ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การ์โล มาแดร์โน"
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล เก็บกวาด |
Makecat-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.6.5) (โรบอต เพิ่ม: sh:Carlo Maderno |
||
บรรทัด 81: | บรรทัด 81: | ||
[[pt:Carlo Maderno]] |
[[pt:Carlo Maderno]] |
||
[[ru:Мадерна, Карло]] |
[[ru:Мадерна, Карло]] |
||
[[sh:Carlo Maderno]] |
|||
[[simple:Carlo Maderno]] |
[[simple:Carlo Maderno]] |
||
[[sk:Carlo Maderno]] |
[[sk:Carlo Maderno]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:27, 5 มีนาคม 2556
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
คาร์โล มาแดร์โน (Carlo Maderno) (ค.ศ. 1556 - 30 มกราคม ค.ศ. 1629) เป็นสถาปนิกชาวอิตาลี-สวิสเกิดที่ทิซิโน (Ticino) ที่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ส่วนที่พูดภาษาอิตาลี
คาร์โล มาเดอร์โนถือกันว่าเป็นบิดาแห่งสถาปัตยกรรมบาโรก งานของมาแดร์โนด้านหน้าของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ วัดซานตาซูซานนา (Santa Susanna) และวัดซานอันเดรียเดลลาวาลเล (Sant'Andrea della Valle) ถือกันว่าเป็นกุญแจสำคัญของการวิวัฒนาการของสถาปัตยกรรมบาโรกของอิตาลี คาร์โล มาเดอร์โนมักจะรู้จักว่าเป็นพี่ชายของประติมากรสเตฟาโน มาเดอร์โน (Stefano Maderno) แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอน
ประวัติ
คาร์โล มาเดอร์โนเริ่มอาชีพในเหมืองหินอ่อนทางด้านเหนือสุดของอิตาลี ก่อนจะที่ย้ายไปกรุงโรมพร้อมกับพี่น้องสี่คน เมื่อ ค.ศ. 1588 เพื่อไปช่วยโดเมนิโค ฟอนทานา (Domenico Fontana) ผู้เป็นลุง งานแรกของมาเดอร์โนก็คือตัดสลักหินซึ่งทำให้เป็นพื้นฐานในทางอาชีพสถาปนิกต่อมา งานที่ทำด้วยตนเองเป็นชิ้นแรกเมื่อปี ค.ศ. 1596 เป็นงานด้านหน้าของวัดซานตาซูซานนา (Santa Susanna) ซึ่งแสดงถึงความเติบโตเต็มที่ของงานและความมั่นใจในฝีมือของเขาเอง และเป็นงานเห็นได้ชัดของการแยกตัวจากสถาปัตยกรรมแบบแมนเนอริสม์ อย่างวัดเยซู มาเป็นแบบที่เรียกว่าสถาปัตยกรรมบาโรก ลักษณะโครงสร้างจะมี dynamic ของการจัดวางระหว่างเสาแบบต่างๆ โดยมีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้าที่เต็มไปด้วยสิ่งตกแต่งซึ่งทำให้สิ่งก่อสร้างมีลักษณะซับซ้อนขึ้น ถึงแม้การว่าลักษณะโครงสร้างจะมีลูกเล่นแต่ก็ไม่ได้ละทิ้งกฎของการออกแบบๆ คลาสสิก จึงไม่ขาดความขึงขัง
งานด้านหน้าของวัดซานตาซูซานนาทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5มีความสนใจในงานของมาเดอร์โน เพราะพระองค์เป็นหัวหน้าสถาปนิกของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1603 พระสันตะปาปาปอลที่ 5 จึงเรียกตัวมาเดอร์โนมาขยายผังงานของมีเกลันเจโลสำหรับมหาวิหาร และออกแบบทางเดินกลางและด้านหน้ามหาวิหารใหม่ ด้านหน้าสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1612 มีระเบียงอย่างสวยงามเหนือประตูสำหรับพระสันตะปาปาทรงออกไปประทานพร มาเดอร์โนเปลี่ยนผังของมีเกลันเจโลจากกากบาท (Greek cross) มาเป็นทรงกางเขน (Latin cross) ซึ่งถูกวิจารณว่าทำให้บังโดมเมื่อมองมหาวิหารจากจัตุรัสนักบุญปีเตอร์ด้านหน้ามหาวิหารซึ่งความจริงแล้วถนนกว้างด้านหน้าจัตุรัสมาทำกันภายหลัง
งานส่วนใหญ่ของมาเดอร์โนมักจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งก่อสร้างเก่า สิ่งก่อสร้างที่มาเดอร์โนทั้งออกแบบและสร้างก็คือวัดซานตามาเรีย เดลลา วิทโทเรีย (Santa Maria della Vittoria) ระหว่างปี ค.ศ. 1608 ถึงปี ค.ศ. 1620 ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของมาเดอร์โน แต่มักจะถูกละเลยเมื่อเทียบกับวัดคอร์นา โรและรูปสลักที่มีชื่อ “Ecstasy of St Theresa” ที่สร้างและสลักโดยจานลอเรนโซ เบร์นินี ด้านหน้าของวัดไม่ใช้ผลงานของมาเดอร์โน
แม้แต่วัดซานอันเดรียเดลลาวาลเลซึ่งเป็นงานชิ้นเอกของมาเดอร์โน เขาก็ไม่ได้สร้างทั้งหมด สำหรับวัดนี้ก็ออกแบบด้านหน้าและสร้างโดมซึ่งเป็นโดมที่ใหญ่เป็นที่สองของกรุงโรม ตัววัดเดิมออกแบบสำหรับนักบวช (Theatines) โดยจุยเซพเพ ฟรานเชสโก กริมาลดิ (Giuseppe Francesco Grimaldi) และ จิอาโกโม เดลลา ปอร์ตา (Giacomo della Porta) เมื่อปี ค. ศ. 1540 ซึ่งเป็นผังแบบเยซูอิด ทรงกางเขน ทางเดินกลางกว้างไม่มีทางเดินข้าง และมีคูหาสวดมนต์เลยไปจากซุ้มโค้ง แท่นบูชาเอกอยู่ตรงจุดตัดระหว่างทางเดินกลางกับแขนกางเขนภายใต้โดมของมาเดอร์โน (จิตรกรรมฝาผนังเขียนโดย จิโอวานนี ลานฟรังโก (Giovanni Lanfranco))
ผังแรกออกแบบเมื่อปี ค.ศ. 1608 การก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1621 ถึงปี ค.ศ. 1625 ด้านหน้าวัดเสร็จได้ครึ่งเดียวเมื่อมาเดอร์โนเสียชีวิต และมาสร้างเสร็จตามที่มาเดอร์โนออกแบบไว้โดยคาร์โล ฟอนตานา (Carlo Fontana) ด้านหน้าของลักษณะเช่นด้านหน้าของวัดเยซูมาเดอร์โนเพิ่มความอ่อนช้อย ความมีลีลา โดยการเล่นระดับและใช้บัวชนิดต่างๆ ช่วยทำให้เพิ่ม “chiaroscuro” เช่นการฝังเสาแนบเข้าไปในช่องที่ลึกเข้าไปในผนังซึ่งทำให้เห็นเป็นเงาโครงร่าง และการทำองค์ประกอบให้แน่นขึ้นเพื่อจะให้ได้ความรู้สึกว่าส่วนประกอบมีจังหวะสอดคล้องกันดีขึ้น
งานอื่นๆ ของมาเดอร์โน
- วัดเยซูและมาเรีย (Church of Gesù e Maria)
- วัดซานจิอาโคโม เดกลี อินคูราบิลิ (Church of San Giacomo degli Incurabili)
- วัดซานจิโอวานนิ เด ฟิโอเร็นทินิ (Church of San Giovanni dei Fiorentini) ที่เป็นที่ฝังศพของเขา
- วังสันตะปาปาควิรินาล (Quirinal Palace)
- วังสันตะปาปากานโดลโฟ (Castel Gandolfo)
- วังบาร์เบอรินิ (Palazzo Barberini)
- วังมาเทอิ (Palazzo Mattei) - ค. ศ. 1598 ถึงปี ค. ศ. 1616
- คูหาสวดมนต์เซ็นต์ลอเร็นซ์ ที่วัดซานเพาโลฟูโอริเลมูรา (San Paolo fuori le Mura)
- คูหาสวดมนต์แคนทานี ที่วัดซานตาพูเด็นเซียนา (Santa Pudenziana)
- ฐาน “เสามาเรียน” (Marian column) หน้ามหาวิหารซานตามาเรียมายอเร (Basilica di Santa Maria Maggiore) ซึ่งใช้เป็นแบบอย่างในการทำเสามาเรียนในประเทศคาทอลิกอื่นๆ
สมุดภาพ
-
วัดซานตาซูซานนา
-
วัดซานอันเดรียเดลลาวาลเล
-
ภายในวัดซานตามาเรีย เดลลา วิทโทเรีย
-
วังสันตะปาปาควิรินาล
-
ภาใต้โดมของวัดซานอันเดรียเดลลาวาลเล
-
โถงกลางของวัดซานอันเดรียเดลลาวาลเล
อ้างอิง
- Hibbard, Howard (1972). Carlo Maderno and Roman Architecture 1580–1630.
- Chris Nyborg, "Churches of Rome: Carlo Maderno"
- Vitruvio site: Carlo Maderno
- Wittkower, Rudolf (1993). Pelican History of Art, Art and Architecture Italy, 1600-1750. 1980. Penguin Books Ltd. pp. p 110-115.
{{cite book}}
:|pages=
has extra text (help) - "Carlo Maderna". Catholic Encyclopedia.
ดูเพิ่ม
- แผนผังมหาวิหาร
- สถาปัตยกรรมการก่อสร้างมหาวิหารในยุโรปตะวันตก
- สถาปัตยกรรมบาโรก
- สถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยา