ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Phizaz/montanaclassbattleship"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Phizaz (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Phizaz (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{|{{Infobox Ship Begin}}
{{Infobox Ship Image
|Ship image=[[File:Montana Class.png|300px|A model depicting what the ''Montana'' class would have looked like had they been completed]]
|Ship caption=A 1944 model of a ''Montana''-class battleship
}}
{{Infobox Ship Class Overview
|Name=เรือประจัญบาญชั้นมอนทานา
|Builders=[[New York Naval Shipyard]] <br /> [[Philadelphia Naval Shipyard]] <br /> [[Norfolk Naval Shipyard]]
|Operators={{navy|USA}}
|Class before=เรือประจัญบาญชั้นไอโอวา
|Class after=ไม่มี
|Subclasses=
|Cost=
|Built range=
|In service range=
|In commission range=
|Total ships building=
|Total ships planned=5
|Total ships completed=0
|Total ships cancelled=5<br/>มอนทานา (BB-67)<br />โอไฮโอ (BB-68)<br />เมน (BB-69)<br />นิวแฮมป์ไชร์ (BB-70)<br />ลุยเซียนา (BB-71)
|Total ships active=
|Total ships laid up=
|Total ships lost=
|Total ships retired=
|Total ships preserved=
}}
{{Infobox Ship Characteristics
|Hide header=
|Header caption=
|Ship class=
|Ship type=
|Ship tonnage=
|Ship displacement=66,040 ตัน (ปกติ);<ref name="statistics II">{{cite web |url=http://www.ussmissouri.com/Battleship-US.htm |title=US Battleships |accessdate=2007-10-03 |publisher= USS Missouri Memorial Association |archiveurl=http://web.archive.org/web/20070821112507/http://www.ussmissouri.com/Battleship-US.htm |archivedate=21 August 2007}}</ref><br />72,104 ตัน (เต็มที่)<ref name="USB">{{cite book |last=Newhart |first=Max R. |title=American Battleships: A Pictorial History of BB-1 to BB-71 with prototypes Maine & Texas |origyear=1995 |accessdate=2008-05-30 |edition=Battleship Memorial |date=May 2007 |publisher=Pictorial Histories Publishing Company |location=Missoula, Montana |isbn=1-57510-004-5 |pages=102–106 }}</ref><ref name="navsource">{{cite web |url=http://www.navsource.org/archives/01/67.htm |title=NavSource Online: Battleship Photo Archive (BB-67 USS Montana) |accessdate=2008-05-30 |author=Yarnall, Paul R. |work=NavSource Naval History: Photographic History Of The U.S. Navy |publisher=NavSource Team |pages=148 }}</ref><ref>These would have been the heaviest warships in the US Navy at the time of their commissioning; and would have remained the class with the greatest displacement until the commissioning of the {{sclass-|Forrestal|aircraft carrier}}s, which weighed {{convert|79300|LT|abbr=on}} fully loaded. {{cite web | url = http://www.fas.org/man/dod-101/sys/ship/cv-59.htm | title = CV-59 Forrestal class | date = 6 March 1999 | accessdate = 2007-12-24 | work = Military Analysis Network | publisher = [[Federation of American Scientists]] }}</ref>
|Ship length={{convert|920|ft|6|in|m|abbr=on}}<ref name="USB"/>
|Ship beam={{convert|121|ft|0|in|m|abbr=on}}<ref name="USB"/>
|Ship height=
|Ship draft={{convert|36|ft|1|in|m|abbr=on}}<ref name="USB"/>
|Ship depth=
|Ship decks=
|Ship ramps=
|Ship power=
|Ship propulsion=8 × Babcock & Wilcox 2-drum express type boilers powering 4 sets of Westinghouse geared steam turbines 4 × {{convert|43000|hp|MW|abbr=on}}<ref name="USB"/> – 172,000 shp (128 MW) total power
|Ship speed={{convert|28|kn|mph km/h|abbr=on}} (สูงสุด)<ref name="USB"/><ref name="The Battleships I">{{cite book | author =Johnston, Ian; McAuley, Rob | title =The Battleships | publisher =Channel 4 Books (an imprint of Pan Macmillian, LTD) | year =2002 | location =London | pages =122 | url = http://www.panmacmillan.com/ | isbn =0-7522-6188-6}}</ref>
|Ship range={{convert|15000|nmi|mi km|lk=in|abbr=on}} at {{convert|15|kn|mph km/h|abbr=on}}<ref name="statistics II"/>
|Ship endurance=
|Ship boats=
|Ship capacity=
|Ship troops=
|Ship complement=Standard: 2,355<ref name="USB"/><br />Flagship: 2,789<ref name="USB"/>
|Ship crew=
|Ship time to activate=
|Ship sensors=
|Ship EW=
|Ship armament=12 × [[16"/50 caliber Mark 7 gun|ปืนใหญ่มาร์ค 7 {{convert|16|in|mm|0|adj=on}}/50 cal]]<ref name="USB"/><br />20 × [[5"/54 caliber Mark 16 gun|ปืนใหญ่มาร์ค 16 {{convert|5|in|mm|0|adj=on}}/54 cal]]s<ref name="USB"/><br />10–40 × ปืนต่อสู้อากาศยาน [[Bofors 40 mm|Bofors 40 mm]]<ref name="USB"/><br />56 × ปืนต่อสู้อากาศยาน [[Oerlikon 20 mm cannon|Oerlikon 20 mm]]<ref name="USB"/>
|Ship armor=Side [[Belt armor|belt]]: {{convert|16.1|in|mm|0}} tapering to {{convert|10.2|in|mm|0}} on {{convert|1|in|mm|0|adj=on}} STS plate inclined 19°<br /> Lower side belt: {{convert|7.2|in|mm|0}} tapered to {{convert|1|in|mm|0}} inclined 10°<ref name="statistics II"/><br />[[Bulkhead (partition)|Bulkheads]]: {{convert|18|in|mm|0}} forward, {{convert|15.25|in|mm|0}} aft<ref name="statistics II"/><br />[[Barbette]]s: {{convert|21.3|in|mm|0}}, {{convert|18|in|mm|0}} (aft)<ref name="statistics II"/><br />[[Gun turret|Turrets]]: up to {{convert|22.5|in|mm|0}}<br />[[Deck (ship)|Decks]]: up to {{convert|6|in|mm|0}}
|Ship aircraft=3–4 × เครื่องบินน้ำ [[OS2U Kingfisher|Vought OS2U Kingfisher]]/[[Curtiss SC Seahawk]]
|Ship aircraft facilities=2 × [[Aircraft catapult|เครื่องปล่อยเครื่องบินน้ำ]]<ref name="navsource"/>
|Ship notes=เป็นเรือประจัญบาญชั้นสุดท้ายที่ออกแบบโดยสหรัฐอเมริกาแม้จะมีแผนการสร้างต่อถูกยกเลิกเสียก่อน
}}
|}

'''เรือประจัญบาญชั้นมอนทานา''' ({{Lang-en|Montana-class battleships}}) แห่ง[[กองทัพเรือสหรัฐ]]เป็นเรือประจัญบาญชั้นต่อจาก[[เรือประจัญบาญชั้นไอโอวา]] แม้จะไม่รวดเร็วเท่าแต่กอปรไปด้วยระวางขับน้ำที่มากกว่า อาวุธที่หนักกว่า เกราะที่หนากว่า และความสามารถต่อสู้อากาศยานที่เหนือกว่าชั้นไอโอวา ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่สหรัฐอเมริกาเคยออกแบบและวางแผนที่จะสร้าง และจะเป็นเรือรุ่นเดียวที่สามารถเทียบชั้นได้กับเรือประจัญบาญชั้น[[เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ|ยามาโตะ]]แห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในแง่ของเกราะและขนาดของระวางขับน้ำ
'''เรือประจัญบาญชั้นมอนทานา''' ({{Lang-en|Montana-class battleships}}) แห่ง[[กองทัพเรือสหรัฐ]]เป็นเรือประจัญบาญชั้นต่อจาก[[เรือประจัญบาญชั้นไอโอวา]] แม้จะไม่รวดเร็วเท่าแต่กอปรไปด้วยระวางขับน้ำที่มากกว่า อาวุธที่หนักกว่า เกราะที่หนากว่า และความสามารถต่อสู้อากาศยานที่เหนือกว่าชั้นไอโอวา ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่สหรัฐอเมริกาเคยออกแบบและวางแผนที่จะสร้าง และจะเป็นเรือรุ่นเดียวที่สามารถเทียบชั้นได้กับเรือประจัญบาญชั้น[[เรือประจัญบานชั้นยะมะโตะ|ยามาโตะ]]แห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในแง่ของเกราะและขนาดของระวางขับน้ำ


สหรัฐอเมริกาได้วางแผนที่จะสร้างเรือชั้นมอนทานาไว้ถึง 5 ลำด้วยกันคือ Montana, Ohio, Maine, New Hampshire และ Louisiana ทั้งห้าลำได้รับอนุมัติให้สร้างเรียบร้อยแล้วระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แต่การต่อเรือถูกยกเลิกเสียก่อนเนื่องจากมีความต้องการ[[เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเอสเซ็กซ์]] และเรือประจัญบาญอื่น ๆ ในชั้นไอโอวามากกว่า จึงทำให้ไม่มีเรือชั้นมอนทานาลำใดถูกวางกระดูกงูเพื่อก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน
สหรัฐอเมริกาได้วางแผนที่จะสร้างเรือชั้นมอนทานาไว้ถึง 5 ลำด้วยกันคือ Montana, Ohio, Maine, New Hampshire และ Louisiana ทั้งห้าลำได้รับอนุมัติให้สร้างเรียบร้อยแล้วระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แต่การต่อเรือถูกยกเลิกเสียก่อนเนื่องจากมีความต้องการ[[เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเอสเซ็กซ์]] และเรือประจัญบาญอื่น ๆ ในชั้นไอโอวามากกว่า จึงทำให้ไม่มีเรือชั้นมอนทานาลำใดถูกวางกระดูกงูเพื่อก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน


การวางแผนการต่อเรือชั้นมอนทานาถูกวางไว้ตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง และเรือในชั้นนี้สองลำแรกได้รับการอนุมัติให้สร้างจากสภาคองเกรสในปี 1939 ภายหลังจากการโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวัรรดิญี่ปุ่น ทำให้สหรัฐอเมริกาเลื่อนแผนการต่อเรือชั้นนี้ออกไป หลังจากนั้น ความสำเร็จจากการต่อสู้ทางอากาศในการรบที่ Coral Sea และต่อด้วย[[มิดเดิลทาวน์|ุทธนาวีเกาะมิดเวย]] ก็แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีความสำคัญในการรบเหนือกว่าเรือประจัญบาญ ประกอบกับความต้องการเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือสะเทินน้ำสะเทินบก เรือต่อต้านเรือดำน้ำ และยังมีความต้องการเรือประจัญบาญชั้นไอโอวาเพิ่มเติมเนื่องจากสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วพอที่จะใช้คุ้มกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Essex ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้เรือประจัญบาญชั้นมอนทานาถูกยกเลิกการสร้างถาวร และสหรัฐก็ไม่มีแผนในการสร้างเรือประจัญบาญใด ๆ อีกเลยในเวลาต่อมา ทำให้เรือประจัญบาญชั้นไอโอวาทั้งสี่ลำเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยต่อมาจนถึงปัจจุบัน
การวางแผนการต่อเรือชั้นมอนทานาถูกวางไว้ตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง และเรือในชั้นนี้สองลำแรกได้รับการอนุมัติให้สร้างจากสภาคองเกรสในปี 1939 ภายหลังจากการโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวัรรดิญี่ปุ่น ทำให้สหรัฐอเมริกาเลื่อนแผนการต่อเรือชั้นนี้ออกไป หลังจากนั้น ความสำเร็จจากการต่อสู้ทางอากาศในการรบที่ Coral Sea และต่อด้วย[[ยุทธนาวีเกาะมิดเวย์]] ก็แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีความสำคัญในการรบเหนือกว่าเรือประจัญบาญ ประกอบกับความต้องการเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือสะเทินน้ำสะเทินบก เรือต่อต้านเรือดำน้ำ และยังมีความต้องการเรือประจัญบาญชั้นไอโอวาเพิ่มเติมเนื่องจากสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วพอที่จะใช้คุ้มกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเอสเซ็กซ์ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้เรือประจัญบาญชั้นมอนทานาถูกยกเลิกการสร้างถาวร และสหรัฐก็ไม่มีแผนในการสร้างเรือประจัญบาญใด ๆ อีกเลยในเวลาต่อมา ทำให้เรือประจัญบาญชั้นไอโอวาทั้งสี่ลำเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยต่อมาจนถึงปัจจุบัน

==อ้างอิง==
{{รายการอ้างอิง}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:27, 28 มีนาคม 2557


A model depicting what the Montana class would have looked like had they been completed
A 1944 model of a Montana-class battleship
ชั้นเรือโดยสรุป
ชื่อ:เรือประจัญบาญชั้นมอนทานา
สร้างที่:New York Naval Shipyard
Philadelphia Naval Shipyard
Norfolk Naval Shipyard
ผู้ใช้งาน:Naval flag of สหรัฐ กองทัพเรือสหรัฐ
ชั้นก่อนหน้า:เรือประจัญบาญชั้นไอโอวา
ชั้นถัดไป:ไม่มี
แผนที่จะสร้าง:5
สร้างเสร็จ:0
ยกเลิก:5
มอนทานา (BB-67)
โอไฮโอ (BB-68)
เมน (BB-69)
นิวแฮมป์ไชร์ (BB-70)
ลุยเซียนา (BB-71)
ลักษณะเฉพาะ
ขนาด (ระวางขับน้ำ): 66,040 ตัน (ปกติ);[1]
72,104 ตัน (เต็มที่)[2][3][4]
ความยาว: 920 ft 6 in (280.57 m)[2]
ความกว้าง: 121 ft 0 in (36.88 m)[2]
กินน้ำลึก: 36 ft 1 in (11.00 m)[2]
ระบบขับเคลื่อน: 8 × Babcock & Wilcox 2-drum express type boilers powering 4 sets of Westinghouse geared steam turbines 4 × 43,000 hp (32 MW)[2] – 172,000 shp (128 MW) total power
ความเร็ว: 28 kn (32 mph; 52 km/h) (สูงสุด)[2][5]
พิสัยเชื้อเพลิง: 15,000 nmi (17,000 mi; 28,000 km) at 15 kn (17 mph; 28 km/h)[1]
อัตราเต็มที่: Standard: 2,355[2]
Flagship: 2,789[2]
ยุทโธปกรณ์: 12 × ปืนใหญ่มาร์ค 7 16-นิ้ว (406-มิลลิเมตร)/50 cal[2]
20 × ปืนใหญ่มาร์ค 16 5-นิ้ว (127-มิลลิเมตร)/54 cals[2]
10–40 × ปืนต่อสู้อากาศยาน Bofors 40 mm[2]
56 × ปืนต่อสู้อากาศยาน Oerlikon 20 mm[2]
เกราะ: Side belt: 16.1 นิ้ว (409 มิลลิเมตร) tapering to 10.2 นิ้ว (259 มิลลิเมตร) on 1-นิ้ว (25-มิลลิเมตร) STS plate inclined 19°
Lower side belt: 7.2 นิ้ว (183 มิลลิเมตร) tapered to 1 นิ้ว (25 มิลลิเมตร) inclined 10°[1]
Bulkheads: 18 นิ้ว (457 มิลลิเมตร) forward, 15.25 นิ้ว (387 มิลลิเมตร) aft[1]
Barbettes: 21.3 นิ้ว (541 มิลลิเมตร), 18 นิ้ว (457 มิลลิเมตร) (aft)[1]
Turrets: up to 22.5 นิ้ว (572 มิลลิเมตร)
Decks: up to 6 นิ้ว (152 มิลลิเมตร)
อากาศยาน: 3–4 × เครื่องบินน้ำ Vought OS2U Kingfisher/Curtiss SC Seahawk
อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: 2 × เครื่องปล่อยเครื่องบินน้ำ[3]
หมายเหตุ: เป็นเรือประจัญบาญชั้นสุดท้ายที่ออกแบบโดยสหรัฐอเมริกาแม้จะมีแผนการสร้างต่อถูกยกเลิกเสียก่อน

เรือประจัญบาญชั้นมอนทานา (อังกฤษ: Montana-class battleships) แห่งกองทัพเรือสหรัฐเป็นเรือประจัญบาญชั้นต่อจากเรือประจัญบาญชั้นไอโอวา แม้จะไม่รวดเร็วเท่าแต่กอปรไปด้วยระวางขับน้ำที่มากกว่า อาวุธที่หนักกว่า เกราะที่หนากว่า และความสามารถต่อสู้อากาศยานที่เหนือกว่าชั้นไอโอวา ซึ่งแน่นอนว่านี่จะเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่สหรัฐอเมริกาเคยออกแบบและวางแผนที่จะสร้าง และจะเป็นเรือรุ่นเดียวที่สามารถเทียบชั้นได้กับเรือประจัญบาญชั้นยามาโตะแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในแง่ของเกราะและขนาดของระวางขับน้ำ

สหรัฐอเมริกาได้วางแผนที่จะสร้างเรือชั้นมอนทานาไว้ถึง 5 ลำด้วยกันคือ Montana, Ohio, Maine, New Hampshire และ Louisiana ทั้งห้าลำได้รับอนุมัติให้สร้างเรียบร้อยแล้วระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แต่การต่อเรือถูกยกเลิกเสียก่อนเนื่องจากมีความต้องการเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเอสเซ็กซ์ และเรือประจัญบาญอื่น ๆ ในชั้นไอโอวามากกว่า จึงทำให้ไม่มีเรือชั้นมอนทานาลำใดถูกวางกระดูกงูเพื่อก่อสร้างจนถึงปัจจุบัน

การวางแผนการต่อเรือชั้นมอนทานาถูกวางไว้ตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง และเรือในชั้นนี้สองลำแรกได้รับการอนุมัติให้สร้างจากสภาคองเกรสในปี 1939 ภายหลังจากการโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวัรรดิญี่ปุ่น ทำให้สหรัฐอเมริกาเลื่อนแผนการต่อเรือชั้นนี้ออกไป หลังจากนั้น ความสำเร็จจากการต่อสู้ทางอากาศในการรบที่ Coral Sea และต่อด้วยยุทธนาวีเกาะมิดเวย์ ก็แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีความสำคัญในการรบเหนือกว่าเรือประจัญบาญ ประกอบกับความต้องการเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือสะเทินน้ำสะเทินบก เรือต่อต้านเรือดำน้ำ และยังมีความต้องการเรือประจัญบาญชั้นไอโอวาเพิ่มเติมเนื่องจากสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วพอที่จะใช้คุ้มกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเอสเซ็กซ์ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ทำให้เรือประจัญบาญชั้นมอนทานาถูกยกเลิกการสร้างถาวร และสหรัฐก็ไม่มีแผนในการสร้างเรือประจัญบาญใด ๆ อีกเลยในเวลาต่อมา ทำให้เรือประจัญบาญชั้นไอโอวาทั้งสี่ลำเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยต่อมาจนถึงปัจจุบัน

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "US Battleships". USS Missouri Memorial Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 August 2007. สืบค้นเมื่อ 2007-10-03.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 Newhart, Max R. (May 2007) [1995]. American Battleships: A Pictorial History of BB-1 to BB-71 with prototypes Maine & Texas (Battleship Memorial ed.). Missoula, Montana: Pictorial Histories Publishing Company. pp. 102–106. ISBN 1-57510-004-5. {{cite book}}: |access-date= ต้องการ |url= (help)
  3. 3.0 3.1 Yarnall, Paul R. "NavSource Online: Battleship Photo Archive (BB-67 USS Montana)". NavSource Naval History: Photographic History Of The U.S. Navy. NavSource Team. p. 148. สืบค้นเมื่อ 2008-05-30.
  4. These would have been the heaviest warships in the US Navy at the time of their commissioning; and would have remained the class with the greatest displacement until the commissioning of the Forrestal-class aircraft carriers, which weighed 79,300 long ton (80,600 t) fully loaded. "CV-59 Forrestal class". Military Analysis Network. Federation of American Scientists. 6 March 1999. สืบค้นเมื่อ 2007-12-24.
  5. Johnston, Ian; McAuley, Rob (2002). The Battleships. London: Channel 4 Books (an imprint of Pan Macmillian, LTD). p. 122. ISBN 0-7522-6188-6.{{cite book}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)