ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คฤหาสน์โวเบิร์น"
ล เก็บกวาดแม่แบบเรียงลำดับ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ใช้ปีคศ|width = 280px}} |
{{ใช้ปีคศ|width = 280px}} |
||
{{กล่องข้อมูล สิ่งก่อสร้าง |
{{กล่องข้อมูล สิ่งก่อสร้าง |
||
| ชื่อสิ่งก่อสร้าง = คฤหาสน์โวเบิร์น |
| ชื่อสิ่งก่อสร้าง = คฤหาสน์โวเบิร์น<br><small>Woburn Abbey</small> |
||
| ชื่อภาษาอื่น = <small>[[คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ]]</small> |
| ชื่อภาษาอื่น = <small>[[คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ]]</small> |
||
| ภาพ = WoburnAbbey04.JPG |
| ภาพ = WoburnAbbey04.JPG |
||
| คำบรรยายภาพ = คฤหาสน์โวเบิร์น |
| คำบรรยายภาพ = คฤหาสน์โวเบิร์น |
||
| สิ่งก่อสร้าง = [[คฤหาสน์ชนบท]] |
| สิ่งก่อสร้าง = [[คฤหาสน์ชนบท]] |
||
| เมืองที่ตั้ง = [[Woburn, Bedfordshire|โวเบิร์น]], [[มณฑลเบดฟอร์ดเชอร์]] |
| เมืองที่ตั้ง = [[Woburn, Bedfordshire|โวเบิร์น]], [[มณฑลเบดฟอร์ดเชอร์]] |
||
| ประเทศที่ตั้ง = [[อังกฤษ]], [[สหราชอาณาจักร]] |
| ประเทศที่ตั้ง = [[อังกฤษ]], [[สหราชอาณาจักร]] |
||
| ปีสร้าง = [[ค.ศ. 1145]] - สถาปนาเป็น[[แอบ |
| ปีสร้าง = [[ค.ศ. 1145]] - สถาปนาเป็น[[แอบบีย์]] |
||
| ผู้สร้าง = |
| ผู้สร้าง = |
||
| ปีรื้อ = |
| ปีรื้อ = |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 25: | ||
| สิ่งที่น่าสนใจ = |
| สิ่งที่น่าสนใจ = |
||
| พิกัดภูมิศาสตร์ = {{Coord|51|59|13.98|N|0|36|22.85|W|type:landmark_region:UK}} |
| พิกัดภูมิศาสตร์ = {{Coord|51|59|13.98|N|0|36|22.85|W|type:landmark_region:UK}} |
||
| เว็บไซต์ = [http://www.woburn.co.uk/abbey/ เว็บไซต์ของคฤหาสน์โวเบิร์น |
| เว็บไซต์ = [http://www.woburn.co.uk/abbey/ เว็บไซต์ของคฤหาสน์โวเบิร์น] |
||
| ผู้บริหาร = |
| ผู้บริหาร = |
||
| หมายเหตุ = [[สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์|สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1]] |
| หมายเหตุ = [[สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์|สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1]] |
||
}} |
}} |
||
'''คฤหาสน์โวเบิร์น |
'''คฤหาสน์โวเบิร์น''' ({{lang-en|Woburn Abbey}}, ([http://www.forvo.com/word/Woburn#en ออกเสียง Woburn])) เป็น[[คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ|คฤหาสน์]]ที่ตั้งอยู่ใกล้[[Woburn, Bedfordshire|โวเบิร์น]]ใน[[เบดฟอร์ดเชอร์|เทศมณฑลเบดฟอร์ดเชอร์]]ใน[[สหราชอาณาจักร]] โวเบิร์นเป็นที่ตั้งของ[[Duke of Bedford|ดยุคแห่งเบดฟอร์ด]]และเป็นที่ตั้งของ[[Woburn Safari Park|อุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด]] |
||
== ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 == |
== ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 == |
||
คฤหาสน์โวเบิร์นประกอบด้วย |
คฤหาสน์โวเบิร์นประกอบด้วย "อุทยานโวเบิร์น" และตัวสิ่งก่อสร้างที่เดิมเป็น[[แอบบีย์]][[ซิสเตอร์เชียน]]ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1145 |
||
<ref name=1911EB> |
<ref name=1911EB> |
||
{{cite web |
{{cite web |
||
บรรทัด 43: | บรรทัด 43: | ||
| accessdate = 2008-10-06 }} |
| accessdate = 2008-10-06 }} |
||
</ref> |
</ref> |
||
ในปี ค.ศ. 1547 [[สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8]] ทรงยึดแอบ |
ในปี ค.ศ. 1547 [[สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ|สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8]] ทรงยึดแอบบีย์โวเบิร์น และนำไปมอบให้แก่[[John Russell, 1st Earl of Bedford|จอห์น รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งเบดฟอร์ดที่ 1]] ซึ่งทำให้โวเบิร์นกลายเป็นที่ตั้งของตระกูลรัสเซลล์และ[[Duke of Bedford|ดยุคแห่งเบดฟอร์ด]] แอบบีย์ส่วนใหญ่ได้รับการสร้างใหม่ ในปี ค.ศ. 1744<ref name=1911EB/>โดยสถาปนิก[[Henry Flitcroft|เฮนรี ฟลิทครอฟท์]] และ [[Henry Holland (architect)|เฮนรี ฮอลแลนด์]]ให้แก่[[John Russell, 4th Duke of Bedford|จอห์น รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 4]] [[Anna Russell, Duchess of Bedford|แอนนา รัสเซลล์ ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด]]ภรรยาของ[[Francis Russell, 7th Duke of Bedford|ฟรานซิส รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 7]] ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มอาหารว่างมื้อบ่ายที่กลายมาเป็น[[ประเพณีการดื่มชาของชาวอังกฤษ|ประเพณีการดื่มชา]] ราว ค.ศ. 1800 เพื่อเป็นแก้หิวระหว่างคอยอาหารค่ำ ซึ่งก็ยังประเพณีที่ปฏิบัติกันอยู่บ้างในปัจจุบัน |
||
== ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970s == |
== ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970s == |
||
[[ไฟล์:Woburn Abbey - plan of the pleasure ground from Hortus Gramineus Woburnensis (1816).jpg|thumb|220px|ผังของโวเบิร์นก่อนที่จะถูกทำลายไปบางส่วน]] |
[[ไฟล์:Woburn Abbey - plan of the pleasure ground from Hortus Gramineus Woburnensis (1816).jpg|thumb|220px|ผังของโวเบิร์นก่อนที่จะถูกทำลายไปบางส่วน]] |
||
[[ไฟล์:WoburnAbbey01.JPG|right|thumb|220px|ด้านตะวันออกของคฤหาสน์โวเบิร์น |
[[ไฟล์:WoburnAbbey01.JPG|right|thumb|220px|ด้านตะวันออกของคฤหาสน์โวเบิร์นมองจากลานกลางเดิม]] |
||
หลัง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ก็พบรอยไม้ผุที่ทำให้ต้องรื้อคฤหาสน์ลงครึ่งหนึ่ง เมื่อ[[Hastings William Sackville Russell, 12th Duke of Bedford|เฮสติงส์ วิลเลียม แซ็ควิลล์ รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 12]] เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 บุตรชาย[[John Robert Russell, 13th Duke of Bedford|จอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13]] ผู้ประสบกับภาษีมรดกจำนวนมหาศาลสำหรับบ้านที่ถูกรื้อไปครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม แต่แทนที่จะยกคฤหาสน์ให้แก่[[องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ]] หรือ [[องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ|องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ]] ดยุคแห่งเบดฟอร์ดก็หาทางนำเงินมาช่วยในทำนุบำรุงและรักษาคฤหาสน์โดยการเปิดคฤหาสน์ให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 เมื่อกลายเป็นนิยมทางคฤหาสน์ก็เพิ่มสิ่งต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รวมทั้ง[[Woburn Safari Park|อุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด]]ที่เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 |
หลัง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ก็พบรอยไม้ผุที่ทำให้ต้องรื้อคฤหาสน์ลงครึ่งหนึ่ง เมื่อ[[Hastings William Sackville Russell, 12th Duke of Bedford|เฮสติงส์ วิลเลียม แซ็ควิลล์ รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 12]] เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 บุตรชาย[[John Robert Russell, 13th Duke of Bedford|จอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13]] ผู้ประสบกับภาษีมรดกจำนวนมหาศาลสำหรับบ้านที่ถูกรื้อไปครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม แต่แทนที่จะยกคฤหาสน์ให้แก่[[องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ]] หรือ [[องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ|องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ]] ดยุคแห่งเบดฟอร์ดก็หาทางนำเงินมาช่วยในทำนุบำรุงและรักษาคฤหาสน์โดยการเปิดคฤหาสน์ให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 เมื่อกลายเป็นนิยมทางคฤหาสน์ก็เพิ่มสิ่งต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รวมทั้ง[[Woburn Safari Park|อุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด]]ที่เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 |
||
บรรทัด 60: | บรรทัด 60: | ||
หลังจากการเสียชีวิตของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 บุตรชายคนโตผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็น[[Andrew Ian Henry Russell, 15th Duke of Bedford|แอนดรู เอียน เฮนรี รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 15]] จึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารคฤหาสน์ต่อจากบิดา |
หลังจากการเสียชีวิตของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 บุตรชายคนโตผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็น[[Andrew Ian Henry Russell, 15th Duke of Bedford|แอนดรู เอียน เฮนรี รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 15]] จึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารคฤหาสน์ต่อจากบิดา |
||
"คฤหาสน์โวเบิร์น" ที่เป็นสิ่งก่อสร้าง[[สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์|สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1]] ในปัจจุบันเป็นของ[[องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ|องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ]]แห่งอังกฤษ |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 70: | บรรทัด 70: | ||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่-บรรทัด|Woburn Abbey|คฤหาสน์โวเบิร์น |
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่-บรรทัด|Woburn Abbey|คฤหาสน์โวเบิร์น}} |
||
* [http://www.woburnabbey.co.uk Official website] |
* [http://www.woburnabbey.co.uk Official website] |
||
{{oscoor gbx|495800_233000}} |
{{oscoor gbx|495800_233000}} |
||
บรรทัด 77: | บรรทัด 77: | ||
{{คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ}} |
{{คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ}} |
||
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในเบดฟอร์ดเชอร์]] |
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในเบดฟอร์ดเชอร์]] |
||
[[หมวดหมู่:คฤหาสน์ในอังกฤษ| |
[[หมวดหมู่:คฤหาสน์ในอังกฤษ|วโวเบิร์น]] |
||
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ระดับ 1]] |
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ระดับ 1]] |
||
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18]] |
[[หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:19, 17 กุมภาพันธ์ 2557
คฤหาสน์โวเบิร์น Woburn Abbey | |
---|---|
คฤหาสน์โวเบิร์น | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | คฤหาสน์ชนบท |
เมือง | โวเบิร์น, มณฑลเบดฟอร์ดเชอร์ |
ประเทศ | อังกฤษ, สหราชอาณาจักร |
พิกัด | 51°59′13.98″N 0°36′22.85″W / 51.9872167°N 0.6063472°W |
เริ่มสร้าง | ค.ศ. 1145 - สถาปนาเป็นแอบบีย์ |
ปรับปรุง | ค.ศ. 1744 |
เว็บไซต์ | |
เว็บไซต์ของคฤหาสน์โวเบิร์น | |
สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1 |
คฤหาสน์โวเบิร์น (อังกฤษ: Woburn Abbey, (ออกเสียง Woburn)) เป็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ใกล้โวเบิร์นในเทศมณฑลเบดฟอร์ดเชอร์ในสหราชอาณาจักร โวเบิร์นเป็นที่ตั้งของดยุคแห่งเบดฟอร์ดและเป็นที่ตั้งของอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด
ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20
คฤหาสน์โวเบิร์นประกอบด้วย "อุทยานโวเบิร์น" และตัวสิ่งก่อสร้างที่เดิมเป็นแอบบีย์ซิสเตอร์เชียนที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1145 [1] ในปี ค.ศ. 1547 สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงยึดแอบบีย์โวเบิร์น และนำไปมอบให้แก่จอห์น รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 ซึ่งทำให้โวเบิร์นกลายเป็นที่ตั้งของตระกูลรัสเซลล์และดยุคแห่งเบดฟอร์ด แอบบีย์ส่วนใหญ่ได้รับการสร้างใหม่ ในปี ค.ศ. 1744[1]โดยสถาปนิกเฮนรี ฟลิทครอฟท์ และ เฮนรี ฮอลแลนด์ให้แก่จอห์น รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 4 แอนนา รัสเซลล์ ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดภรรยาของฟรานซิส รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 7 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มอาหารว่างมื้อบ่ายที่กลายมาเป็นประเพณีการดื่มชา ราว ค.ศ. 1800 เพื่อเป็นแก้หิวระหว่างคอยอาหารค่ำ ซึ่งก็ยังประเพณีที่ปฏิบัติกันอยู่บ้างในปัจจุบัน
ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970s
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็พบรอยไม้ผุที่ทำให้ต้องรื้อคฤหาสน์ลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเฮสติงส์ วิลเลียม แซ็ควิลล์ รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 12 เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 บุตรชายจอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 ผู้ประสบกับภาษีมรดกจำนวนมหาศาลสำหรับบ้านที่ถูกรื้อไปครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม แต่แทนที่จะยกคฤหาสน์ให้แก่องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ หรือ องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดก็หาทางนำเงินมาช่วยในทำนุบำรุงและรักษาคฤหาสน์โดยการเปิดคฤหาสน์ให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 เมื่อกลายเป็นนิยมทางคฤหาสน์ก็เพิ่มสิ่งต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รวมทั้งอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ดที่เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970
คริสต์ทศวรรษ 1970 ถึง ค.ศ. 2003
ในปี ค.ศ. 1975 จอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่มอนติคาร์โล[2] โรบินบุตรชายผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นมาร์ควิสแห่งทาวิสต็อค (Marquess of Tavistock) และภรรยามาร์ชอนเนสแห่งทาวิสต็อคจึงดำเนินการบริหารคฤหาสน์โวเบิร์นต่อแทนบิดา
ระหว่างปี ค.ศ. 1999 ถึงปี ค.ศ. 2002 บีบีซีสร้างรายการต่อเนื่องสามชุดทั้งหมด 29 ตอนโดยการติดตามรายละเอียดชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับการบริหารและการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคฤหาสน์โวเบิร์นโดยมีมาร์ควิสและมาร์ชอนเนสเองเป็นผู้แสดงและบรรยาย
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2002 เมื่อดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 เสียชีวิตลง มาร์ควิสแห่งทาวิสต็อคก็ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นโรบิน รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 แต่โรบินดำรงบรรดาศักดิ์อยู่ได้เพียงไม่ถึงปีก็มาเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนปีต่อมา
ค.ศ. 2003 จนถึงปัจจุบัน
หลังจากการเสียชีวิตของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 บุตรชายคนโตผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นแอนดรู เอียน เฮนรี รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 15 จึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารคฤหาสน์ต่อจากบิดา
"คฤหาสน์โวเบิร์น" ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1 ในปัจจุบันเป็นขององค์การอนุรักษ์แห่งชาติแห่งอังกฤษ
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 "Woburn, England - LoveToKnow 1911" (HTML). Encyclopædia Britannica Eleventh Edition. Encyclopædia Britannica. 2005-12-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-06.
- ↑ "The Duchess of Bedford" by Nicole Nobody
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ คฤหาสน์โวเบิร์น
- Official website
- แผนที่สำหรับ คฤหาสน์โวเบิร์น