ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เกรซ เคลลี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ซวากสท์ ชาเกิล (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ซวากสท์ ชาเกิล (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
| สีพิเศษ = purple
| สีพิเศษ = purple
| สีอักษร =
| สีอักษร =
| ภาพ =Grace Kelly.JPG
| ภาพ =ไฟล์:Grace Kelly.JPG
| ชื่อ = เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก
| ชื่อ = เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก
| พระนาม= เกรซ แพทริเซีย
| พระนาม= เกรซ แพทริเซีย

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:42, 12 มกราคม 2557

เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก

เกรซ แพทริเซีย
เจ้าหญิงแห่งโมนาโก
ประสูติ12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472
ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา
สวรรคต14 กันยายน พ.ศ. 2525
โมนาโก
พระราชสวามีเจ้าชายเรนิเยที่ 3 แห่งโมนาโก
(พ.ศ. 2499 - 2525)
พระราชบุตร- เจ้าหญิงกาโรลีนแห่งโมนาโก
- เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งโมนาโก
- เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งโมนาโก
ราชวงศ์กรีมัลดี
พระบิดานายจอห์น เบรนดัน เคลลี ซีเนียร์
พระมารดานางมาร์กาเร็ต แคทรีน เมเจอร์

เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก หรือ เกรซ แพทริเซีย เคลลี (อังกฤษ: Grace Patricia Kelly; 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 – 14 กันยายน พ.ศ. 2525) เป็นนักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกันผู้ได้รับรางวัลอะแคเดมี ได้เสกสมรสกับเจ้าชายเรนิเยที่ 3 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2499 เจ้าหญิงเกรซเป็นพระมารดาของเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก

หลังการอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าหญิงเกรซถือสัญชาติพร้อมกันสองสัญชาติ คือทั้งอเมริกันและโมนาโก ชีวิตที่เป็นดัง “เทพนิยาย” ทำให้พระองค์เป็นชาวอเมริกันผู้เลื่องลือและเป็นที่รักมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20[ต้องการอ้างอิง]

ครอบครัว

เกรซ เคลลีเกิดที่ย่านอีสฟอลล์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 4 คนของนายแจ็คและนางมากาเร็ต เคลลี บิดาของเกรซเป็นบุตร 1 ใน 10 คนของครอบครัวชาวอเมริกันคาทอลิกที่อพยพมาจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์ แจ็คผู้บิดาเคยเป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกันมาแล้วจากการได้เหรียญทองโอลิมปิกมากถึง 3 เหรียญในแข่งขันเรือกรรเชียงคู่ในขณะที่กีฬาชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมสูงสุด แจ็คทำธุรกิจการค้าอิฐที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ และประสบความสำเร็จในระดับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง พี่น้องของแจ็คหลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตด้านศิลปะ คนหนึ่งเป็นนักเขียนบทละครย่อยที่โด่งดัง อีกคนหนึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์

เมื่อ พ.ศ. 2478 แจ็ก หรือที่เรียกกันอย่างว่า จอห์น เคลลีได้ลงสมัครรับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีในนามของพรรคเดโมแครตแต่ก็แพ้อย่างหวุดหวิด ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ได้แต่งตั้งแจ็กเป็นประธานกรรมการพลศึกษาแห่งชาติซึ่งเป็นตำแหน่งทางประชาสัมพันธ์ที่ใช้ความมีชื่อเสียงด้านกีฬาของเขามาช่วยโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมากขึ้น

มากาเร็ต มารดาของเกรซมีเชื้อสายเยอรมันที่เข้ารีตเป็นคาทอลิก เธอเองก็เก่งด้านกีฬา จบสาขาพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทมเพิลซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าภาควิชาพลศึกษาคนแรกของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

จอห์น บี เคลลี จูเนียร์พี่ชายของเกรซก็มีเชื้อไม่ทิ้งแถวของครอบครัว โดยเป็นนักกีฬาที่ชนะเลิศรางวัล “เจมส์ อี ซุลลิแวน” ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับกีฬาสมัครเล่นของสหรัฐฯ เมื่อ พ.ศ. 2490 ในปี พ.ศ. 2499 จอห์น จูเนียร์ยังได้รางวัลเหรียญทองแดงโอลิมปิกฤดูร้อนจากการแข่งขันเรือกรรเชียง และได้มอบเหรียญนี้เป็นของขวัญแต่งงานของน้องสาว


ชีวิตการแสดง

เกรซ เคลลีในการแสดงแบบชุดกลางคืนในภาพยนตร์เรื่อง Rear Window.

ตั้งแต่เด็ก เกรซก็มีเค้าลางว่าจะได้ทำงานในสายอาชีพการแสดง เกรซได้เป็นนางแบบเดินแฟชั่นในงานสังคมสาธารณะกุศลร่วมกับแม่และพี่สาว การแสดงครั้งแรกของเกรซมีขึ้นเมื่อเธอมีอายุเพียง 12 ขวบโดยการแสดงละครเรื่องหนึ่ง ในระหว่างการเรียนชั้นมัธยมปลาย เกรซได้แสดงทั้งละครและระบำ ในหนังสือรุ่น เพื่อนๆ เธอเขียนทำนายไว้ว่าเธอจะได้เป็น “ดาราที่มีชื่อเสียงทั้งในจอเงินและทางวิทยุ”

เมื่อจบชั้นมัธยมปลาย เกรซตัดสินใจมุ่งสู่อาชีพการแสดง และได้เข้าศึกษาใน สถาบันศิลปะการแสดงอเมริกันในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ได้ผลิตดาราที่มีชื่อเสียงในวงการมาแล้วหลายคน เช่น แคทารีน เฮบเบิร์นและสเปนเซอร์ เทรซีเป็นต้น เกรซหารายได้มาจุนเจือค่าเล่าเรียนจากเป็นนางแบบ ระหว่างการศึกษา เกรซเป็นนักศึกษาที่ขยันมาก ใช้เครื่องอัดเสียงมาช่วยในการฝึกพูดจนได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เธอได้เริ่มงานแสดงละครบรอดเวย์เป็นครั้งปฐมฤกษ์ และเมื่ออายุ 19 ปี เกรซจบการศึกษาด้วยการแสดงละครเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตการแสดงภาพยนตร์ของเธอ

ต่อมาเกรซได้เข้าสู่วงการโทรทัศน์และประสบความสำเร็จซึ่งนำไปสู่วงการจอเงินเป็นครั้งแรกโดยการเป็นตัวแสดงประกอบในภาพยนตร์เรื่อง “14 ชั่วโมง” (พ.ศ. 2494) เมื่ออายุ 22 ปี ภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้เกรซได้รับข้อเสนอมากหลายรายแต่เธอก็ปฏิเสธด้วยเกรงว่าจะขาดอิสรภาพในวงการละคร

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเกรซได้รับโทรเลขจากผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดให้มาแสดงนำคู่กับแกรี คูเปอร์ ในเรื่อง “ไฮนูน” ซึ่งได้แม้จะได้รับรางวัลอะแคเดมี 2 ถึงรางวัล แต่เกรซก็ยังไม่พอใจและสมัครเข้ารับการฝึกจากครูฝึกสอนการแสดง ซึ่งมีผลให้ได้รับบทบาทเป็นผู้แสดงประกอบในภาพยนตร์ที่แสดงโดยคล๊าก เกเบิลและเอวา การ์ดเนอร์ในเรื่อง “โมแกมโบ” พ.ศ. 2496 ที่ถ่ายทำในป่าประเทศเคนยา การฝึกฝนต่อดังกล่าว มีผลให้เกรซได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ส่งให้เกรซขึ้นชั้นในระดับดารา

ผู้กำกับชื่อดังคือ อัลเฟรด ฮิชค็อก ได้ให้เกรซสวมบทบาทนางเอกในภาพยนตร์ประเภทลึกลับตื่นเต้นหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่อง “เรียร์ วินโดว์” คู่กับจิมมี สจ๊วตซึ่งทำให้เกรซเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศ ฮิชค็อกได้ให้เกรซแสดงอีกหลายเรื่องจนที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2498 เคลลีได้รับรางวัลอะแคเดมีในฐานะนักแสดงยอดเยี่ยมในเรื่อง “เด็กบ้านนอก” (The Country Girl)

เรื่องสุดท้ายที่เกรซนำแสดงได้แก่เรื่อง “สังคมชั้นสูง” (High Society –พ.ศ. 2499) ภาพยนตร์เพลงที่ดัดแปลงจากเรื่อง “เดอะฟิลาเดลเฟียสตอรี” ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่เกรซใช้แสดงเพื่อจบการศึกษาดังกล่าวในตอนต้น

แม้ชีวิตการเป็นนักแสดงภาพยนตร์ของเกรซ เคลลีจะมีช่วงเวลาเพียง 5 ปี และแสดงไปเพียง 11 เรื่อง ความสวยและเสน่ห์ของเกรซได้ประทับลงไปในความทรงจำของคนอมเริกันและนักชมภาพยนตร์ในยุคนั้นอย่างไม่มีวันลืมเลือน

การแต่งงานและชีวิตเจ้าหญิง

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2498 เกรซ เคลลีได้รับการขอร้องให้เป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ขณะที่อยู่ที่นั่น เธอได้รับเชิญไปร่วมงานถ่ายภาพในวังโมนาโกกับเจ้าชายเรนีเย เจ้าผู้ครองประเทศโมนาโก หลังจากผลัดผ่อนหลายครั้งจากความไม่สะดวกหลายอย่าง ในที่สุด เกรซก็ได้ไปถึงโมนาโก ที่ซึ่งทำให้เกรซได้พบกับเจ้าชาย

หลังจากกลับสหรัฐฯ และเริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่เรื่อง “หงส์” (The Swan - พ.ศ. 2499) ซึ่งบังเอิญสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิง ไม่นานจากนั้น เกรซ เคลลีเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับเจ้าชายเรนีเยเป็นการส่วนตัว ในเดือนธันวาคมปีนั้น เจ้าชายก็ได้เสด็จมาอเมริกาเป็นทางการ ซึ่งมีการโจษจันว่าเสด็จเพื่อแสวงหาพระชายาเนื่องจากสนธิสัญญากับฝรั่งเศสซึ่งทำไว้เมื่อ พ.ศ. 2461 บ่งไว้ว่า เมื่อใดที่เจ้าชายแห่งโมนาโกไม่มีรัชทายาท โมนาโกจะต้องรวมกับฝรั่งเศส

เจ้าชายได้ถูกถามในการให้สัมภาษณ์ว่าพระองค์กำลังแสวงหาพระชายาใช่หรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงตอบปฏิเสธ และในคำถามถัดมาถามว่าสมมุติว่าใช่ พระองค์จะโปรดพระชายาแบบไหน? พระงค์ทรงพระสรวลแล้วตอบว่า “ไม่ทราบ... แต่คงจะดีที่สุดกระมัง” เจ้าชายได้ทรงพบเกรซ เคลลีกับครอบครัวของเธอ และในอีกเพียง 3 วันต่อมาเจ้าชายเรนีเยก็ขอแต่งงานกับเกรซ ซึ่งเธอตอบรับ จากนั้นพระองค์และครอบครัวของเกรซก็ได้เตรียมการแต่งงานที่โด่งดังที่สุดแห่งศตวรรษ

ข่าวการหมั้นเป็นที่ตื่นเต้นเลื่องลือ แม้จะหมายความถึงการสิ้นสุดชีวิตการแสดงของเกรซก็ตาม วงการภาพยนตร์ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เกรซอยู่ในวงการแสดงต่อไป จึงได้แต่อวยพรให้เธอมีความสุข

การเตรียมพระราชพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความพิถีพิถัน มีการทาสีพระราชวัง ตบแต่งใหม่ทั้งหมด รวมทั้งพิธีการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสู่โมนาโก ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2499 เกรซ เคลลีได้ลงเรือที่ท่าในนครนิวยอร์กพร้อมกับเพื่อนเจ้าสาวและครอบครัวของเธอ สุนัขพูเดิลและสัมภาระ 400 ชิ้นออกจากท่าสู่ริเวียรา มีนักข่าวมากกว่า 400 คนขอร่วมเดินทางไปด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธเกือบทั้งหมด ใช้เวลาเดินทาง 8 วัน มีผู้คอยต้อนรับมากกว่าสองหมื่นคนเรียงรายโห่ร้องต้อนรับเจ้าหญิงในอนาคตตามถนน

พระราชพิธีสมรสได้รับการถ่ายทอดไปทั่วยุโรป เกรซต้องจดจำชื่อตำแหน่งทางการให้ได้มากถึง 142 ชื่อ ในงานพระราชพิธีมีแขกผู้มีเกียรติและชนชั้นสูงได้รับเชิญจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 600 คน และคาดว่ามีผู้ชมการถ่ายทอดทางโทรทัศน์รวม 30 ล้านคน เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซพระชายาได้ลงเรือยอชต์ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเวลา 7 วันในคืนวันนั้นเอง

ทั้งสองพระองค์ได้พระราชธิดาพระองค์แรกหลังพระราชพิธีสมรส 9 เดือนกับ 4 วัน มีการยิงสลุต 21 นัดและประกาศเป็นวันหยุดราชการ หยุดการพนัน แจกแชมเปญฟรี และในปีเศษต่อมามีการยิงสลุต 101 นัดเพื่อต้อนรับโอรส คือเจ้าชายอัลแบร์

เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซมีพระโอรสและพระธิดา 3 พระองค์ดังนี้

เจ้าหญิงเกรซ ไม่ได้หวนกลับสู่วงการจอเงินอีก พระองค์ทรงเลือกที่จะเป็นผู้นำประเทศฝ่ายสตรี ในปี พ.ศ. 2505 ฮิตช์ค็อกได้ทูลชวนพระองค์ให้มาแสดงภาพยนตร์อีก พระองค์อยากจะลองแต่ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยรวมทั้งเจ้าชายเรนีเย เจ้าหญิงจึงตอบปฏิเสธไป แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงเกรซก็ได้เข้าสู่วงการศิลปินในรูปแบบพิเศษโดยการอ่านบทกลอนในภาพยนตร์ชุดสารคดีเมื่อ พ.ศ. 2520 พระองค์ในฐานะเจ้าหญิงได้มีบทบาทในการยกระดับสถาบันศิลปะของโมนาโก มีการจัดตั้งมูลนิธิเจ้าหญิงเกรซขึ้นเพื่ออุปถัมภ์ศิลปินของประเทศ

เจ้าหญิงเกรซเป็นบุคคลชั้นสูงคนแรกที่สนับสนุนการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา ทรงจัดงานคริสต์มาสประจำปีสำหรับเด็กกำพร้าและทรงจัดตั้งสโมสรสวนดอกไม้ขึ้นเนื่องจากที่พระองค์โปรดปรานดอกไม้มาก

เจ้าชายเรนีเยและเจ้าหญิงเกรซได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระที่ได้ทรงอภิเษกสมรสครบ 25 ปี เมื่อ พ.ศ. 2527

การสิ้นพระชนม์

ในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2525 ด้วยพระชนมายุ 52 พรรษา เจ้าหญิงเกรซและเจ้าหญิงสเตฟานีพระราชธิดาได้ขับรถมุ่งสู่โมนาโกจากที่ประทับในชนบท พระองค์ประชวรกะทันหันด้วยโรคเส้นโลหิตแตกในสมอง ทำให้รถโรเวอร์ที่ทรงขับอยู่พลิกคว่ำตกจากไหล่เนินที่สูงหลายตลบ และทรงสิ้นพระชนม์ในวันรุ่งขึ้น มีการโจษจันกันว่าจุดเกิดเป็นถนนช่วงโค้งที่เดียวกันกับที่ใช้เป็นเป็นฉากภาพยนตร์ แต่พระโอรสทรงปฏิเสธ เจ้าหญิงสเตฟานีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

พระศพของเจ้าหญิงเกรซได้รับการฝังไว้ในโบสถ์เซนต์นิโคลาส ประเทศโมนาโก และต่อมาเจ้าชายเรนีเยก็ถูกฝังไว้เคียงของเจ้าหญิงเกรซหลังจากเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2548 มีประชาชนมากกว่า 100 ล้านคนที่ชมการถ่ายทอดพิธีฝังพระศพเจ้าหญิงเคลลี

หลังการสิ้นพระชนม์

ชีวิตในราชวงศ์เริ่มเปลี่ยนไป สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือพระพลานามัยของเจ้าชายเรนิเย นับตั้งแต่การจากไปของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ อีกทั้งความประพฤติของพระธิดาทั้งสองพระองค์ ที่ไม่เคยนำความชื่นใจมาเลย โดยเฉพาะเจ้าหญิงสเตฟานีที่มีความประพฤติ ไปในทางลบด้านชู้สาวเสียมากกว่า ส่วนเจ้าชายอัลแบร์ก็คงตำแหน่งเจ้าชายเพลย์บอยไม่เสื่อมคาย

ทั้งนี้เจ้าชายเรนิเยทรงรับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2548 หลังจากทรงพระประชวรจากอาการของพระปัปผาสะติดเชื้อ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม อาการทรุดลง เมื่อวันที่ 1 เมษายน สำนักพระราชวังโมนาโกก็แถลงว่า เจ้าชายอัลแบร์จะทรงขึ้นสำเร็จราชการแทนพระองค์ สำนักพระราชวังโมนาโกแถลงว่าเจ้าชายเรนิเยสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อเวลา 04.35 น. ด้วยพระชนม์มายุ 81 พรรษา โดยมีเจ้าชายอัลแบร์ประทับอยู่เคียงข้าง

แหล่งข้อมูลอื่น

  • เกรซ เคลลี ในข้อมูลอินเทอร์เน็ต [1]
  • แผนภูมิการสืบราชวงศ์ของเจ้าชายอัลแบร์ [2]
  • รายชื่อเครือญาติเจ้าหญิงเกรซ [3]
ก่อนหน้า เกรซ เคลลี ถัดไป
กีแลน มารี ฟร็องซัว ดอม็องแฌ
เจ้าหญิงพระชายาในองค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก
(19 เมษายน พ.ศ. 2499 - 14 กันยายน พ.ศ. 2525)
ชาร์ลีน ไลเน็ตต์ วิตต์สท็อก

แม่แบบ:Link GA