ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สาราลา ตามาง"
ล แทนที่คำผ่านการค้นหา: 'ทรงเป็นพระ'→'เป็นพระ' |
แอนเดอร์สัน (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 4: | บรรทัด 4: | ||
| caption = |
| caption = |
||
| birth_name = สาราลา ตามาง |
| birth_name = สาราลา ตามาง |
||
| birth_date = |
| birth_date = ราวปี พ.ศ. 2457? |
||
| birth_place = [[ประเทศเนปาล]] |
| birth_place = [[ประเทศเนปาล]] |
||
| residence = เรือนเล็กภายใน[[พระราชวังนารายันหิติ]] [[กาฐมาณฑุ|กรุงกาฐมาณฑุ]] [[ประเทศเนปาล]] |
| residence = เรือนเล็กภายใน[[พระราชวังนารายันหิติ]] [[กาฐมาณฑุ|กรุงกาฐมาณฑุ]] [[ประเทศเนปาล]] |
||
| death_date = |
| death_date = {{เทาเล็ก|ไม่มีข้อมูล}} |
||
| death_place = |
| death_place = |
||
| nationality = เนปาล |
| nationality = เนปาล |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
}} |
}} |
||
'''สาราลา ตามาง''' หรือ '''สาราลา โครขาลี''' อดีตพระสนมใน[[สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ]]<ref name="ตามัง">{{cite web |url=http://www.depers.nl/buitenland/211336/Koninklijke-concubine-blijft-in-paleis.html|title=Koninklijke concubine blijft in paleis Kathmandu|accessdate=2010-09-6|work=DePers.nl|date=woensdag 11 juni 2008 17:12}}</ref> พระมหากษัตริย์แห่งเนปาล ซึ่งครองราชย์ในช่วงปี |
'''สาราลา ตามาง''' หรือ '''สาราลา โครขาลี''' อดีตพระสนมใน[[สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ]]<ref name="ตามัง">{{cite web |url=http://www.depers.nl/buitenland/211336/Koninklijke-concubine-blijft-in-paleis.html|title=Koninklijke concubine blijft in paleis Kathmandu|accessdate=2010-09-6|work=DePers.nl|date=woensdag 11 juni 2008 17:12}}</ref> พระมหากษัตริย์แห่งเนปาล ซึ่งครองราชย์ในช่วงปี ค.ศ. 1911–1950 (ครั้งแรก) และ ค.ศ. 1951–1955 (ครั้งที่สอง) โดยสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะเป็นพระปัยกาใน[[สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ]] พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งเนปาล และนางสาราลาเองก็ถือเป็นนางสนมคนสุดท้ายของสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะที่ยังมีชีวิตอยู่ |
||
==ประวัติ== |
==ประวัติ== |
||
นางสาราลา ตามาง เกิดในครอบครัวเชื้อสาย[[ตามาง|ชนเผ่าตามาง]] โดยเธอเข้ารับราชการเป็นพระสนมแก่พระมหากษัตริย์ตั้งแต่เธอยังเป็นสาวสะพรั่ง และเป็นที่ยอมรับกันว่า[[สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ]] มีพระสนมกว่า 100 คน ในช่วงปี |
นางสาราลา ตามาง เกิดในครอบครัวเชื้อสาย[[ตามาง|ชนเผ่าตามาง]] โดยเธอเข้ารับราชการเป็นพระสนมแก่พระมหากษัตริย์ตั้งแต่เธอยังเป็นสาวสะพรั่ง และเป็นที่ยอมรับกันว่า[[สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ]] มีพระสนมกว่า 100 คน ในช่วงปี ค.ศ. 1940<ref name="สาราลา">{{cite web |url=http://www.thenational.ae/apps/pbcs.dll/article?AID=/20080612/FOREIGN/916283287/1103/NEWS|title=Secret royal concubine, 94, to remain at palace|accessdate=2010-09-5|work=Hannah Gardner, Foreign Correspondent|date=June 13. 2008 4:31AM UAE / June 13. 2008 12:31AM GMT}}</ref> ต่อมาเมื่อ[[สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ]] เสด็จสวรรคต ณ [[ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]]ในปี ค.ศ. 1955 นางสาราลาก็ยังพำนักอยู่ในเรือนเล็กสีขาวภายในพระราชวังนารายันหิติตลอดมา ซึ่งแท้จริงแล้วเธอสามารถอยู่ภายในพระราชวังได้ตามกฎหมาย เนื่องจากเธอเป็นพระสนมคนโปรดของอดีตกษัตริย์<ref name="สาราลา"/> นอกจากนี้เธออ้างว่าเธอมีชัยชนะด้านความรักเหนือพระมเหสีสองพระองค์ในรัชกาล คือ พระนางกันติ และพระนางไอศวารี<ref name="sar">{{cite web |url=http://www.thaindian.com/newsportal/south-asia/nepal-kings-90-yr-old-concubine-in-royal-distress_10083443.html|title=Nepal king’s 90-yr-old concubine in royal distress|accessdate=2011-10-30|work=DePers.nl|date=13 สิงหาคม 2551}}</ref> |
||
==ชีวิตหลังการสวรรคตของสวามี== |
==ชีวิตหลังการสวรรคตของสวามี== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:13, 25 มีนาคม 2557
สาราลา ตามาง Sarala Tamang | |
---|---|
เกิด | สาราลา ตามาง ราวปี พ.ศ. 2457? ประเทศเนปาล |
เสียชีวิต | ไม่มีข้อมูล |
สัญชาติ | เนปาล |
มีชื่อเสียงจาก | พระสนมในสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะที่ยังมีชีวิตอยู่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเนปาล |
คู่สมรส | สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ |
สาราลา ตามาง หรือ สาราลา โครขาลี อดีตพระสนมในสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ[1] พระมหากษัตริย์แห่งเนปาล ซึ่งครองราชย์ในช่วงปี ค.ศ. 1911–1950 (ครั้งแรก) และ ค.ศ. 1951–1955 (ครั้งที่สอง) โดยสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะเป็นพระปัยกาในสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งเนปาล และนางสาราลาเองก็ถือเป็นนางสนมคนสุดท้ายของสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะที่ยังมีชีวิตอยู่
ประวัติ
นางสาราลา ตามาง เกิดในครอบครัวเชื้อสายชนเผ่าตามาง โดยเธอเข้ารับราชการเป็นพระสนมแก่พระมหากษัตริย์ตั้งแต่เธอยังเป็นสาวสะพรั่ง และเป็นที่ยอมรับกันว่าสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ มีพระสนมกว่า 100 คน ในช่วงปี ค.ศ. 1940[2] ต่อมาเมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ เสด็จสวรรคต ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1955 นางสาราลาก็ยังพำนักอยู่ในเรือนเล็กสีขาวภายในพระราชวังนารายันหิติตลอดมา ซึ่งแท้จริงแล้วเธอสามารถอยู่ภายในพระราชวังได้ตามกฎหมาย เนื่องจากเธอเป็นพระสนมคนโปรดของอดีตกษัตริย์[2] นอกจากนี้เธออ้างว่าเธอมีชัยชนะด้านความรักเหนือพระมเหสีสองพระองค์ในรัชกาล คือ พระนางกันติ และพระนางไอศวารี[3]
ชีวิตหลังการสวรรคตของสวามี
หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ เธอยังคงพำนักอยู่ในเรือนเล็กของพระราชวังตามเดิม แต่วิถีชีวิตในพระราชวังของเธอก็ไม่ได้มีความสุขเลย เนื่องจากพระบรมวงศานุวงศ์เนปาลไม่ยอมรับในตัวเธอ มีการมอบเสื้อผ้าพื้นๆให้เธอนุ่งห่ม และอาหารจำนวนเล็กน้อยให้เธอรับประทาน[2] โดยท้ายที่สุดเธอจึงออกมาจากพระราชวังและพำนักที่วัดซึ่งตั้งอยู่ภายในพระราชวังหนุมานโธกาที่อยู่ห่างไม่กี่กิโลเมตร
การเปลี่ยนแปลงการปกครองเนปาล
หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเนปาล ได้มีการถอดถอนสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ พระราชนัดดาในสมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวนวีรพิกรมศาหเทวะ ลงจากตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ ยกเลิกระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยเป็นสาธารณรัฐ[4] พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ถูกลดพระอิสริยยศเป็นสามัญชน และให้เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์เนปาลให้ออกจากพระราชวังนารายันหิติ ซึ่งจะมีการดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ[5] ทั้งนี้สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีโกมล ได้เสด็จออกจากพระราชวังนารายันหิติก่อนหน้าเส้นตาย 1 วัน และได้พำนักอยู่ในพระราชวังฤดูร้อนนาคารชุนะ (Nagarjuna) ซึ่งอยู่ชานเมือง ส่วนมกุฎราชกุมารแห่งเนปาลได้อาศัยอยู่ในพระตำหนักส่วนพระองค์กลางกรุงของสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรา แต่รัฐบาลเนปาลก็อนุญาตให้สมเด็จพระราชินีรัตนาในสมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทรวีรวิกรมศาหเทวะ พำนักภายในพระราชวังนารายันหิติได้ โดยให้พำนักในพระตำหนักมเหนทรมันซิล ที่มีพื้นที่เพียง 30 เฮกตาร์[2] ส่วนนางสาราลาก็ได้ถูกเรียกตัวให้กลับไปพำนัก ณ เรือนหลังเล็กสีขาว ภายในพระราชวังนารายันหิติได้ เนื่องจากเหล่ารัฐมนตรีให้เหตุผลว่า "เธอไม่มีครอบครัวและไม่มีทรัพย์สมบัติ"[2] และเห็นว่าทั้งสองคนชราภาพมากแล้ว[3][6][7] นอกจากนี้เธอยังได้รับเงินสงเคราะห์จากรัฐบาลเดือนละ 50,000 รูปีเนปาล เพื่อใช้จ่ายด้านเสื้อผ้า, อาหาร และยา[3]
อ้างอิง
- ↑ "Koninklijke concubine blijft in paleis Kathmandu". DePers.nl. woensdag 11 juni 2008 17:12. สืบค้นเมื่อ 2010-09-6.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 "Secret royal concubine, 94, to remain at palace". Hannah Gardner, Foreign Correspondent. June 13. 2008 4:31AM UAE / June 13. 2008 12:31AM GMT. สืบค้นเมื่อ 2010-09-5.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 3.0 3.1 3.2 "Nepal king's 90-yr-old concubine in royal distress". DePers.nl. 13 สิงหาคม 2551. สืบค้นเมื่อ 2011-10-30.
- ↑ "Vote to abolish Nepal's monarchy". BBC News. 2007-12-28. สืบค้นเมื่อ 2010-08-13.
- ↑ "Koninklijk paleis van Nepal wordt museum". DePers.nl. maandag 16 juni 2008 13:32. สืบค้นเมื่อ 2010-09-6.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ อดีตประมุขเนปาล ทิ้งวัง-เคลียร์ข่าวลืออดีต
- ↑ Former queen mother allowed to stay in palace Barun Roy on June 10, 2008