ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพุทธชินสีห์"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล ย้ายป้ายโครงการวิกิประเทศไทยไปหน้าพูดคุย |
||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
[[หมวดหมู่:พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย]] |
[[หมวดหมู่:พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย]] |
||
{{โครงพระพุทธรูป}} |
{{โครงพระพุทธรูป}} |
||
{{วิกิประเทศไทย}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:19, 27 เมษายน 2550
พระพุทธชินสีห์ | |
---|---|
ชื่อเต็ม | พระพุทธชินสีห์ |
ชื่อสามัญ | พระพุทธชินสีห์ |
ประเภท | พระพุทธรูป |
ศิลปะ | ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย |
วัสดุ | สำริด ปิดทอง |
สถานที่ประดิษฐาน | วัดบวรนิเวศวิหาร |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญพระองค์หนึ่งของหัวเมืองฝ่ายเหนือ สร้างขึ้นคราวเดียวกันกับพระพุทธชินราช และพระศาสดา ได้ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารด้านเหนือของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกมาแต่ต้น ต่อมาพระวิหารชำรุดทรุดโทรมลง ขาดการปฏิสังขรณ์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ จึงโปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2372
ตำนานการสร้าง
การสร้างพระพุทธรูปทั้ง 3 พระองค์ ของเมืองพิษณุโลกนั้น มีตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 1500 พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎกมหาราช แห่งเมืองเชียงแสน เสด็จมาตีเมืองสองแควได้ จึงทรงสร้างเมืองสองแควขึ้นใหม่ พระราชทานนามว่า เมืองพิษณุโลก ทำนองว่าเป็นเมืองอันพระวิษณุกรรมเสด็จลงมาสร้าง ครั้นสร้างพระนครเสร็จแล้ว มีพระราชศรัทธาสร้างวัดวาอาราม มีวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นพระอารามหลวง แล้วทรงหล่อพระพุทธรูป 3 องค์ ได้แก่ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา โปรดให้ประดิษฐานพระพุทธชินราช ณ พระวิหารใหญ่ ทิศตะวันตกของพระมหาธาตุประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ และ พระศรีศาสดา ณ พระวิหารใหญ่ทิศตะวันออก ทางทิศเหนือองค์หนึ่ง ทิศใต้องค์หนึ่ง พระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา จึงประดิษฐานอยู่ในวิหารเดียวกันตลอดมา ถึง 900 กว่าปี จนกระทั่งมีการอัญเชิญลงมากรุงเทพฯ ทั้งสององค์ คือพรพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา
ความสำคัญ
พระพุทธชินสีห์ แต่เดิมประดิษฐานไว้มุขหลังของพระอุโบสถของวัดบวรนิเวศวิหาร ที่เป็นจตุรมุข ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยเมื่อยังทรงผนวช และครองวัดบวรนิเวศวิหารอยู่ ได้ทูลขอพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว อัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาเป็นพระประธานในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคารพนับถือพระพุทธชินสีห์มาก ได้โปรดให้กะไหล่รัศมีองค์พระด้วยทองคำ ฝังพระเนตรฝังเพชรที่พระอุณาโลม แล้วปิดทองทั้งองค์พระ เมื่อ พ.ศ. 2393 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2397 ได้โปรดให้หล่อฐานด้วยทองสัมฤทธิ์ ปิดทองใหม่ทั้งองค์พระและฐาน แล้วให้มีการสมโภช 5 วัน
อ้างอิง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |