ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด"
PUNG191230 (คุย | ส่วนร่วม) |
Idioma-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: min:Real Madrid |
||
บรรทัด 650: | บรรทัด 650: | ||
[[lt:Real Madrid CF]] |
[[lt:Real Madrid CF]] |
||
[[lv:Madrides "Real"]] |
[[lv:Madrides "Real"]] |
||
[[min:Real Madrid]] |
|||
[[mk:ФК Реал Мадрид]] |
[[mk:ФК Реал Мадрид]] |
||
[[ml:റയൽ മാഡ്രിഡ്]] |
[[ml:റയൽ മാഡ്രിഡ്]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:38, 12 กุมภาพันธ์ 2556
สัญลักษณ์ของสโมสรเรอัลมาดริด | ||||
ชื่อเต็ม | Real Madrid Club de Fútbol | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | ราชันชุดขาว (Los Blancos) โลสเมเรงเกส (ขนมเมอแรงก์)[1] | |||
ก่อตั้ง | 6 มีนาคม ค.ศ. 1902 (ในชื่อ Sociedad Madrid FC)[2] | |||
สนาม | สนามซานเตียโก เบร์นาเบว มาดริด | |||
ความจุ | 80,400 ที่นั่ง[3] | |||
ประธาน | โฟลเรนตีโน เปเรซ | |||
ผู้จัดการทีม | โชเซ มูรีนโย | |||
ลีก | ลาลีกา | |||
ลาลีกา 2011-12 | ลาลีกา, ที่ 1 | |||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
สำหรับทีมสำรอง ให้ดูที่บทความ สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดกาสตียา
สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด (สเปน: Real Madrid Club de Fútbol) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เรอัลมาดริด, ราชันชุดขาว หรือ รีลมาดริด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริดเมืองหลวงของประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1902 เล่นในลาลีกา และเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลศตวรรษที่ 20 โดยสามารถคว้าแชมป์ลาลีกาได้ทั้งสิ้น 31 สมัย ถ้วยโกปาเดลเรย์ 17 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัยซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของรายการ นอกจากนั้น เรอัลมาดริดยังได้เป็นสมาชิกของกลุ่มจี-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของยุโรปอีกด้วย[4]
สนามเหย้าของสโมสรคือสนามซานเตียโก เบร์นาเบวอันมีชื่อเสียงแห่งกรุงมาดริด เรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่มีหุ้นส่วน (socios) เป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1902 ซึ่งแตกต่างกับสโมสรส่วนใหญ่ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 2000 ฟีฟ่าได้จัดว่าเรอัลมาดริดเป็นสโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20[5]
ราชันชุดขาวนั้นเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการแข่งขันของยูฟ่าด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 9 สมัยและยูฟ่าคัพ 2 สมัย ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่น ๆ ทุกสโมสร [6] มีเพียงโทรฟียุโรปเดียวที่เรอัลมาดริดยังไม่เคยได้ นั่นคือ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ซึ่งมีสิทธิ์เล่น 2 ครั้งแต่ก็พ่ายไปทั้งสองนัดโดยครั้งแรกแพ้ให้กับเชลซี 2-1 ในปี ค.ศ. 1971 และเสมอ 1-1 ในนัดแรกก่อนที่จะแพ้ 1-0 ในนัดที่สองให้กับแอเบอร์ดีนด้วยประตูรวม 2-1 ในปี ค.ศ. 1983
เรอัลมาดริดยังเป็นสโมสรที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดในโลกจากกรณีศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี ค.ศ. 2007[7] และยังเป็นสโมสรที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย[8] เรอัลมาดริดเคยเดินทางมาเตะกับทีมชาติไทยในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ผลการแข่งขันเรอัลมาดริดชนะไป 2-1 ประตู
ประวัติในการก่อตั้งและยุครุ่งเรืองของราชัน ปี (1902-2005)
สโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1902 จากการรวมตัวของกลุ่มแฟนบอลในเมืองมาดริด ภายใต้ชื่อสโมสร "มาดริด ฟุตบอล คลับ" โดยมีโค้ช คนแรกคือ อาเธอร์ จอห์นสัน เป็น ชาวอังกฤษ ซึ่งเข้ามาดูแลทีมในปีเดียวกัน มาดริด ได้เป็นแชมป์ลีกสเปนเป็นครั้งแรกในปี 1905 จนได้รับพระบรมราชานุญาติจากองค์กษัตริย์แห่งสเปน ให้ใช้ชื่อ เรอัล นำหน้าสโมสร จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ เรอัล อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1920 ปี ค.ศ. 1943 ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว อดีตนักฟุตบอลของสโมสร ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานสโมสร และนี่คือรากฐานอันมั่นคงของเรอัล มาดริด อย่างแท้จริง เมื่อโครงการสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สุดของสเปนเริ่มต้นขึ้น ก่อนเปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1947 กระทั่งเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว" ในปี ค.ศ. 1955 ถึงปัจจุบัน
ความยิ่งใหญ่ของ "ราชันชุดขาว" เริ่มแผ่ขยายสู่เวทียุโรป โดยได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1960 ภายใต้การนำทีมของ อัลเฟร โด้ ดิ สเตฟาโน่ ผู้เป็นตำนานของสโมสรและยังได้รับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรในปัจจุบัน
โดยเฉพาะตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ถึง ปี ค.ศ. 2003 ในยุคของ บีเซนเต เดล โบสเก ถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองและน่าจดจำเป็นตำนานของประวัติของสโมสรมากที่สุดหลังจากยุคของ อัลเฟร โด้ ดิ สเตฟาโน่ ในช่วงปี ค.ศ. 1956 เลยก็ว่าได้ โดย โบสเก นำทีม ราชันชุดขาว เป็นราชันแห่งเจ้าฟุตบอลยุโรป มาถึง 4 ปี โดยโบสเกนำทีม ได้ แชมป์ ลาลีกา 2 สมัย ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา 1 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัย ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย และ โคปา ลิเบอตาดอเรส 1 สมัย โดยคนทั่วโลกถือโบสเกเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลก ในช่วงปลาย ศตวรรษที่ 90
ยุคแห่งการอำลาและการเริ่มต้นครั้งใหม่ (2005-2009)
- ฤดูกาล 2004-2005 จากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกบ้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ ลา ลีกา สเปน กับ ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และได้มีประธานคนใหม่คือ โรมอน คาร์เดอรอน มาแทนที่ โฟลเรนตีโน เปเรซ จนถึงปี 2010 ที่ติดภารกิจในด้านการเมือง สาเหตุที่เรอัล มาดริดประสบความสำเร็จมาก อันเนื่องมาจากโครงการสร้างทีมด้วยนักฟุตบอลดังระดับโลกหลายต่อหลายคน เพื่อรักษามาตรฐานความยิ่งใหญ่ของสโมสรไว้ให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 7 จนถึง 9 อันเป็นสถิติสูงสุดที่ทีมสามารถได้ในช่วงปี 1998 จนถึง 2001 รวมทั้งแชมป์ ลาลีกา สเปน ฤดูกาลล่าสุด ล้วนถือได้ว่าเป็นผลงานที่เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวของเหล่านักฟุตบอลชื่อดัง เช่น ซีเนดีน ซีดาน,ลูอีช ฟิกู,โรนัลโด, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ราอูล กอนซาเลซ จนถึง เดวิด เบคแคม ที่เข้ามาร่วมกับทีมรายล่าสุดในฤดูกาล 2004-2005
- ฤดูกาล 2005-2006 ได้มีสโมสรฟุตบอลต่างๆ ในสเปนได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรอัล มาดริด มากขึ้น โดยเฉพาะ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่าเป็นทั้งคู่แข่งตลอดกาลและเพื่อนสโมสรฟุตบอลร่วมเมือง ได้มาเข้าแย่งแชมป์ต่างๆในลีก หรือแชมป์ในยุโรป แต่เรอัล มาดริดก็ยังรักษาความสามัคคีและความมั่นใจไว้อยู่ได้ถึงแม้ฤดูกาลนี้จะได้แค่รองชนะเลิศใน ลาลีกา แต่ยังพวกเขาก็ยังเชื่อมั่นว่า "สักวัน/สักเดือน/สักปี เราจะต้องคว้าแชมป์มาให้ได้"เป็นคำพูดของ เดวิด เบ็คแฮม กองกลางของราชันชุดขาวที่พูดไว้ก่อนจะออกทีมในฤดูกาล 2006-2007
- ฤดูกาล 2006-2007 ในยุคของ ฟาบีโอ กาเปลโล กุนซือชาว อิตาลี โดยในฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด ต้องขาดนักเตะดาวรุ่งหลายคนไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบคแคม, หลุยส์ ฟีโก้,โรนัลโด้ แต่ก็ยังได้นักเตะคนใหม่มาแทนที่เช่น กอนซาโล อีกวาอินกองหน้าของทีมชาติอาร์เจนตินา, มาร์เซลู วีเอรา ทีมชาติบราซิลเข้ามาและในช่วงนั้น เรอัล มาดริด ได้เปลี่ยนประธานสโมสรฟุตบอลเป็น โฟลเรนตีโน เปเรซ และผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ พรีดักซ์ มิจาโทวิช และในฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริดสามารถคว้าแชมป์ได้คือ ถ้วยลาลีกาซึ่งเป็นถ้วยที่ 30 ของสโมสรแห่งนี้ แล้ว ฟาบีโอ กาเปลโล ก็ขอลาออกในการเป็นผู้จัดการทีมโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ฤดูกาล 2007-2008 โดยเรอัล มาดริด ได้เรียกตัวกุนซื้อคนมาคือ เบิร์นเด ชชัดเตอร์ อดีตผู้เล่นของเรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า มาเป็นกุนซือจ มาเป็นผู้จัดการทีม โดยในฤดกาลนี้ได้เสียนักเตะไปอีก 3 คน คือ ซีเนดีน ซีดาน ,โรแบร์โต้ คาร์ลอส,ราอูล กอนซาเลซ และไม่ได้ ซื้อใครมาเพิ่มแต่ก็ยังรักษาความสามัคคีและความมั่นใจให้แฟนบอลของทีมเหมือนเดิมโดยสามารถคว้าแชมป์ลาลีกามาได้ ครั้งที่ 31 และ ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา ครั้งที่ 8 แล้ว เบิร์นเด ชชัดเตอร์ ได้ขอลาออกไปเนื่องจกมีปัญหาเกี่ยวกับทางครอบครัวของเขา แล้วทางเรอัล มาดริด ได้ตั้งใจว่าจะเรียกตัว มานวยล์ เปเยกรีนี มาเป็นผู้จัดการทีมในฤดูกาลหน้า
- ฤดูกาล 2008-2009 ได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ซึ่งมาแทนที่ชั่วคราวของ เปเยกรีนี ที่ขอลาพักชั่วคราว คือ ควนเด รามอส โค้ชชาวสเปนวัย 54 ปี ถึงแม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ถ้วยต่างๆได้แต่ก็คงจบด้วย ที่ 2 ในลีกลาลีกา และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น มานวยล์ เปเยกรีนี และเซ็นสัญญาว่าจะอยู่กับราชันชุดขาวถึง ปี 2010
ยุคของมูรีนโยและซุปเปอร์สตาร์คนใหม่(2009-ปัจจุบัน)
- ฤดูกาล 2009-2010 เรอัล มาดริดได้คว้ากองหน้าชาว โปรตุเกส คนใหม่มาได้จาก สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ คือ คริสเตียโน โรนัลโด สามารถเล่นได้ในตำแหน่ง ปีกขวา และ กองหน้า พอเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดกาล 2010-2011 เรอัล มาดริด ได้มีการเปลี่ยนแปลงสโมสรในด้านต่างๆมากขึ้น โดย มานวยล์ เปเยกรีนี ได้หมดสัญญาการคุมทีมกับสโมสร
ทางสโมสรเลยตัดสินใจนำ โชเซ มูรีนโย อดีตกุนซือ สโมสรฟุตบอลเชลซี ในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ เข้ามาคุมทีมต่อจาก มานวยล์ เปเยกรีนี
- ฤดูกาล 2010-2011 และเมื่อ โฟลเรนตีโน เปเรซ เสร็จภารกิจในการทำธุระที่ต่างประเทศเสร็จเขาได้กลับมาเป้นประธานของสโมสร แทน โรมอน คาร์เดอรอน อีกครั้ง ในฤดูกาลนี้เรอัล มาดริด ได้คว้าแชมป์ โกปาเดลเรย์ ได้โดยชนะ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ไป 1-0 หลังต่อเวลาพิเศษ โดย คริสเตียโน โรนัลโด เป็นคนยิงประตูชัยให้ในนาทีที่ 102 และสามารถจบที่อันดับ 2 ได้และสามารถไปเล่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และเป็นครั้งที่ 55 ของสโมสร
- ฤดูกาล 2011-2012 เรอัลมาดริดสามารถคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 32 ของทีมได้ โดยทราบผลทั้งที่ยังไม่ได้ทันได้ปิดฤดูกาล[9] และเมื่อจบฤดูกาลก็สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 100 คะแนน เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์[10]
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
- ณ วันที่ 22 December 2011.[11]
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
อดีตผู้เล่นที่โด่งดังของสโมสร
ผู้สนับสนุนและชุดที่ใช้
ช่วงเวลา | ชุดที่ใช้ | ผู้สนับสนุน |
---|---|---|
1980–1982 | อาดิดาส | None |
1982–1985 | ซานัสสิ | |
1985–1989 | ฮัมเมล | พาร์มาลัท |
1989–1991 | เรนนี พีค็อต | |
1991–1992 | โอเทย์ซ่า | |
1992–1994 | เทคคา | |
1994–1998 | เคลมี | |
1998–2001 | อาดิดาส | |
2001–2002 | None* | |
2002–2005 | ซีเมนส์ โมบาย | |
2005–2006 | ซีเมนส์ | |
2006–2007 | เบนคิว ซีเมนส์ | |
2007– | บวิน .คอม |
*Realmadrid.com appeared in place of shirt sponsor to promote the club's new website.
บุคลากร
ทีมงานฝ่ายเทคนิคในปัจจุบัน
ตำแหน่ง | เจ้าหน้าที่ |
---|---|
ผู้จัดการทีม | โชเซ มูรีนโย |
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม | ไอตอร์ การันก้า |
ผู้ฝึกสอนด้านฟิตเนส | รูอี ฟาเรีย |
ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | ซิลิวิโนว์ ลูโอ้ |
ผู้จัดการด้านฟุตบอล | โซเซ่ โมไรซ์ |
ผู้จัดการสถาบัน | เชนโด้ |
ข้อมูลล่าสุด: 10 June 2011
อ้างอิง: Board of Directors, Organisation
Template:Fb cs staff (Football - coach staff - staff)
Parameters bg : background color. y = yes; blank = no p : staff position s : staff
Template:Fb cs footer (Football - coach staff - footer)
เกียรติประวัติ
การแข่งขันภายในประเทศ
ลีก
- ชนะเลิศ (31): 1931–32, 1932–33, 1953–54, 1954–55, 1956–57, 1957–58, 1960–61, 1961–62, 1962–63, 1963–64, 1964–65, 1966–67, 1967–68, 1968–69, 1971–72, 1974–75, 1975–76, 1977–78, 1978–79, 1979–80, 1985–86, 1986–87, 1987–88, 1988–89, 1989–90, 1994–95, 1996–97, 2000–01, 2002–03, 2006–07, 2007–08 2011-12
- รองชนะเลิศ (20): 1929, 1933–34, 1934–35, 1935–36, 1941–42, 1944–45, 1958–59, 1959–60, 1965–66, 1980–81, 1982–83, 1983–84, 1991–92, 1992–93, 1998–99, 2004–05, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2010–11
ถ้วยต่างๆในประเทศ
- ชนะเลิศ (18): 1905, 1906, 1907, 1908, 1917, 1934, 1936, 1946, 1947, 1961–62, 1969–70, 1973–74, 1974–75, 1979–80, 1981–82, 1988–89, 1992–93, 2010–11
- รองชนะเลิศ(19): 1903, 1916, 1918, 1924, 1929, 1930, 1933, 1940, 1943, 1958, 1959–60, 1960–61, 1968, 1978–79, 1982–83, 1989–90, 1991–92, 2001–02, 2003–04
- ชนะเลิศ (1): 1947
- ชนะเลิศ (1): 1985
- 'รองชนะเลิศ (1): 1983
- ชนะเลิศ (1): 1985
- 'รองชนะเลิศ (1): 1983
ถ้วยต่างๆในทวีปยุโรป
- ชนะเลิศ (1): 2002
ถ้วยระดับโลก
- ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ (Predecessor to the FIFA Club World Cup)[23]
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ทางการของสโมสร (สเปน) (อังกฤษ)
- เว็บไซต์แฟนคลับในประเทศไทย
- เว็บไซต์แฟนคลับอิสระสำหรับแฟนเรอัล มาดริดในประเทศไทย
- เฟซบุ๊คแฟนคลับสโมสร เรอัล มาดริด ในประเทศไทย
อ้างอิง
- ↑ "Real Madrid Football Club". Madrid Tourist Guide. สืบค้นเมื่อ 2007-09-26. ในภาษาสเปน นักเตะมักจะถูกเรียกว่า "โลสเมเรงเกส" (Los Merengues) แปลตรงตัวว่า "(ขนม) เมอแรงก์" (The Meringues) เนื่องจากชุดแข่งขันเป็นสีขาว
- ↑ "1902-1911". Realmadrid.com. สืบค้นเมื่อ 2007-09-09.
- ↑ "Estadio Santiago Bernabeu". The Stadium Guide. สืบค้นเมื่อ 2007-09-16.
- ↑ "เรอัลมาดริดคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม G-14". G14.com. สืบค้นเมื่อ 2007-09-17.
- ↑ "สโมสรที่ดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20" (PDF). FIFA.com. สืบค้นเมื่อ 2007-09-18. Voted exclusively by the readers of the bi-monthly FIFA Magazine on December 2000.
- ↑ "ข้อเท็จจริงสโมสร: เรอัลมาดริด". Uefa.com. สืบค้นเมื่อ 2007-09-30. (See:UEFA club competition milestones)
- ↑ "รามอน กัลเดรอนกล่าวคำปราศรัยกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอเมริกันชื่อดังหลายแห่ง". Realmadrid.com. 2008-02-05. สืบค้นเมื่อ 2008-02-06.
- ↑ "ยูไนเต็ดทำรายได้มากขึ้นแต่เรอัลมาดริดยังครองเบอร์หนึ่ง". Deloitte UK. 2008-02-14. สืบค้นเมื่อ 2008-02-16.
- ↑ "ชุดขาว" ยำบิลเบา 3-0 ซิวแชมป์ลาลีกา จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ มูซูฮกราชันกวาด100คะแนนในฤดูกาลเดียว จากสยามสปอร์ต
- ↑ "Squad". Real Madrid C.F. สืบค้นเมื่อ 18 July 2011.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 "Captains" (ภาษาSpanish). Real Madrid C.F. สืบค้นเมื่อ 31 December 2011.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Evolution 1929–10". Liga de Fútbol Profesional. สืบค้นเมื่อ 6 August 2010.
- ↑ "Palmarés en" (ภาษาSpanish). MARCA. สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ Carnicero, José; Torre, Raúl; Ferrer, Carles Lozano (28 August 2009). "Spain – List of Super Cup Finals". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation (RSSSF). สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ "List of Super Cup Finals". RSSF. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
- ↑ Torre, Raúl (29 January 2009). "Spain – List of League Cup Finals". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation (RSSSF). สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ Torre, Raúl (29 January 2009). "Spain – List of League Cup Finals". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation (RSSSF). สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ "Champions League history". Union of European Football Associations (UEFA). สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ "Europa League history". UEFA. สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ "UEFA Cup Winners' Cup". UEFA. สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ "UEFA Super Cup". UEFA. สืบค้นเมื่อ 22 June 2010.
- ↑ Magnani, Loris; Stokkermans, Karel (30 April 2005). "Intercontinental Club Cup". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation. สืบค้นเมื่อ 9 August 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link GA แม่แบบ:Link GA แม่แบบ:Link GA แม่แบบ:Link GA