ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"
Mr.GentleCN (คุย | ส่วนร่วม) ล →สนาม |
Mr.GentleCN (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 109: | บรรทัด 109: | ||
'''เขากระโดง สเตเดี้ยม''' เป็นสนามเหย้าเดิมของ [[สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า]] มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามของ อบจ. และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 25,000 คน คือ สนาม [[นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม]] และเปิดรันเวย์สนามบินใช้เฉพาะข่นนักเตะฟุตบอลเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการในปี 2555 และปัจจุบันก็ได้โอนสนามให้เป็นของ อบจ.บุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศาลากลางศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ โดยมีสนามนี้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย |
'''เขากระโดง สเตเดี้ยม''' เป็นสนามเหย้าเดิมของ [[สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า]] มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามของ อบจ. และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 25,000 คน คือ สนาม [[นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม]] และเปิดรันเวย์สนามบินใช้เฉพาะข่นนักเตะฟุตบอลเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการในปี 2555 และปัจจุบันก็ได้โอนสนามให้เป็นของ อบจ.บุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศาลากลางศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ โดยมีสนามนี้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย |
||
{{clear}} |
|||
== สปอนเซอร์ == |
== สปอนเซอร์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:53, 8 กันยายน 2556
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือชื่อเดิมว่า บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย โดยลงเล่นในระดับไทยพรีเมียร์ลีก ผลงานสูงสุดของทีมคือ การคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2551 และฤดูกาล 2554
ประวัติสโมสร
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจากสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513 โดยดร.วีระ ปิตรชาติ มีเป้าหมายเพื่อให้พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกกำลังกายและสร้างความสามัคคีร่วมกันในหมู่คณะ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ง. โดยลงเล่น 3 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นในถ้วย ค. และลงเล่นอยู่ 2 ฤดูกาลก็ได้เลื่อนขึ้นไปเล่นถ้วย ข. และอีก 2 ฤดูกาลสโมสรก็สามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1ได้สำเร็จ
หลังจากลงเล่นในดิวิชั่น 1อยู่นานสโมสรก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อได้รองแชมป์ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2547 และได้เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2548 โดยฤดูกาลแรกในลีกสูงสุดสโมสรสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อได้ตำแหน่งรองแชมป์ และศุภกิจ จินะใจ กองหน้าของทีมก็คว้าตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของทีมการท่าเรือไทย ที่จำนวน 10 ประตู และยังได้เล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2549 อีกด้วย
ฤดูกาล 2551 สโมสรสามารถคว้าแชมป์ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของประพล พงษ์พาณิชย์และได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2552
ฤดูกาล 2552 สโมสรตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มได้ และมีผลงานในลีกไม่ดีนัก สโมสรจึงได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 จากประพล พงษ์พาณิชย์ เป็นทองสุข สัมปหังสิต อดีตผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดแชมป์ซีเกมส์ ที่นครราชสีมา
การเทคโอเวอร์สโมสร
การเทคโอเวอร์สโมสร เกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล 2552 จากความต้องการของนายเนวิน ชิดชอบ นักการเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ต้องการซื้อหุ้นทีมฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก ให้ย้ายไปเล่นในนามจังหวัดบุรีรัมย์เป็นการชั่วคราว ในขณะเดียวกันก็สร้างทีมใหม่อีกหนึ่งทีม ไต่อันดับขึ้นมาจากดิวิชันต่ำสุด [1] ในเบื้องต้นได้เจรจากับสโมสรฟุตบอลตำรวจ แต่ได้รับการปฏิเสธ [2] นายเนวินได้มีการเจรจาในเบื้องต้นกับสโมสรฟุตบอลทีโอที และสโมสรฟุตบอลทหารบก [3] แต่ตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดจึงได้มีการซื้อขายหุ้นของสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีผลงานสิ้นสุดฤดูกาลในอันดับที่ 9 ทางสโมสรได้ตกลงที่จะย้ายสนามแข่งจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ท่ามกลางการต่อต้านจากแฟนฟุตบอลชาวอยุธยาที่รวมตัวกันเผาเสื้อทีมการไฟฟ้าฯ และพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมสาปแช่งคุณเนวิน ชิดชอบ [2] หลังจากนั้นทางสโมสรได้เปลี่ยนแปลงชื่อทีมเป็น บุรีรัมย์-พีอีเอ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทีมผู้บริหารทั้งหมด และทีมผู้ฝึกสอนบางส่วน
ฤดูกาล 2553 - 2554
การเข้ามาของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ ส่งผลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาทีมอย่างมาก มีการนำระบบบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท เช่น การทำสัญญาจ้างนักฟุตบอล การเจรจา และทำสัญญาซื้อขายนักฟุตบอลด้วยสัญญามาตรฐาน การสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ตามมาตรฐานของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพื่อใช้เป็นสนามเหย้า การจัดทำระบบบัญชี การเงิน กฎหมาย การตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ เต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความนิยมให้แก่ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ และ ความน่าเชื่อถือแก่บริษัท
ผลจากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนใหม่ ส่งผลให้บุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยพรีเมียร์ลีกอย่างรวดเร็ว มีผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก หรือแฟนคลับ มากถึง 65,000 คน [4] มีผู้เข้าชมเกมการแข่งขัน นัดละไม่น้อยกว่า 10,000 คน เมื่อเป็นเจ้าบ้าน และเมื่อเป็นทีมเยือน จะมีแฟนบอลติดตามไปชมไม่น้อยกว่า 1,500 คน อีกทั้งยังเป็นทีมที่สร้างสถิติผู้เข้าชมสูงสุดของไทยพรีเมียร์ลีก คือ 25,000 คน และ สร้างสถิติจำหน่ายของที่ระลึกได้สูงสุด 1,400,000 บาท ภายในวันเดียว คือนัดที่เตะกับเมืองทองยูไนเต็ด เมื่อวันที่ กันยายน 2553 [5]
ในฤดูกาล 2554 ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอได้เป็นแชมเปียนไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก หลังจากเอาชนะ ทีมสโมสรฟุตบอลทหารบก ที่สนามกีฬากองทัพบก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ได้คะแนน 75 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสอง ทั้งที่ยังมีการแข่งขันเหลืออีก 4 นัด [6] โดยมีพิธีมอบถ้วยรางวัลหลังการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล [7]
และยังได้ทริปเปิลแชมป์ หรือ 3 แชมป์ ในฤดูกาลเดียวกัน เมื่อเอาชนะทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ 2-0 ที่สนามศุภชลาศัย ได้แชมป์โตโยต้า ลีกคัพ หลังจากการได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และไทยคม เอฟเอคัพ ไปแล้ว[8] โดยถือว่าเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ทำได้[9]
และยังได้แชมป์ที่ 4 ด้วยการเอาชนะ ทีมเวกัลตะ เซนได จากเจลีก ด้วยลูกจุดโทษ ในรายการโตโยต้า พรีเมียร์คัพ ไปได้ 5-3 หลังในเวลาเสมอกัน 1-1[10]
ฤดูกาล 2555
ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ฝ่ายเจ้าของสิทธิ์ของสโมสรเดิม คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเดิมอยู่ในการกำกับดูแลของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล จาก พรรคภูมิใจไทย ได้เปลี่ยนมาอยู่ในการกำกับดูแลของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ จาก พรรคเพื่อไทย ได้มีนโยบายที่จะย้ายสโมสรออกจากจังหวัดบุรีรัมย์ ผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่าฝ่ายนายเนวินจะขายหุ้น 70% [1] ที่ตนถืออยู่ออกไป จะแยกทีมการไฟฟ้าออกจากจังหวัดบุรีรัมย์และย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น ส่วนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมบุรีรัมย์-พีอีเอเดิม จะไปรวมกับสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เอฟซี ที่ได้แชมเปียนไทยลีกดิวิชั่น 1 และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2555 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" [11]
นายเนวินกล่าวว่า ในฤดูกาล 2555 สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (บุรีรัมย์ เอฟซีเดิม) จะลงเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก และเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ด้วยโควตาชนะเลิศฤดูกาล 2554 ของบุรีรัมย์-พีอีเอ [12]
เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555 นายเนวินได้เปิดแถลงข่าวว่า ได้ซื้อหุ้นอีก 30% ของสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมทั้งสิทธิทั้งหมดในนามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากนั้นจะเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ตามแผนเดิม ส่วนสิทธิการเล่นในไทยพรีเมียร์ลีกของบุรีรัมย์ เอฟซีนั้น จะโอนให้กับ สงขลา เอฟซี ของนายนิพนธ์ บุญญามณี ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น จะไม่มีการส่งทีมเข้าแข่งขันรายการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกต่อไป [13]
ในฤดูกาล 2555 บุรีรัมย์จบอันดับ 4 ใน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 และคว้าแชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 ด้วยการชนะอาร์มี่ ยูไนเต็ด ไป 2–1 ซึ่งได้สิทธิไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 รอบคัดเลือก[14] และคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ไป 4–1[15] ซึ่งเป็นดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยและบุรีรัมย์ยูไนเต็ดสามารถป้องกันแชมป์ทั้งสองรายการได้อีกหนึ่งสมัยอีกด้วย
สนาม
นิวไอโมบายสเตเดียม
ไฟล์:Thunder castle Stadium.jpg | |
ที่ตั้ง | อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย |
---|---|
เจ้าของ | สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด |
ผู้ดำเนินการ | สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด |
ความจุ | 25,000 ที่นั่ง |
พื้นผิว | หญ้าแพทต์พารัมย์ |
เปิดใช้สนาม | 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554 |
การใช้งาน | |
สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด |
นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ธันเดอร์ คาสเซิล สเตเดียม (อังกฤษ: New i-Mobile Stadium, Thunder castle Stadium, Buriram Stadium) เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งอยู่ที่ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ 24,000 ที่นั่ง โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบาย และบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบ และจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า, เอเอฟซี และเอเอฟเอฟ และยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่า และยังได้บันทึกลงกินเนสบุค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน [16]
สนามนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1 เป็นสำนักงานห้องแถลงข่าว, ห้องสื่อมวลชน, ร้านขายสินค้าที่ระลึก, ห้องนักกีฬาทีมเหย้า-เยือน, ห้องพักผู้ตัดสิน, ห้องปฐมพยาบาล และห้องประชุม ชั้นที่ 2 จะเป็นห้องจัดเลี้ยงใหญ่จำนวน 400 ที่ นั่ง ชั้นที่ 3 เป็น ห้องวีไอพี 6 ห้อง และ ห้องจัดเลี้ยง 1 ห้อง และชั้นที่ 4 มี ห้องวีไอพีจำนวน 15 ห้อง สนามแห่งนี้ยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่างของฟิลิปส์อย่างมาตราฐานจะมีความสว่างของไฟอยู่ที่ 1,500 ลักซ์ โดยในส่วนอัฒจรรย์ฝั่งกองเชียร์นั้นมีเก้าอี้ที่นั่งเชียร์เป็นสีน้ำเงินเกือบหมดแต่จะใช้เก้าอี้สีขาวตรงที่มีคำว่า ธันเดอร์คาสเซิล และ บุรีรัมย์ มีหัวหน้ากองเชียร์คือ นางกรุณา ชิดชอบ เป็นแกนนำหลักในการเชียร์
สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม เคยใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมรื่นเริงครั้งใหญ่ในเทศกาลสงกรานต์ในปี พ.ศ. 2555 โดยการจัดของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร โดยมีศิลปินนักร้องมากมาย อาทิ โซะระ อะโอะอิ, เอ็นเอส ยุน จีน, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล, นูโว, ไมโคร, ปกรณ์ ลัม, บอดี้แสลม, คาราบาว, ลาบานูน, บิ๊กแอส, โลโซ เป็นต้น[17]
เขากระโดง สเตเดี้ยม
ที่ตั้ง | บุรีรัมย์, ประเทศไทย |
---|---|
เจ้าของ | องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ |
ผู้ดำเนินการ | องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ |
ความจุ | 15,000 ที่นั่ง |
พื้นผิว | หญ้า |
เปิดใช้สนาม | 27 มีนาคม 2553 |
การใช้งาน | |
องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ |
เขากระโดง สเตเดี้ยม เป็นสนามเหย้าเดิมของ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า มีความจุทั้งหมด 15,000 ที่นั่ง สนามนี้เคยเป็นสนามของ อบจ. และถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้รองรับการใช้งานไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์-การไฟฟ้า โดยย้ายไปสนามแห่งใหม่ของตัวเองซึ่งมีความจุ 25,000 คน คือ สนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม และเปิดรันเวย์สนามบินใช้เฉพาะข่นนักเตะฟุตบอลเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการในปี 2555 และปัจจุบันก็ได้โอนสนามให้เป็นของ อบจ.บุรีรัมย์เหมือนเดิมและบริเวณที่ว่างข้างสนามได้สร้างศาลากลางศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ โดยมีสนามนี้อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
สปอนเซอร์
- ฟิลิปส์
- ไทยแอร์เอเชีย
- เบียร์ช้าง
- คิงพาวเวอร์
- โคคา-โคล่า
- ซีพี
- ไอ-โมบาย
- ยามาฮ่า
- คาราบาวแดง
- ฮัลโลแบงค์คอก
- ยูโรเปี้ยนส์ฟู้ด
ผู้ฝึกสอน
รายชื่อผู้ฝึกสอน (2550 - ปัจจุบัน)
ชื่อ | สัญชาติ | ระยะเวลา | ความสำเร็จ |
---|---|---|---|
โชเซ อัลเวส เบอร์วิส | 2550 | ||
ประพล พงษ์พาณิชย์ | 2551-2552 | แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551 | |
ทองสุข สัมปหังสิต | พฤษภาคม 2552-ตุลาคม 2552 | ||
ธนเดช ฟูประเสริฐ | พฤศจิกายน 2552-พฤษภาคม 2553 | ||
อรรถพล บุษปาคม | 2 พฤษภาคม 2553- 2 พฤษภาคม 2556 | รองแชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2553 รองแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2553 แชมป์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2554 แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2554 แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2554 แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์คัพ 2555 รองแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2555 แชมป์ ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 แชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. 2556 | |
สกอตต์ คูเปอร์ | 2 พฤษภาคม 2556 |
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้ฝึกสอนชุดปัจจุบัน
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | สกอตต์ คูเปอร์ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | ชาญชัย หาญทรัพย์ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | ส.อ.เสน่ห์ โพนมณีศักดิ์ |
ผู้ฝึกสอนการรักษาประตู | กลิน ธอมป์สัน |
ผู้ฝึกสอนกองหน้า | โกรัน ดรูลิช |
ผลงานในไทยลีก
- 2547/48 - ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก - อันดับ 2 รองแชมป์
- 2549 - ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก - อันดับ 10
- 2550 - ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก - อันดับ 8
- 2551 - ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก - อันดับ 1 แชมป์
- 2552 - ไทยพรีเมียร์ลีก - อันดับ 9
- 2553 - ไทยพรีเมียร์ลีก - อันดับ 2 รองแชมป์
- 2554 - ไทยพรีเมียร์ลีก - อันดับ 1 แชมป์
- 2555 - ไทยพรีเมียร์ลีก - อันดับ 4
เกียรติประวัติ
ทีม | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | ปีชนะเลิศ | ปีรองชนะเลิศ | ปีที่เข้ารอบสูงสุด | รอบ |
---|---|---|---|---|---|---|
เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก | 0 | 0 | - | - | 2008, 2009, 2011 , 2012 | รอบ 8 ทีม |
เอเอฟซีคัพ | 0 | 0 | - | - | 2004 | รอบเพลย์ออฟ |
ไทยพรีเมียร์ลีก | 2 | 2 | 2008, 2011 | 2005, 2010 | ||
ไทยเอฟเอคัพ | 2 | 1 | 2011,2012 | 2010 | 2011, 2012 | รอบชิงชนะเลิศ |
ไทยลีกคัพ | 2 | 1 | 2011, 2012 | 2010 | 2011, 2012 | รอบชิงชนะเลิศ |
ถ้วยพระราชทาน ก | 1 | 2 | 2013 | 2009, 2012 | 2009, 2012, 2013 | รอบชิงชนะเลิศ |
ไทยลีกดิวิชั่น 1 | 0 | 1 | - | 2003 |
สโมสรพันธมิตร
- ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
- ปัตตานี เอฟซี
- สงขลา ยูไนเต็ด
- ปารีสแซ็ง-แฌร์แม็ง
- เลสเตอร์ซิตี
- พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน
- ลอสแอนเจลิส แกแลกซี
- โตรอนโต เอฟซี
- ซานโฮเซ เอิร์ธเควกส์
- ดี.ซี ยูไนเต็ด
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 ศึก AFC แชมเปียนส์ลีก สิทธิ์นี้ตกเป็นของใคร
- ↑ 2.0 2.1 เนวินจะได้แต่ทีมการไฟฟ้าฯ แต่ไม่ได้นักเตะไปบุรีรัมย์
- ↑ เนวินเบนเป้าเล็งดึงทัพบกเล่นบุรีรัมย์ สยามกีฬา, 5 พฤศจิกายน 2552
- ↑ เนวิน ชิดชอบ จากไทยรัฐ
- ↑ เนวิน ชิดชอบ จากไทยรัฐ
- ↑ บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์ ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ ลีก2011 Asian Thai NEWS Network, 17 ธันวาคม 2554
- ↑ 'วิชิต' ยัน 'บุรีรัมย์ พีอีเอ' ได้ถ้วยแชมป์นัดสุดท้าย ไทยรัฐ, 22 ธันวาคม 2554
- ↑ บุรีรัมย์เฮ 2-0 ซิว 3 แชมป์สมใจ จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ ′บุรีรัมย์′ อัด ′สิงห์เจ้าท่า′ คว้าถ้วย ′โตโยต้าลีกคัพ′ สร้างสถิติ "ทริปเปิ้ลแชมป์" สุดยิ่งใหญ่ จากมติชน
- ↑ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดดวลโทษคว่ำเซนไดซิวถ้วยที่4 จากสนุกดอตคอม
- ↑ "บุรีรัมย์พีอีเอ" เตรียมแถลงข่าวแยกตัวออกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ThaiPBS, 11 ธันวาคม 2554
- ↑ "บิ๊กเน" ยันสิทธิ์เตะ "แชมเปี้ยนส์ลีก" เป็นของบุรีรัมย์
- ↑ "เนวิน"ทุ่มซื้อสิทธิ์"พีอีเอ"ยุติปัญหาทั้งหมด
- ↑ เยอร์โควิชเบิ้ล!บุรีรัมย์ป้องแชมป์ดับอาร์มี่2-1
- ↑ เยอร์โควิชซัดเบิ้ล!บุรีรัมย์รัวราชบุรี4-1ป้องแชมป์ลีกคัพ
- ↑ ยลโฉมสนามนิว ไอ-โมบาย สเตเดียม อลังการมาตรฐานสุดจะบรรยาย
- ↑ "อาโออิ" นำทีมโชว์สงกรานต์ "ไอ-โมบาย สเตเดียม" บุรีรัมย์ จากเดลินิวส์