ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศาสนาพุทธในเกาหลี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pattana (คุย | ส่วนร่วม)
แม่แบบ
บรรทัด 4: บรรทัด 4:


== สมัยราชวงศ์โคเรียว ==
== สมัยราชวงศ์โคเรียว ==
ใน [[พ.ศ. 1200]] [[อาณาจักรซิลลา]]ได้รับชัยชนะ ก็รวมอาณาจักรทั้งสามเป็นปึกแผ่นมั่นคง และรวบรวมพระคัมภีร์ต่างๆมาจัดเป็นแบบแผนเดียวกัน ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ทางรัฐก็ถวายการอุปถัมภ์แก่สงฆ์ เช่น การพิมพ์[[พระไตรปิฎก]] 1,600 หน้า ด้วยตัวพิมพ์ไม้แกะ และการจารึกคัมภีร์ 50,000 เล่มเศษ ยุคนี้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมาก
ใน [[พ.ศ. 1200]] [[อาณาจักรซิลลา]]ได้รับชัยชนะ ก็รวมอาณาจักรทั้งสามเป็นปึกแผ่นมั่นคง และรวบรวมพระคัมภีร์ต่างๆมาจัดเป็นแบบแผนเดียวกัน ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญสาวาสว้รน้เร


== สมัยราชวงศ์โชซอน ==
== สมัยราชวงศ์โชซอน ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:09, 29 พฤษภาคม 2550

พระพุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศเกาหลีเมื่อ พ.ศ. 915 โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโกคุริโอ คือ ประเทศเกาหลีในปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้ขยายเข้ามาในเกาหลีอย่างรวดเร็ว เพียงระยะเวลา 20 ปี ก็มีการสร้างวัดขึ้นมากมาย เฉพาะเมืองหลวงแห่งเดียว 9 วัด ประเทศเกาหลี ในสมัยก่อนนั้นประกอบด้วย 3 อาณาจักรคือ โกคุริโอ แพกเจ และซิลลา แต่ผู้นำทั้ง 3 อาณาจักรก็นับถือพระพุทธศาสนา และให้การสนับสนุนกิจการต่างๆ อันที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเสมอ และที่สำคัญได้ทรงถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ส่งเสริม และให้การศึกษาแก่ประชาชน และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน พร้อมทั้งสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ พระพุทธศาสนาจึงมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมา

สมัยราชวงศ์โคเรียว

ใน พ.ศ. 1200 อาณาจักรซิลลาได้รับชัยชนะ ก็รวมอาณาจักรทั้งสามเป็นปึกแผ่นมั่นคง และรวบรวมพระคัมภีร์ต่างๆมาจัดเป็นแบบแผนเดียวกัน ทำให้พระพุทธศาสนาเจริญสาวาสว้รน้เร

สมัยราชวงศ์โชซอน

ครั้นถึง พ.ศ. 1935 พระพุทธศาสนาในเกาหลีก็เริ่มเสื่อมลงเมื่อราชวงศ์โซซอนขึ้นมามีอำนาจ ราชวงศ์นี้ได้เชิดชูลัทธิขงจื้อให้เป็นศาสนาประจำชาติ จึงทำการกดขี่ผู้นับถือพระพุทธศาสนา จนทำให้พระสงฆ์ต้องหนีออกไปอยู่อย่างสงบตามชนบท และป่าเขา

สมัยญี่ปุ่นปกครอง

พ.ศ.2453 ประเทศเกาหลีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ราชวงศ์โชซอนสิ้นสุดลง เมื่อญี่ปุ่นเข้าปกครองเกาหลีก็ได้ออกกฎข้อบังคับควบคุมวัดวาอารามต่างๆ และพยายามก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์ เช่น ส่งเสริมให้พระสงฆ์มีครอบครัวได้และดำรงชีวิตเหมือนฆราวาส จุดประสงค์ก็เพื่อทำลายพระพุทธศาสนา

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาได้เข้ายึดเกาหลีจากญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ.2488 เกาหลีจึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศที่เส้นขนานที่ 38 องศาเหนือกล่าวคือ ทางตอนเหนืออยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของสหภาพโซเวียต มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ทางตอนใต้อยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐอเมริกา มีชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เมื่อเกาหลีพ้นจากการปกครองของญี่ปุ่นแล้ว ชาวพุทธทั้งหลายในเกาหลี โดยเฉพาะพระสงฆ์ได้มีการเคลื่อนไหว โดยการประชุมใหญ่แล้วลงมติให้รัฐบาลยกเลิกข้อบังคับต่างๆ ที่ขัดแย้งกับหลักพระพุทธศาสนาซึ่งตราขึ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นยึดครอง พร้อมทั้งให้คณะสงฆ์มีการปกครองตนเอง โดยมีสำนักงานอยู่ในนครหลวงและจังหวัดต่างๆให้มีสภาบริหารตนเองซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานใหญ่ และได้มีการจัดประชุมเพื่อตราธรรมนูญปกครองคณะสงฆ์ขึ้นที่สำนักงานใหญ่ เมื่อพ.ศ. 2489

พระพุทธศาสนาในประเทศเกาหลีในปัจจุบัน

พระพุทธศาสนาในเกาหลีเหนือนั้นไม่สามารถที่จะรู้สถานการณ์ได้ เพราะเกาหลีเหนือปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนา ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองในเกาหลีใต้มากกว่า แต่ในเกาหลีใต้มีการขัดแย้งระหว่างนิกายโชกาย (นิกายถือพรหมจรรย์) และนิกายแตโก (นิกายไม่ถือพรหมจรรย์)แก่งแย่งวัดกัน ในช่วงนั้นกลุ่มมิชชันนารีจำนวนมากได้มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ และได้รับความนิยมเป็ยอย่างมาก ในช่วงแรกมีแต่กลุ่มวัยรุ่น แต่ภายหลัง ไม่ว่าวัยรุ่นหรือวัยไหนๆ ก็หันมานับถือศาสนาคริสต์กันขนานใหญ่ ศาสนาพุทธจึงตกต่ำลง จนนิกายโชกายต้องหาวิธีให้ชาวเกาหลีมองเห็นว่าพระพุทธศาสนามีความสำคัญก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวเกาหลี มีทัศนคติที่ดี แก่พระพุทธศาสนา เนื่องจากพระสงฆ์มีการติดต่อกับชาวบ้านน้อยมาก ในการตีพิมพ์คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ก็ต้องยืมคำของศาสนาคริสต์ คือ ไบเบิลของพระพุทธศาสนา แต่ปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาบ้างแล้ว

ในปัจจุบันคณะสงฆ์ในประเทศเกาหลี ถือว่าเป็นคณะสงฆ์ที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ต่างๆอยู่เสมอเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั่นเอง กิจการที่พระสงฆ์เกาหลีใต้สนใจ และทำกันอย่างเข้มแข็งจริงจังที่สุดคือ การศึกษา ซึ่งเรื่องนี้เป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในด้านการศึกษานอกจากจะมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับสอนพระภิกษุ ภิกษุณี สามเณร และสามเณรี (สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณี)แล้ว คณะสงฆ์เกาหลีใต้ยังมีสถานศึกษาฝ่ายสามัญระดับต่างๆที่เปิดรับนักเรียนชายหญิงโดยทั่วไปด้วย ซึ่งสถาบันเหล่านี้มีคฤหัสถ์(บุคคลทั่วไป)เป็นผู้บริหาร แต่อยู่ในความควบคุมดูแลของคณะกรรมาธิการฝ่ายการศึกษาของคณะสงฆ์ สถานศึกษาเหล่านี้แยกประเภทได้ดังนี้

  • มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย 3 แห่ง
  • โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 11 แห่ง
  • โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 16 แห่ง
  • โรงเรียนประถมศึกษา 3 แห่ง
  • โรงเรียนอนุบาล 7 แห่ง

มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลีคือ มหาวิทยาลัยดงกุก ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2449 ปัจจุบันมีนักศึกษาชายทั้งหมด 6,000 คน มีภิกษุ สามเณรศึกษาอยู่ด้วยประมาณ 60 รูป ใน พ.ศ. 2507 คณะสงฆ์เกาหลีใต้ตั้งโครงการแปลและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับเกาหลีขึ้น เรียกว่า ศูนย์แปลพระไตรปิฎกเกาหลี ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยดงกุก

ในประเทศเกาหลีใต้ (ปี พ.ศ. 2526 ) มีวัดลงทะเบียนจำนวน 3,163 วัด และไม่ลงทะเบียน 4,090 วัด มีภิกษุ 14,206 รูป และภิกษุณีจำนวน 6,549 รูป จำนวนนี้อาจรวมนิกายโชกาย และนิกายเล็กต่างๆ


อ้างอิง

  • โรเบิร์ต อี บัสเวลล์ : แต่ง,ประสบการณ์ชีวิตพระวัดเซน,หน้า 39
  • Ven.Eui-Hyun,Korean Buddhism,(Seoul:Korean Buddist Chogye Order,1988),pp.24-25
  • พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) พระพุทธศาสนาในอาเซีย,หน้า 46