ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หนีตามกาลิเลโอ"
บรรทัด 65: | บรรทัด 65: | ||
* ผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ใช้วัยรุ่นสาวไทย 2 คนเป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ เนื่องจากประสบความสำเร็จจากสูตรนี้มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง [[Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย]] |
* ผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ใช้วัยรุ่นสาวไทย 2 คนเป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ เนื่องจากประสบความสำเร็จจากสูตรนี้มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง [[Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย]] |
||
* ตัวละคร เชอรี่ ที่รับบทโดย [[ต่าย ชุติมา]] มีปัญหาต้องเรียนซ้ำ 1 ปี เพราะทำผิดกฎที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุการณ์นี้คล้ายกับชีวิตจริงของผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ที่เคยเกือบไม่ได้รับปริญญาเพราะมีเรื่องทะเลาะกับอาจารย์ |
* ตัวละคร เชอรี่ ที่รับบทโดย [[ต่าย ชุติมา]] มีปัญหาต้องเรียนซ้ำ 1 ปี เพราะทำผิดกฎที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุการณ์นี้คล้ายกับชีวิตจริงของผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ที่เคยเกือบไม่ได้รับปริญญาเพราะมีเรื่องทะเลาะกับอาจารย์ |
||
* ในตอนแรก ผู้กำกับไม่แน่ใจว่า ต่าย ชุติมา และ [[จรินทร์พร จุนเกียรติ|เต้ย จรินทร์พร]] ที่อายุห่างกัน จะสามารถแสดงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันได้หรือไม่ แต่เมื่อให้ทั้งคู่ลองแสดงด้วยกัน ผู้กำกับเห็นว่าไม่มีปัญหาน่าหนักใจเลย |
* ในตอนแรก ผู้กำกับไม่แน่ใจว่า ต่าย ชุติมา และ [[จรินทร์พร จุนเกียรติ|เต้ย จรินทร์พร]] ที่อายุห่างกัน จะสามารถแสดงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันได้หรือไม่ แต่เมื่อให้ทั้งคู่ลองแสดงด้วยกัน ผู้กำกับเห็นว่าไม่มีปัญหาน่าหนักใจเลย ต่ายและเต้ย จึงรับบท นุ่นและเชอรี่ ตามลำดับ |
||
* ในตอนแรก ต้น ผู้กำกับกำหนดตัวละคร ตั้ม มีอายุประมาณ 26-27 ปี จึงไม่แน่ใจว่า [[เรย์ แมคโดนัลด์]] ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีจะเหมาะสมกับบทหรือไม่ แต่เมื่อให้เรย์ลองแสดงแล้ว ต้นคิดว่าเรย์ ทำให้ตัวละครตั้ม มีความน่าเชื่อถือ มีมิติ และน่าสนใจยิ่งขึ้น |
* ในตอนแรก ต้น ผู้กำกับกำหนดตัวละคร ตั้ม มีอายุประมาณ 26-27 ปี จึงไม่แน่ใจว่า [[เรย์ แมคโดนัลด์]] ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีจะเหมาะสมกับบทหรือไม่ แต่เมื่อให้เรย์ลองแสดงแล้ว ต้นคิดว่าเรย์ ทำให้ตัวละครตั้ม มีความน่าเชื่อถือ มีมิติ และน่าสนใจยิ่งขึ้น |
||
* แผนกคัดเลือกนักแสดงหาคนที่มารับบท พี่ทอม อยู่นาน จนกระทั่ง [[จิระ มะลิกุล]] ผู้อำนวยการสร้างแนะนำให้เลือก ชำนิ ทิพย์มณี เพราะชำนิเคยเดินทางไปอยู่ต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว แล้วยังดิ้นรนทำงานและเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับทอมในเรื่อง อนึ่งชำนิเป็นช่างภาพมืออาชีพฝีมือดี ผู้สร้างจึงให้ชำนิช่วยถ่ายภาพใบปิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย |
* แผนกคัดเลือกนักแสดงหาคนที่มารับบท พี่ทอม อยู่นาน จนกระทั่ง [[จิระ มะลิกุล]] ผู้อำนวยการสร้างแนะนำให้เลือก ชำนิ ทิพย์มณี เพราะชำนิเคยเดินทางไปอยู่ต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว แล้วยังดิ้นรนทำงานและเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับทอมในเรื่อง อนึ่งชำนิเป็นช่างภาพมืออาชีพฝีมือดี ผู้สร้างจึงให้ชำนิช่วยถ่ายภาพใบปิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย |
||
* คณะทำงานเบื้องหลังคนหลัก รวมถึงนักแสดงหลัก มีทั้งสิ้น 15 คน ซึ่งมี |
* คณะทำงานเบื้องหลังคนหลัก รวมถึงนักแสดงหลัก มีทั้งสิ้น 15 คน ซึ่งมีข้อดีคือ เป็นกองถ่ายที่คล่องตัวสูง เหมาะกับการถ่ายทำในต่างประเทศ แต่มีข้อเสียคือ ทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลาจำกัดเพียง 2 เดือน คนหนึ่งจึงต้องทำหลายหน้าที่ รวมถึงนักแสดงอย่างต่ายและเต้ย ต้องแต่งหน้าทำผมให้กับตัวเองด้วย |
||
* ต่าย ชุติมา ผู้รับบท เชอรี่ ร้องไห้ออกมาอย่างประทับใจ ขณะอ่านบทภาพยนตร์ครั้งแรก ซึ่งการอ่านบทครั้งนั้นเป็นการอ่านบทแบบ Read Through หรือการที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกันอ่านบทเพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน และทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ประทับใจจนร้องไห้ออกมากับหมดเช่นกัน |
* ต่าย ชุติมา ผู้รับบท เชอรี่ ร้องไห้ออกมาอย่างประทับใจ ขณะอ่านบทภาพยนตร์ครั้งแรก ซึ่งการอ่านบทครั้งนั้นเป็นการอ่านบทแบบ Read Through หรือการที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกันอ่านบทเพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน และทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ประทับใจจนร้องไห้ออกมากับหมดเช่นกัน |
||
* ต่าย ชุติมา ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่แสดงยากที่สุดตั้งแต่เคยแสดงมา คือฉากร้องไห้ ที่มีทั้งพูดไปร้องไห้ไป พูดแล้วน้ำตาค่อยๆ ไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้น และดีใจจนน้ำตาคลอ |
* ต่าย ชุติมา ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่แสดงยากที่สุดตั้งแต่เคยแสดงมา คือฉากร้องไห้ ที่มีทั้งพูดไปร้องไห้ไป พูดแล้วน้ำตาค่อยๆ ไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้น และดีใจจนน้ำตาคลอ |
||
บรรทัด 74: | บรรทัด 74: | ||
* เต้ย จรินทร์พร ผู้รับบท นุ่น เคยเปรยกับคุณแม่ของเธอว่าอยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เมื่อเข้าไปคุยกับผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เต้ยหันไปมองหน้าคุณแม่ทันทีด้วยความดีใจและแปลกใจอย่างบังเอิญ แต่ก็ต้องตัดสินใจหยุดพักการเรียน เพื่อหาประสบการณ์จากการแสดงเรื่องนี้ |
* เต้ย จรินทร์พร ผู้รับบท นุ่น เคยเปรยกับคุณแม่ของเธอว่าอยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เมื่อเข้าไปคุยกับผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เต้ยหันไปมองหน้าคุณแม่ทันทีด้วยความดีใจและแปลกใจอย่างบังเอิญ แต่ก็ต้องตัดสินใจหยุดพักการเรียน เพื่อหาประสบการณ์จากการแสดงเรื่องนี้ |
||
* เรย์ แมคโดนัลด์ ผู้รับบท ตั้ม ออกเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในต่างประเทศ พอดีกับเกิดเหตุการณ์ประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้หาตั๋วเครื่องบินจากสนามบินอู่ตะเภาไปถึงปารีส เรย์จึงสามารถเดินทางตามที่วางแผนได้อย่างราบรื่น |
* เรย์ แมคโดนัลด์ ผู้รับบท ตั้ม ออกเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในต่างประเทศ พอดีกับเกิดเหตุการณ์ประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้หาตั๋วเครื่องบินจากสนามบินอู่ตะเภาไปถึงปารีส เรย์จึงสามารถเดินทางตามที่วางแผนได้อย่างราบรื่น |
||
* ฉากที่ เต้ย จรินทร์พร หรือ นุ่น ชูป้ายกลางถนนชองป์ส-เอลิเซส์ ประเทศฝรั่งเศสว่า ''"ใครคิดถึงบ้านปรบมือ"'' ปรากฏว่ามีคนไทยที่เดินอยู่บนถนนสายนั้นปรบมือกันอย่าง |
* ฉากที่ เต้ย จรินทร์พร หรือ นุ่น ชูป้ายกลางถนนชองป์ส-เอลิเซส์ ประเทศฝรั่งเศสว่า ''"ใครคิดถึงบ้านปรบมือ"'' ปรากฏว่ามีคนไทยที่เดินอยู่บนถนนสายนั้นปรบมือกันอย่างพร้อมเพียง<ref>[http://www.siamzone.com/movie/m/5483/trivia เกร็ดจากภาพยนตร์ หนีตามกาลิเลโอ]</ref> |
||
* เพลงที่ใช้เต้นรำในงานปาร์ตี้ของตั้มที่ปารีส คือเพลง ฟลอร์เฟื่องฟ้า ของ[[สุนทราภรณ์]] |
* เพลงที่ใช้เต้นรำในงานปาร์ตี้ของตั้มที่ปารีส คือเพลง ฟลอร์เฟื่องฟ้า ของ[[สุนทราภรณ์]] |
||
* ระหว่างแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่าย ชุติมา ได้พบรักกับ ทิม [[พิธา ลิ้มเจริญรัตน์]] นักธุรกิจน้ำมันรำข้าว เป็นครั้งแรกที่ปารีส ขณะฝ่ายชายศึกษาต่อระดับปริญญาโท และภายหลังได้แต่งงานกัน |
* ระหว่างแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่าย ชุติมา ได้พบรักกับ ทิม [[พิธา ลิ้มเจริญรัตน์]] นักธุรกิจน้ำมันรำข้าว เป็นครั้งแรกที่ปารีส ขณะฝ่ายชายศึกษาต่อระดับปริญญาโท และภายหลังได้แต่งงานกัน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:14, 3 ตุลาคม 2556
หนีตามกาลิเลโอ | |
---|---|
กำกับ | นิธิวัฒน์ ธราธร |
บทภาพยนตร์ | โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล นิธิวัฒน์ ธราธร |
อำนวยการสร้าง | จิระ มะลิกุล |
นักแสดงนำ | จรินทร์พร จุนเกียรติ ชุติมา ทีปะนาถ เรย์ แมคโดนัลด์ ธนากร ชินกูล |
ดนตรีประกอบ | หัวลำโพงริดดิม |
ผู้จัดจำหน่าย | จีทีเอช |
วันฉาย | 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 |
ความยาว | 124 นาที |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย ฝรั่งเศส อิตาเลียน |
ทำเงิน | 30.34 ล้านบาท |
ต่อจากนี้ | จีทีเอช ไซด์ สตอร์รี่ |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
หนีตามกาลิเลโอ (อังกฤษ: Dear Galileo) (เดิมชื่อ กาลิเลโอ เพราะโลกมีแรงดึงดูด) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก/ดราม่า มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 กำกับโดย นิธิวัฒน์ ธราธร โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไปถ่ายทำไกลถึง 3 ประเทศ 3 เมือง คือ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ เวนิส ประเทศอิตาลี ภาพยนตร์ทำรายได้ 30.34 ล้านบาท[1]
นักแสดง
- เรย์ แมคโดนัลด์ รับบท ตั้ม (ฝรั่งเศส)/ พิสิทธ์
- ชุติมา ทีปะนาถ รับบท เชอรี่
- จรินทร์พร จุนเกียรติ รับบท นุ่น
- ธนากร ชินกูล รับบท ตั้ม (ไทย)
- วงศกร รัศมิทัต รับบท พ่อของเชอรี่
- จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร รับบท พ่อของนุ่น
- ชำนิ ทิพย์มณี รับบท พี่ทอม (อังกฤษ)
- กันต์ ชุณหวัตร รับบท องุ่น
เนื้อเรื่องโดยย่อ
นุ่นกับเชอรี่เป็นเพื่อนรักกัน เริ่มเรื่องที่ทั้งสองไปเล่นบันจี้จั๊มพ์ด้วยกัน และเล่าเรื่องปัญหาของตัวเองให้ฟัง นุ่น (จรินทร์พร จุนเกียรติ) มีปัญหารักเพราะเพิ่งจะเลิกกับแฟนที่ชื่อว่าตั้ม (ธนากร ชินกูล) และพยายามที่จะลืมเรื่องของตั้ม ส่วนเชอรี่ (ชุติมา ทีปะนาถ) มีปัญหาเรื่องเรียนเพราะอยากจะเข้าใช้ห้องเขียนแบบแต่อาจารย์ไม่มาจึงปลอมลายเซ็น จึงถูกพักการเรียน 1 ปีเต็ม ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันตามลำพังโดยไป ลอนดอน-ปารีส-เวนิส และปิดท้ายด้วยที่หอเอนปิซ่า แถวๆบ้านเกิดของกาลิเลโอ
ระหว่างที่ไปอยู่ที่อังกฤษทั้งสองได้ที่พักของญาติ และหารายได้ด้วยการไปทำงานที่ร้านอาหารไทยในอังกฤษ ซึ่งต่อมาได้ถูกให้ออกเพราะขาดงานไปเที่ยว ทั้งสองจึงออกเดินทางไปฝรั่งเศส และได้ไปพบกับตั้ม หรือ พิสิทธิ์ (เรย์ แมคโดนัลด์) ที่นั่น ตั้มทำให้ทั้งสองได้คิดว่า "คนอื่นเขามาต่างประเทศก็เพื่อมาเที่ยว แต่สองคนนี้มาอยู่แต่ในครัว" ต่อมาเชอรี่ได้แสดงฝีมือทางสถาปัตย์ของตน ในงานแสดงผลงานศิลป์ที่จัดโดยตั้มและเพื่อนของตั้ม จนได้รู้จักกับชาวอิตาลีที่สนใจงานของเชอรี่ และเสนอให้เธอไปร่วมงานด้วย ซึ่งเชอรี่ก็ตกลง
จากนั้นทั้งสองก็ได้ไปที่อิตาลี และไปเป็นทำงานที่ร้านอาหารไทยในเวนิสแต่เชอรี่โกงเงินเจ้าของร้าน ทำให้นุ่นซึ่งเป็นคนโกง(แต่เชอรี่เป็นคนคิดแผน) และโดนส่งกลับประเทศไทย เชอรี่รู้สึกผิดและถ่ายคลิปขอโทษไว้ เมื่อถึงวันเกิดของกาลิเลโอตามที่ทั้งสองได้สัญญาไว้ว่าจะมาที่หอเอนปิซ่าเพื่อจะมาพิสูจน์ว่าหอมันจะล้มหรือเปล่า แต่นุ่นไม่อยู่เชอรี่จึงส่งเมสเสจไปหา(ตอนที่ทำงานเชอรี่กลัวนุ่นโกรธจึงไม่ได้ติดต่อไป) และนุ่นก็ส่งเมสเสจกลับมาว่า "ใครคิดถึงบ้านบ้าง ยกมือขึ้น!!!" ทำให้เชอรี่ซึ้งใจและกลับไปประเทศไทยและทั้งสองก็เป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม
เพลงประกอบภาพยนตร์
รางวัล
ได้รับรางวัล
- คมชัดลึกอวอร์ด นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โดย เรย์ แมคโดนัลด์
- รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม โดย จรินทร์พร จุนเกียรติ [2]
เข้าชิง
- คมชัดลึกอวอร์ด เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม โดย ชุติมา ทีปะนาถ
- ท็อปอวอร์ด 2009 เข้าชิงรางวัลดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ โดย จรินทร์พร จุนเกียรติ และดารานำชายยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ โดย เรย์ แมคโดนัลด์
- สตาร์พิคส์อวอร์ด เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
- เฉลิมไทยอวอร์ด เข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงในบทนำจากภาพยนตร์ไทยแห่งปี และนักแสดงหญิงในบทสมทบจากภาพยนตร์ไทยแห่งปี
- รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
- รางวัลสุพรรณหงส์ เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม
เกร็ดจากภาพยนตร์
- ผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ใช้วัยรุ่นสาวไทย 2 คนเป็นตัวละครนำในเรื่องนี้ เนื่องจากประสบความสำเร็จจากสูตรนี้มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
- ตัวละคร เชอรี่ ที่รับบทโดย ต่าย ชุติมา มีปัญหาต้องเรียนซ้ำ 1 ปี เพราะทำผิดกฎที่เธอคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุการณ์นี้คล้ายกับชีวิตจริงของผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ที่เคยเกือบไม่ได้รับปริญญาเพราะมีเรื่องทะเลาะกับอาจารย์
- ในตอนแรก ผู้กำกับไม่แน่ใจว่า ต่าย ชุติมา และ เต้ย จรินทร์พร ที่อายุห่างกัน จะสามารถแสดงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันได้หรือไม่ แต่เมื่อให้ทั้งคู่ลองแสดงด้วยกัน ผู้กำกับเห็นว่าไม่มีปัญหาน่าหนักใจเลย ต่ายและเต้ย จึงรับบท นุ่นและเชอรี่ ตามลำดับ
- ในตอนแรก ต้น ผู้กำกับกำหนดตัวละคร ตั้ม มีอายุประมาณ 26-27 ปี จึงไม่แน่ใจว่า เรย์ แมคโดนัลด์ ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีจะเหมาะสมกับบทหรือไม่ แต่เมื่อให้เรย์ลองแสดงแล้ว ต้นคิดว่าเรย์ ทำให้ตัวละครตั้ม มีความน่าเชื่อถือ มีมิติ และน่าสนใจยิ่งขึ้น
- แผนกคัดเลือกนักแสดงหาคนที่มารับบท พี่ทอม อยู่นาน จนกระทั่ง จิระ มะลิกุล ผู้อำนวยการสร้างแนะนำให้เลือก ชำนิ ทิพย์มณี เพราะชำนิเคยเดินทางไปอยู่ต่างประเทศด้วยตัวคนเดียว แล้วยังดิ้นรนทำงานและเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับทอมในเรื่อง อนึ่งชำนิเป็นช่างภาพมืออาชีพฝีมือดี ผู้สร้างจึงให้ชำนิช่วยถ่ายภาพใบปิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
- คณะทำงานเบื้องหลังคนหลัก รวมถึงนักแสดงหลัก มีทั้งสิ้น 15 คน ซึ่งมีข้อดีคือ เป็นกองถ่ายที่คล่องตัวสูง เหมาะกับการถ่ายทำในต่างประเทศ แต่มีข้อเสียคือ ทุกคนจะต้องทำงานแข่งกับเวลาจำกัดเพียง 2 เดือน คนหนึ่งจึงต้องทำหลายหน้าที่ รวมถึงนักแสดงอย่างต่ายและเต้ย ต้องแต่งหน้าทำผมให้กับตัวเองด้วย
- ต่าย ชุติมา ผู้รับบท เชอรี่ ร้องไห้ออกมาอย่างประทับใจ ขณะอ่านบทภาพยนตร์ครั้งแรก ซึ่งการอ่านบทครั้งนั้นเป็นการอ่านบทแบบ Read Through หรือการที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกันอ่านบทเพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน และทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ประทับใจจนร้องไห้ออกมากับหมดเช่นกัน
- ต่าย ชุติมา ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากที่แสดงยากที่สุดตั้งแต่เคยแสดงมา คือฉากร้องไห้ ที่มีทั้งพูดไปร้องไห้ไป พูดแล้วน้ำตาค่อยๆ ไหลแต่ไม่มีเสียงสะอื้น และดีใจจนน้ำตาคลอ
- ภาพยนตร์ถ่ายทำในช่วงฤดูหนาว แต่เรื่องราวตามบทภาพยนตร์นั้นไม่ได้เกิดในฤดูหนาว นักแสดงจึงต้องทนสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นแล้วกลับมาใส่เสื้อให้หนาขึ้นทันที อีกทั้งยังต้องพูดบทให้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่อากาศหนาวสั่น
- เต้ย จรินทร์พร ผู้รับบท นุ่น เคยเปรยกับคุณแม่ของเธอว่าอยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เมื่อเข้าไปคุยกับผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เต้ยหันไปมองหน้าคุณแม่ทันทีด้วยความดีใจและแปลกใจอย่างบังเอิญ แต่ก็ต้องตัดสินใจหยุดพักการเรียน เพื่อหาประสบการณ์จากการแสดงเรื่องนี้
- เรย์ แมคโดนัลด์ ผู้รับบท ตั้ม ออกเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ในต่างประเทศ พอดีกับเกิดเหตุการณ์ประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้หาตั๋วเครื่องบินจากสนามบินอู่ตะเภาไปถึงปารีส เรย์จึงสามารถเดินทางตามที่วางแผนได้อย่างราบรื่น
- ฉากที่ เต้ย จรินทร์พร หรือ นุ่น ชูป้ายกลางถนนชองป์ส-เอลิเซส์ ประเทศฝรั่งเศสว่า "ใครคิดถึงบ้านปรบมือ" ปรากฏว่ามีคนไทยที่เดินอยู่บนถนนสายนั้นปรบมือกันอย่างพร้อมเพียง[3]
- เพลงที่ใช้เต้นรำในงานปาร์ตี้ของตั้มที่ปารีส คือเพลง ฟลอร์เฟื่องฟ้า ของสุนทราภรณ์
- ระหว่างแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่าย ชุติมา ได้พบรักกับ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นักธุรกิจน้ำมันรำข้าว เป็นครั้งแรกที่ปารีส ขณะฝ่ายชายศึกษาต่อระดับปริญญาโท และภายหลังได้แต่งงานกัน
อ้างอิง
- ↑ หนังไทยไตรมาสสี่ deknang.com
- ↑ รางวัลหนังไทย 2551
- ↑ เกร็ดจากภาพยนตร์ หนีตามกาลิเลโอ