ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มังโยงานะ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xqbot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: ar:مانيوغانا
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
บรรทัด 216: บรรทัด 216:
[[หมวดหมู่:ภาษาญี่ปุ่น]]
[[หมวดหมู่:ภาษาญี่ปุ่น]]
[[หมวดหมู่:อักษร]]
[[หมวดหมู่:อักษร]]

[[ar:مانيوغانا]]
[[ca:Man'yōgana]]
[[en:Man'yōgana]]
[[es:Man'yōgana]]
[[et:Man'yōgana]]
[[fa:مان‌یوگانا]]
[[fr:Man'yōgana]]
[[id:Manyōgana]]
[[it:Man'yōgana]]
[[ja:万葉仮名]]
[[ko:만요가나]]
[[pl:Man'yōgana]]
[[pt:Man'yōgana]]
[[ru:Манъёгана]]
[[sr:Манјогана]]
[[su:Manyogana]]
[[tl:Man'yōgana]]
[[uk:Манйоґана]]
[[vi:Man'yōgana]]
[[zh:萬葉假名]]
[[zh-classical:萬葉假名]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:16, 9 มีนาคม 2556

มันโยงะนะ
ชนิดอักษรพยางค์
ภาษาพูดภาษาญี่ปุ่น
ภาษาโอะกินะวะ
ช่วงยุคประมาณ พ.ศ. 1193 (ค.ศ. 650)–??
ระบบแม่
ระบบลูกฮิระงะนะ
คะตะคะนะ
ระบบพี่น้องคันจิร่วมสมัย
บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทศาสตร์สัทอักษรสากล หากไม่มีการสนับสนุนเร็นเดอร์ที่เหมาะสม คุณอาจเห็นเครื่องหมายคำถาม กล่อง หรือสัญลักษณ์อื่นแทนอักขระยูนิโค้ด

มันโยงะนะ (ญี่ปุ่น: 万葉仮名โรมาจิMan'yōgana) เป็นระบบการเขียนในสมัยโบราณของภาษาญี่ปุ่นโดยอักษรจีน หรือคันจิ ช่วงเวลาที่เริ่มใช้ระบบการเขียนนี้ไม่ทราบแน่ชัด แต่ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 7 ชื่อ "มันโยงะนะ" นี้ ได้จากชื่อหนังสือ “มันโยชู” (ญี่ปุ่น: 万葉集โรมาจิMan'yōshū) อันเป็นวรรณกรรมรวมบทกวีในยุคนะระที่เขียนด้วยระบบมันโยงะนะ

ประวัติ

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏอักษรมันโยงะนะที่เก่าแก่ที่สุด คือ ดาบอินะริยะมะ ซึ่งเป็นดาบเหล็กที่ขุดค้นพบที่สุสานโบราณอินะริยะมะโคะฟุง จังหวัดไซตะมะ เมื่อ พ.ศ. 2511 และ 10 ปีหลังการขุดพบ ใน พ.ศ. 2521 ได้มีการวิเคาระห์ดาบเล่มนี้โดยการเอ็กเรย์ จนพบตัวอักษรจีนสลักด้วยทองจำนวน 115 ตัว ซึ่งเขียนเป็นมันโยงะนะ สันนิษฐานว่าดาบเล่มนี้ถูกตีขึ้นในปี 辛亥年 เทียบเท่ากับ พ.ศ. 1041

หลักการเขียน

มันโยงะนะ จะใช้หลักการนำตัวอักษรจีนที่มีเสียงใกล้เคียงเสียงภาษาญี่ปุ่นของคำที่จะเขียน โดยไม่คำนึงถึงความหมายของอักษรจีนตัวนั้น หรือเรียกว่า "ชะคุอง" (借音 shakuon ยืมเสียง) เนื่องจากมีอักษรจีนหลายตัวที่อ่านออกเสียงเหมือนกัน การเลือกว่าจะใช้อักษรจีนตัวใดสำนวนภาษาของผู้เขียน เห็นได้จากหนังสือ “มันโยชู” บทที่ 17/4025 ซึ่งเขียนไว้ดังนี้

มันโยงะนะ 之乎路可良 多太古要久礼婆 波久比能海 安佐奈藝思多理 船梶母我毛
คะตะคะนะ シヲヂカラ タダコエクレバ ハクヒノウミ アサナギシタリ フネカヂモガモ
แบบปัจจุบัน 志雄路から ただ越え来れば 羽咋の海 朝凪したり 船梶もがも
โรมะจิ Shiojikara Tadakoekureba Hakuhinoumi Asanagishitari Funekajimogamo

จากตัวอย่างด้านบน เสียง mo (母, 毛) และ shi (之, 思) เขียนด้วยอักษรจีนได้หลายตัว และในขณะที่คำส่วนมากเขียนโดยถอดเสียงเป็นพยางค์ๆโดยไม่คำนึงถึงความหมาย (เช่น 多太 tada และ 安佐 asa เป็นต้น) แต่คำว่า umi (海) และ funekaji (船梶) เป็นการเขียนโดยใช้ความหมายของอักษรจีนตัวนั้น ไม่ใช้การถอดเสียง

เสียงภาษาญี่ปุ่นบางพยางค์จะถูกแทนด้วยอักษรจีนที่กำหนดเอาไว้เป็นกฎการสะกดคำ (orthographic) ในยุคนะระ ที่เรียกว่า "โจได โทคุชุ คะนะซุไค" (上代特殊仮名遣 Jōdai Tokushu Kanazukai) ซึ่งช่วยให้ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ภาษาสรุปได้ว่า เสียงในภาษาญี่ปุ่นยุคเก่าซึ่งแทนด้วยอักษรมันโยงะนะนั้น อาจเริ่มมีมาตรฐานตั้งแต่ในครั้งนั้นเป็นต้นมา

ประเภท

สำหรับมันโยงะนะ มีวิธีจับคู่ตัวอักษรจีนกับเสียงภาษาญี่ปุ่นอยู่หลายวิธี

  • ชะคุองคะนะ (ญี่ปุ่น: 借音仮名โรมาจิShakuon kana) แปลตามตัวอักษรได้ว่า อักษรยืมเสียง หลักการคล้ายกับ "เสียงอง" ของคันจิ คือ การออกเสียงคันจิของตัวนั้นตามเสียงภาษาจีน อักษรจีนหนึ่งตัว อ่านออกเสียงได้ทั้งพยางค์เดียว และสองพยางค์
ชะคุองคะนะ (借音仮名)
จำนวนพยางค์ อักษรเดียวสมบูรณ์ อักษรเดียวบางส่วน
1 พยางค์ 以 (い), 呂 (ろ), 波 (は) 安 (あ), 楽 (ら), 天 (て)
2 พยางค์ 信 (しな), 覧 (らむ), 相 (さが)
  • ชักคุนคะนะ (ญี่ปุ่น: 借訓仮名โรมาจิShakkun kana) แปลตามตัวอักษรได้ว่า อักษรยืมความหมาย หลักการคล้ายกับ "เสียงคุน" ของคันจิ คือ การออกเสียงคันจิในภาษาญี่ปุ่นตามความหมายของคันจิตัวนั้น
ชักคุนคะนะ (借訓仮名)
จำนวนพยางค์ อักษรเดียวสมบูรณ์ อักษรเดียวบางส่วน อักษร 2 ตัว อักษร 3 ตัว
1 พยางค์ 女 (め), 毛 (け), 蚊 (か) 石 (し), 跡 (と), 市 (ち) 嗚呼 (あ), 五十 (い), 可愛 (え), 二二 (し), 蜂音 (ぶ)
2 พยางค์ 蟻 (あり), 巻 (まく), 鴨 (かも) 八十一 (くく), 神楽声 (ささ)
3 พยางค์ 慍 (いかり), 下 (おろし), 炊 (かしき)
ตารางมันโยงะนะ
อักษร 1 ตัวแทน 1 พยางค์
K S T N F M Y R W G Z D B
a 阿安英足 可何加架香蚊迦 左佐沙作者柴紗草散 太多他丹駄田手立 那男奈南寧難七名魚菜 八方芳房半伴倍泊波婆破薄播幡羽早者速葉歯 万末馬麻摩磨満前真間鬼 也移夜楊耶野八矢屋 良浪郎楽羅等 和丸輪 我何賀 社射謝耶奢装蔵 陀太大嚢 伐婆磨魔
i1 伊怡以異已移射五 支伎岐企棄寸吉杵來 子之芝水四司詞斯志思信偲寺侍時歌詩師紫新旨指次此死事准磯為 知智陳千乳血茅 二人日仁爾迩尼耳柔丹荷似煮煎 比必卑賓日氷飯負嬪臂避臂匱 民彌美三水見視御 里理利梨隣入煎 位為謂井猪藍 伎祇芸岐儀蟻 自士仕司時尽慈耳餌児弐爾 遅治地恥尼泥 婢鼻弥
i2 貴紀記奇寄忌幾木城 非悲斐火肥飛樋干乾彼被秘 未味尾微身実箕 疑宜義擬 備肥飛乾眉媚
u 宇羽于有卯烏得 久九口丘苦鳩来 寸須周酒州洲珠数酢栖渚 都豆通追川津 奴努怒農濃沼宿 不否布負部敷経歴 牟武無模務謀六 由喩遊湯 留流類 具遇隅求愚虞 受授殊儒 豆頭弩 夫扶府文柔歩部
e1 衣依愛榎 祁家計係價結鶏 世西斉勢施背脊迫瀬 堤天帝底手代直 禰尼泥年根宿 平反返弁弊陛遍覇部辺重隔 売馬面女 曳延要遥叡兄江吉枝 礼列例烈連 廻恵面咲 下牙雅夏 是湍 代田泥庭伝殿而涅提弟 弁便別部
e2 気既毛飼消 閉倍陪拝戸経 梅米迷昧目眼海 義気宜礙削 倍毎
o1 意憶於應 古姑枯故侯孤児粉 宗祖素蘇十 刀土斗度戸利速 努怒野 凡方抱朋倍保宝富百帆穂 毛畝蒙木問聞 用容欲夜 路漏 乎呼遠鳥怨越少小尾麻男緒雄 吾呉胡娯後籠児悟誤 土度渡奴怒 煩菩番蕃
o2 己巨去居忌許虚興木 所則曾僧増憎衣背苑 止等登澄得騰十鳥常跡 乃能笑荷 方面忘母文茂記勿物望門喪裳藻 与余四世代吉 呂侶 其期碁語御馭凝 序叙賊存茹鋤 特藤騰等耐抒杼

พัฒนาการ

ฮิระงะนะ และมันโยงะนะแม่แบบ
คะตะกะนะ และมันโยงะนะแม่แบบ

อักษรคันจิในระบบมันโยงะนะ ต่อมาได้พัฒนาไปเป็นอักษรฮิระงะนะ และคะตะคะนะ

อักษรฮิระงะนะดัดแปลงมาจากอักษรมันโยงะนะที่เขียนด้วยพู่กันในรูปแบบอักษรหวัด วัตถุประสงค์เดิมของอักษรฮิระงะนะ คือ เพื่อให้สตรีซึ่งสังคมไม่ยอมได้ให้รับการศึกษาสูง ได้อ่านออกเขียนได้ วรรณกรรมในยุคเฮอันส่วนใหญ่ที่ผู้แต่งเป็นสตรีถูกเขียนด้วยอักษรฮิระงะนะ

ส่วนอักษรคะตะคะนะก็ดัดแปลงมาจากอักษรมันโยงะนะเช่นกัน แต่ตัดเฉพาะบางส่วนของอักษรมันโยงะนะมาเป็นอักษรคะตะคะนะหนึ่งตัว อักษรคะตะคะนะกำเนิดในสำนักสงฆ์ยุคเฮอัน ใช้เสมือนการย่ออักษรมันโยงะนะเพื่อให้ง่ายต่อพระสงฆ์ในการศึกษาพระคัมภีร์

ตัวอย่างเช่น เสียง ru เขียนเป็นอักษรฮิระงะนะว่า る ซึ่งดัดแปลงมาจากอักษรมันโยงะนะ 留 แต่เขียนเป็นอักษรคะตะคะนะว่า ル ซึ่งดัดแปลงมาจากอักษรมันโยงะนะ 流 โดยอักษรมันโยงะนะใช้เขียนแทนเสียง ru ทั้งคู่

การที่เสียงภาษาญี่ปุ่นหนึ่งพยางค์สามารถเขียนด้วยอักษรคันจิหลายตัวนั้น ทำให้เกิดอักษรเฮนไตงะนะ (変体仮名 hentaigana) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของอักษรฮิระงะนะขึ้นมา แต่ได้ถูกเลิกใช้อย่างเป็นทางการไปใน พ.ศ. 2443

ปัจจุบัน อักษรมันโยงะนะ ยังคงปรากฏอยู่ในชื่อสถานที่ต่างๆของญี่ปุ่น โดยเฉพาะบนเกาะคีวชู (九州 Kyūshū) การใช้อักษรคันจิอีกประเภท ที่มีลักษณะคล้ายกับมันโยงะนะ คือ อะเตะจิ (当て字, 宛字 ateji) ซึ่งเป็นการเขียนคำยืมจากภาษาต่างประเทศ โดยใช้แทนเสียงมากกว่าความหมาย ตัวอย่างเช่น 倶楽部 (kurabu คลับ) และ 珈琲 (kōhii กาแฟ) เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังคงมีใช้กันอยู่ในป้ายร้านค้า

แหล่งข้อมูลอื่น