ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดเชียงใหม่"
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 44: | บรรทัด 44: | ||
== ประวัติศาสตร์ == |
== ประวัติศาสตร์ == |
||
[[ไฟล์:3 kings monument.JPG|200px|thumb|left|พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ [[พญามังราย]] พญาร่วง ([[พ่อขุนรามคำแหง]]) และ[[พ่อขุนงำเมือง|พญางำเมือง]]]] |
[[ไฟล์:3 kings monument.JPG|200px|thumb|left|พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ คือ [[พญามังราย]] พญาร่วง ([[พ่อขุนรามคำแหง]]) และ[[พ่อขุนงำเมือง|พญางำเมือง]]]] |
||
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานว่า '''"นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"''' ({{lang-nod| |
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานว่า '''"นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"''' ({{lang-nod|ᨶᨻᩛᨷᩩᩁᩦᩈᩕᩦᨶᨣ᩠ᩋᩁᨻᩧᨦ᩠ᨣ᩼ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵}}<ref>ชื่อเขียนตามที่ปรากฏใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับวัดพระงาม จ.ศ. 1216</ref>) สร้างขึ้นในปี [[พ.ศ. 1839]] โดย[[พญามังราย]]เป็นผู้ทรงสร้าง มีอายุครบ 700 ปี ในปี พ.ศ. 2539 |
||
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า [[อาณาจักรล้านนา]] ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์[[ราชวงศ์มังราย]] ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่[[พระเจ้าบุเรงนอง]]แห่งพม่า และได้[[แคว้นล้านนา|อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า]]มานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัย[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]] จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และ[[เชียงแสน]]ได้สำเร็จ โดยการนำของ[[เจ้ากาวิละ]]และ[[พระยาจ่าบ้าน]] |
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า [[อาณาจักรล้านนา]] ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์[[ราชวงศ์มังราย]] ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่[[พระเจ้าบุเรงนอง]]แห่งพม่า และได้[[แคว้นล้านนา|อยู่ภายใต้การปกครองของพม่า]]มานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัย[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]] จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และ[[เชียงแสน]]ได้สำเร็จ โดยการนำของ[[เจ้ากาวิละ]]และ[[พระยาจ่าบ้าน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:33, 2 กรกฎาคม 2557
จังหวัดเชียงใหม่ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Chiang Mai |
คำขวัญ: ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์ | |
ข้อผิดพลาด: ต้องระบุภาพในบรรทัดแรก แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | สุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2557) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 20,107.057 ตร.กม.[1] ตร.กม. (Formatting error: invalid input when rounding ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 2 |
ประชากร (พ.ศ. 2556) | |
• ทั้งหมด | 1,666,888 คน[2] คน |
• อันดับ | อันดับที่ 5 |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 56 |
รหัส ISO 3166 | TH-50 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ รัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่ |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | ทองกวาว |
• ดอกไม้ | ทองกวาว |
ศาลากลางจังหวัด | |
• โทรศัพท์ | 0 5311 2713 |
เว็บไซต์ | http://www.chiangmai.go.th |
จังหวัดเชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵; พม่า: ) เป็นจังหวัดหนึ่งของไทย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และมีประชากร 1,655,642 คน มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ในจำนวนนี้เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและชานเมือง 960,906 คน โดยจังหวัดเชียงใหม่ทิศเหนือติดต่อกับรัฐฉานของพม่า
จังหวัดเชียงใหม่แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ โดยมีอำเภอเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2552 มีการจัดตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดของไทย อนึ่ง ราวปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มีมติให้เสนอโครงการจัดตั้งอำเภอนันทบุรีเฉลิมพระเกียรติ ต่อกระทรวงมหาดไทย [4]
จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาแต่โบราณ มีภาษาล้านนา (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเริ่มวางตัวเป็นนครสร้างสรรค์ และกำลังพิจารณาสมัครเข้าเป็นนครสร้างสรรค์ของยูเนสโก[5]
ประวัติศาสตร์
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" (ไทยถิ่นเหนือ: ᨶᨻᩛᨷᩩᩁᩦᩈᩕᩦᨶᨣ᩠ᩋᩁᨻᩧᨦ᩠ᨣ᩼ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵[6]) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1839 โดยพญามังรายเป็นผู้ทรงสร้าง มีอายุครบ 700 ปี ในปี พ.ศ. 2539
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่า อาณาจักรล้านนา ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่า และได้อยู่ภายใต้การปกครองของพม่ามานานกว่าสองร้อยปี จนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเจ้ากาวิละขึ้นเป็นพระเจ้าบรมราชาธิบดี ปกครองนครเชียงใหม่และเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร (ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน) และต่อมา เจ้านายซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้ากาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่างๆ สืบต่อมา
ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลพายัพ" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปัจจุบัน
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง
จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ ณ ละติจูด 16 องศาเหนือ ลองติจูด 99 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 310 เมตร ส่วนกว้างจากทิศตะวันตกจรดทิศตะวันออกประมาณ 138 กิโลเมตร ส่วนยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ประมาณ 428 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 696 กิโลเมตร[7]
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับรัฐฉานของประเทศพม่า โดยมีดอยผีปันน้ำของดอยคำ ดอยปกกลา ดอยหลักแต่ง ดอยถ้ำป่อง ดอยถ้วย ดอยผาวอก และดอยอ่างขางอันเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาแดนลาว เป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอสามเงา อำเภอแม่ระมาด และอำเภอท่าสองยาง (จังหวัดตาก) มีร่องน้ำแม่ตื่นและดอยผีปันน้ำ ดอยเรี่ยม ดอยหลวงเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า (จังหวัดเชียงราย) อำเภอเมืองปาน อำเภอเมืองลำปาง (จังหวัดลำปาง) อำเภอบ้านธิ อำเภอเมืองลำพูน อำเภอป่าซาง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอบ้านโฮ่ง และอำเภอลี้ (จังหวัดลำพูน) ส่วนที่ติดจังหวัดเชียงรายและลำปางมีร่องน้ำลึกของแม่น้ำกก สันปันน้ำดอยซาง ดอยหลุมข้าว ดอยแม่วัวน้อย ดอยวังผา และดอยแม่โตเป็นเส้นกั้นอาณาเขต ส่วนที่ติดจังหวัดลำพูนมีดอยขุนห้วยหละ ดอยช้างสูง และร่องน้ำแม่ปิงเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปาย อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) มีดอยผีปันน้ำ ดอยกิ่วแดง ดอยแปรเมือง ดอยแม่ยะ ดอยอังเกตุ ดอยแม่สุรินทร์ ดอยขุนยวม ดอยหลวง และร่องแม่ริด แม่ออย และดอยผีปันน้ำดอยขุนแม่ตื่นเป็นเส้นกั้นอาณาเขต
จังหวัดเชียงใหม่มีชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า ใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง อำเภอไชยปราการ รวมระยะทางทั้งสิ้น 227 กิโลเมตร พื้นที่เขตแดนส่วนใหญ่เป็นป่าเขา จึงไม่สามารถปักหลักเขตแดนได้ชัดเจน และเกิดปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ
ภูมิประเทศ
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ 20,107.057 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 12,566,911 ไร่ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของภาคเหนือ และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดนครราชสีมา ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าละเมาะ มีที่ราบอยู่ตอนกลางตามสองฟากฝั่งแม่น้ำปิง มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ ดอยอินทนนท์ สูงประมาณ 2,565.3355 เมตร อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง นอกจากนี้ยังมีดอยอื่นที่มีความสูงรองลงมาอีกหลายแห่ง เช่น ดอยผ้าห่มปก สูง 2,285 เมตร ดอยหลวงเชียงดาว สูง 2,170 เมตร ดอยสุเทพ สูง 1,601 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
- พื้นที่ภูเขา ส่วนใหญ่อยู่ทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกของจังหวัด คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่จังหวัด[7] เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก
- พื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขา กระจายอยู่ทั่วไประหว่างหุบเขาทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำฝาง ลุ่มน้ำแม่งัด เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตร
ภูมิอากาศ
จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 25.4 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20.1 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร สภาพภูมิอากาศจังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้อิทธิพลมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งภูมิอากาศออกได้เป็น 3 ฤดู[7]
ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 29.4 (84.9) |
32.2 (90) |
34.9 (94.8) |
36.1 (97) |
34.0 (93.2) |
32.6 (90.7) |
31.8 (89.2) |
31.3 (88.3) |
31.5 (88.7) |
31.3 (88.3) |
29.8 (85.6) |
28.3 (82.9) |
31.93 (89.48) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 14.2 (57.6) |
15.6 (60.1) |
19 (66) |
22.4 (72.3) |
23.7 (74.7) |
23.9 (75) |
23.8 (74.8) |
23.6 (74.5) |
23.1 (73.6) |
22.1 (71.8) |
19.2 (66.6) |
15.3 (59.5) |
20.49 (68.89) |
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) | 7.7 (0.303) |
9.2 (0.362) |
19.2 (0.756) |
54.1 (2.13) |
153 (6.02) |
117.3 (4.618) |
153.2 (6.031) |
224.6 (8.843) |
200.2 (7.882) |
118.1 (4.65) |
51.3 (2.02) |
18.3 (0.72) |
1,126.2 (44.339) |
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) | 0.7 | 1 | 2.2 | 6.4 | 14.6 | 16 | 18.4 | 20.6 | 17.2 | 11.6 | 5.1 | 1.6 | 115.4 |
แหล่งที่มา: WMO |
ทรัพยากร
ทรัพยากรป่าไม้
จังหวัดเชียงใหม่มีป่าไม้หลายประเภท ประกอบด้วย ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าเต็งรังผสมป่าสนเขา และป่าแดง เป็นต้น พื้นที่ป่าไม้ ประกอบด้วย ป่าธรรมชาติ สวนป่า และป่าฟื้นฟูตามธรรมชาติ โดยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 8,787,656 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 69.92 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด[7] แบ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 25 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 13 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง อุทยานแห่งชาติในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่
นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้เกิดขึ้นเป็นประจำ สาเหตุสำคัญเช่น การลักลอบตัดไม้ การบุกรุกเพื่อทำการเกษร และไฟป่า
ทรัพยากรสัตว์ป่า
พื้นที่ป่าในจังหวัด มีความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์ป่าสำคัญที่พบ ได้แก่ เลียงผา หมูป่า หมาจิ้งจอก เสือดาว อีเห็น ชะมด พังพอน ชะนี ลิง เม่น แมวป่า หมูหริ่ง กระต่ายป่า ตะกวด กิ้งก่า งู ตุ๊กแก ด้วง บึ้ง ไก่ป่า นกขมิ้น นกกระรางหัวขวาน นกกระขาบทุ่ง นกขุนทอง นกขุนแผน นกบั่งรอก นกกางเขน นกกาเหว่า นกเขียวคราม นกกระติ๊ต นกกระจิบ นกกระจาบ นกปรอด นกระวังไพร นกแซงแซว นกโพระดก นกนางแอ่น นกคุ่ม นกเขาเขียว นกเขาใหญ่ นกเขาขวาน นกเอี้ยง นกกระปูด เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง]
ทรัพยากรน้ำ
จังหวัดเชียงใหม่มีแม่น้ำสำคัญ คือ แม่น้ำปิง และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง และยังแบ่งตามพื้นที่ลุ่มน้ำดังนี้
- ลุ่มน้ำปิงตอนบน เป็นลุ่มน้ำที่สำคัญที่สุดในภาคเหนือตอนบน มีพื้นที่ 25,355.9 ตร.กม. สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันสูง วางตัวแนวเหนือ-ใต้ พื้นที่ส่วนใหญ่เสี่ยงต่อแผ่นดินถล่มและการชะล้างพังทลายของดินสูง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบสะวันนา คือ มีฤดูฝนสลับกับฤดูแล้งอย่างชัดเจน[ต้องการอ้างอิง] และยังมีลุ่มน้ำย่อยอีก 14 ลุ่มน้ำย่อย แม่น้ำที่สำคัญได้แก่ แม่น้ำปิง แม่แตง แม่กวง แม่งัด แม่แจ่ม แม่ขาน และแม่ตื่น
- ลุ่มน้ำกก มีแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลัก มีต้นกำเนิดจากภูเขาในประเทศพม่า ไหลผ่านเมืองกก เมืองสาด ประเทศพม่า เข้าเขตประเทศไทยที่ช่องน้ำกก อำเภอแม่อาย แล้วไหลเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ครอบคลุมพื้นที่ 2,773 ตร.กม.[ต้องการอ้างอิง]
- ลุ่มน้ำฝาง มีแม่น้ำฝางเป็นแม่น้ำสายหลัก ซึ่งมีต้นกำเนิดจากดอยขุนห้วยฝางและดอยหัวโท ทางตอนใต้ของอำเภอไชยปราการ ไหลลงสู่แม่น้ำกก มีความยาวลำน้ำประมาณ 70 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำ 1,948.5 ตร.กม. ในอำเภอไชยปราการ ฝาง และแม่อาย
ทรัพยากรธรณี
จังหวัดเชียงใหม่มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี โดยมีการผลิตแร่ที่สำคัญ 8 ชนิด ได้แก่ ถ่านหิน เฟลด์สปาร์ (แร่ฟันม้า) แมงกานีส ชีไลต์ ดีบุก ดินขาว ฟลูออไรด์ และแร่หินอุตสาหกรรม และจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแหล่งทรัพยากรธรณีที่สำคัญ เช่น แหล่งปิโตรเลียม อำเภอฝาง สภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ บ่อน้ำพุร้อน อำเภอสันกำแพงและอำเภอฝาง โป่งเดือด อำเภอแม่แตง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ อำเภอแม่ริม เป็นต้น
แผ่นดินไหว
จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนที่สำคัญของประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหว โดยครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ขนาด 5.1 มีจุดศูนย์กลางในอำเภอแม่ริม ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยในบริเวณอำเภอแม่ริมและอำเภอข้างเคียง
แผ่นดินไหวในอดีตที่มีศูนย์กลางอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ (ขนาดมากกว่า 4.0) | |||||
วัน เดือน ปี | เวลา | ขนาด | ศูนย์กลาง | พิกัด | |
26 พฤษภาคม 2521 | 06:22:29 น. | 4.8 Mw | อ.พร้าว | 19°27' N 99°06' E | |
10 กุมภาพันธ์ 2523 | 09:17:52 น. | 4.2 Mw | จ.เชียงใหม่ | 19°35' N 99°23' E | |
20 มิถุนายน 2525 | 20:20:40 น. | 4.3 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°92' N 99°18' E | |
19 กุมภาพันธ์ 2531 | 01:38:42 น. | 4.2 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°87' N 99°17' E | |
8 พฤษภาคม 2537 | 02:56:00 น. | 4.5 Mw | จ.เชียงใหม่ | 18°30' N 99°20' E | |
5 พฤศจิกายน 2538 | 06:57:00 น. | 4.0 Mw | อ.ฝาง | 19°70' N 98°60' E | |
21 ธันวาคม 2538 | 23:30:00 น. | 5.2 Mw | อ.พร้าว | 19°70' N 99°00' E | |
13 กรกฎาคม 2541 | 09:20:00 น. | 4.1 Mw | อ.ฝาง | 19°70' N 99°10' E | |
18 ธันวาคม 2545 | 20:47:00 น. | 4.3 Mw | อ. เชียงดาว | 19°40' N 99°10' E | |
4 ธันวาคม 2548 | 16.34 น. | 4.1 Mw | อ.แม่วาง | 18°70' N 98°50' E | |
13 ธันวาคม 2549 | 00.02 น. | 5.1 Mw | อ.แม่ริม | 18°93' N 98°97' E | |
19 มิถุนายน 2550 | 12.06 น. | 4.5 Mw | อ.แม่ริม | 18°90' N 99°00' E | |
แหล่งข้อมูล: [8] สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา |
การปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 204 ตำบล 2,066 หมู่บ้าน ซึ่งอำเภอทั้ง 25 อำเภอมีดังนี้
การปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 211 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 1 เทศบาลนคร, 4 เทศบาลเมือง, 115 เทศบาลตำบล และ 91 องค์การบริหารส่วนตำบล มีรายชื่อดังนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
การเลือกตั้ง
จังหวัดเชียงใหม่แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 10 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 10 คน ส่วนวุฒิสภา มีการเลือกตั้งสมาชิกได้ 1 คน ปัจจุบันคือ ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- สัญลักษณ์ประจำจังหวัด คือ รูปช้างเผือกในเรือนแก้ว หมายถึงความสำคัญ 2 ประการของจังหวัด ซึ่งช้างเผือก คือ ช้างที่เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่นำมาทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และได้ขึ้นระวางเป็นช้างเผือกเอกในรัชกาล ส่วนเรือนแก้วคือดินแดนที่พุทธศาสนารุ่งเรืองสูงสุด
- ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกทองกวาว
- ต้นไม้ประจำจังหวัด: ทองกวาว (Butea monosperma)
- อักษรย่อ: ชม.
เศรษฐกิจ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) พ.ศ. 2552 มีมูลค่า 127,660 ล้านบาท แบ่งเป็นภาคเกษตร 18,539 ล้านบาท (ร้อยละ 14.5) และนอกภาคเกษตร 109,121 ล้านบาท (ร้อยละ 85.5) ซึ่งสาขาการผลิตนอกภาคเกษตรที่สำคัญ มีบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ 20,603 ล้านบาท (ร้อยละ 16.1) ตามมาด้วยสาขาการศึกษา 15,916 ล้านบาท (ร้อยละ 12.5) มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 2.3
มีรายได้ประชากรต่อหัวเฉลี่ย 79,971 บาท/คน/ปี อยู่ที่อันดับ 3 ของภาคเหนือรองจากจังหวัดลำพูน และจังหวัดกำแพงเพชร สำหรับรายได้ประชากรในเขตชนบท เฉลี่ยนั้น อยู่ที่ 59,092.45 บาท/คน/ปี อำเภอที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุด คือ อำเภออมก๋อย 29,198.01 บาท/คน/ปี และอำเภอที่มีรายได้สูงสุด คือ อำเภอฝาง 110,592.77 บาท/คน/ปี[7]
การเกษตร
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่การเกษตร 1,835,425 ไร่ (ร้อยละ 12.82 ของพื้นที่จังหวัด) ส่วนใหญ่ปลูกพืชสวน 515,385 ไร่ ปลูกข้าวรองลงมา 515,385 ไร่ พื้นที่การเกษตรนี้อยู่ในเขตชลประทาน 642,979 ไร่ (ร้อยละ 35 ของพื้นที่การเกษตร) มีครัวเรือนการเกษตร 1,192,446 ครัวเรือน
ผลผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ พ.ศ. 2553-2554 สูงสุด 3 อันดับ คือ 1) ข้าว ผลผลิตเฉลี่ย 387,744 ตัน, 2) ลำไย ผลผลิตเฉลี่ย 195,195 ตัน และ 3) กระเทียม ผลผลิตเฉลี่ย 97,395 ตัน[7]
การอุตสาหกรรม
จังหวัดเชียงใหม่มีโรงงาน 1,395 แห่ง เงินลงทุน 32,180 ล้านบาท แรงงาน 43,306 คน อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร เกษตร ขนส่ง อโลหะ และเครื่องดื่ม ซึ่งอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พ.ศ. 2554 มี 34 โครงการ ประเทศที่มีการลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สิงคโปร์ มาเลเซีย เดนมาร์ก ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[7]
การท่องเที่ยว
ในการสำรวจ World Best Award-Top 10 Cities จากผู้อ่าน Travel and Leisure นิตยสารท่องเที่ยวของสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2553 ผลปรากฏว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 2 ของโลก รองแต่เพียงกรุงเทพมหานครเท่านั้น ซึ่งใน พ.ศ. 2552 จังหวัดเชียงใหม่ถูกจัดเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 5 ของโลก โดยพิจารณาจากสถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงามและร่มรื่น ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี อาหารการกิน แหล่งช็อปปิ้ง ความเป็นมิตรของผู้คน ความคุ้มค่า ของเงิน เป็นต้น[9]
ใน พ.ศ. 2553 จังหวัดมีจำนวนนักท่องเที่ยว 5,040,917 คน อยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศรองจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชลบุรี[7] เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 1,695,288 คน (ร้อยละ 33.63) สร้างรายได้รวม 39,507.03 ล้านบาท[7]
แรงงาน
ใน พ.ศ. 2553 จังหวัดเชียงใหม่มีกำลังแรงงาน 985,349 คน (หรือร้อยละ 58.5 ของประชากร) มีอัตราว่างงานเฉลี่ย 1.2% อัตราจ้างแรงงาน 180 บาท/วัน นอกจากนี้ มีแรงงานต่างด้าว 67,663 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าถึง 67,453 คน แรงงานต่างด้าวประกอบอาชีพรับจ้างในกิจการก่อสร้างมากที่สุด 24,625 คน งานเกษตรและปศุสัตว์รองลงมา 22,655 คน[7]
ประชากร
สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่[10] | |
---|---|
ปี (พ.ศ.) | ประชากร |
2549 | 1,661,020 |
2550 | 1,664,399 |
2551 | 1,670,317 |
2552 | 1,632,548 |
2553 | 1,640,479 |
2554 | 1,646,144 |
2555 | 1,655,642 |
จังหวัดเชียงใหม่มีประชากรทั้งสิ้น 1,655,642 คน แยกเป็นชาย 806,720 คน หญิง 848,922 คน ความหนาแน่นเฉลี่ย 82.34 คน/ตร.กม. (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555) ประชากรชนกลุ่มน้อยในจังหวัดมีจำนวน 64,505 คน กระจายตามอำเภอต่าง ๆ ใน 16 อำเภอ อำเภอที่มีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุด ได้แก่ อำเภอฝาง รองลงมา ได้แก่ อำเภอเชียงดาว อำเภอแม่อาย และอำเภอเวียงแหง[7] ประชากรส่วนใหญ่เป็น "ชาวไทยวน" หรือ "คนเมือง" ที่เหลือเป็น ไทใหญ่ ไทลื้อ ไทขึน และไทยสยาม[11]
ศาสนา
ประชากรในจังหวัดเชียงใหม่ นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 91.80 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 5.60 ศาสนาอิสลามร้อยละ 1.17 ศาสนาฮินดูและสิกข์ร้อยละ 0.02 และอื่น ๆ ร้อยละ 1.14[7]
ศาสนสถาน
การศึกษา
จังหวัดเชียงใหม่รับรองระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา มีจำนวนสถานศึกษาทั้งสิ้น 1,146 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐาน 893 แห่ง ตามมาด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน 140 แห่ง และมีสถาบันอุดมศึกษา 12 แห่ง มีครู/อาจารย์ 21,155 คน และนักเรียน นิสิต นักศึกษา 440,706 คน ซึ่งอัตราส่วนครู/อาจารย์ ต่อนักเรียน นิสิต นักศึกษาเป็น 1:21 นักเรียนในสังกัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา 138,288 คน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 75,804 คน[7]
สถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
- มหาวิทยาลัยพายัพ
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น
และมีวิทยาเขตของสถาบันอุดมศึกษาตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด ได้แก่
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่ภาคพายัพ (จอมทอง)
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย วิทยาเขตจอมทอง
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา
- สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่
สำหรับรายชื่อโรงเรียนดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่
บริการสาธารณสุข
จังหวัดเชียงใหม่มีโรงพยาบาลแผนปัจจุบัน 48 แห่ง 6,045 เตียง[7] มีบุคลากรแพทย์ 1,065 คน (สัดส่วนต่อประชากรเป็น 1: 1,540) พยาบาล 4,812 คน (1: 341) และทันตแพทย์ 359 คน (1: 13,445)
อัตราการเกิด 10.98 ต่อ 1,000 คน อัตราการตาย 8.16 ต่อ 1,000 คน และอัตราการเพิ่มตามธรรมชาติ 2.52 ต่อ 1,000 คน[7]
โรงพยาบาลของรัฐที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลสวนปรุง
ชาวเชียงใหม่ที่มีชื่อเสียง
เจ้านายฝ่ายเหนือ
- เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) - เจ้าราชบุตรองค์สุดท้าย
- เจ้าวงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ - ผู้สืบสกุลเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
- คุณหญิง เจ้าระวีพันธุ์ สุจริตกุล - เจ้านายฝ่ายเหนือ รองประธานมูลนิธินวราชดำริอนุรักษ์ฝ่ายเหนือ
- เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ - นักกิจกรรมสังคมชั้นสูง
- เจ้าเครือแก้ว ณ เชียงใหม่ - ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (คีตศิลป์พื้นเมืองล้านนา) ประจำปี พ.ศ. 2541
- เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ - ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
การเมือง
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย
- ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของไทย
- ปรีดา พัฒนถาบุตร - อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่
- ธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ - นักการเมือง อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
- ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ - นักการเมือง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ - อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- สุบิน ปิ่นขยัน - นักการเมือง อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
- อำนวย ยศสุข - นักการเมือง อดตีรัฐมนตรีหลายกระทรวง
ข้าราชการ
- พลตำรวจตรี พีรพันธุ์ เปรมภูติ - อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
- พลอากาศเอก หะริน หงสกุล - อดีตข้าราชการหลายตำแหน่ง
สื่อมวลชน
- ชมพูนุช คงมล - ผู้ประกาศข่าวไอทีวี และช่อง 7 สี
- นารากร ติยายน - ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรข่าวไอทีวี และช่อง 7 สี
- พิมลวรรณ หุ่นทองคำ - พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางไทยทีวีสีช่อง 3 และบรรณาธิการบริหาร นิตยสารมาเธอร์แอนด์เบบี
- พิสิทธิ์ กีรติการกุล - ผู้ประกาศข่าว และพิธีกร ช่อง 7 สี
- สุภาพร ทองไพฑูรย์ - ผู้ประกาศข่าว ศูนย์ข่าวจังหวัดเชียงใหม่ ช่อง 7 สี
ศิลปิน
- เจริญ มาลาโรจน์ (มาลา คำจันทร์) - นักเขียนรางวัลซีไรต์
- ณิชา ตันติเฉลิมสิน (นามปากกา: ณารา) - ผู้เขียนธาราหิมาลัย
- ลักขณา ปันวิชัย (นามปากกา: คำ ผกา) - นักเขียน นักแปล และคอลัมนิสต์นิตยสาร
- ศาสตราจารย์เกียรติคุณ มณี พยอมยงค์ - ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2549
บันเทิง
|
|
กีฬา
- กรุณา ชิดชอบ - รองประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสโมสรฟุตบอลจังหวัดบุรีรัมย์
- ณัฐพงษ์ สมณะ - ผู้เล่นสังกัดสโมสรฟุตบอลชลบุรี
- นพวรรณ เลิศชีวกานต์ - นักกีฬาเทนนิส
- นภาพล เกียรติศักดิ์โชคชัย - นักกีฬามวยสากลอาชีพ
- ฟ้าใส ศักดิ์กรีรินทร์ - นักกีฬามวยสากลอาชีพ
- ปริญญา เจริญผล (ปริญญา เกียรติบุษบา) - นักมวยไทย
- ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา - นักกรีฑาทีมชาติไทย
- สายสุนีย์ จ๊ะนะ - นักวีลแชร์ฟันดาบคนพิการทีมชาติไทย
- ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ - นักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย
- ซีอุย ส.สุนันท์ชัย - นักมวยไทย (เจ้าของรางวัลคู่มวยดุเดือดแห่งปี 2555 ของเวทีมวยช่อง 7 สี)
- ก้องเกียรติ ท.พราน 49 - แชมป์มวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 11 (ช่อง 7 สี)
ประเพณีและวัฒนธรรม
เมืองเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน คนเชียงใหม่ได้สั่งสมวัฒนธรรมประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มีความผูกพันกับพุทธศาสนาและความเชื่อดั้งเดิม ประเพณีที่สำคัญ ได้แก่
- ปีใหม่เมือง (สงกรานต์) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี เป็นประเพณีที่สำคัญและยิ่งใหญ่ของชาวเชียงใหม่ แบ่งเป็นวันที่ 13 เป็นวันมหาสงกรานต์ มีขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ และพิธีสรงน้ำพระ วันที่ 14 เข้าวัดก่อเจดีย์ทราย และวันที่ 15 เมษายน ประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และมีการเล่นสาดน้ำตลอดช่วงเทศกาล
- ประเพณียี่เป็ง จัดขึ้นในช่วงวันลอยกระทงของทุกปี ราวเดือนพฤศจิกายน มีการตกแต่งบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆ ด้วยโคมชนิดต่างๆ มีการปล่อยโคมลอย มีการลอยกระทง ประกวดกระทงและนางนพมาศ
- ประเพณีเข้าอินทขิล จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่วัดเจดีย์หลวง เป็นการบูชาเสาหลักเมืองโดยการนำดอกไม้ธูปเทียนมาใส่ขันดอก
- เทศกาลร่มบ่อสร้าง จัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี ที่ศูนย์หัตถกรรมทำร่มบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง มีการแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน มีการแสดงทางวัฒนธรรม ขบวนแห่ ประเพณีพื้นบ้าน
- มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ จัดขึ้นในอาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี บริเวณสวนสาธารณะบวกหาด มีขบวนรถบุปผาชาติ และนางงามบุปผาชาติ
- งานไม้แกะสลักบ้านถวาย จัดขึ้นในเดือนมกราคม ที่หมู่บ้านถวาย อำเภอหางดง มีการจำหน่ายและสาธิตการแกะสลักไม้ และหัตถกรรมพื้นบ้าน
- ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จัดขึ้นในเดือนเมษายน ในวันที่ 15 เป็นต้นไป ของทุกปี ที่บริเวณตัวเมืองจอมทอง มีขบวนรถจากชุมชน ห้างร้าน กลุ่มต่างๆ กว่า 40 ขบวน แห่ไปตามเมืองจอมทอง อำเภอจอมทอง จนถึง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี ตามตำนานเกิดขึ้นที่อำเภอเภอจอมทอง ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทยและแห่งเดียวในโลก ประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์ กลายเป็นต้นแบบของการแห่ไม้ค้ำสะหลีของชาวล้านนา จนได้รับความนิยมไปทั่วภาคเหนือ และเป็นประเพณีที่เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมอย่างมาก
การคมนาคม
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองหลักของภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม จึงมีเส้นทางคมนาคมหลักทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และทางอากาศ มีทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงจังหวัด และเส้นทางมาตรฐานหลายสาย ทำให้การเดินทางติดต่อภายในจังหวัด การเดินทางสู่จังหวัดใกล้เคียงและกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความสะดวก
ทางรถยนต์
การเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดเชียงใหม่ใช้ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ผ่านจังหวัดอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ แล้วใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) ผ่านจังหวัดลำปาง แยกซ้าย ผ่านจังหวัดลำพูน จนถึงจังหวัดเชียงใหม่
การเดินทางในตัวจังหวัด
การคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ของจังหวัดเชียงใหม่ระหว่างชนบท หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดต่าง ๆ มีความสะดวก เพราะมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมติดต่อกัน การเดินทางโดยรถยนต์ระหว่างจังหวัดกับอำเภอ ระยะทางที่ไกลที่สุดคือ อำเภออมก๋อย ระยะทาง 179 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง ระยะทางที่ใกล้ที่สุดคือ อำเภอสันทราย 11 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 23 นาที โดยระยะทางจากตัวจังหวัด (อำเภอเมืองเชียงใหม่) ไปยังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ เรียงจากอำเภอใกล้ที่สุด ไปถึงไกลที่สุด[12] ดังนี้
|
|
|
อนึ่ง หากจะเดินทางไปยัง พื้นที่ซึ่งเสนอจัดตั้งเป็น อำเภอนันทบุรี เฉลิมพระเกียรติฯ จะมีระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ทั้งสิ้น 280 กิโลเมตร
สำหรับการเดินทางในตัวจังหวัด จะใช้การจราจรโดยรถส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์รวมทั้งจักรยาน สำหรับระบบมวลชนจะมี รถแดง ตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ และประมาณ พ.ศ. 2550 เริ่มมีแท็กซี่มิเตอร์ในบริการในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถมีสีเหลือง-น้ำเงิน เป็นแท็กซี่สหกรณ์ ส่วนสีแดง-เหลืองเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล มีสถานีขนส่งภายในตัวจังหวัดเชื่อมต่ออำเภอต่าง ๆ คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 1 (สถานีขนส่งช้างเผือก) และสถานีขนส่งระหว่างจังหวัดคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 2 และ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 (สถานีขนส่งอาเขต)
ทางรถไฟ
การคมนาคมทางรถไฟ ปัจจุบันมีรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยผ่านจังหวัดอยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง และลำพูน เปิดการเดินรถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ และรถดีเซลรางปรับอากาศ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ รวมวันละ 14 ขบวน (ไป 7 กลับ 7) และนครสวรรค์-เชียงใหม่ วันละ 2 ขบวน (ไป-กลับ) มีสถานีรถไฟหลักและเป็นสถานีปลายทางในจังหวัดเชียงใหม่ คือสถานีรถไฟเชียงใหม่ ขบวนรถที่เข้า-ออกเชียงใหม่ มีดังนี้
- รถด่วนพิเศษ
- ข.1/2 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- ข.9/10 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- ข.11/12 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- ข.13/14 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- รถด่วน
- ข.51/52 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- รถเร็ว
- ข.109/102 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ
- รถท้องถิ่น
- ข.407/408 นครสวรรค์-เชียงใหม่-นครสวรรค์
ทางอากาศ
การคมนาคมทางอากาศ จังหวัดเชียงใหม่มีท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่มีความหนาแน่นของผู้ใช้บริการเป็นอันดับ4ของประเทศรองจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ตามลำดับ โดยมีเที่ยวบินไป-กลับวันละหลายเที่ยวบิน ทั้งสายการบินภายในประเทศ และสายการบินระหว่างประเทศ โดยสายการบินระหว่างประเทศ มีสายการบินในแถบเอเชียมีเที่ยวบินโดยตรงจากเชียงใหม่ไปยังหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ ลาว เมียนมาร์ ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า เป็นต้น
ทางรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ
สำหรับระบบรถเมล์ด่วนพิเศษนครเชียงใหม่ (Chiangmai Transit System หรือ CTS) จะเปิดให้บริการในอนาคต แต่ยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณและการพิจารณาอนุมัติของสำนักงานขนส่งจังหวัด (สนข.)
การสาธารณูปโภค
- ไฟฟ้า การไฟฟ้าของจังหวัดอยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขตเหนือ รับซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ แหล่งผลิตแม่เมาะ จังหวัดลำปาง มีสถานีควบคุมการจ่ายไฟฟ้า 5 สถานี จำนวนการไฟฟ้า 32 แห่ง ในปี 2553 จำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น 567,201 ราย ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในจังหวัด 2,264.45 ล้านหน่วย สามารถให้บริการไฟฟ้าได้ครอบคลุม 25 อำเภอ สำหรับหมู่บ้าน ที่ไม่สามารถขยายเขตระบบจำหน่ายได้เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่ เป็นหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แหล่งต้นน้ำลำธาร ลุ่มน้ำ เขตป่าอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งหลายแห่งมีการติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
- ประปา การประปาในจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ การประปาเชียงใหม่ การประปาฮอด การประปาสันกำแพง การประปาฝาง การประปาแม่ริม การประปาแม่แตง มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 54.83 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณการใช้น้ำ 25.33 ล้านลูกบาศก์เมตร มีจำนวนผู้ใช้น้ำ 112,685 ราย โดยในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ มีผู้ใช้น้ำประปามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 69.04 ของจำนวนผู้ใช้ประปาทั้งหมดของจังหวัด
- โทรศัพท์ จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนเลขหมายโทรศัพท์ 305,434 เลขหมาย เป็นเลขหมายที่มีผู้เช่า 186,294 เลขหมาย มีชุมสายโทรศัพท์ 247 แห่ง
- ไปรษณีย์ มีสำนักงานไปรษณีย์ จำนวน 37 แห่ง มีจำนวนผู้ใช้บริการ 2,467,286 ราย[13]
กีฬา
จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง ได้แก่ เอเชียนเกมส์ 1998 และซีเกมส์ 1995 ฟุตบอลเอเชียเยาวชน 1998 และกีฬาในประเทศ ได้แก่ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 3 ครั้ง การแข่งขันยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 1 ซึ่งจัดในปี พ.ศ. 2552[14] และล่าสุดคือ กีฬายุวชนอาเซียน
เชียงใหม่มีสโมสรฟุตบอลอาชีพ คือ สโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ในเดือนตุลาคม 2549 ได้มีแถลงการเปิดบริษัทที่จะสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ ในชื่อ "บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่" [15]
สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
|
|
สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
อำเภอเมืองเชียงใหม่
- วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
- พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
- สวนสัตว์เชียงใหม่
- เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
- อุทยานหลวงราชพฤกษ์
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่
- ถนนคนเดิน - ที่สำคัญมีสองแห่งคือ
- ถนนราชดำเนิน ช่วงระหว่างประตูท่าแพ ถึงวัดพระสิงห์
- ถนนวัวลาย ช่วงระหว่างประตูเชียงใหม่ ถึงประตูหายยา
- ถนนนิมมานเหมินท์
- เชียงใหม่ไนท์บาซาร์
อำเภออื่น ๆ
- หมู่บ้านผลิตร่ม บ้านบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง
- ชุมชนหัตถกรรมแกะสลัก บ้านถวาย อำเภอหางดง
- เวียงกุมกาม อำเภอสารภี
- เวียงท่ากาน อำเภอสันป่าตอง
เมืองพี่น้อง
- เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (พ.ศ. 2543) [16]
- ชิงเต่า ประเทศจีน (พ.ศ. 2549) [16]
- ยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย (พ.ศ. 2550) [16]
- ฉงชิ่ง ประเทศจีน (พ.ศ. 2551) [16]
- เชียงตุง ประเทศพม่า (พ.ศ. 2556)
อ้างอิง
- ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2550-2554 ส่วนที่ 1 บทนำ, สืบค้นวันที่ 20 ต.ค. 2552
- ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2550-2554 ภาคผนวก, สืบค้นวันที่ 20 ต.ค. 2552
- แผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ปี 53 ข้อมูลทั่วไปจังหวัดเชียงใหม่, สืบค้นวันที่ 8 ส.ค. 2552
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จานวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556
- ↑ สถิติผลิตภัณฑ์จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2553 สำนักงานคลังจังหวัดเชียงใหม่
- ↑ แกะกล่อง ′นันทบุรี′ อำเภอใหม่-สวิสแห่งไทย, 4 พฤศจิกายน 2555, ข่าวมติชนออนไลน์.
- ↑ http://portal.unesco.org/culture/en/ev.php-URL_ID=35257&URL_DO=DO_TOPIC&URL_SECTION=201.html
- ↑ ชื่อเขียนตามที่ปรากฏใน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับวัดพระงาม จ.ศ. 1216
- ↑ 7.00 7.01 7.02 7.03 7.04 7.05 7.06 7.07 7.08 7.09 7.10 7.11 7.12 7.13 7.14 สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่. ข้อมูลจังหวัดเชียงใหม่. สืบค้น 24 มกราคม 2555.
- ↑ [2] สถิติแผ่นดินไหวที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย, สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา, สืบค้นวันที่ 17 เมษายน 2553
- ↑ เชียงใหม่คว้าอันดับ2World Best Award-Top10Cities คมชัดลึก. สืบค้น 24 มกราคม 2555
- ↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
- ↑ แอนดรู ฟอร์บส์, ประวัติศาสตร์ล้านนาฉบับย่อ และ ชาวเชียงใหม่, เชียงใหม่ : หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ และ เทศบาลนครเชียงใหม่, 2547, หน้า 226
- ↑ การเดินทางภายในเชียงใหม่ จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สืบค้นวันที่ 7 ตุลาคม 2554
- ↑ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่. สืบค้น 24 มกราคม 2555. เข้าถึงได้จาก : [3]. , [4] สืบค้น 24 มกราคม 2555.
- ↑ ยกน้ำหนักยุวชนชิงแชมป์โลก เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, 8 พ.ค. 2552
- ↑ การแถลงข่าว เปิด บริษัท พัฒนาธุกิจกีฬา เชียงใหม่ จาก หนังสือพิมพ์เชียงใหม่นิวส์
- ↑ 16.0 16.1 16.2 16.3 บรรยายสรุปจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2555 หน้า 39. สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ทางการ
- เว็บไซต์องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
- เว็บไซต์สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่
- เว็บไซต์สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่
- ข้อมูลท่องเที่ยวเชียงใหม่
18°48′N 98°59′E / 18.8°N 98.98°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดเชียงใหม่
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย