ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชะวากทะเล"
ล r2.7.2+) (โรบอต: แก้ไขจาก fa:خلیج دهانهای ไปเป็น fa:پایرود |
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 32: | ||
[[หมวดหมู่:ธรณีสัณฐานชายฝั่งและมหาสมุทร]] |
[[หมวดหมู่:ธรณีสัณฐานชายฝั่งและมหาสมุทร]] |
||
[[af:Estuarium]] |
|||
[[ar:خور]] |
|||
[[az:Estuari]] |
|||
[[be:Эстуарый]] |
|||
[[be-x-old:Эстуарый]] |
|||
[[bg:Естуар]] |
|||
[[bjn:Muhara]] |
|||
[[bs:Estuarij]] |
|||
[[ca:Estuari]] |
|||
[[ceb:Estuwaryo]] |
|||
[[cs:Estuár]] |
|||
[[cy:Aber]] |
|||
[[da:Æstuarium]] |
|||
[[de:Ästuar]] |
|||
[[el:Εκβολή]] |
|||
[[en:Estuary]] |
|||
[[eo:Estuaro]] |
|||
[[es:Estuario]] |
|||
[[et:Estuaar]] |
|||
[[eu:Estuario]] |
|||
[[fa:پایرود]] |
[[fa:پایرود]] |
||
[[fi:Estuaari]] |
|||
[[fr:Estuaire]] |
|||
[[fy:Estuarium]] |
|||
[[ga:Inbhear]] |
|||
[[gl:Estuario]] |
|||
[[gv:Inver]] |
|||
[[he:שפך נהר]] |
|||
[[hi:एश्चुअरी डेल्टा]] |
|||
[[hr:Estuarij]] |
|||
[[ht:Estyè]] |
|||
[[id:Muara]] |
|||
[[io:Estuario]] |
|||
[[is:Árós]] |
|||
[[it:Estuario]] |
|||
[[ja:三角江]] |
|||
[[jv:Muara]] |
|||
[[ka:ესტუარი]] |
|||
[[ko:삼각강]] |
|||
[[la:Aestuarium]] |
|||
[[lt:Estuarija]] |
|||
[[lv:Grīva]] |
|||
[[ml:അഴിമുഖം]] |
|||
[[nl:Estuarium]] |
|||
[[nn:Estuar]] |
|||
[[no:Estuar]] |
|||
[[nrm:Engoulême]] |
|||
[[pl:Estuarium]] |
|||
[[pt:Estuário]] |
|||
[[ro:Estuar]] |
|||
[[ru:Эстуарий]] |
|||
[[sah:Эстуарий]] |
|||
[[sh:Estuarij]] |
|||
[[sk:Estuár]] |
|||
[[sl:Estuarij]] |
|||
[[sq:Estuarët]] |
|||
[[sr:Естуар]] |
|||
[[sv:Estuarium]] |
|||
[[ta:கயவாய்]] |
|||
[[uk:Естуарій]] |
|||
[[vec:Estuario]] |
|||
[[vi:Cửa sông]] |
|||
[[war:Estero]] |
|||
[[zh:河口湾]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:17, 9 มีนาคม 2556
ชะวากทะเล (อังกฤษ: Estuary) คือ บริเวณส่วนล่างของปากแม่น้ำที่มีความกว้างมากจนมีลักษณะคล้ายอ่าว ตอนบนของชะวากทะเลนั้นจะตอบแหลมเป็นรูปกรวยและจะค่อยขยายขนาดออกไปเมื่อเข้าหาในส่วนที่เป็นทะเลมากขึ้น บริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีการผสมกันระหว่างน้ำจืดกับน้ำเค็ม เนื่องจากเป็นพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำยุบตัวลงสู่แนวชายฝั่งทะเลจึงได้รับอิทธิพลของน้ำทะเล ตัวอย่างของชะวากทะเลในประเทศไทย ได้แก่ บริเวณปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง, ปากแม่น้ำเวฬุ จังหวัดจันทบุรี และปากแม่น้ำชุมพร จังหวัดชุมพร
ชะวากทะเล เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลที่มีแม่น้ำหรือลำธารไหลผ่านเชื่อมต่อลงสู่ทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดขึ้นบริเวณรอยต่อระหว่างสภาพแวดล้อมแบบทางน้ำและสภาพแวดล้อมแบบทะเล จึงทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้ได้รับทั้งอิทธิพลจากทะเลอันได้แก่ น้ำขึ้น - น้ำลง, คลื่นและการไหลเวียนของน้ำเกลือ รวมถึงอิทธิพลจากแม่น้ำอันได้แก่ ตะกอนและการไหลเวียนของน้ำจืด ซึ่งการที่มีน้ำจืดและน้ำเค็มไหลเวียนแบบนี้นั้นส่งผลให้พื้นที่ชะวากทะเลประกอบด้วยธาตุอาหารที่สำคัญจำนวนมาก จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดได้
ชะวากทะเลที่พบในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่เป็นชะวากทะเลที่เกิดขึ้นในช่วงยุคโฮโลซีน (Holocene) โดยการไหลท่วมของแม่น้ำหรือการกัดเซาะจากธารน้ำแข็งในช่วงที่มีก่รเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในช่วงประมาณ 10,000 - 12,000 ปีที่ผ่านมา และการจำแนกลักษณะของชะวากทะเลนั้นจะอาศัยลักษณะทางธรณีสัณฐานหรือรูปแบบการไหลของน้ำในการจำแนก ซึ่งหมายถึงการจำแนกเป็นอ่าว (Bay) หรือ ทะเลสาบ (Lagoon) เป็นต้น
ชะวากทะเลเป็นพื้นที่มีประชากรมาอาศัยอยู่จำนวนมาก คือประมาณร้อยละ60 จากประชากรทั้งหมดของโลกที่ชอบอาศัยตามแนวชายฝั่งทะเลและชะวากทะเล เป็นผลให้พื้นที่ชะวากทะเลนี้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆได้แก่ การตกตะกอนของตะกอนจากการพังทลายของหน้าดินเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า การเพิ่มความเข้มข้นของปริมาณสารเคมีในระบบนิเวศจากสิ่งปฏิกูลและมูลสัตว์ (Eutrophication) มลพิษจากโลหะหนัก, สารพีซีบีเอส (PCBs), ธาตุกัมมันตรังสีและสารประกอบไฮโดรคาร์บอนจากสิ่งปฏิกูล และแนวกั้นน้ำหรือเขื่อนที่ใช้ในการควบคุมปริมาณการไหลของน้ำ
การจำแนกชนิดของชะวากทะเล
ชะวากทะเลสามารถจำแนกโดยอาศัยลักษณะทางธรณีสัณฐาน ออกเป็นชนิดต่างๆได้ 4 ประเภท ดังนี้
ชะวากทะเลแบบร่องน้ำจมตัว (Drowned river valleys-type estuaries)
ชะวากทะเลชนิดนี้ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 6,000 ถึง 15,000 ปีที่ผ่านมา หรือในช่วงปลายของ Wisconsin glaciation (เป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขี้นประมาณ 100 ถึง 130 เมตร) เมื่อระดับน้ำทะเลลดลงจึงได้มีการเกิดลักษณะชะวากทะเลเช่นนี้ขึ้น นอกจากนี้แล้วการทรุดตัวของบริเวณชายฝั่งยังช่วยให้เกิดชะวากทะเลแบบร่องน้ำจมตัวได้อีกด้วย โดยลักษณะเช่นนี้มักเกิดขึ้นในที่ราบต่ำ ขนากกว้าง มีความลึกไม่มากนัก มักพบได้ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น Chesapeake Bay, Delaware Bay, Galveston Bay และ Tampa Bay
ชะวากทะเลแบบลากูน (Lagoon-type estuaries)
ชะวากทะเลชนิดนี้จะได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลน้อยมาก เนื่องจากในบริเวณนั้นมีเกาะสันดอน (Barrier islands)หรือจะงอยทราย (Sand spit)เป็นตัวกั้นอิทธิพลจากน้ำทะเลเอาไว้ จะมีช่องแคบๆเท่านั้นที่ติดต่อกับน้ำทะเล โดยมากมักจะพัฒนาอยู่บนบริเวณชายฝั่งที่มีความมั่นคงทางธรณีแปรสัณฐานสูง และมีการสะสมตัวของตะกอนตามแนวชายฝั่ง แต่จะต้องมีอัตราของน้ำขึ้นน้ำลงไม่เกิน 4 เมตร และเกาะสันดอนที่เกิดร่วมกันนั้นมักจะเกิดขึ้นในบริเวณทะเลน้ำตื้นคือลึกไม่เกิน 5 ถึง 10 เมตร และมีกระแสที่มากระทำขนานกับแนวชายหาด โดยมากจะพบตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น Barnegat Bay นิวเจอร์ซีย์, Laguna Madre เทกซัส และ Pamlico Sound นอร์ธคาโรไลนา
ชะวากทะเลแบบฟยอร์ด (Fjord-type estuaries)
ชะวากทะเลชนิดนี้เกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นร่องลึกเนื่องจากการกัดเชาะของธารน้ำแข็ง ร่องลึกดังกล่าวมีลักษณะเป็นรูปตัวยู บริเวณตื้นของชะวากทะเลชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นปากอ่าว และมักจะได้รับผลจากการไหลเวียนของกระแสน้ำขึ้นน้ำลงจากน้ำลึกไปยังน้ำตื้นบริเวณชะวากทะเล พบได้ตามแนวชายฝั่งของอะแลสกา ตะวันออกของแคนาดา กรีนแลนด์ ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และนอร์เวย์
ชะวากทะเลแบบผลจากธรณีแปรสัณฐาน (Tectonically produced estuaries)
ชะวากทะเลชนิดนี้เกิดจากการทรุดตัว หรือแผ่นดินถูกตัดจากทะเลโดยการเคลื่อนที่ของแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับรอยเลื่อน ภูเขาไฟ และแผ่นดินถล่ม น้ำท่วมจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นในยุคโฮโลซีนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างชะวากทะเล ตัวอย่างเช่น อ่าวซานฟรานซิสโกที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตามแนวรอยเลื่อนซานแอนเดรียส