ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น [[มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพ
Thummajuk (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
==='''ประวัติความเป็นมา'''===
==='''ประวัติความเป็นมา'''===

[[ภาพ:BCC1.jpg]]
วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ถือกำเนิดมาจาก "โรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ วัดสัมพันธวงศ์" ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 ซึ่งแผนการศึกษาฉบับนี้กล่าวถึงอาชีวศึกษาในสมัยนั้นว่า "การเรียนวิชาเฉพาะ" และ "วิชาการค้า" เป็นต้น โรงเรียนอาชีพที่เปิดสอนอยู่บ้างแล้วในปี พ.ศ. 2441 นั้น คือ "โรงเรียนฝึกหัดครู" ที่โรงเลี้ยงเด็ก เชิงสะพานยศเสภายหลังเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเบญจมราชูทิศ" "โรงเรียนแพทย์" "โรงเรียนกฎหมาย" และ "โรงเรียนรังวัดทำแผนที่" ส่วนโรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษวัดสัมพันธวงศ์ จัดหลักสูตรเน้นทาง "ภาษาอังกฤษ" เท่านั้น ต่อมาได้เพิ่ม "วิชาเสมียนพนักงาน, วิชาค้าขาย และการบัญชี" ตามแผนการศึกษาใหม่ พ.ศ.2452 ของกระทรวงธรรมการ ซึ่งแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ประเภทคือ "โรงเรียนสามัญศึกษา"
วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ถือกำเนิดมาจาก "โรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ วัดสัมพันธวงศ์" ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443
ซึ่งแผนการศึกษาฉบับนี้กล่าวถึงอาชีวศึกษาในสมัยนั้นว่า "การเรียนวิชาเฉพาะ" และ "วิชาการค้า" เป็นต้น โรงเรียนอาชีพที่เปิดสอนอ
ยู่บ้างแล้วในปี พ.ศ. 2441 นั้น คือ "โรงเรียนฝึกหัดครู" ที่โรงเลี้ยงเด็ก เชิงสะพานยศเสภายหลังเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเบญจมราชูทิศ"
"โรงเรียนแพทย์" "โรงเรียนกฎหมาย" และ "โรงเรียนรังวัดทำแผนที่" ส่วนโรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษวัดสัมพันธวงศ์
จัดหลักสูตรเน้นทาง "ภาษาอังกฤษ" เท่านั้น ต่อมาได้เพิ่ม "วิชาเสมียนพนักงาน, วิชาค้าขาย และการบัญชี" ตามแผนการศึกษาใหม่
พ.ศ.2452 ของกระทรวงธรรมการ ซึ่งแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ประเภทคือ "โรงเรียนสามัญศึกษา"

กระทรวงธรรมการได้ตั้งให้พระโอวาทวรกิจเป็นผู้อำนวยการหัตถกรรมและพณิชยการ เพื่อดำเนินการสอนการศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ วัดสัมพันธวงศ์จึงแปรสภาพเป็น "โรงเรียนพณิชยการที่แท้จริงแห่งแรก" เมื่อ พ.ศ. 2445 เรียกว่า "โรงเรียนพณิชการวัดมหาพฤฒาราม" ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 ก็ได้เปิดโรงเรียนพณิชยการขึ้นอีกแห่งหนึ่งคือ "โรงเรียนพณิชยการวัดราชบูรณะ"
กระทรวงธรรมการได้ตั้งให้พระโอวาทวรกิจเป็นผู้อำนวยการหัตถกรรมและพณิชยการ เพื่อดำเนินการสอนการศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ
โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น จนถึง พ.ศ. 2472 ตึกแพพิทโยทิศคับแคบ จึงให้นักเรียนเข้าใหม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนวัดมหาพฤฒารามอีก แต่ในปีต่อมาเกิดขัดข้องบางประการกับเจ้าของสถานที่ จึงย้ายนักเรียนมาเรียนที่ "โรงเรียนวัดหัวลำโพง" ส่วนการเรียนชั้นสูงยังคงเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างและในปีเดียวกันได้เปิด "โรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยา" ที่บางลำพู การเรียนการสอนของโรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างกับโรงเรียนวัดหัวลำโพงยังคงแยกกันเรื่อยมาถึงปี พ.ศ. 2478 จึงได้รวมกันตามเดิมที่โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่าง
วัดสัมพันธวงศ์จึงแปรสภาพเป็น "โรงเรียนพณิชยการที่แท้จริงแห่งแรก" เมื่อ พ.ศ. 2445 เรียกว่า "โรงเรียนพณิชการวัดมหาพฤฒาราม"
เมื่อปี พ.ศ. 2475 กระทรวงธรรมการได้ประกาศแผนการศึกษาชาติฉบับใหม่เพื่อจัดการศึกษาวิชาชีพให้เหมาะสมกับภูมิประเทศตามท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2476 ได้จัดตั้ง "โรงเรียนพณิชยการแผนกหญิงแห่งแรก" ขึ้นที่ "โรงเรียนพณิชยการเสาวภา"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 ก็ได้เปิดโรงเรียนพณิชยการขึ้นอีกแห่งหนึ่งคือ "โรงเรียนพณิชยการวัดราชบูรณะ"
เนื่องจากโรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยาคับแคบ และอาจารย์ใหญ่สมัยนั้นไม่ค่อยจะลงรอยกับเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จึงได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเทวราชกุญชร เมื่อปี พ.ศ. 2481 เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "โรงเรียนพณิชยการวัดเทวราชกุญชร" ต่อมาอีก 3 ปี "โรงเรียนนี้ได้ย้ายไปรวมกับโรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างเมื่อปี พ.ศ. 2483 เป็นอันว่ายังคงเหลือโรงเรียนพณิชยการอยู่เพียงแห่งเดียว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โรงเรียนพณิชยการพระนคร" กรมอาชีวศึกษาเจ้าสังกัดได้ซื้อที่ดินบริเวณ "วังของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" [[ภาพ:BCC6.jpg]]ถนนพิษณุโลก จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในราคา 7 แสนบาท เป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา เพื่อก่อสร้าง "โรงเรียนพณิชยการพระนครและได้วางศิลาฤกษ์โดย ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2491

ในปี พ.ศ. 2497 และ พ.ศ. 2498 ทางโรงเรียนได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 6 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา และได้ก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2499 ทางโรงเรียนก็ได้ซื้อที่ดินอีก 2 ไร่ 72 ตารางวา ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ของแปลงนี้ได้มอบให้แก่ "โรงเรียนช่างตัดเสื้อพระนคร" (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์) และต่อมาในปี พ.ศ. 2510 โรงเรียนพณิชยการพระนคร ได้รับมอบที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา จาก สำนักงานสลากกินแบ่งของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงขยายให้เป็น "วิทยาลัย" ปัจจุบันวิทยาเขตพณิชยการพระนครมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 17 ไร่
โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น จนถึง พ.ศ. 2472 ตึกแพพิทโยทิศคับแคบ จึงให้นักเรียนเข้าใหม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียน
ในปีการศึกษา 2511 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติให้ขยายการศึกษาถึง "ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง" (ปวส.) ต่อจาก ม.ศ. 6 (ปัจจุบันคือ "ประกาศนียบัตรวิชาชีพ" หรือ "ปวช.") อีก 2 ปี และประกาศตั้งเป็น "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Commercial Collage) ขึ้น และการดำเนินการบางประการจำเป็นต้องอาศัยโรงเรียนพณิชยการพระนครอยู่ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งรวมโรงเรียนพณิชยการพระนคร กับวิทยาลัยพณิชยการ เข้าเป็นสถาบันเดียวกัน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Bangkok Commercial Collage) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2520 เปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาเขตพณิชยการพระนคร” ในสังกัด วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2532 “วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา” เปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” ได้รับการสถาปนาและแบ่งออกเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 มหาวิทยาลัย และ[www.bcc.rmutp.ac.th]วิทยาเขตพณิชยการพระนคร]] เข้าสังกัดใน [www.rmutp.ac.th[“มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”]]
วัดมหาพฤฒารามอีก แต่ในปีต่อมาเกิดขัดข้องบางประการกับเจ้าของสถานที่ จึงย้ายนักเรียนมาเรียนที่ "โรงเรียนวัดหัวลำโพง" ส่วนการเรียน
ปัจจุบัน [www.bcc.rmutp.ac.th[วิทยาเขตพณิชยการพระนคร]]เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.),ระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท
ชั้นสูงยังคงเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างและในปีเดียวกันได้เปิด "โรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยา" ที่บางลำพู การเรียนการ
สอนของโรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างกับโรงเรียนวัดหัวลำโพงยังคงแยกกันเรื่อยมาถึงปี พ.ศ. 2478 จึงได้รวมกันตามเดิมที่โรงเรียน
พณิชยการวัดแก้วฟ้าล่าง

เมื่อปี พ.ศ. 2475 กระทรวงธรรมการได้ประกาศแผนการศึกษาชาติฉบับใหม่เพื่อจัดการศึกษาวิชาชีพให้เหมาะสมกับภูมิประเทศตามท้องถิ่น
ในปี พ.ศ. 2476 ได้จัดตั้ง "โรงเรียนพณิชยการแผนกหญิงแห่งแรก" ขึ้นที่ "โรงเรียนพณิชยการเสาวภา"

เนื่องจากโรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยาคับแคบ และอาจารย์ใหญ่สมัยนั้นไม่ค่อยจะลงรอยกับเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จึงได้ย้ายไปอยู่ที่วัด
เทวราชกุญชร เมื่อปี พ.ศ. 2481 เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "โรงเรียนพณิชยการวัดเทวราชกุญชร" ต่อมาอีก 3 ปี "โรงเรียนนี้ได้ย้ายไปรวมกับ
โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างเมื่อปี พ.ศ. 2483 เป็นอันว่ายังคงเหลือโรงเรียนพณิชยการอยู่เพียงแห่งเดียว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โรงเรียนพณิชยการพระนคร" กรมอาชีวศึกษาเจ้าสังกัดได้ซื้อที่ดินบริเวณ "วังของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ถนนพิษณุโลก
จาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในราคา 7 แสนบาท เป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา เพื่อก่อสร้าง "โรงเรียนพณิชยการพระนคร
และได้วางศิลาฤกษ์โดย ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2491

ในปี พ.ศ. 2497 และ พ.ศ. 2498 ทางโรงเรียนได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 6 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา และได้ก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มขึ้น
ในปี พ.ศ. 2499 ทางโรงเรียนก็ได้ซื้อที่ดินอีก 2 ไร่ 72 ตารางวา ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ของแปลงนี้ได้มอบให้แก่ "โรงเรียนช่างตัดเสื้อพระนคร" (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์) และต่อมาในปี พ.ศ. 2510 โรงเรียนพณิชยการพระนคร ได้รับมอบที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา จาก สำนักงานสลากกินแบ่งของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงขยายให้เป็น "วิทยาลัย" ปัจจุบันวิทยาเขตพณิชยการพระนครมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 17 ไร่

ในปีการศึกษา 2511 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติให้ขยายการศึกษาถึง "ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง" (ปวส.) ต่อจาก ม.ศ. 6 (ปัจจุบันคือ "ประกาศนียบัตรวิชาชีพ" หรือ "ปวช.") อีก 2 ปี และประกาศตั้งเป็น "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Commercial Collage) ขึ้น และการดำเนินการบางประการจำเป็นต้องอาศัยโรงเรียนพณิชยการพระนครอยู่ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งรวมโรงเรียนพณิชยการพระนคร กับวิทยาลัยพณิชยการ เข้าเป็นสถาบันเดียวกัน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Bangkok Commercial Collage) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2520 เปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาเขตพณิชยการพระนคร” ในสังกัด วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2532 “วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา”
เปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” ได้รับการสถาปนาและแบ่งออก
เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 มหาวิทยาลัย และวิทยาเขตพณิชยการพระนครเข้าสังกัดใน“มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”

ปัจจุบันวิทยาเขตพณิชยการพระนครเปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.),ระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท


==='''คณะที่เปิดสอน'''===
==='''คณะที่เปิดสอน'''===
[www.bcc.rmutp.ac.th/FBA/index.htm['''คณะบริหารธุรกิจ''']]
'''คณะบริหารธุรกิจ'''
สาขาวิชาการบัญชี
ระดับปริญญาตรี
สาขาวิชาการบัญชี
สาขาวิชาการตลาด
สาขาวิชาการตลาด
สาขาวิชาการเงิน
สาขาวิชาการเงิน
สาขาวิชาการจัดการทั่วไป
สาขาวิชาการจัดการทั่วไป
สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์
สาขาวิชาระบบสารสนเทศฯ
สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์
สาขาวิชาระบบสารสนเทศฯ
สาขาวิชาอังกฤษธุรกิจ

สาขาวิชาอังกฤษธุรกิจ
'''คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์'''
ระดับปริญญาโท
สาขาวิชาการบัญชี
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล
สาขาวิชาการตลาด
สาขาวิชาการเงิน
สาขาวิชาการจัดการทั่วไป
[www.bcc.rmutp.ac.th/liberal['''คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์''']]
สาขาวิชาการท่องเที่ยว
สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล


==='''พระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์'''===
==='''พระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์'''===
พระอนุสาวรีย์แห่งนี้ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพณิชยการพระนครตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และยังถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่า
[[ภาพ:BCC2.jpg]]
พระอนุสาวรีย์แห่งนี้ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพณิชยการพระนครตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และยังถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจของชาวพณิชยการพระนครและเป็นสิริมงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณา เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์[[ภาพ:BCC4.jpg]]
ภาคภูมิใจของชาวพณิชยการพระนครและเป็นสิริมงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณา เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์


==='''วันอาภากร'''===
==='''วันอาภากร'''===
วันที่ 19 ธันวาคม ของทุกปี ชาวพณิชยการพระนครถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันคล้ายวันประสูติของ
[[ภาพ:BCC3.jpg]]
วันที่ 19 ธันวาคม ของทุกปี ชาวพณิชยการพระนครถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันคล้ายวันประสูติของพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แล้ว ยังเป็นวันที่คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงศิษย์เก่าร่วมใจกันประกอบพิธีทางศาสนา พิธีบวงสรวง เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ให้สถานที่พักพิงและอาศัยวังนางเลิ้งก่อตั้งเป็น “พณิชยการพระนคร” จนถึงปัจจุบัน
พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แล้ว ยังเป็นวันที่คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงศิษย์เก่าร่วมใจกันประกอบ
พิธีทางศาสนา พิธีบวงสรวง เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ให้สถานที่พักพิงและอาศัยวังนางเลิ้งก่อตั้งเป็น “พณิชยการพระนคร” จนถึงปัจจุบัน


==='''เรือนหมอพร'''===
==='''เรือนหมอพร'''===
เรือนหมอพรเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับบพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
[[ภาพ:BCC5.jpg]]
เรือนหมอพรเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับบพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในจัดแสดงเครื่องใช้ประจำพระองค์และเครื่องมือแพทย์ และยังเป็นศูนย์วัฒนธรรมของวิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยที่ดินบริเวณนี้ในอดีตเคยเป็นวังที่ประทับของ กรมหลวงชุมพรฯ เหตุที่ให้ชื่อเรือนหลังนี้ว่า “เรือนหมอพร” เพราะทางวิทยาเขตฯ เคยใช้เรือนหลังนี้เป็นเรือนพยาบาลมาก่อน ส่วนชื่อ “หมอพร” เป็นพระนาม กรมหลวงชุมพรฯ ในบทบาทที่เป็นหมอรักษาคนไข้
ภายในจัดแสดงเครื่องใช้ประจำพระองค์และเครื่องมือแพทย์ และยังเป็นศูนย์วัฒนธรรมของวิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยที่ดินบริเวณนี้ใน
อดีตเคยเป็นวังที่ประทับของ กรมหลวงชุมพรฯ เหตุที่ให้ชื่อเรือนหลังนี้ว่า “เรือนหมอพร” เพราะทางวิทยาเขตฯ เคยใช้เรือนหลังนี้เป็นเรือน
พยาบาลมาก่อน ส่วนชื่อ “หมอพร” เป็นพระนาม กรมหลวงชุมพรฯ ในบทบาทที่เป็นหมอรักษาคนไข้


==='''ที่ตั้ง'''===
==='''ที่ตั้ง'''===
[www.bcc.rmutp.ac.th['''มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร''']]
'''มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร'''
เลขที่ 86 ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร 0-2282-9101-2 โทรสาร 0-2629-9021,0-2281-0093
เลขที่ 86 ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร 0-2282-9101-2 โทรสาร 0-2629-9021,0-2281-0093

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:10, 22 เมษายน 2550

ประวัติความเป็นมา

วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ถือกำเนิดมาจาก "โรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ วัดสัมพันธวงศ์" ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2443 ซึ่งแผนการศึกษาฉบับนี้กล่าวถึงอาชีวศึกษาในสมัยนั้นว่า "การเรียนวิชาเฉพาะ" และ "วิชาการค้า" เป็นต้น โรงเรียนอาชีพที่เปิดสอนอ ยู่บ้างแล้วในปี พ.ศ. 2441 นั้น คือ "โรงเรียนฝึกหัดครู" ที่โรงเลี้ยงเด็ก เชิงสะพานยศเสภายหลังเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนเบญจมราชูทิศ" "โรงเรียนแพทย์" "โรงเรียนกฎหมาย" และ "โรงเรียนรังวัดทำแผนที่" ส่วนโรงเรียนประถมศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษวัดสัมพันธวงศ์ จัดหลักสูตรเน้นทาง "ภาษาอังกฤษ" เท่านั้น ต่อมาได้เพิ่ม "วิชาเสมียนพนักงาน, วิชาค้าขาย และการบัญชี" ตามแผนการศึกษาใหม่ พ.ศ.2452 ของกระทรวงธรรมการ ซึ่งแบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ประเภทคือ "โรงเรียนสามัญศึกษา"

กระทรวงธรรมการได้ตั้งให้พระโอวาทวรกิจเป็นผู้อำนวยการหัตถกรรมและพณิชยการ เพื่อดำเนินการสอนการศึกษาพิเศษภาษาอังกฤษ วัดสัมพันธวงศ์จึงแปรสภาพเป็น "โรงเรียนพณิชยการที่แท้จริงแห่งแรก" เมื่อ พ.ศ. 2445 เรียกว่า "โรงเรียนพณิชการวัดมหาพฤฒาราม" ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 ก็ได้เปิดโรงเรียนพณิชยการขึ้นอีกแห่งหนึ่งคือ "โรงเรียนพณิชยการวัดราชบูรณะ"

โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างได้เจริญรุ่งเรืองขึ้น จนถึง พ.ศ. 2472 ตึกแพพิทโยทิศคับแคบ จึงให้นักเรียนเข้าใหม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียน วัดมหาพฤฒารามอีก แต่ในปีต่อมาเกิดขัดข้องบางประการกับเจ้าของสถานที่ จึงย้ายนักเรียนมาเรียนที่ "โรงเรียนวัดหัวลำโพง" ส่วนการเรียน ชั้นสูงยังคงเรียนอยู่ที่โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างและในปีเดียวกันได้เปิด "โรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยา" ที่บางลำพู การเรียนการ สอนของโรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างกับโรงเรียนวัดหัวลำโพงยังคงแยกกันเรื่อยมาถึงปี พ.ศ. 2478 จึงได้รวมกันตามเดิมที่โรงเรียน พณิชยการวัดแก้วฟ้าล่าง

เมื่อปี พ.ศ. 2475 กระทรวงธรรมการได้ประกาศแผนการศึกษาชาติฉบับใหม่เพื่อจัดการศึกษาวิชาชีพให้เหมาะสมกับภูมิประเทศตามท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2476 ได้จัดตั้ง "โรงเรียนพณิชยการแผนกหญิงแห่งแรก" ขึ้นที่ "โรงเรียนพณิชยการเสาวภา"

เนื่องจากโรงเรียนพณิชยการวัดสามพระยาคับแคบ และอาจารย์ใหญ่สมัยนั้นไม่ค่อยจะลงรอยกับเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จึงได้ย้ายไปอยู่ที่วัด เทวราชกุญชร เมื่อปี พ.ศ. 2481 เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "โรงเรียนพณิชยการวัดเทวราชกุญชร" ต่อมาอีก 3 ปี "โรงเรียนนี้ได้ย้ายไปรวมกับ โรงเรียนพณิชยการวัดแก้วฟ้าล่างเมื่อปี พ.ศ. 2483 เป็นอันว่ายังคงเหลือโรงเรียนพณิชยการอยู่เพียงแห่งเดียว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "โรงเรียนพณิชยการพระนคร" กรมอาชีวศึกษาเจ้าสังกัดได้ซื้อที่ดินบริเวณ "วังของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ถนนพิษณุโลก จาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในราคา 7 แสนบาท เป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา เพื่อก่อสร้าง "โรงเรียนพณิชยการพระนคร และได้วางศิลาฤกษ์โดย ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2491

ในปี พ.ศ. 2497 และ พ.ศ. 2498 ทางโรงเรียนได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 6 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา และได้ก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่มขึ้น ในปี พ.ศ. 2499 ทางโรงเรียนก็ได้ซื้อที่ดินอีก 2 ไร่ 72 ตารางวา ซึ่งที่ดินส่วนใหญ่ของแปลงนี้ได้มอบให้แก่ "โรงเรียนช่างตัดเสื้อพระนคร" (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์) และต่อมาในปี พ.ศ. 2510 โรงเรียนพณิชยการพระนคร ได้รับมอบที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างมีเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา จาก สำนักงานสลากกินแบ่งของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงขยายให้เป็น "วิทยาลัย" ปัจจุบันวิทยาเขตพณิชยการพระนครมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 17 ไร่

ในปีการศึกษา 2511 กระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติให้ขยายการศึกษาถึง "ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง" (ปวส.) ต่อจาก ม.ศ. 6 (ปัจจุบันคือ "ประกาศนียบัตรวิชาชีพ" หรือ "ปวช.") อีก 2 ปี และประกาศตั้งเป็น "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Commercial Collage) ขึ้น และการดำเนินการบางประการจำเป็นต้องอาศัยโรงเรียนพณิชยการพระนครอยู่ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจึงสั่งรวมโรงเรียนพณิชยการพระนคร กับวิทยาลัยพณิชยการ เข้าเป็นสถาบันเดียวกัน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า "วิทยาลัยพณิชยการพระนคร" (The Bangkok Commercial Collage) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2520 เปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาเขตพณิชยการพระนคร” ในสังกัด วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2532 “วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา” เปลี่ยนชื่อเป็น “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 “สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” ได้รับการสถาปนาและแบ่งออก เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 มหาวิทยาลัย และวิทยาเขตพณิชยการพระนครเข้าสังกัดใน“มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”

ปัจจุบันวิทยาเขตพณิชยการพระนครเปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.),ระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท

คณะที่เปิดสอน

คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการเงิน สาขาวิชาการจัดการทั่วไป สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ สาขาวิชาระบบสารสนเทศฯ สาขาวิชาอังกฤษธุรกิจ

คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ สาขาวิชาการท่องเที่ยว สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสากล

พระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

พระอนุสาวรีย์แห่งนี้ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพณิชยการพระนครตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และยังถือเป็นประวัติศาสตร์อันน่า ภาคภูมิใจของชาวพณิชยการพระนครและเป็นสิริมงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณา เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

วันอาภากร

วันที่ 19 ธันวาคม ของทุกปี ชาวพณิชยการพระนครถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันคล้ายวันประสูติของ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แล้ว ยังเป็นวันที่คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงศิษย์เก่าร่วมใจกันประกอบ พิธีทางศาสนา พิธีบวงสรวง เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้ให้สถานที่พักพิงและอาศัยวังนางเลิ้งก่อตั้งเป็น “พณิชยการพระนคร” จนถึงปัจจุบัน

เรือนหมอพร

เรือนหมอพรเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับบพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในจัดแสดงเครื่องใช้ประจำพระองค์และเครื่องมือแพทย์ และยังเป็นศูนย์วัฒนธรรมของวิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยที่ดินบริเวณนี้ใน อดีตเคยเป็นวังที่ประทับของ กรมหลวงชุมพรฯ เหตุที่ให้ชื่อเรือนหลังนี้ว่า “เรือนหมอพร” เพราะทางวิทยาเขตฯ เคยใช้เรือนหลังนี้เป็นเรือน พยาบาลมาก่อน ส่วนชื่อ “หมอพร” เป็นพระนาม กรมหลวงชุมพรฯ ในบทบาทที่เป็นหมอรักษาคนไข้

ที่ตั้ง

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร เลขที่ 86 ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร 0-2282-9101-2 โทรสาร 0-2629-9021,0-2281-0093