ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วรรณคดีสโมสร"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 4: | บรรทัด 4: | ||
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตรา[[พระราชกฤษฎีกา]] ตั้งวรรณคดีสโมสร ขึ้นเมื่อวันที่ [[23 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2457]] เพื่อส่งเสริมการแต่งหนังสือให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย และได้สาระประโยชน์ เนื่องจากในยุคนั้นการแต่งหนังสือมักเลียนแบบการแต่งหนังสือภาษาต่างประเทศ ทำให้หลักไวยากรณ์ผิดเพี้ยนไป คำว่า "[[วรรณคดี]]" ก็ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกพร้อมกับพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้มีความหมายสอดคล้องกับคำว่า "literature" ในภาษาอังกฤษ |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตรา[[พระราชกฤษฎีกา]] ตั้งวรรณคดีสโมสร ขึ้นเมื่อวันที่ [[23 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2457]] เพื่อส่งเสริมการแต่งหนังสือให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย และได้สาระประโยชน์ เนื่องจากในยุคนั้นการแต่งหนังสือมักเลียนแบบการแต่งหนังสือภาษาต่างประเทศ ทำให้หลักไวยากรณ์ผิดเพี้ยนไป คำว่า "[[วรรณคดี]]" ก็ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกพร้อมกับพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้มีความหมายสอดคล้องกับคำว่า "literature" ในภาษาอังกฤษ |
||
คณะกรรมการของวรรณคดีสโมสรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ทรงแต่งตั้งขึ้นทำหน้าที่คัดเลือกหนังสือดี หนังสือที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับพระราชทานรางวัล และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประทับตราพระราชลัญจกรรูปพระคเณศร์ นับเป็นการมอบรางวัลทางวรรณกรรมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย<ref>[http://www.ryt9.com/s/tpd/1042367 ร้อยเรื่องเมืองไทย: วรรณคดีสโมสร, บุคคลสำคัญของโลกชาวไทย]< |
คณะกรรมการของวรรณคดีสโมสรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ทรงแต่งตั้งขึ้นทำหน้าที่คัดเลือกหนังสือดี หนังสือที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับพระราชทานรางวัล และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประทับตราพระราชลัญจกรรูปพระคเณศร์ นับเป็นการมอบรางวัลทางวรรณกรรมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย<ref>[http://www.ryt9.com/s/tpd/1042367 ร้อยเรื่องเมืองไทย: วรรณคดีสโมสร, บุคคลสำคัญของโลกชาวไทย]<ref> |
||
ตามพระราชกฤษฎีกา ได้แบ่งประเภทของหนังสือไว้ 5 ประเภท<ref>[http://www.krupannee.net/wan.html]</ref> ดังนี้ |
ตามพระราชกฤษฎีกา ได้แบ่งประเภทของหนังสือไว้ 5 ประเภท<ref>[http://www.krupannee.net/wan.html]</ref> ดังนี้ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:50, 7 กุมภาพันธ์ 2558
วรรณคดีสโมสร จัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาตั้งวรรณคดีสโมสร พ.ศ. 2457 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแต่งหนังสือให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย ได้สาระประโยชน์ โดยคัดเลือกหนังสือดีที่เป็นตัวอย่างชั้นเลิศในการประพันธ์ประเภทต่างๆ ซึ่งต้องเป็นหนังสือดีและแต่งดี วรรณคดีสโมสรจึงจะรับไว้พิจารณา หนังสือที่พิจารณาจัดไว้ทั้งสิ้น 5 ประเภท
ประวัติ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตราพระราชกฤษฎีกา ตั้งวรรณคดีสโมสร ขึ้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2457 เพื่อส่งเสริมการแต่งหนังสือให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย และได้สาระประโยชน์ เนื่องจากในยุคนั้นการแต่งหนังสือมักเลียนแบบการแต่งหนังสือภาษาต่างประเทศ ทำให้หลักไวยากรณ์ผิดเพี้ยนไป คำว่า "วรรณคดี" ก็ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกพร้อมกับพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อให้มีความหมายสอดคล้องกับคำว่า "literature" ในภาษาอังกฤษ
คณะกรรมการของวรรณคดีสโมสรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ทรงแต่งตั้งขึ้นทำหน้าที่คัดเลือกหนังสือดี หนังสือที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับพระราชทานรางวัล และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ประทับตราพระราชลัญจกรรูปพระคเณศร์ นับเป็นการมอบรางวัลทางวรรณกรรมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยอ้างอิงผิดพลาด: ไม่มีการปิด </ref>
สำหรับป้ายระบุ <ref>
ดังนี้
- กวีนิพนธ์ คือ งานประพันธ์โคลง กลอน กาพย์ ฉันท์
- ละครไทย คือ เนื้อเรื่องที่ประพันธ์เป็นกลอนแปด
- นิทาน คือ เนื้อเรื่องที่ประพันธ์เป็นร้อยแก้ว
- ละครพูด คือ เนื้อเรื่องที่เขียนขึ้นสำหรับแสดงบนเวที
- ความอธิบาย คือ การแสดงศิลปะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบเรียน ตำรา หนังสือโบราณคดี หรือพงศาวดาร
วรรณคดีสโมสร ยุติบทบาทลงในปี พ.ศ. 2468 แต่หลังจากนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงก่อตั้ง "สมาคมวรรณคดี" ขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2474 และยังใช้มาตรฐานเดิมในการพิจารณาวินิจฉัย หนังสือกลอนลิลิต อยู่[1]
วรรณคดีที่ได้รับการยกย่อง[2]
- ประเภทลิลิต ได้แก่ ลิลิตพระลอ
- ประเภทฉันท์ ได้แก่ สมุทรโฆษคำฉันท์
- ประเภทกาพย์ ได้แก่ มหาชาติกลอนเทศน์
- ประเภทความเรียงเรื่องนิทาน ได้แก่ สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
- ประเภทกลอนสุภาพ ได้แก่ เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
- ประเภทบทละครรำ ได้แก่ อิเหนา
- ประเภทบทละครพูด ได้แก่ หัวใจนักรบ
- ประเภทความเรียงอธิบาย ได้แก่ พระราชพิธีสิบสองเดือน
- ประเภทบทละครพูดคำฉันท์ ได้แก่ มัทนะพาธา
- ประเภทกวีนิพนธ์ ได้แก่ พระนลคำหลวง
- ประเภทกาพย์เห่เรือ ได้แก่ กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
- ประเภทกลอนนิทาน ได้แก่ พระอภัยมณี
- ประเภทบทละครร้อง ได้แก่ สาวเครือฟ้า
- ประเภทนิราศ ได้แก่ นิราศนรินทร์
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ พิเชฐ แสงทอง, วรรณกรรมท้องถิ่น
- ↑ [1]