ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อับราฮัม"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Phittayatorn (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนเนื้อหาอาจละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่เป็นสารานุกรม ไม่ใช่? แจ้งที่นี่
บรรทัด 34: บรรทัด 34:
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าปี เมื่ออับราฮัมเสียชีวิต[[อิสอัค]]และ[[อิชมาเอล]]ก็ฝังศพของท่านไว้ในถ้ามัคเปลาห์
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าปี เมื่ออับราฮัมเสียชีวิต[[อิสอัค]]และ[[อิชมาเอล]]ก็ฝังศพของท่านไว้ในถ้ามัคเปลาห์


== อิบราฮีมในคัมภีร์[[อัลกุรอาน]] ==
== อิบราฮีมใน[[อิสลาม]] ==
{{โครง-ส่วน}}
นบีอิบรอฮีมเกิดเมื่อประมาณ 1900 ปีก่อบคริสตการในเมืองอูร์ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ในประเทศ[[อิรัก]] พ่อของท่านมีชื่อว่าอาซัร เป็นหัวหน้านักบวชผู้มั่งคั่งจากการทำรูปปะเนและเทวรูปต่างๆขายให้แก่ผู้คนทั่วไปอิบรอฮีมเป็นเด็กฉลาดและช่างคิด เขาสังเกตเห็นผู้คนพากันเคารพสักการะเทวรูปหินเหล่านั้นแล่วเขาก็เริ่มสงสัยว่า เทวรูปเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริงหรือ คืนหนึ่ง หลังจากที่แสงอาทิตท์หมดไปจากท้องฟ้าและทุกแห่งตกอยู่ในความมืดมิด อิบรดฮีมก็สังเกตเห็นดวงดาวมากมายอยู่ท้องฟ้า อิบรอฮีมจึงกล่าวว่า ฉันไม่ชอบสิ่งใดที่จางหายไป ในตอนเช้า อิบรอฮีมเห็นดางอาทิตย์โผล่ขึ่นมาจากขอบฟ้าส่องแสงสว่างให้แก่โลก ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า อิบรอฮีม จึงรู้แล้วว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ช้พระเจ้าที่แท้จริงผู้สร้างดาฃวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพระเจ้า ฉันจะขอตั้งหน้าเคารพสักการะพระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อิบรอฮีมได้กับพ่อของเขาว่า คณุพ่อครับทำไมคณุพ่อต้องไปเคารพบูชาสิ่งไม่สามารถได้ยินก็มองไม่เห็น แถมยังไม่สามารถช่วยพ่อได้อีก นอกจากอัลลอฮผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ผู้ทรงสร้างทำให้หายป่วยผู้ทรงทำให้ฉันตายและทำให้ฉันฟื้นคือชีพอีกครั้งหนึ่งและผู้ที่จะทรงให้อภัยแก่ฉันในวันพิพากษา และฉันจะวิงวอนพระเจ้าของฉันให้ทรงอภัยต่พ่อ เพราะพระองค์ทรงเมตตาต่อฉัน ฉันจะวิงวอนพระเจ้าของฉัน และฉันหวังว่าฉันจะไม่ผิดหวังในการที่ฉันวิงวอนพระเจ้าของฉันขณะที่ผู้คนออกไปนอกเมือง อิบรอฮีมได้เข้าไปยังสถานที่ตั้งของเทวรูปที่ผู้คนบูชา ยกเว้นเทวรูปองค์ใหญ่ที่สุดที่เขาเอาขวานไปแขวนไว้และปล่อยให้ผู้คนกลับมาเห็นผู้คนจึงตะโกนร้องว่าเทวรูปของเราแตกไปหมดแล้วใครทำลายเทวรูปบูชาของเรามันต้องมีเจตนาร้ายต่อพวกเราแน่ เมืออิบรอฮีมถูกนำตัวมา ผู้คนได้ถามว่า อิบรอฮีม เจ้าทำลายเทวรูปที่เราสักการะบูชาใช่ใหม เปล่า เทวรูปองค์ใหญ๋นั้นต่างหากที่ทำ ไม่เชื่อลองถามเทวรูปเหล่านั้นดูก็ ด้วยความโกรธที่เทวรูปบูชาของพวกตนถูกทำลายและยังต้องอับอายขายหน้าอิบรอฮีมด้วยความโกรธและเสียหน้าทั้งนัมรู้ดและผู้คนของเขาจึงกล่าวว่า ผู้คนจึงได้จับอิบรอฮีมมัดและนำเขาไปวางไว้บนกองฟืนเมือผู้คนเริ่มจุดไฟเผา อัลลอฮก็ได้มีบัญชาว่า โอ้ไฟ จงเย็นลงและอย่าทำอันตรายอิบรอฮีม หล้งจากที่ไฟเผาจนท่วมร่างอิบรอฮีมแล้ว อิบรอฮีมรู้แล้วพ่อของเขาเป็นศัตรูต่ออัลลอฮอย่างชัดเจน หลังจากที่รัได้รับความช่วยเหลือให้ปลอดภัยจากการถูกเผ่แล้ว นบีอิบรอฮีมแต่งงานหลายปีแล้วก็ยังไม่มีลูก ท่านจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮให้ทรงประทานลูกชายที่ดีแก่ท่านคนหนึ่ง ต่อมา ท่านก็ได้แต่งงานกับนางฮาญัรโดยที่นางซาเราะฮให้คำอนุญาตและได้ลูกชายน่ารักคนหนึ่งมีชื่ว่า อิสมาอีล ซึ่งมีความหมายว่าเป็นได้ยิน เมืออิสมาอีลโตขึ้นจนถึงวัยเป็นเด็กหมุ่น วันหึ่ง นบีอิบรอฮีมก็ได้เรียกอิสมาอีลมาหาและกล่าวว่า ลูกรัก พ่อเห็นในความฝันว่าพ่อกำลังเชือดเจ้าพลีถวายต่ออัลลอฮ อสมาอีลตอบว่า คุณครับ อะไรก็ต่างที่พ่อถูกบัญชาให้ทำพ่อจงทำ หากเป็นประสรค์ของอัลลอฮ แล้วพ่อจะเห็นว่าฉันฉันผู้ที่อดทน เมือมาถึงสถานที่ที่จะใช้เป็นที่เชือด นบีอิบรออีมได้ให้อีสมาอีลนอนลง แต่ก่อนที่จะลงมือเชือด อัลลอฮก็ได้กล่าวแก่ท่านว่า อิบรออีม เจ้าได้แสดงเจตนาที่จะปฎิบัติตามความฝันแล้ว ดังนั้น เราจะตอบแทบความดีงามให้ ความจริงแล้ว นี่เป็นเพียงการทดสอบเจ้าต่างหาก อิบรออีมจึงว่า และลูกหลานของฉันด้วยหรือเปล่า อัลลอฮทรงได้กล่าวว่า สัญญาของฉันไม่รวมถึงเหล่าชนผู้อธรรม พระองค์ได้บัญชาอิบรอฮีมอีกว่าให้รักษาบ้านของพระองค์ให้สะอาดหมดจดหรับคนที่มาทำฮัจญ์หรือละหมาด อิบรอฮีมและอิสมาอีลจึงช่วยกันสร้างอาคารขึ้นมาหลังหนึ่งโดยนำเอาหินในบริเวณนั้นมาก่อเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ก่อนลงมือสร้างอิบรอฮิมได้วิงวอนต่ออัลลอฮว่า โอ้พระผู้ภิบาลของขอได้ทรงโปรดทำเมืองนี้ให้เป็นที่ปลอดภัยและได้ทรงโปรดประทานผลไม้นานาชนิดแก่ชาวเมืองผู้ศรัทธาในอัลลอฮและวันสุดท้ายด้วยเถิด พระองค์จึงได้ตอบว่า สำหรับบรรดาผู้ปฎิเสธนั้น ฉันก็จะให้สิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในโลกนี้แก่พวกเขา แต่ในโลกหน้า ฉันจะส่งเขาไปสู่การลงโทษในไฟนรถ ขอพระองค์ได้ทรงแสดงให้เรารู้ถึงการปฎิบัติศาสนกิจของเราและได้ทรงอภัยโทษแก่รา แน่แท้ พระองค์ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ เพือที่พวกเขาจะได้เห็นคุณโยชน์มากมายที่พวกเขาจะได้รับและเพือพวกจะได้กล่าวคำรำลึกถึงพระนามของอัลลอฮในวันที่ถูกกำหนดไว้นบีอิบรอฮิมยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มรูปงามสามคนนั้นคือมลาอิก๊ะฮที่อัลลอฮส่งมาในร่างมนุษย์ยังผู้คนขอลนบีลูฏ แต่เนื่องจากมลาก๊ะฮไม่กินและดืน นบีอิบรอฮิมจึงไม่สบายใจและกลัวว่าเขาทั้งสามมีเจตนาไม่ดี เพราะไม่ยอมกินอาหารที่ท่านนำมาเลี้ยงนบีอิบรอฮีมรู้ทักทีว่าเมืองที่มลาก๊ะฮพูดถึงคือเมืองโซดอมเมืองที่ผู้คนกำลังประกอบความชั่วด้วยการมีความสัมพันธ์ทางเพศในหมู่ผู้ชายด้วยกับ และท่านได้สั่งให้ลูฏหลานชายของท่านไปตักเตือน ขณะที่นบีอิบรอฮีมอยู่ในวัยชราและอ่อนแอมากแล้ว วันหนึ่งมลาก๊ะฮอิซรออีลได้มาปรากฏต่อหน้าท่านอัลลอฮได้ทรงมีบัญชาให้ฉันมาเอาชีวิตท่าน อิซรออีลกล่าวแก่นบีอิบรอฮีม เมือได้ยินเช่นนั้น นบีอิบรอฮีม จึงกล่าวแก่มมลาก๊ะฮว่า ถ้าเช่นนั้น ท่านจงปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลลอฮเถิด นบีอิบรอฮีมเสียชีวิตเมื่อท่านมีอายุได้ 175 ปี หลังจากนั้น ลูกหลานของท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นนบีคนสำคัญหลายคน เช่น อิสมาอีล อิสฮาก ยะกู๊ ยูซุฟ เป็นต้น



== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:16, 22 กรกฎาคม 2556

อับราฮัม (อังกฤษ: Abraham) เป็นบุคคลสำคัญในศาสนาอับราฮัม เรื่องราวของเขาถูกบันทึกไว้ในหนังสือปฐมกาลบทที่ 11 ถึงบทที่ 25 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์โทราห์ของศาสนายูดาห์และคัมภีร์พันธสัญญาเดิมของศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามก็ถืออับราฮัมเป็นเราะซูลของอัลลอฮ์ด้วย

อับราฮัม เดิมชื่อ "อับราม" เป็นบุตรของ เทราห์ สืบเชื้อสายมาจาก เชม บุตรของโนอาห์ [1]

ทูตสวรรค์ยับยั้งอับราฮัมขณะกำลังจะถวายอิสอัคให้แก่พระยาห์เวห์

อับราฮัมในคัมภีร์ไบเบิล

การเดินทาง

เทราห์บิดาของอับราฮัมได้นำอับราฮัม นางซาราห์ และโลท หลานชายออกเดินทางจากเมืองเออร์ ไปอยู่เมืองฮาราน ในดินแดนของคานาอัน ภายหลังจากบิดาเสียชีวิต เมื่ออับราฮัมมีอายุได้ 75 ปี เขาได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า ให้ไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะนำทาง อับราฮัมจึงออกเดินทางพร้อมด้วยนางซาราห์ และพาโลทไปด้วย

เมื่อเกิดการกันดารอาหาร อับราฮัมจึงได้อพยพเข้าไปใน อียิปต์ เนื่องด้วยนางซาราห์เป็นคนสวย อับราฮัมเกรงจะถูกฆ่าเพื่อแย่งนาง อับราฮับจึงบอกคนอียิปต์ว่านางเป็นน้องสาว ด้วยเหตุนี้นางซาราห์จึงถูกนำไปถวายตัวแก่ฟาโรห์ พระเจ้าจึงทรงทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงแก่ฟาโรห์ ฟาโรห์จีงเรียกอับราฮัมมาและได้มอบตัวนางซาราห์ และทรัพย์สมบัติให้ อับราฮัมจึงเดินทางออกจากอียิปต์[2]

เมื่อออกจากอียิปต์ อับราฮัม ได้แยกทางกับ โลท เนื่องจากทั้งสองมีฝูงสัตว์ และคนรับใช้เยอะมาก ฝ่ายโลทเลือกเดินทางไปยังที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโสโดม และเมืองโกมาราห์ ฝ่ายอับราฮัมก็เลือกไปอีกทางหนึ่ง


พันธสัญญาของพระเจ้า

เมื่ออับราฮัมอาศัยอยู่ในที่พำนักนั้น พระเจ้ามีพระดำรัสกับอับราฮัมว่า "มองดูฟ้าเถิด ถ้าเจ้านับดาวทั้งหลายได้ ก็นับไปเถิด...พงศ์พันธ์ของเจ้าจะมากมายเช่นนั้น" [3] และทรงมีคำพยากรณ์ให้อัมราฮัมอีกว่า "...พงศ์พันธุ์ของเจ้า จะเป็นคนต่างด้าวในดินแดนซึ่งมิใช่ของเขา และเขาจะต้องรับใช้ชาวเมืองนั้น ชาวเมืองนั้นจะบีบบังคับเขาถึงสี่ร้อยปี..." [4]

เมื่ออับราฮัม อายุได้ 99 ปี พระเจ้าทรงปรากฏต่อหน้าอับราฮัม และทรงเปลี่ยนชื่อ จากเดิม อับราม เป็น อับราฮัม และทรงกระทำพันธสัญญาแก่อับราฮัม ว่า "เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย ชื่อของเจ้าจะมิใช่อับรามอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราจะกระทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากอย่างยิ่ง เราจะกระทำเจ้าให้เป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้ระหว่างเรากับเจ้า และเชื้อสายของเจ้าที่สืบมาตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ คือเป็นพระเจ้าแก่เจ้า และแก่เชื้อสายของเจ้าที่สืบมา เราจะให้ดินแดนที่เจ้าอาศัยอยู่นี้ คือแผ่นดินคานาอันทั้งสิ้นแก่เจ้า และแก่เชื้อสายของเจ้าที่สืบมา ให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์ และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา" [5]

พระเจ้าทรงให้อับราฮัมและครอบครัวของเขาถือสุหนัต เพื่อเป็นพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอับราฮัมและเชื้อสาย โดยการตัดหนังหุ้มปลายองคชาต โดยกำหนดให้ผู้ชายทุกคนในครอบครัว ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 8 วันขึ้นไปต้องประกอบพิธีเข้าสุหนัต [6]

บุตรชายของอับราฮัม

เรื่องราวบุตรชายของอับราฮัมที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ที่โดดเด่นมีด้วยกัน 2 คน คืออิชมาเอลและอิสอัค และมีมุมมองต่อบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน ระหว่างศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์

อิชมาเอล

นางซาราห์ ภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน นางจึงยกนางฮาการ์ สาวใช้ชาวอียิปต์ ให้เป็นภรรยาอับราฮัม นางฮาการ์ก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย ชื่อ อิชมาเอล ตามที่คัมภีร์ไบเบิลระบุไว้ว่าพระเจ้าไม่ได้ให้อิชมาเอลเป็นผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัม แต่ในคัมภีร์อัลกุรอานมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

ในหนังสือปฐมกาลกล่าวว่า เมื่อนางฮาการ์ตั้งครรภ์ ก็ดูถูกนายหญิงของตน ภายหลังเมื่อนางซาราห์มีบุตรของตนเอง นางฮาการ์และอิชมาเอล จึงถูกขับไล่ออกจากครอบครัว[7] แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะให้พงศ์พันธุ์ของอิชมาเอลเป็นพงศ์พันธ์ใหญ่เช่นกัน นักศาสนศาสตร์บางท่านเชื่อว่า อิชมาเอล คือบรรพบุรุษของชาวเปอร์เซีย แต่ในทัศนะของอิสลาม อิชมาเอล เป็นบรรพบุรุษของอาหรับ

อิสอัค

อิสอัคเป็นบุตรของอับราฮัมและนางซาราห์ อิสอัคคลอดเมื่ออับราฮัมมีอายุได้หนึ่งร้อยปี[8] เมื่ออิสอัคโตขึ้น พระเจ้าก็ทรงลองใจอับราฮัม โดยให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา[9] และเมื่ออับราฮัมแสดงความไว้วางใจพระเจ้า พระองค์ก็ให้ทูตสวรรค์มายั้งมืออับราฮัม และมอบลูกแกะให้เป็นเครื่องบูชาแทน

คัมภีร์ไบเบิลบันทึกไว้ว่าอับราฮัมสิ้นใจเมื่อมีอายุได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าปี เมื่ออับราฮัมเสียชีวิตอิสอัคและอิชมาเอลก็ฝังศพของท่านไว้ในถ้ามัคเปลาห์

อิบราฮีมในคัมภีร์อัลกุรอาน

อ้างอิง

  1. หนังสือปฐมกาล บทที่ 11 ข้อที่ 10-26
  2. หนังสือปฐมกาล บทที่ 12
  3. หนังสือปฐมกาล บทที่ 15 ข้อที่ 4-5
  4. หนังสือปฐมกาล บทที่ 15 ข้อที่ 13
  5. หนังสือปฐมกาล บทที่ 17 ข้อที่ 4-8
  6. หนังสือปฐมกาล บทที่ 17 ข้อ 10-14
  7. หนังสือปฐมกาล บทที่ 16 และบทที่ 21
  8. หนังสือปฐมกาล บทที่ 21 ข้อ 5
  9. พระธรรมปฐมกาล บทที่ 22 ข้อ1-19