ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
การประชุมรัฐภาคีฯ เพื่อติดตามการบังคับใช้อนุสัญญาฯ มีขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก |
การประชุมรัฐภาคีฯ เพื่อติดตามการบังคับใช้อนุสัญญาฯ มีขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก |
||
== การเข้าเป็นภาคีของประเทศไทย == |
|||
== เหตุใดไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ== |
|||
ภาคประชาชนสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติให้ส่วนราชการดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ด้วยแล้ว ([http://www.mfa.go.th/article190/news_09.php ดูเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ]) อย่างไรก็ดี โดยที่ประเทศไทยใช้ระบบการนำกฎหมายระหว่างประเทศเข้ามาในระบบกฎหมายภายในเป็นแบบ 'ทวินิยม' กล่าวคือ ต้องนำเอากฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐให้สัตยาบัน ซึ่งหมายถึงการนำเอาข้อบทกว่า 320 ข้อของอนุสัญญาฯ มาบรรจุเข้าในระบอบกฎหมายภายในก่อน และทำให้ต้องแก้ไขกฎหมายรายฉบับ (ตามแนวทางของ[[สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา]]) กว่า 60 ฉบับ จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งอุปสรรคดังกล่าวเป็นหนึ่งในเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบัน |
|||
ล่าสุด เพื่อเร่งรัดการเข้าเป็นภาคีฯ ในการประชุมคณะกรรมการกฎหมายทะเลและเขตทางทะเลของประเทศไทย เมื่อ 15 กันยายน 2552 กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอแนวทางใช้ "กฎหมายปะหน้า" (หรือเรียกอีกอย่างว่า "กฎหมายอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ") ซึ่งอนุสัญญาฯ เองได้เปิดช่องทางนี้ไว้ในข้อ 310 กล่าวคือ เปิดให้รัฐภาคีจัดทำ "คำประกาศ" (declaration) และแก้ไขกฎหมายภายในของตนให้สอดคล้องกับข้อบทของอนุสัญญาฯ ภายหลังให้สัตยาบันแล้วได้ ดังนั้นการเข้าเป็นภาคีตามกระบวนการนี้ จะทำให้ประเทศไทยสามารถใช้สิทธิต่างๆ ตามอนุสัญญาฯ ได้ทันที และเป็นวิธีที่ไทยจะใช้สำหรับการดำเนินการต่างๆ เพื่อเข้าเป็นภาคี |
|||
ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลโดยการให้สัตยาบันแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 นับเป็นประเทศที่ 162 ของสมาชิกสหประชาชาติ โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้<ref>http://www.un.org/depts/los/convention_agreements/convention_declarations.htm#Thailand</ref> |
|||
* วันที่ 21 ธันวาคม 2553 - คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และได้นำเรื่องเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ |
|||
* วันที่ 26 เมษายน 2554 - ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ของไทย |
|||
* วันที่ 15 พฤษภาคม 2554 - รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศยื่นสัตยาบันสารสำหรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ต่อองค์การสหประชาชาติ |
|||
* วันที่ 14 มิถุนายน 2554 - อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับกับประเทศไทย |
|||
ในการเข้าเป็นภาคีนั้น ประเทศไทยมีคำประกาศแนบท้ายการให้สัตยาบันในลักษณะคล้ายข้อสงวน ดังต่อไปนี้ |
|||
* รัฐบาลไทยจะดำเนินการทบทวนกฎหมายและข้อบังคับภายในของตนเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลอย่างค่อยเป็นค่อยไป |
|||
* รัฐบาลไทยไม่ผูกพันคำประกาศหรือการแสดงท่าทีที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการตัด หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตทางกฎหมายตามบทบัญญัติ และไม่ผูกพันโดยกฎหมายภายในใด ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง |
|||
* การให้สัตยาบันของไทยไม่เป็นการรับรองหรือยอมรับการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ของรัฐภาคีใด ๆ |
|||
* รัฐบาลไทยเข้าใจว่า ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ การใช้เสรีภาพในการเดินเรือที่สอดคล้องกับบทบัญญัติจะไม่รวมถึงการใช้ทะเลในทางไม่สันติโดย ปราศจากความยินยอมของรัฐชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกทางทหาร หรือกิจกรรมที่กระทบต่อสิทธิและผลประโยชน์ของรัฐชายฝั่ง และไม่รวมถึงการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง สันติภาพ หรือความมั่นคงของรัฐชายฝั่ง |
|||
* รัฐบาลไทยสงวนสิทธิที่จะทำคำประกาศที่เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทในการตีความ หรือการใช้อนุสัญญา ฯ เมื่อเวลาที่เหมาะสม<ref>http://www.rtni.org/library/download/2555/February/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B5%20UNCLOS%201982%20%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.pdf</ref> |
|||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:14, 11 มิถุนายน 2557
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 ชื่อย่อในภาษาอังกฤษว่า UNCLOS (จาก United Nations Convention on the Law Of the Sea) จัดทำขึ้นโดยสมัชชาสหประชาชาติ ตามข้อมติที่ 3067 (XXVIII) เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2516
ประวัติ
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ครั้งที่ 3 ได้มีขึ้น ณ นครนิวยอร์ก ในเดือนธันวาคม 2516 การประชุมเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2525 ณ กรุงมอนเตโกเบย์ ประเทศจาไมกา โดยประเทศต่างๆ สามารถเริ่มลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 ได้ตั้งแต่บัดนั้น ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2537 หลังจากที่รัฐภาคีที่ 60 ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ
อนุสัญญาฯ ได้ประมวลกฎหมายจารีตประเพณีทางทะเล อาทิ
- เรื่องทะเลอาณาเขต
- เรื่องเขตเศรษฐกิจจำเพาะ
- เรื่องไหล่ทวีป
นอกจากนี้ บทบัญญัติอนุสัญญาฯ ยังได้กำหนดหลักการทั่วไปเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรจากทะเล ซึ่งรวมถึงทรัพยากรที่มีชีวิตและทรัพยากรจากผิวดินและใต้ดิน
สำหรับการระงับข้อพิพาท อนุสัญญาฯ ได้จัดตั้งศาลระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายทะเล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการตีความและการบังคับใช้อนุสัญญาฯ
การประชุมรัฐภาคีฯ เพื่อติดตามการบังคับใช้อนุสัญญาฯ มีขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
การเข้าเป็นภาคีของประเทศไทย
ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลโดยการให้สัตยาบันแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 นับเป็นประเทศที่ 162 ของสมาชิกสหประชาชาติ โดยมีลำดับขั้นตอนดังนี้[1]
- วันที่ 21 ธันวาคม 2553 - คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และได้นำเรื่องเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ
- วันที่ 26 เมษายน 2554 - ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ของไทย
- วันที่ 15 พฤษภาคม 2554 - รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศยื่นสัตยาบันสารสำหรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ต่อองค์การสหประชาชาติ
- วันที่ 14 มิถุนายน 2554 - อนุสัญญา ฯ มีผลใช้บังคับกับประเทศไทย
ในการเข้าเป็นภาคีนั้น ประเทศไทยมีคำประกาศแนบท้ายการให้สัตยาบันในลักษณะคล้ายข้อสงวน ดังต่อไปนี้
- รัฐบาลไทยจะดำเนินการทบทวนกฎหมายและข้อบังคับภายในของตนเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- รัฐบาลไทยไม่ผูกพันคำประกาศหรือการแสดงท่าทีที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการตัด หรือเปลี่ยนแปลงขอบเขตทางกฎหมายตามบทบัญญัติ และไม่ผูกพันโดยกฎหมายภายในใด ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
- การให้สัตยาบันของไทยไม่เป็นการรับรองหรือยอมรับการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ของรัฐภาคีใด ๆ
- รัฐบาลไทยเข้าใจว่า ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ การใช้เสรีภาพในการเดินเรือที่สอดคล้องกับบทบัญญัติจะไม่รวมถึงการใช้ทะเลในทางไม่สันติโดย ปราศจากความยินยอมของรัฐชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฝึกทางทหาร หรือกิจกรรมที่กระทบต่อสิทธิและผลประโยชน์ของรัฐชายฝั่ง และไม่รวมถึงการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง สันติภาพ หรือความมั่นคงของรัฐชายฝั่ง
- รัฐบาลไทยสงวนสิทธิที่จะทำคำประกาศที่เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทในการตีความ หรือการใช้อนุสัญญา ฯ เมื่อเวลาที่เหมาะสม[2]
แหล่งข้อมูลอื่น
- การดำเนินการล่าสุดของส่วนราชการไทยในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ พร้อมเอกสารประกอบที่น่าสนใจ (เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ)
- คำแปลภาษาไทยจัดทำโดยคณะกรรมการกฎหมายทะเลและเขตทางทะเลของประเทศไทย (เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ)
- อนุสัญญาฯ ฉบับภาษาอังกฤษ
- อนุสัญญาฯ ฉบับภาษาฝรั่งเศส
- เว็บไซต์องค์กรพื้นดินท้องทะเลระหว่างประเทศ
- อนุสัญญาฯ และความตกลงที่เกี่ยวข้อง ที่เว็บไซต์สหประชาชาติ
- ↑ http://www.un.org/depts/los/convention_agreements/convention_declarations.htm#Thailand
- ↑ http://www.rtni.org/library/download/2555/February/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B5%20UNCLOS%201982%20%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.pdf