ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหมืองแม่เมาะ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Aquapatinth (คุย | ส่วนร่วม)
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
ย้ายป้ายโครงการวิกิประเทศไทยไปหน้าพูดคุย
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{วิกิประเทศไทย}}
[[ภาพ:Place Maemoh1433.jpg|thumb|250px|right|พระราชานุสาวรีย์[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] สวนพฤกษชาติแม่เมาะ ]]
[[ภาพ:Place Maemoh1433.jpg|thumb|250px|right|พระราชานุสาวรีย์[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] สวนพฤกษชาติแม่เมาะ ]]
[[ภาพ:Place Maemoh0161.jpg|thumb|250px|right|สายพานลำเลียง ได้รับการคลุมปิดตลอดแนว]]
[[ภาพ:Place Maemoh0161.jpg|thumb|250px|right|สายพานลำเลียง ได้รับการคลุมปิดตลอดแนว]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 04:32, 27 เมษายน 2550

พระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนพฤกษชาติแม่เมาะ
ไฟล์:Place Maemoh0161.jpg
สายพานลำเลียง ได้รับการคลุมปิดตลอดแนว

เหมืองแม่เมาะ ตั้งอยู่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นเหมืองถ่านหินลิกไนต์ ซึ่งใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ

ประวัติ

เหมืองแม่เมาะก่อนปี 2470

กิจการเหมืองลิกไนต์ เริ่มเมื่อปี 2460 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงมีพระประสงค์จะสงวนป่าไม้ จึงโปรดให้ทำการสำรวจหาเชื้อเพลิงอย่างอื่น เพื่อนำเอามาใช้แทนฟืนสำหรับหัวรถจักรไอน้ำของรถไฟ โดยว่าจ้างชาวต่างประเทศ ให้มาดำเนินการสำรวจในระยะแรก ต่อมาระหว่างปี 2464 - 2466 ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศให้มาสำรวจอีก ปรากฏว่าพบถ่านลิกไนต์ ที่ "แม่เมาะ" จังหวัดลำปางและที่"คลองขนาน" จังหวัดกระบี่

เมื่อประทานบัตรสัมปทาน ซึ่งรัฐบาลได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนเปิดการทำเหมืองลิกไนต์ที่ "บ้านดอน" จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงมีพระบรมราชโองการถึงเจ้าพระยาพลเทพ ให้สงวนแหล่งถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศไว้ เพื่อให้ทางราชการเป็นผู้ดำเนินงานเท่านั้น โดยมีใจความว่า

ด้วยประทานบัตร์บ่อถ่านศิลาที่บ้านดอน ซึ่งอนุญาตให้แก่บริษัทบ่อถ่านศิลาสยามจำกัด ทำนั้น, ได้หมดสิ้นไปแล้ว ฉันเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรที่จะดำริรวบรวม บ่อถ่านศิลาในพระราชอาณาจักร ไว้สำหรับรัฐบาลทำเอง เพราะจะเปนประโยชน์แก่บ้านเมืองต่อไปหาน้อยไม่ เพราะฉนั้น ต่อไปให้สงวนบ่อถ่านศิลาที่บ้านดอน, ที่แขวงเมืองกระบี่ และที่แม่เมาะ ไว้สำหรับรัฐบาลตรวจทำ ถ้ามีผู้ใดมาขอประทานบัตร์หรือสิทธิใดๆ ในเขตต์ทั้งหลายที่กล่าวแล้ว จงแจ้งให้ทราบว่า เปนที่ๆรัฐบาลสงวนไว้ใช้ราชการ

ประชาธิปก ปร.
16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 พระที่นั่งอัมพรสถาน

เหมืองแม่เมาะหลังปี 2470

หลังจากได้มีพระบรมราชโองการออกไปแล้วนั้น ในปี 2493 กรมโลหกิจ (กรมทรัพยากรธรณี) ได้ดำเนินการสำรวจไปจนถึงปี 2496 จึงพบแหล่งถ่านลิกไนต์มีแนวชั้น ติดต่อกันยาวไปตามลำห้วยในแอ่งแม่เมาะ ต่อมาในปี 2497 รัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การพลังงานไฟฟ้าลิกไนต์ เพื่อดำเนินกิจการลิกไนต์ให้บังเกิดผลอย่างจริงจัง จึงทำการก่อสร้างโรงจักรแม่เมาะ ขนาดกำลังผลิต 12,500 กิโลวัตต์ ใช้ถ่านลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง มีพิธีเปิดโรงไฟฟ้า เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2503

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2503 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้งการลิกไนต์ โดยโอนกิจการและทรัพย์สินขององค์การพลังงานไฟฟ้าลิกไนต์ มาเป็นของการลิกไนต์ กำหนดให้มีหน้าที่ผลิตและจำหน่ายถ่านลิกไนต์ วัตถุเคมีจากลิกไนต์ และพลังงานไฟฟ้าจากลิกไนต์ มีอำนาจดำเนินการในเขตท้องที่จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ และตาก จนกว่าการไฟฟ้ายันฮีจะขยายกิจการไปถึงจังหวัดนั้น ๆ และเขตท้องที่ในภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปทั้งหมด

เมื่อรัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยรวมกิจการของการลิกไนต์ การไฟฟ้ายันฮี และการไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าด้วยกัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 กฟผ. จึงได้รับโอนภาระหน้าที่ของทั้ง 3 องค์การมาดำเนินการทั้งหมด

ปัจจุบันเหมืองแม่เมาะได้ทำการขุดขนถ่านจำนวนประมาณ 15-17 ล้านตัน ส่งให้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าหน่วยที่ 4 ถึง 13 จำนวน 9 หน่วย ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และจ่ายไปยังจังหวัดต่าง ๆ

การดำเนินกิจการ

ทางเข้า พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา (เหมืองแม่เมาะ) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
อาคารนันทนาการ
ทุ่งบัวตองแม่เมาะ

หลังจากที่มีปัญหาด้านมลพิษทางฝุ่นควันในปี พ.ศ. 2527 ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในนามของเหมืองแม่เมาะ และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ดำเนินการรักษาและควบคุมมาตรฐานด้านมลพิษอย่างเคร่งครัด ในส่วนของเหมือง ได้ทำการติดตั้งหลังคาคลุมสายพานลำเลียงไว้ตลอดแนว พร้อมทั้งมีการฉีดพรมน้ำในสายพานลำเลียงและหน้างานเป็นระยะๆ เพื่อให้ความชื้นเป็นตัวลดการกระจายของฝุ่นละออง โดยผลจากสถานีตรวจสอบคุณภาพอากาศ ซึ่งติดตั้งไว้โดยรอบจำนวน 13 สถานีนั้น ได้รายงานผลออกมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ในระดับที่เป็นที่น่าพอใจ คือมีคุณภาพอากาศในทุกๆด้าน ดีกว่าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมีคุณภาพอากาศใกล้เคียงกับเขตเมืองลำปาง นอกจากมีการฉีดน้ำพรมหน้างานแล้ว ยังมีการปลูกต้นไม้และเพิ่มพท้นที่สีเขียวโดยรอบ เพื่อเป็นแนวกันฝุ่น ไม่ให้ลอยออกไปในย่านที่อยู่อาศัยใกล้เคียงด้วย

สถานที่สำคัญในบริเวณเหมือง

นอกจากกลุ่มอาคารที่ทำการ และโรงซ่อมบำรุงเครื่องมือหนักต่างๆที่ใช้ในการทำเหมือง แล้วนั้น เหมืองแม่เมาะยังประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับเหมือง ซึ่งประกอบด้วย

พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา (เหมืองแม่เมาะ)

ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสวนพฤกษชาติ เป็นอาคารชั้นเดียว เป็นศูนย์นิทรรศการถาวร จัดแสดงเรื่องเกี่ยวกับธรณีวิทยาของประเทศไทย และเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดลำปางโดยตรง ประกอบด้วยส่วนจัดแสดง 4 ส่วนคือ

  1. โถงกลาง จัดแสดงวีดิทัศน์นำเรื่องก่อนการเข้าชม เป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับถ่านหินในประเทศไทย
  2. ห้องธรณีวิทยา จัดแสดงวีดิทัศน์ภาพยนตร์สามมิติ เรื่องกำเนิดโลกและกำเนิดถ่านหิน และ มีนิทรรศการเกี่ยวกับธรณีวิทยา และฟอซซิลที่พบในบริเวณพื้นที่เหมืองแม่เมาะ
  3. ห้องผลิตไฟฟ้า จัดแสดงแบบจำลอง ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มทำเหมืองจยผลิตออกมาเป็นกระแสไฟฟ้า
  4. ห้องเฉลิมพระเกียรติ จัดแสดงภาพ และวีดิทัศน์ เกียวกับกิจการถ่านหิน และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

สวนพฤกษชาติ

ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของบ่อเหมือง เป็นที่ตั้งของศาลาชมวิว และลานสไลเดอร์หญ้าขนาดใหญ่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่มักมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ โดยสวนพฤกษชาติแห่งนี้ จะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนดอกไม้ลงแปลงตามฤดูกาล และจะมีงานเทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะขึ้นที่นี่ในเดือน พฤศจิกายน ของทุกปี ยกเว้นเมื่อปี 2549 ไม่ได้มีการจัดงานที่สวนพฤกษชาติ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องก่อนหน้านั้น ได้ทำให้พื้นดินชื้นแฉะมาก จึงต้องย้ายไปจัดที่ทุ่งบัวตองแทน

อาคารนันทนาการและสนามกอล์ฟ

อยู่ในบริเวณใกล้กลับศูนย์พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นอาคารใหม่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จในปี 2549 ในแบบสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ เป็นที่ตั้งของห้องจัดเลี้ยงและสโมสร ซึ่งย้ายมาจากบริเวณใกล้เคียง

ทุ่งบัวตอง

ทุ่งบัวตองนี้อยู่บนภูเขาสูงทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นภูเขาเทียมที่เกิดจากการนำดิน และกากถ่านหินจากเหมืองมาถมไว้ โดยมีแผนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวถาวร ด้วยการสร้างศาลาชมวิว พร้อมลานกิจกรรมด้านบนยอดดอย และปลูกบัวตองในบริเวณลาดเขารอบๆดอย เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเป็นพื้นที่สีเขียว


แหล่งข้อมูล