ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
บรรทัด 334: | บรรทัด 334: | ||
| valign = "top" style="background: #FFFACD" |[[พ.ศ. 2515]]—[[พ.ศ. 2519]] |
| valign = "top" style="background: #FFFACD" |[[พ.ศ. 2515]]—[[พ.ศ. 2519]] |
||
|- |
|- |
||
| valign = "top" |11. ศาสตราจารย์คุณหญิง [[เกื้อกูล เสถียรไทย]] |
| valign = "top" |11. ศาสตราจารย์ คุณหญิง [[เกื้อกูล เสถียรไทย]] |
||
| valign = "top" |[[พ.ศ. 2519]]—[[พ.ศ. 2523]] |
| valign = "top" |[[พ.ศ. 2519]]—[[พ.ศ. 2523]] |
||
|- |
|- |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:50, 10 กันยายน 2556
Faculty of Arts Chulalongkorn University | |
ไฟล์:ตราประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ.jpg | |
สถาปนา | 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 (พ.ศ. 2460 ถ้านับตามสากล) - ในนามคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2491 - แยกคณะอักษรศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ออกจากกันเป็นสองคณะอย่างถาวร |
---|---|
คณบดี | ผศ. ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ |
ที่อยู่ | |
วารสาร | วารสารอักษรศาสตร์ (Journal of Arts) |
สี | สีเทา |
มาสคอต | พระสรัสวตี: เทวีอักษรศาสตร์ |
เว็บไซต์ | www.arts.chula.ac.th |
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2460 โดยเป็นหนึ่งในสี่คณะที่กำเนิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อแรกเริ่มมีชื่อว่า "คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์" ทำหน้าที่สอนวิชาพื้นฐานด้านมนุษยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ให้แก่คณะอื่นๆ ต่อมาได้รับภาระผลิตครูมัธยมสายอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรประโยคครูมัธยม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2477 คณะอักษรศาสตร์จึงเริ่มเปิดหลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต ในปัจจุบันคณะอักษรศาสตร์เปิดสอนหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
ประวัติ
- พ.ศ. 2460 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งเป็นอธิการบดีกรมมหาวิทยาลัยในกระทรวงธรรมการพระองค์แรก ได้ทรงตั้ง "คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์" ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่คณะที่ได้มีการจัดตั้งขึ้น ส่วนอีกสามคณะได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์
- พ.ศ. 2471 เปิดสอนวิชาอักษรศาสตร์ตามหลักสูตร 3 ปี ผู้สำเร็จตามหลักสูตรนี้จะได้รับประกาศนียบัตรครูมัธยม
- พ.ศ. 2473 เปิดสอนวิชาวิทยาศาสตร์ตามหลักสูตร 3 ปี โดยผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตรครูมัธยม
- พ.ศ. 2476 มีพระราชกฤษฎีกาแยกคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ออกจากกันเป็น 2 คณะ โดยคณะอักษรศาสตร์แบ่งออกเป็นแผนกอักษรศาสตร์และแผนกฝึกหัดครู คณะวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็นแผนกวิทยาศาสตร์และแผนกฝึกหัดครู แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง คณะอักษรศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ได้กลับรวมกันเป็นคณะเดียวอีก
- พ.ศ. 2477 อักษรศาสตรบัณฑิตรุ่นแรกสำเร็จการศึกษา
- พ.ศ. 2485 ได้เปิดสอนในขั้นปริญญามหาบัณฑิต มีผู้สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิตเป็นรุ่นแรกใน พ.ศ. 2487
- พ.ศ. 2486 มีการแยกคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ออกเป็น 2 คณะอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีคณบดีคนเดียวร่วมกัน การบริหารงานจึงคงรวมกันอยู่
- พ.ศ. 2491 คณะอักษรศาสตร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "คณะอักษรศาสตร์และครุศาสตร์" เพื่อเปิดการสอนในขั้นปริญญาครุศาสตรบัณฑิตขึ้น
- พ.ศ. 2493 คณะอักษรศาสตร์ได้แยกการบริหารงานออกเป็นอิสระจากคณะวิทยาศาสตร์ มีคณบดีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของแต่ละคณะต่างหากจากกัน
- พ.ศ. 2500 แผนกวิชาครุศาสตร์ได้รับการยกฐานะเป็นคณะครุศาสตร์ แยกตัวออกไปจากคณะอักษรศาสตร์
หน่วยงาน
|
|
หลักสูตร
หน่วยงาน | ระดับปริญญาตรี | ระดับปริญญาโท | ระดับปริญญาเอก |
---|---|---|---|
ภาควิชาภาษาไทย |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
ภาควิชาภาษาอังกฤษ |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
ภาควิชาประวัติศาสตร์ |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
ภาควิชาภูมิศาสตร์ |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
ภาควิชาปรัชญา |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
ภาควิชาศิลปการละคร |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
ภาควิชาภาษาศาสตร์ |
- |
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ |
- |
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
สาขาวิชาภาษาบาลีและสันสกฤต |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต |
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
สาขาวิชาภาษาจีน |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
สาขาวิชาภาษาเยอรมัน |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
สาขาวิชาภาษาสเปน |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
- |
- |
สาขาวิชาภาษาอิตาเลียน |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต
|
- |
- |
ศูนย์การแปลและการล่ามเฉลิมพระเกียรติ |
- |
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต |
- |
ศูนย์ไทยศึกษา |
- |
หลักสูตรอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
ศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา |
- |
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
|
- |
ศูนย์วรรณคดีศึกษา |
- |
- |
หลักสูตรอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต
|
สาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรม |
หลักสูตรอักษรศาสตรบัณฑิต |
- |
- |
ทำเนียบคณบดี
อาคารต่าง ๆ
อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ (ตึกคณะอักษรศาสตร์)
อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ หรือที่เรียกติดปากว่า "เทวาลัย" เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมไทย ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2457 ให้เป็นตึกบัญชาการของโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ออกแบบโดย ดร. คาร์ล โดริง (Dr. Karl Dohring) นายช่างชาวเยอรมัน ซึ่งรับราชการในกระทรวงมหาดไทย และนายเอดเวิร์ด ฮีลีย์ (Mr. Edward Healey) นายช่างชาวอังกฤษ ซึ่งรับราชการในกระทรวงธรรมการ โดยนำศิลปะไทยโบราณที่สุโขทัยและสวรรคโลกมาคิดปรับปรุงขึ้นเป็นแบบของอาคาร ในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมายังโรงเรียนข้าราชการพลเรือนที่กำลังก่อสร้างเพื่อทรงวางศิลาพระฤกษ์ หลังจากนั้นในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 ได้มีประกาศพระบรมราชโองการสถาปนา "โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ขึ้นเป็น "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" อาคารดังกล่าวใช้เป็นสำนักงานบริหารและเป็นอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกว่า "ตึกบัญชาการ" ต่อมาอาคารดังกล่าวก็เปลี่ยนชื่อเป็น "ตึกอักษรศาสตร์ 1" และ "อาคารมหาจุฬาลงกรณ์" โดยลำดับ
ตึกคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ พ.ศ. 2530[2]
อาคารมหาวชิราวุธ
อาคารมหาวชิราวุธ เดิมมีชื่อว่า "ตึกอักษรศาสตร์ 2" เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเลียนแบบสถาปัตยกรรมอาคารมหาจุฬาลงกรณ์ โดยมีทางเชื่อมกับอาคารมหาจุฬาลงกรณ์ทำให้มีลักษณะเป็นรูปสมมาตร ตัวอาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น โดยเพิ่มชั้นใต้ดินและชั้นใต้หลังคา ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำนักคณบดี แผนกธุรการต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ และศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์ (ห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์)
อาคารบรมราชกุมารี
อาคารบรมราชกุมารี เป็นอาคารเรียนรวมสายมนุษยศาสตร์ 15 ชั้น ถือเป็นอาคารเรียนหลักของคณะอักษรศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งสำนักงานภาควิชา และหลักสูตรต่าง ๆ ของคณะอักษรศาสตร์ (ชั้น 7-13) และคณะศิลปกรรมศาสตร์ (ชั้น 14) ในการจัดสร้างอาคารบรมราชกุมารี ได้มีการทุบ "ตึกอักษรศาสตร์ 3" ซึ่งเป็นอาคารสูงเพียง 2 ชั้นตั้งอยู่ลานหน้าอาคารบรมราชกุมารีในปัจจุบัน เนื่องจากมีความทรุดโทรมและกีดขวางเส้นทางเข้าเขตก่อสร้างอาคารบรมราชกุมารี นิสิตอักษรศาสตร์จึงผูกพันเสมือนอาคารบรมราชกุมารีเป็นตึกอักษรศาสตร์ 3
อาคารมหาจักรีสิรินธร
หากไม่นับอาคารบรมราชกุมารีซึ่งบริหารโดยส่วนกลางของมหาวิทยาลัย อาคารมหาจักรีสิรินธร ถือเป็นอาคารลำดับที่ 5 ของคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งสร้างแทนที่ "ตึกอักษรศาสตร์ 4" ซึ่งมีความสูงเพียง 3 ชั้น ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนหลังที่สองของคณะอักษรศาสตร์ มีความสูง 9 ชั้น โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 ภายในอาคารดังกล่าวประกอบด้วย ห้องบรรยาย ห้องเรียน ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์ (สรรพศาสตร์สโมสร) ส่วนการวิจัย และศูนย์ศิลปการละครสดใส พันธุมโกมล โรงละครแบล็กบอกซ์ของภาควิชาศิลปการละคร ซึ่งตั้งชื่อตามผู้ก่อตั้งภาควิชา และห้องกิจกรรมนิสิต[ต้องการอ้างอิง]
บุคลากรที่มีชื่อเสียง
ดูเพิ่ม รายนามบุคคลจากคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ้างอิง
- ↑ รายนามคณบดี (2551). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1]. (เข้าถึงเมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2552).
- ↑ รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี 2530 : ตึกอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์