ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กล่องข้อมูล ชีวประวัติ 2 |
{{กล่องข้อมูล ชีวประวัติ 2 |
||
| name = ยัน เอวังเกลิสตา |
| name = ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ |
||
| image = Jan Evangelista Purkyne 2.jpg |
| image = Jan Evangelista Purkyne 2.jpg |
||
| alt = |
| alt = |
||
| caption = ยัน เอวังเกลิสตา |
| caption = ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ ในปีค.ศ. 1856 |
||
| birth_date = {{birth date|1787|12|17|mf=y}} |
| birth_date = {{birth date|1787|12|17|mf=y}} |
||
| birth_place = ลิโบโควิซ [[ราชอาณาจักรโบฮีเมีย]] [[ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก|จักรวรรดิฮับส์บูร์ก]] |
| birth_place = ลิโบโควิซ [[ราชอาณาจักรโบฮีเมีย]] [[ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก|จักรวรรดิฮับส์บูร์ก]] |
||
บรรทัด 13: | บรรทัด 13: | ||
}} |
}} |
||
'''ยัน เอวังเกลิสตา |
'''ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ''' ({{lang-cs|Jan Evangelista Purkyně}}, {{IPA-cs|ˈjan ˈɛvaŋɡɛlɪsta ˈpurkɪɲɛ|pron|Cs-Jan Evangelista Purkyne.ogg}}; [[17 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1787]] – [[28 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1869]]) หรือ '''โยฮันน์ เอวังเกลิสท์ พูร์คินเยอ''' ({{lang-de|Johann Evangelist Purkinje}}) เป็นนัก[[กายวิภาคศาสตร์]]และนัก[[สรีรวิทยา]][[ชาวเช็ก]] |
||
==ประวัติ== |
==ประวัติ== |
||
ยัน เอวังเกลิสตา |
ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ เกิดเมื่อ ค.ศ. 1787 ที่เมืองเล็ก ๆ ใน[[โบฮีเมีย]] (ปัจจุบันคือ[[สาธารณรัฐเช็ก]]) เขาเรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชาลส์ และต่อมาได้เป็น[[ศาสตราจารย์]]ด้านสรีรวิทยา เขาเป็นผู้ค้นพบปรากฏการณ์เพอร์คินจี ซึ่งอธิบายว่าทำไมมนุษย์จึงมองเห็นสีแดงได้ลดลงเมื่อเทียบกับสีน้ำเงิน และตีพิมพ์ผลงาน 2 เล่ม คือ ''Observations and Experiments Investigating the Physiology of Senses'' และ ''New Subjective Reports about Vision'' ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิชา[[จิตวิทยาเชิงทดลอง]] |
||
ปูร์กิเญเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานค้นพบหลายอย่าง ในปี ค.ศ. 1823 เขาเขียนวิทยานิพนธ์ที่ว่าด้วยลักษณะ 9 แบบของลายนิ้วมือ สิบปีต่อมา เขาก็ค้นพบ[[ต่อมเหงื่อ]] ต่อมาในปี ค.ศ. 1837 เขาก็ค้นพบ[[เซลล์เพอร์คินจี]] ซึ่งเป็น[[เซลล์ประสาท]]ขนาดใหญ่ที่มี[[เดนไดรต์]]หลายแขนงใน[[ซีรีเบลลัม]] และค้นพบเพอร์คินจีไฟเบอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งกระแสไฟฟ้าไปยัง[[หัวใจ|หัวใจห้องล่าง]] นอกจากนี้ เขายังค้นพบภาพสะท้อนเพอร์คินจี (Purkinje images) ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของวัตถุที่เกิดจากโครงสร้างในดวงตา รวมถึงริเริ่มการใช้คำว่า[[พลาสมา (เลือด)|พลาสมา]]และ[[โพรโทพลาสซึม]] |
|||
ปูร์กิเญเสียชีวิตที่[[กรุงปราก]] เมื่อ ค.ศ. 1869 รวมอายุได้ 81 ปี<ref>[http://monoskop.org/Jan_Evangelista_Purkyně Jan Evangelista Purkyně - Monoskop]</ref> |
|||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:06, 16 กุมภาพันธ์ 2558
ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ | |
---|---|
ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ ในปีค.ศ. 1856 | |
เกิด | 17 ธันวาคม ค.ศ. 1787 ลิโบโควิซ ราชอาณาจักรโบฮีเมีย จักรวรรดิฮับส์บูร์ก |
เสียชีวิต | กรกฎาคม 28, 1869 ปราก, จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี | (81 ปี)
สัญชาติ | เช็ก |
อาชีพ | นักกายวิภาคศาสตร์, นักสรีรวิทยา |
มีชื่อเสียงจาก | เซลล์เพอร์คินจี |
ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ (เช็ก: Jan Evangelista Purkyně, ออกเสียง: [ˈjan ˈɛvaŋɡɛlɪsta ˈpurkɪɲɛ] ( ฟังเสียง); 17 ธันวาคม ค.ศ. 1787 – 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1869) หรือ โยฮันน์ เอวังเกลิสท์ พูร์คินเยอ (เยอรมัน: Johann Evangelist Purkinje) เป็นนักกายวิภาคศาสตร์และนักสรีรวิทยาชาวเช็ก
ประวัติ
ยัน เอวังเกลิสตา ปูร์กิเญ เกิดเมื่อ ค.ศ. 1787 ที่เมืองเล็ก ๆ ในโบฮีเมีย (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐเช็ก) เขาเรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชาลส์ และต่อมาได้เป็นศาสตราจารย์ด้านสรีรวิทยา เขาเป็นผู้ค้นพบปรากฏการณ์เพอร์คินจี ซึ่งอธิบายว่าทำไมมนุษย์จึงมองเห็นสีแดงได้ลดลงเมื่อเทียบกับสีน้ำเงิน และตีพิมพ์ผลงาน 2 เล่ม คือ Observations and Experiments Investigating the Physiology of Senses และ New Subjective Reports about Vision ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิชาจิตวิทยาเชิงทดลอง
ปูร์กิเญเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานค้นพบหลายอย่าง ในปี ค.ศ. 1823 เขาเขียนวิทยานิพนธ์ที่ว่าด้วยลักษณะ 9 แบบของลายนิ้วมือ สิบปีต่อมา เขาก็ค้นพบต่อมเหงื่อ ต่อมาในปี ค.ศ. 1837 เขาก็ค้นพบเซลล์เพอร์คินจี ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทขนาดใหญ่ที่มีเดนไดรต์หลายแขนงในซีรีเบลลัม และค้นพบเพอร์คินจีไฟเบอร์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังหัวใจห้องล่าง นอกจากนี้ เขายังค้นพบภาพสะท้อนเพอร์คินจี (Purkinje images) ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของวัตถุที่เกิดจากโครงสร้างในดวงตา รวมถึงริเริ่มการใช้คำว่าพลาสมาและโพรโทพลาสซึม
ปูร์กิเญเสียชีวิตที่กรุงปราก เมื่อ ค.ศ. 1869 รวมอายุได้ 81 ปี[1]