000) ทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 70 กิโลเมตร และมักเดบูร์ก (ประชากร 230,000) ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร

ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ของเบราน์ชไวก์ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9[3] ไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรียได้พัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีอิทธิพลและเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว ทำให้ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 เบราน์ชไวก์มีฐานะเป็นเมืองสมาชิกในสันนิบาตฮันเซียติก ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของเมืองการค้าและสมาคมพ่อค้าที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาเอกสิทธิ์ในการค้าขายตามชายฝั่งทะเลของยุโรปเหนือ

ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เบราน์ชไวก์มีสถานะเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสระเบราน์ชไวก์ ส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐไวมาร์ จนกระทั่ง ค.ศ. 1946 (พ.ศ. 2489) เบราน์ชไวก์กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐโลว์เออร์แซกโซนีจนถึงปัจจุบัน

ภูมิศาสตร์

ตำแหน่งของเมืองเบราน์ชไวน์ (สีแดง) ในรัฐโลว์เออร์แซกโซนี (สีเทา)

เมืองเบราน์ชไวก์ตั้งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางเหนือของประเทศเยอรมนี มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเรียกว่า ที่ราบเยอรมันเหนือ (Norddeutsches Tiefland) มีแม่น้ำโอเกอร์ (Oker) ยาว 128 กิโลเมตร[4] ไหลจากทิศใต้ขึ้นสู่ทิศเหนือผ่านเขตเมืองเก่า แม่น้ำสายนี้มีลักษณะพิเศษคือเมื่อเริ่มไหลเข้าเขตเมืองเก่าทางทิศใต้จะมีฝายกั้นน้ำแยกแม่น้ำออกเป็นสองส่วน และบรรจบกันอีกครั้งทางตอนเหนือ ทำให้เขตเมืองเก่าของเบราน์ชไวก์มีสภาพคล้ายเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในยุคกลางทำหน้าที่เป็นป้อมปราการธรรมชาติของเมือง แม่น้ำโอเกอร์บรรจบกับคลองมิทเทิลลันด์คานาล (Mittellandkanal) ทางทิศเหนือของเมือง แหล่งน้ำแห่งอื่นได้แก่ คลองวาเบ (Wabe, ยาว 26.5 กิโลเมตร) และคลองมิทเทิลรีเด (Mittelriede, ยาว 6 กิโลเมตร) ซึ่งคลองทั้งสองสายนี้ตั้งอยู่ห่างกันราว 100 เมตร ไหลจากทิศใต้ขึ้นเหนือ ผ่านตัวเมืองด้านทิศตะวันออก คลองทั้งสองสายไหลบรรจบกับคลองชุนเทอร์ (Schunter) ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง

เมืองเบราน์ชไวก์มีพื้นที่ทั้งสั้น 192.13 ตารางกิโลเมตร อาณาเขตเมืองยาวทั้งสิ้น 98 กิโลเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดระหว่างทิศเหนือ-ใต้ยาว 19.1 กิโลเมตร ระหว่างทิศตะวันออก-ตะวันตกยาว 15.7 กิโลเมตร พื้นที่ใจกลางเมืองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 70 เมตร จุดที่สูงที่สุดของเมืองคือถนนไกเทิลเดอร์ (Geitelder Berg) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ซึ่งมีความสูง 111 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนจุดที่ต่ำที่สุดเป็นแนวโค้งของแม่น้ำโอเกอร์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง มีความสูง 62 เมตรจากระดับน้ำทะเล[5]

เบราน์ชไวก์มีภูมิอากาศก้ำกึ่งระหว่างอากาศแบบชายทะเลทางทิศตะวันตกและอากาศแบบแผ่นดินใหญ่ทางทิศตะวันออก อุณหภูมิปานกลางเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 8.8 °C ปริมาณหยาดน้ำฟ้าอยู่ระหว่าง 600 ถึง 650 มิลลิเมตรต่อปี อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูร้อนอยู่ที่ 17.5 °C ส่วนในเดือนมกราคมซึ่งเป็นฤดูหนาวมีอุณหภูมิเฉลี่ย 0.2 °C

ข้อมูลภูมิอากาศของเบราน์ชไวก์
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 2.8
(37)
3.7
(38.7)
8.1
(46.6)
13.1
(55.6)
18
(64)
21
(70)
22.6
(72.7)
22.3
(72.1)
18.9
(66)
13.2
(55.8)
7.5
(45.5)
4.1
(39.4)
13
(55)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) −2.3
(27.9)
−2.3
(27.9)
0
(32)
3.3
(37.9)
7.2
(45)
10.3
(50.5)
12.4
(54.3)
12
(54)
9.2
(48.6)
5.5
(41.9)
2.4
(36.3)
−0.7
(30.7)
4.8
(40.6)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) 44
(1.73)
38
(1.5)
43
(1.69)
47
(1.85)
59
(2.32)
73
(2.87)
65
(2.56)
65
(2.56)
45
(1.77)
43
(1.69)
49
(1.93)
50
(1.97)
621
(24.45)
แหล่งที่มา: Klimadiagramm für Braunschweig (เยอรมัน)

การแบ่งเขตปกครอง

แผนที่เขตปกครองของเมืองเบราน์ชไวก์

เมืองเบราน์ชไวก์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 19 เขต[6] (Stadtbezirk) แต่ละเขตมีสภาเขต (Stadtbezirksrat) และนายกเทศมนตรี (Bezirksbürgermeister) เป็นของตนเอง เขตทั้ง 19 แห่งมีดังนี้

  • Wabe-Schunter-Beberbach
  • Hondelage
  • Volkmarode
  • Östliches Ringgebiet
  • Innenstadt
  • Viewegsgarten-Bebelhof
  • Stöckheim-Leiferde
  • Heidberg-Melverode
  • Südstadt-Rautheim-Mascherode
  • Weststadt
  • Timmerlah-Geitelde-Stiddien
  • Broitzem
  • Rüningen
  • Westliches Ringgebiet
  • Lehndorf-Watenbüttel
  • Veltenhof-Rühme
  • Wenden-Thune-Harxbüttel
  • Nordstadt
  • Schunteraue

การคมนาคม

สถานีรถไฟกลางเบราน์ชไวก์

การคมนาคมเข้าสู่เมืองเบราน์ชไวก์ประกอบด้วย ทางรถยนต์ ซึ่งมีทางพิเศษหลักของประเทศสองสายวิ่งผ่าน ได้แก่ ออโตบาห์นหมายเลข 2 (เชื่อมเบอร์ลินฮันโนเวอร์ดอร์ทมุนด์) และหมายเลข 38 (ซัลส์กิทเทอร์ว็อลฟส์บูร์ก) ทางรถไฟของเมืองสายหลักเชื่อมระหว่างแฟรงก์เฟิร์ตกับเบอร์ลิน และมีรถไฟความเร็วสูงอินเตอร์ซิตี-เอ็กซ์เพรส (ICE) ให้บริการ สถานีรถไฟประจำเมืองมีชื่อว่า สถานีรถไฟกลางเบราน์ชไวก์ (Braunschweig Hauptbahnhof) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองชั้นในไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 3 กิโลเมตร สนามบินเบราน์ชไวก์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือออกไปนอกเมือง สร้างตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930

การคมนาคมภายในเมือง นอกจากทางรถยนต์แล้วยังมีโครงข่ายทางจักรยานกระจายอยู่ทั่วเมือง ระบบขนส่งมวลชนประกอบด้วยรถรางและรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการโดยบริษัท Braunschweiger Verkehrs-GmbH ส่วนระบบขนส่งมวลชนในเขตปริมณฑลและพื้นที่ใกล้เคียงดำเนินการโดยบริษัท Verbundtarif Region Braunschweig (VRB) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Braunschweiger Verkehrs-GmbH ด้วยเช่นกัน สำหรับระบบรถรางมีความยาวทั้งสิ้น 35 กิโลเมตร หล่อเลี้ยงด้วยระบบไฟฟ้า เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1897 ซึ่งต่อมามีการปรับปรุงยกระดับความทันสมัยและก่อสร้างเส้นทางเพิ่มเติม เช่น การก่อสร้างเส้นทางเพิ่มเติมในปี 2007 ความยาว 3.2 กิโลเมตร[7] เส้นทางรถรางที่ให้บริการในปัจจุบันมีดังนี้[8]

สาย สถานีต้นทาง สถานีปลายทาง
M 1 Wenden Stöckheim
Tram 2 Siegfriedviertel Heidberg
M 3 Volkmarode Weststadt Weserstraße
Tram 4 Radeklint Helmstedter Straße
M 5 สถานีรถไฟกลาง
Hauptbahnhof
Broitzem

แหล่งท่องเที่ยว

Burgplatz
(ซ้าย) Burg Dankwarderode
(กลางฉากหลัง) ศาลากลางเมือง
(กลางฉากหน้า) Burglöwe
(ขวา) Braunschweiger Dom
Altstadtmarkt
(กลาง) ศาลากลางเมืองเก่า
(ขวา) Stechinelli-Haus
  • ลานจตุรัส บูวร์กพลัทซ์ (Burgplatz, จตุรัสปราสาท) ใจกลางเมืองเก่าของเบราน์ชไวก์ ประกอบด้วยกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง ได้แก่ มหาวิหารเบราน์ชไวก์ (Braunschweiger Dom) สร้างช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปราสาทบูร์กดังก์วาร์เดโรเด (Burg Dankwarderode) ศาลากลางเมืองยุคสถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิค บ้านกิลเดเฮาส์ (Gildehaus) ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งสมาคมช่างฝีมือของเมือง กลางจตุรัสเป็นมีรูปปั้นบรอนซ์รูปสิงโต บูร์กเลอเว (Burglöwe, สิงห์ปราสาท) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1166 ด้วยศิลปะแนวโรมาเนสก์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองเบราน์ชไวก์
  • ลาน อัลท์ชทัดท์มาร์กท์ (Altstadtmarkt, ตลาดเมืองเก่า) รอบข้างเป็นที่ตั้งของศาลากลางเก่าซึ่งสร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13–15 ด้วยสถาปัตยกรรมแนวกอทิก โบสถ์มาร์ตินี (Martinikirche) สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1195 บ้านโบราณ เกวันด์เฮาส์ (Gewandhaus) ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ตั้งของสมาคมช่างทอผ้า บ้านชเทคคีเนลลีเฮาส์ (Stechinelli-Haus) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1690 และน้ำพุเก่าแก่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1408
  • ลาน โคห์ลมาร์กท์ (Kohlmarkt, ตลาดถ่านหิน) ล้อมรอบด้วยบ้านเก่าแก่และน้ำพุที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1869
  • ลาน ฮาเกนมาร์กท์ (Hagenmarkt) บริเวณใกล้เคียงมีโบสถ์คาทารีเนน (Katharinenkirche) สร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13 และน้ำพุไฮน์ริชส์บรุนเนน (Heinrichsbrunnen) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1874
  • บริเวณ มักนิเฟียร์เทิล (Magniviertel) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเขตเมืองเก่า เป็นเขตที่เก่าแก่ที่สุดเขตหนึ่งของเบราน์ชไวก์ เลียบไปตามถนนที่ปูด้วยหินกรวด มีร้านค้าขนาดเล็กและร้านกาแฟตั้งเรียงไปตามถนน ช่วงกลางของถนนเป็นที่ตั้งของโบสถ์มักนิ (Magnikirche) สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน ริซซีเฮาส์ (Rizzi-Haus) ซึ่งมีรูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นและสะดุดตาจากลวดลายการ์ตูน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน เจมส์ ริซซี สำหรับงานเอ็กซ์โป 2000 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองฮันโนเวอร์
  • โบสถ์อันเดรอัส (Andreaskirche) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์และกอทิก สร้างในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 16 งานกระจกสีรังสรรค์โดยชาร์เลส โครเดิล (1894–1973) ภายนอกเป็นที่ตั้งของ ลิเบไร (Liberei) ซึ่งเป็นอาคารหอสมุด (อาคารเดี่ยว) ที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี[9]
  • โบสถ์เอกีเดียน (Aegidienkirche) แนวสถาปัตยกรรมกอทิก สร้างเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 และมีอารามตั้งอยู่ติดกันซึ่งในปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
  • โรงละครประจำรัฐ (Staatstheater Braunschweig) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเก่า สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1856 โรงละครเดิมสร้างเมื่อ ค.ศ. 1690
  • พระราชวังดยุกเบราน์ชไวก์ ใจกลางเมือง ซึ่งถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและถูกรื้อถอนในปี ค.ศ. 1960 จากนั้นพื้นที่นี้กลายเป็นสวนสาธารณะของเมือง และในปี ค.ศ. 2005 โครงสร้างภายนอกเหมือนพระราชวังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันภายในเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์การค้า
  • พระราชวังริชมนด์ (Schloss Richmond) แนวบารอก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1768–1769 ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะแนวอังกฤษ
  • แอบบีย์ริดดักส์เฮาเซน (Kloster Riddagshausen) ตั้งอยู่ริมคลองวาเบ ทางทิศตะวันออกของตัวเมือง เดิมเป็นอารามแห่งคณะซิสเตอร์เชียน รอบแอบบีย์เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ Riddagshäuser Teiche
(ซ้าย) Veltheimsches Haus
(ขวา) Gildehaus
(ซ้าย) Veltheimsches Haus
(ขวา) Gildehaus 
Martinikirche
Martinikirche 
Gewandhaus
Gewandhaus 
Kohlmarkt
Kohlmarkt 
(หลัง) Katharinenkirche
(หน้า) Heinrichsbrunnen
(หลัง) Katharinenkirche
(หน้า) Heinrichsbrunnen 
Magnikirche
Magnikirche 
Happy Rizzi House
Happy Rizzi House 
(ซ้าย) Andreaskirche
(ขวา) Alte Waage
(ซ้าย) Andreaskirche
(ขวา) Alte Waage 
Aegidienkirche
Aegidienkirche 
โรงละครแห่งรัฐ
โรงละครแห่งรัฐ 
Schlossmuseum Braunschweig
Schlossmuseum Braunschweig 
Schloss Richmond
Schloss Richmond 

สวนสาธารณะ

สวน Prinz-Albrecht-Park

เบราน์ชไวก์มีพื้นที่สีเขียวในตัวเมืองหลายแห่ง ได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเทคนิคเบราน์ชไวก์ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1840 โดยโยฮันน์ ไฮน์ริช บลาซิอุส นอกจากนี้ยังมีสวนเบือร์เกอร์พาร์ก (Bürgerpark) ทางทิศใต้ของเมืองเก่า สวนเลอเวนวัลล์ (Löwenwall ) ซึ่งภายในมีเสาโอเบลิสก์ต้นหนึ่งตั้งอยู่ สวนพรินซ์อัลเบรกท์พาร์ก (Prinz-Albrecht-Park) ทางทิศตะวันออกของเมือง สวนอินเซิลวัลล์ (Inselwallpark) สวนมูเซอุมพาร์ก (Museumpark) สวนหลายแห่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกันกลายเป็นวงแหวนล้อมรอบตัวเมืองชั้นใน

บุคคลสำคัญจากเมือง

คาร์ล ฟรีดริช เกาส์
ริการ์ดา ฮูค

บุคคลสำคัญที่เกิดในเมืองเบราน์ชไวก์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากคือ คาร์ล ฟรีดริช เกาส์ (1777–1855) นักคณิตศาสตร์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เจ้าชายแห่งคณิตศาสตร์" และนักคณิตศาสตร์อีกท่านที่เกิดในยุคหลังคือ ริชาร์ด เดเดคินด์ (1831–1916) นักเขียนคนสำคัญได้แก่ Ernst August Klingemann และริการ์ดา ฮูค (1864–1947) นักแสดง Gustav Knuth นักการทูตและนักการเมือง Günter Gaus (1929–2004) และ Wilhelm Bracke (1842–1880) ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง Sozialdemokratische Arbeiterpartei (SDAP) ซึ่งเป็นพรรคดังเดิมของพรรคประชาธิปไตยสังคมแห่งเยอรมนี (SPD) ในปัจจุบัน สถาปนิก Carl Theodor Ottmer นักล่องบอลลูน Wilhelmine Reichard (1788–1848) นักประพันธ์เพลงและนักดนตรี Louis Spohr (1784–1859) นักประพันธ์เพลง Norbert Schultze (1911–2002) สำหรับบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบัน เช่น นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอ Dennis Schröder กรรมการตัดสินฟุตบอล Florian Meyer

สำหรับบุคคลสำคัญที่ไม่ได้เกิดในเบราน์ชไวก์ แต่เคยใช้ชีวิตในเมืองหรือมีส่วนเกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่ง ได้แก่ ไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรีย (มีชีวิตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12) ทิลล์ ออยเลนชปีเกล บุคคลในตำนานผู้สร้างความขบขันพอใจให้กับผู้คนทั่วไป นักการปฏิรูปศาสนา Johannes Bugenhagen (1485–1558) นักภาษาศาสตร์และกวี Hoffmann von Fallersleben (1798–1874) ผู้ประพันธ์เพลงชาติเยอรมนี ดัสลีดแดร์ดอยท์เชิน

เมืองพี่น้อง

เบราน์ชไวก์มีเมืองพี่น้อง[10] ดังนี้

  • อินโดนีเซีย บันดุง อินโดนีเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1960)
  • ฝรั่งเศส นีม ฝรั่งเศส (ตั้งแต่ ค.ศ. 1962)
  • อังกฤษ บาธ สหราชอาณาจักร (ตั้งแต่ ค.ศ. 1971)
  • ตูนิเซีย Sousse ตูนีเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1980)
  • อิสราเอล Kiryat Tiv'on อิสราเอล (ตั้งแต่ ค.ศ. 1985/86)
  • เยอรมนี มักเดบูร์ก เยอรมนี (ตั้งแต่ ค.ศ. 1987)
  • รัสเซีย คาซาน รัสเซีย (ตั้งแต่ ค.ศ. 1988)
  • สหรัฐ โอมาฮา สหรัฐอเมริกา (ตั้งแต่ ค.ศ. 1992)
  • จีน จูไห่ สาธารณรัฐประชาชนจีน (ตั้งแต่ ค.ศ. 2011)

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. Landesbetrieb für Statistik und Kommunikationstechnologie Niedersachsen, 102 Bevölkerung - Basis Zensus 2011, Stand 31. Dezember 2013 (Tabelle K1020014) (เยอรมัน)
  2. Research and innovation statistics at regional level, Ec.europa.eu, 2014.
  3. Wolfgang Kimpflinger: Denkmaltopographie Bundesrepublik Deutschland. Baudenkmale in Niedersachsen. Band 1.1.: Stadt Braunschweig. Teil 1, S. 94. (เยอรมัน)
  4. C-Berichte 2005 der Oberflächengewässer, wasserblick.net. (เยอรมัน)
  5. Stadt Braunschweig, Fachbereich Stadtentwicklung und Statistik Statistische Angaben über Braunschweig (เยอรมัน)
  6. แผนที่เขตปัจจุบันของเบราน์ชไวก์, braunschweig.de
  7. Braunschweig (Germany): New light rail tram line to suburbs reverses Transit Holocaust, Light Rail Now, 2007-13-02.
  8. Tram and bus lines in Braunschweig, Braunschweiger-verkehrs-ag.de
  9. Tina Stadlmayer, Wo Braunschweigs erste Bücher standen, Merlin-Verlag, 2012, หน้า 7.
  10. Braunschweigs Partner und Freundschaftsstädte, Stadt Braunschweig, 2012 (เยอรมัน)

แหล่งข้อมูลอื่น