ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อับราฮัม"
DanMTaylor (คุย | ส่วนร่วม) ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
⚫ | |||
'''อับราฮัม''' ({{lang-en|Abraham}}) เป็นบุคคลสำคัญใน[[ศาสนาอับราฮัม]] เรื่องราวของ |
'''อับราฮัม'''<ref>หนังสือปฐมกาล บทที่ 11-25, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> ({{lang-en|Abraham}}; {{lang-he|אברהם}}; {{lang-ar|إبراهيم}}) เป็นบุคคลสำคัญในกลุ่ม[[ศาสนาอับราฮัม]] เรื่องราวของท่านถูกบันทึกไว้ใน[[หนังสือปฐมกาล]] บทที่ 11 ถึง บทที่ 25 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ[[คัมภีร์ฮีบรู]]ของ[[ศาสนายูดาห์]] และ[[คัมภีร์ไบเบิล]]ภาค[[พันธสัญญาเดิม]]ของ[[ศาสนาคริสต์]] [[ศาสนาอิสลาม]]ก็ถืออับราฮัมเป็น[[เราะซูล]]ของ[[อัลลอฮ์]]ด้วย |
||
อับราฮัม เดิมชื่อ "อับราม" เป็นบุตรของ เทราห์ สืบเชื้อสายมาจาก เชม บุตรของ[[โนอาห์]] |
อับราฮัม เดิมชื่อ "อับราม" เป็นบุตรของ [[เทราห์]] สืบเชื้อสายมาจาก [[เชม]] บุตรของ[[โนอาห์]]<ref>หนังสือปฐมกาล 11:10-26, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
== อับราฮัมใน[[ศาสนายูดาห์]]และ[[ศาสนาคริสต์]] == |
|||
⚫ | |||
== อับราฮัมในคัมภีร์ไบเบิล == |
|||
=== การเดินทาง === |
=== การเดินทาง === |
||
เทราห์บิดาของอับราฮัมได้นำอับราฮัม นางซาราห์ และโลท |
เทราห์บิดาของอับราฮัมได้นำอับราฮัม [[นางซาราห์]] และ[[โลท]]หลานชายออกเดินทางจากเมืองเออร์ ไปอยู่เมืองฮารานในดินแดน[[คานาอัน]]ภายหลังจากบิดาเสียชีวิต เมื่ออับราฮัมมีอายุได้ 75 ปี ท่านได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะนำทาง อับราฮัมจึงออกเดินทางพร้อมด้วยนางซาราห์ และพาโลทไปด้วย |
||
⚫ | เมื่อเกิดการกันดารอาหาร อับราฮัมจึงได้อพยพเข้าไปใน |
||
⚫ | เมื่อเกิดการกันดารอาหาร อับราฮัมจึงได้อพยพเข้าไปใน[[อียิปต์]] เนื่องด้วยนางซาราห์เป็นคนสวย อับราฮัมเกรงจะถูกฆ่าเพื่อแย่งนาง อับราฮับจึงบอกคนอียิปต์ว่านางเป็นน้องสาว ด้วยเหตุนี้นางซาราห์จึงถูกนำไปถวายตัวแก่[[ฟาโรห์]] พระเจ้าจึงทรงทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงแก่ฟาโรห์ ฟาโรห์จีงเรียกอับราฮัมมาและได้มอบตัวนางซาราห์และทรัพย์สมบัติให้ อับราฮัมจึงเดินทางออกจากอียิปต์<ref>หนังสือปฐมกาล บทที่ 12, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
=== พันธสัญญาของพระเจ้า === |
=== พันธสัญญาของพระเจ้า === |
||
เมื่ออับราฮัมอาศัยอยู่ในที่พำนักนั้น พระเจ้ามีพระดำรัสกับอับราฮัมว่า " |
เมื่ออับราฮัมอาศัยอยู่ในที่พำนักนั้น พระเจ้ามีพระดำรัสกับอับราฮัมว่า "มองดูฟ้าสิ ถ้าเจ้าสามารถนับดาวทั้งหลายได้ ก็นับไป เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเช่นนั้น"<ref>หนังสือปฐมกาล 15:5, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> และทรงมีคำพยากรณ์ให้อัมราฮัมอีกว่า "เจ้าจงรู้แน่เถิดว่าเชื้อสายของเจ้าจะเป็นคนต่างด้าวในดินแดนซึ่งไม่ใช่ที่ของพวกเขา และพวกเขาจะต้องรับใช้ชาวเมืองนั้น ชาวเมืองนั้นจะกดขี่เขาถึงสี่ร้อยปี"<ref>หนังสือปฐมกาล 15:13, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
เมื่ออับราฮัม อายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงปรากฏต่อหน้าอับราฮัม |
เมื่ออับราฮัม อายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงปรากฏต่อหน้าอับราฮัมและทรงเปลี่ยนชื่อ จากเดิม อับราม เป็น อับราฮัม และทรงกระทำพันธสัญญาแก่อับราฮัมว่า "นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับรามอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราจะทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เราจะทำให้เจ้าเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้ระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายต่อมาของเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้าให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ คือเป็นพระเจ้าแก่เจ้า และแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า เราจะให้ดินแดนที่เจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างด้าวนี้ คือแผ่นดินคานาอันทั้งสิ้นแก่เจ้าและแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา"<ref>หนังสือปฐมกาล 17:4-8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
พระเจ้าทรงให้อับราฮัมและครอบครัวของ |
พระเจ้าทรงให้อับราฮัมและครอบครัวของท่านเข้า[[สุหนัต]] เพื่อเป็นพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัมและเชื้อสายของท่าน โดยการตัดหนังหุ้มปลายองคชาต และกำหนดให้ผู้ชายทุกคนในครอบครัว ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 8 วันขึ้นไปต้องประกอบพิธีเข้าสุหนัต<ref>หนังสือปฐมกาล 17:10-14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
=== บุตรชายของอับราฮัม === |
=== บุตรชายของอับราฮัม === |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 23: | ||
==== อิชมาเอล ==== |
==== อิชมาเอล ==== |
||
นางซาราห์ |
นางซาราห์ซึ่งเป็นภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน นางจึงยก[[นางฮาการ์]]สาวใช้ชาวอียิปต์ให้เป็นภรรยาอับราฮัม นางฮาการ์ก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ชื่อ[[อิชมาเอล]] ตามที่คัมภีร์ไบเบิลระบุไว้ว่าพระเจ้าไม่ได้ให้อิชมาเอลเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัม แต่ในคัมภีร์[[อัลกุรอาน]]มีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป |
||
ใน |
ในหนังสือปฐมกาลกล่าวว่า เมื่อนางฮาการ์ตั้งครรภ์ก็ดูถูกนายหญิงของตน ภายหลังเมื่อนางซาราห์มีบุตรของตนเอง นางฮาการ์และ[[อิชมาเอล]]จึงถูกขับไล่ออกจากครอบครัว<ref>หนังสือปฐมกาล บทที่ 16 และ บทที่ 21, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้พงศ์พันธุ์ของ[[อิชมาเอล]]เป็นพงศ์พันธ์ใหญ่เช่นกัน นักศาสนศาสตร์บางท่านเชื่อว่า อิชมาเอลคือบรรพบุรุษของชาว[[เปอร์เซีย]] แต่ในทัศนะของอิสลาม อิชมาเอลเป็นบรรพบุรุษของ[[อาหรับ]] |
||
==== อิสอัค ==== |
==== อิสอัค ==== |
||
[[อิสอัค]]เป็นบุตรของอับราฮัมและนางซาราห์ |
[[อิสอัค]]เป็นบุตรของอับราฮัมและนางซาราห์ อิสอัคคลอดเมื่ออับราฮัมมีอายุได้ 100 ปี<ref>หนังสือปฐมกาล 21:5, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> เมื่ออิสอัคโตขึ้น พระเจ้าก็ทรงลองใจอับราฮัม โดยให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา<ref>หนังสือปฐมกาล 22:1-19, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> และเมื่ออับราฮัมแสดงความไว้วางใจพระเจ้า พระองค์ก็ให้[[ทูตสวรรค์]]มายั้งมืออับราฮัมและมอบลูก[[แกะ]]ให้เป็นเครื่องบูชาแทน พระองค์ยังให้อิสอัคสืบเชื้อสายต่อจากอับราฮัมอีกด้วย<ref>หนังสือปฐมกาล 17:19, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> จึงเป็นที่มาของคำที่พระเจ้าตรัสกับ[[โมเสส]]ว่า "เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของ[[ยาโคบ]]"<ref>หนังสืออพยพ 3:6, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref> |
||
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้ |
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้ 175 ปี เมื่ออับราฮัมเสียชีวิต[[อิสอัค]]และ[[อิชมาเอล]]ก็ฝังศพของท่านไว้ในถ้ำมัคเปลาห์ |
||
== |
== อิบรอฮีมใน[[ศาสนาอิสลาม]] == |
||
{{ต้องการอ้างอิง}} |
|||
อิบรอฮีมเกิดเมื่อประมาณ 1900 ปีก่อนคริสตกาลในเมืองอูร์ ในปัจจุบันเป็นประเทศ[[อิรัก]] [[บิดา]]ของท่านชื่ออาซัร สมัยนั่นเป็น[[นักบวช]]ผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากการทำรูปปั้นและ[[เทวรูป]]ขายให้แก่บุคคลทั่วไป ด้วยความที่อิบรอฮีมเป็นเด็กที่มีความ[[ฉลาด]] เขาจึงตั้งข้อสงใสว่า[[เทวรูป]]นั่นคือ"[[พระเจ้า]]"จริงๆ หรอ ในวันรุ่งขึ้นอิบรอฮีมได้เห็น[[ดวงอาทิตย์]]ให้ความสว่างแก่ชาว[[โลก]] และเห็น[[ดวงอาทิตย์]]ลับขอบฟ้า อิบรอฮีมจึงรู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช้[[พระเจ้า]]ที่แท้จริงผู้สร้าง[[ดาว]]หรือ[[ดวงอาทิตย์]][[ดวงจันทร์]]และดวง[[ดาว]]เหล่านี้ต่างหากที่เป็น[[พระเจ้า]] |
อิบรอฮีมเกิดเมื่อประมาณ 1900 ปีก่อนคริสตกาลในเมืองอูร์ ในปัจจุบันเป็นประเทศ[[อิรัก]] [[บิดา]]ของท่านชื่ออาซัร สมัยนั่นเป็น[[นักบวช]]ผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากการทำรูปปั้นและ[[เทวรูป]]ขายให้แก่บุคคลทั่วไป ด้วยความที่อิบรอฮีมเป็นเด็กที่มีความ[[ฉลาด]] เขาจึงตั้งข้อสงใสว่า[[เทวรูป]]นั่นคือ"[[พระเจ้า]]"จริงๆ หรอ ในวันรุ่งขึ้นอิบรอฮีมได้เห็น[[ดวงอาทิตย์]]ให้ความสว่างแก่ชาว[[โลก]] และเห็น[[ดวงอาทิตย์]]ลับขอบฟ้า อิบรอฮีมจึงรู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช้[[พระเจ้า]]ที่แท้จริงผู้สร้าง[[ดาว]]หรือ[[ดวงอาทิตย์]][[ดวงจันทร์]]และดวง[[ดาว]]เหล่านี้ต่างหากที่เป็น[[พระเจ้า]] |
||
อิบรอฮีมจึงขอเคารพสักการะแต่[[พระเจ้า]]ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น อิบรอฮีมจึงไป[[บิดา]]ของเขาว่า ทำไมต้องไปเคารพบูชา[[เทวรูป]]ด้วย ทั้งๆ ที่[[เทวรูป]]ก็ไม่ได้ช่วยอะไรพ่อเลย นอกจาก[[อัลลอฮ์]]ผู้อภิบาลแห่งสากล[[โลก]] |
อิบรอฮีมจึงขอเคารพสักการะแต่[[พระเจ้า]]ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น อิบรอฮีมจึงไป[[บิดา]]ของเขาว่า ทำไมต้องไปเคารพบูชา[[เทวรูป]]ด้วย ทั้งๆ ที่[[เทวรูป]]ก็ไม่ได้ช่วยอะไรพ่อเลย นอกจาก[[อัลลอฮ์]]ผู้อภิบาลแห่งสากล[[โลก]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:04, 19 พฤษภาคม 2558
อับราฮัม[1] (อังกฤษ: Abraham; ฮีบรู: אברהם; อาหรับ: إبراهيم) เป็นบุคคลสำคัญในกลุ่มศาสนาอับราฮัม เรื่องราวของท่านถูกบันทึกไว้ในหนังสือปฐมกาล บทที่ 11 ถึง บทที่ 25 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ฮีบรูของศาสนายูดาห์ และคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมของศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามก็ถืออับราฮัมเป็นเราะซูลของอัลลอฮ์ด้วย
อับราฮัม เดิมชื่อ "อับราม" เป็นบุตรของ เทราห์ สืบเชื้อสายมาจาก เชม บุตรของโนอาห์[2]
อับราฮัมในศาสนายูดาห์และศาสนาคริสต์
การเดินทาง
เทราห์บิดาของอับราฮัมได้นำอับราฮัม นางซาราห์ และโลทหลานชายออกเดินทางจากเมืองเออร์ ไปอยู่เมืองฮารานในดินแดนคานาอันภายหลังจากบิดาเสียชีวิต เมื่ออับราฮัมมีอายุได้ 75 ปี ท่านได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะนำทาง อับราฮัมจึงออกเดินทางพร้อมด้วยนางซาราห์ และพาโลทไปด้วย
เมื่อเกิดการกันดารอาหาร อับราฮัมจึงได้อพยพเข้าไปในอียิปต์ เนื่องด้วยนางซาราห์เป็นคนสวย อับราฮัมเกรงจะถูกฆ่าเพื่อแย่งนาง อับราฮับจึงบอกคนอียิปต์ว่านางเป็นน้องสาว ด้วยเหตุนี้นางซาราห์จึงถูกนำไปถวายตัวแก่ฟาโรห์ พระเจ้าจึงทรงทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงแก่ฟาโรห์ ฟาโรห์จีงเรียกอับราฮัมมาและได้มอบตัวนางซาราห์และทรัพย์สมบัติให้ อับราฮัมจึงเดินทางออกจากอียิปต์[3]
เมื่อออกจากอียิปต์ อับราฮัมได้แยกทางกับโลท เนื่องจากทั้งสองมีฝูงสัตว์และคนรับใช้จำนวนมาก ฝ่ายโลทเลือกเดินทางไปยังที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ ฝ่ายอับราฮัมก็เลือกไปอีกทางหนึ่ง
พันธสัญญาของพระเจ้า
เมื่ออับราฮัมอาศัยอยู่ในที่พำนักนั้น พระเจ้ามีพระดำรัสกับอับราฮัมว่า "มองดูฟ้าสิ ถ้าเจ้าสามารถนับดาวทั้งหลายได้ ก็นับไป เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเช่นนั้น"[4] และทรงมีคำพยากรณ์ให้อัมราฮัมอีกว่า "เจ้าจงรู้แน่เถิดว่าเชื้อสายของเจ้าจะเป็นคนต่างด้าวในดินแดนซึ่งไม่ใช่ที่ของพวกเขา และพวกเขาจะต้องรับใช้ชาวเมืองนั้น ชาวเมืองนั้นจะกดขี่เขาถึงสี่ร้อยปี"[5]
เมื่ออับราฮัม อายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงปรากฏต่อหน้าอับราฮัมและทรงเปลี่ยนชื่อ จากเดิม อับราม เป็น อับราฮัม และทรงกระทำพันธสัญญาแก่อับราฮัมว่า "นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับรามอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราจะทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เราจะทำให้เจ้าเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้ระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายต่อมาของเจ้าตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้าให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ คือเป็นพระเจ้าแก่เจ้า และแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า เราจะให้ดินแดนที่เจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างด้าวนี้ คือแผ่นดินคานาอันทั้งสิ้นแก่เจ้าและแก่เชื้อสายต่อมาของเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา"[6]
พระเจ้าทรงให้อับราฮัมและครอบครัวของท่านเข้าสุหนัต เพื่อเป็นพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัมและเชื้อสายของท่าน โดยการตัดหนังหุ้มปลายองคชาต และกำหนดให้ผู้ชายทุกคนในครอบครัว ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 8 วันขึ้นไปต้องประกอบพิธีเข้าสุหนัต[7]
บุตรชายของอับราฮัม
เรื่องราวบุตรชายของอับราฮัมที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ที่โดดเด่นมีด้วยกัน 2 คน คืออิชมาเอลและอิสอัค และมีมุมมองต่อบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน ระหว่างศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์
อิชมาเอล
นางซาราห์ซึ่งเป็นภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน นางจึงยกนางฮาการ์สาวใช้ชาวอียิปต์ให้เป็นภรรยาอับราฮัม นางฮาการ์ก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย ชื่ออิชมาเอล ตามที่คัมภีร์ไบเบิลระบุไว้ว่าพระเจ้าไม่ได้ให้อิชมาเอลเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัม แต่ในคัมภีร์อัลกุรอานมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
ในหนังสือปฐมกาลกล่าวว่า เมื่อนางฮาการ์ตั้งครรภ์ก็ดูถูกนายหญิงของตน ภายหลังเมื่อนางซาราห์มีบุตรของตนเอง นางฮาการ์และอิชมาเอลจึงถูกขับไล่ออกจากครอบครัว[8] แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้พงศ์พันธุ์ของอิชมาเอลเป็นพงศ์พันธ์ใหญ่เช่นกัน นักศาสนศาสตร์บางท่านเชื่อว่า อิชมาเอลคือบรรพบุรุษของชาวเปอร์เซีย แต่ในทัศนะของอิสลาม อิชมาเอลเป็นบรรพบุรุษของอาหรับ
อิสอัค
อิสอัคเป็นบุตรของอับราฮัมและนางซาราห์ อิสอัคคลอดเมื่ออับราฮัมมีอายุได้ 100 ปี[9] เมื่ออิสอัคโตขึ้น พระเจ้าก็ทรงลองใจอับราฮัม โดยให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา[10] และเมื่ออับราฮัมแสดงความไว้วางใจพระเจ้า พระองค์ก็ให้ทูตสวรรค์มายั้งมืออับราฮัมและมอบลูกแกะให้เป็นเครื่องบูชาแทน พระองค์ยังให้อิสอัคสืบเชื้อสายต่อจากอับราฮัมอีกด้วย[11] จึงเป็นที่มาของคำที่พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ"[12]
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้ 175 ปี เมื่ออับราฮัมเสียชีวิตอิสอัคและอิชมาเอลก็ฝังศพของท่านไว้ในถ้ำมัคเปลาห์
อิบรอฮีมในศาสนาอิสลาม
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
อิบรอฮีมเกิดเมื่อประมาณ 1900 ปีก่อนคริสตกาลในเมืองอูร์ ในปัจจุบันเป็นประเทศอิรัก บิดาของท่านชื่ออาซัร สมัยนั่นเป็นนักบวชผู้มั่งคั่งร่ำรวยจากการทำรูปปั้นและเทวรูปขายให้แก่บุคคลทั่วไป ด้วยความที่อิบรอฮีมเป็นเด็กที่มีความฉลาด เขาจึงตั้งข้อสงใสว่าเทวรูปนั่นคือ"พระเจ้า"จริงๆ หรอ ในวันรุ่งขึ้นอิบรอฮีมได้เห็นดวงอาทิตย์ให้ความสว่างแก่ชาวโลก และเห็นดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า อิบรอฮีมจึงรู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช้พระเจ้าที่แท้จริงผู้สร้างดาวหรือดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพระเจ้า อิบรอฮีมจึงขอเคารพสักการะแต่พระเจ้าที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น อิบรอฮีมจึงไปบิดาของเขาว่า ทำไมต้องไปเคารพบูชาเทวรูปด้วย ทั้งๆ ที่เทวรูปก็ไม่ได้ช่วยอะไรพ่อเลย นอกจากอัลลอฮ์ผู้อภิบาลแห่งสากลโลก วันต่อมาอิบรอฮีมได้เข้าไปยังสถานที่ตั้งของเทวรูปที่ผู้คนบูชา ยกเว้นเทวรูปองค์ใหญ่ที่สุดที่เขาเอาขวานไปแขวนไว้ และปล่อยให้ผู้คนกลับมาเห็นผู้คนจึงตะโกนร้องว่าเทวรูปของเราแตกไปหมดแล้วใครทำลาย เมื่ออิบรอฮีมถูกนำตัวมาผู้คนได้ถามว่าอิบรอฮีมเจ้าทำลายเทวรูปที่เราสักการะบูชาใช่ใหม เขาตอบว่า เปล่า เทวรูปองค์ใหญ่นั้นต่างหากที่ทำไม่เชื่อลองถามเทวรูปเหล่านั้นดู ชาวบ้านจึงโกรธแค้นอิบรอฮีมมาก ผู้คนจึงได้จับอิบรอฮีมมัดและนำเขาไปวางไว้บนกองฟืนเมื่อผู้คนเริ่มจุดไฟเผา อัลลอฮ์ก็ได้มีบัญชาว่า "โอ้ไฟ" จงเย็นลงและอย่าทำอันตรายอิบรอฮีม หลังจากนั่นท่านก็ปลอดภัยจากการถูกชาวบ้านเผา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
- ↑ หนังสือปฐมกาล บทที่ 11-25, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 11:10-26, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล บทที่ 12, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 15:5, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 15:13, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 17:4-8, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 17:10-14, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล บทที่ 16 และ บทที่ 21, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 21:5, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 22:1-19, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสือปฐมกาล 17:19, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011
- ↑ หนังสืออพยพ 3:6, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011