ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร"
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล เก็บกวาด |
|||
บรรทัด 22: | บรรทัด 22: | ||
| อดีตสมาชิก = |
| อดีตสมาชิก = |
||
}} |
}} |
||
'''กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร''' หรือที่รู้จักกันในชื่อ '''เขียว คาราบาว''' เป็นนักร้องและมือกีตาร์ อดีตสมาชิกวง[[คาราบาว]] และเคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์ เกิดเมื่อวันที่ [[25 มกราคม]] [[พ.ศ. 2495]] ที่[[กรุงเทพมหานคร]] มีผลงานเพลงที่โด่งดังคือเพลง ''สัญญาหน้าฝน'' และ เพลง ''ไม่เคย'' |
'''กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร''' หรือที่รู้จักกันในชื่อ '''เขียว คาราบาว''' เป็นนักร้องและมือกีตาร์ อดีตสมาชิกวง[[คาราบาว]] และเคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์ เกิดเมื่อวันที่ [[25 มกราคม]] [[พ.ศ. 2495]] ที่[[กรุงเทพมหานคร]] มีผลงานเพลงที่โด่งดังคือเพลง ''สัญญาหน้าฝน'' และ เพลง ''ไม่เคย'' |
||
==ประวัติ== |
== ประวัติ == |
||
เขียว คาราบาว เกิดที่ [[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ [[25 มกราคม]] [[พ.ศ. 2495]] เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง5คน และเริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมจาก[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เขียว ชื่นชอบการเล่น[[ฟุตบอล]]อย่างมากถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียน และเริ่มสนใจดนตรีสากลโดยเริ่มหัดเล่น[[กีตาร์]]และ[[กีตาร์เบส|เบส]] โดยหัดเล่นเพลงสากลอย่างเช่น ''Hang On Sloopy'' ของวง The McCoys |
เขียว คาราบาว เกิดที่ [[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ [[25 มกราคม]] [[พ.ศ. 2495]] เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง5คน และเริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมจาก[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] เขียว ชื่นชอบการเล่น[[ฟุตบอล]]อย่างมากถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียน และเริ่มสนใจดนตรีสากลโดยเริ่มหัดเล่น[[กีตาร์]]และ[[กีตาร์เบส|เบส]] โดยหัดเล่นเพลงสากลอย่างเช่น ''Hang On Sloopy'' ของวง The McCoys |
||
หลังจบชั้นมัธยมปลาย เขียวได้เล่นดนตรีอาชีพตามบาร์ของทหารจีไอ ที่มาตั้งฐานทัพ ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเล่นได้ซักระยะจึงยกระดับวงของตัวเองขึ้นมาโดยมีนักดนตรีต่างชาติฝีมือดีมาเล่นรวมอยู่ในวงด้วย ทำให้ได้ย้ายมาเล่นประจำที่ตึกนายเลิศ โดยเขียวทำหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส|เบส]] ต่อมาเมื่อทางวงมีรายได้จากการเล่นดนตรีมากขึ้น ก็เกิดปัญหาการแบ่งค่าตัวระหว่างสมาชิกภายในวงที่เป็นคนต่างชาติและสมาชิกที่เป็นคนไทย เขียวจึงตัดสินใจยุบวงตั้งแต่ตอนนั้น และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว (Mapua Institute of Technology) เมือง [[มะนิลา]] [[ประเทศฟิลิปปินส์]] |
หลังจบชั้นมัธยมปลาย เขียวได้เล่นดนตรีอาชีพตามบาร์ของทหารจีไอ ที่มาตั้งฐานทัพ ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเล่นได้ซักระยะจึงยกระดับวงของตัวเองขึ้นมาโดยมีนักดนตรีต่างชาติฝีมือดีมาเล่นรวมอยู่ในวงด้วย ทำให้ได้ย้ายมาเล่นประจำที่ตึกนายเลิศ โดยเขียวทำหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส|เบส]] ต่อมาเมื่อทางวงมีรายได้จากการเล่นดนตรีมากขึ้น ก็เกิดปัญหาการแบ่งค่าตัวระหว่างสมาชิกภายในวงที่เป็นคนต่างชาติและสมาชิกที่เป็นคนไทย เขียวจึงตัดสินใจยุบวงตั้งแต่ตอนนั้น และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว (Mapua Institute of Technology) เมือง [[มะนิลา]] [[ประเทศฟิลิปปินส์]] |
||
=== คาราบาว === |
=== คาราบาว === |
||
ที่ฟิลิปปินส์ เขียว ได้พบกับเพื่อนนักเรียนไทยที่นั่น คือ [[ยืนยง โอภากุล]] (แอ๊ด)และ สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) ทั้ง 3 ได้ตั้งวงดนตรีที่ชื่อ "[[คาราบาว]]" ขึ้นมาเพื่อเล่นประกวดในงานดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยขึ้นเล่นเพลง ''Carry On'' ของวง ''Crossby,Still,Nash & Young'' และเพลง ''Mahal Kita'' ซึ่งเป็นเพลงของฟิลิปปินส์ วงคาราบาวได้เข้าถึงรอบ10วงสุดท้าย ก่อนจะตกรอบต่อมา เมื่อกลับมาเมืองไทยในปี พ.ศ. 2520 เขียวได้เป็นวิศวกรประเมินราคา แต่ยังคงเล่นดนตรีสากลในนามคาราบาว ร่วมกับแอ๊ด และ ไข่ โดยใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำ ต่อมาเมื่อ ไข่ สานิตย์ ลิ่มศิลา ได้แยกตัวออกไป คาราบาวจึงเหลือเพียง แอ๊ดและเขียว ทั้งคู่ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามห้องอาหารต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานประจำ โดยทางวงจะเล่นเพลงสากลของ [[จอห์น เดนเวอร์]] ,[[อีเกิลส์ (วงดนตรี)|อิเกิ้ลส์]], ''Crosby,Still,Nash & Young'' |
ที่ฟิลิปปินส์ เขียว ได้พบกับเพื่อนนักเรียนไทยที่นั่น คือ [[ยืนยง โอภากุล]] (แอ๊ด)และ สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) ทั้ง 3 ได้ตั้งวงดนตรีที่ชื่อ "[[คาราบาว]]" ขึ้นมาเพื่อเล่นประกวดในงานดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยขึ้นเล่นเพลง ''Carry On'' ของวง ''Crossby,Still,Nash & Young'' และเพลง ''Mahal Kita'' ซึ่งเป็นเพลงของฟิลิปปินส์ วงคาราบาวได้เข้าถึงรอบ10วงสุดท้าย ก่อนจะตกรอบต่อมา เมื่อกลับมาเมืองไทยในปี พ.ศ. 2520 เขียวได้เป็นวิศวกรประเมินราคา แต่ยังคงเล่นดนตรีสากลในนามคาราบาว ร่วมกับแอ๊ด และ ไข่ โดยใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำ ต่อมาเมื่อ ไข่ สานิตย์ ลิ่มศิลา ได้แยกตัวออกไป คาราบาวจึงเหลือเพียง แอ๊ดและเขียว ทั้งคู่ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามห้องอาหารต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานประจำ โดยทางวงจะเล่นเพลงสากลของ [[จอห์น เดนเวอร์]] ,[[อีเกิลส์ (วงดนตรี)|อิเกิ้ลส์]], ''Crosby,Still,Nash & Young'' |
||
จนในปลายปี [[พ.ศ. 2524]] อัลบั้มชุดแรกของคาราบาวก็เกิดขึ้น ในชื่อว่า "[[ขี้เมา]]" โดยเขียว รับหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส]] แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต่อมาอัลบั้มชุด"[[แป๊ะขายขวด]]" ซึ่งวางจำหน่ายปีพ.ศ. 2525 เขียวได้เปลี่ยนหน้าที่จากเล่นเบสมาเล่นกีตาร์ และได้ร้องนำเป็นครั้งแรก โดยเป็นการร้องคู่กับ แอ๊ด [[ยืนยง โอภากุล]] ในเพลง"แป๊ะขายขวด" และยังร้องเพลง ''หนทางใด'' และเพลง''พรานทะเล'' อัลบั้มนี้ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอัลบั้มชุด[[วณิพก (อัลบั้ม)|วณิพก]]ซึ่งวางจำหน่ายในปีถัดมา เขียว สมาชิกในตำแหน่งมือกีตาร์ ได้ร้องนำในเพลง "หัวลำโพง" ก่อนจะเริ่มหันมาทำงานและมีบทบาทเบื้องหลังกับวงคาราบาวมากขึ้น |
จนในปลายปี [[พ.ศ. 2524]] อัลบั้มชุดแรกของคาราบาวก็เกิดขึ้น ในชื่อว่า "[[ขี้เมา]]" โดยเขียว รับหน้าที่เล่น[[กีตาร์เบส]] แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต่อมาอัลบั้มชุด"[[แป๊ะขายขวด]]" ซึ่งวางจำหน่ายปีพ.ศ. 2525 เขียวได้เปลี่ยนหน้าที่จากเล่นเบสมาเล่นกีตาร์ และได้ร้องนำเป็นครั้งแรก โดยเป็นการร้องคู่กับ แอ๊ด [[ยืนยง โอภากุล]] ในเพลง"แป๊ะขายขวด" และยังร้องเพลง ''หนทางใด'' และเพลง''พรานทะเล'' อัลบั้มนี้ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอัลบั้มชุด[[วณิพก (อัลบั้ม)|วณิพก]]ซึ่งวางจำหน่ายในปีถัดมา เขียว สมาชิกในตำแหน่งมือกีตาร์ ได้ร้องนำในเพลง "หัวลำโพง" ก่อนจะเริ่มหันมาทำงานและมีบทบาทเบื้องหลังกับวงคาราบาวมากขึ้น |
||
จนกระทั่งปลายปี [[พ.ศ. 2527]] คาราบาวจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจากอัลบั้มชุดที่ 5 "[[เมด อิน ไทยแลนด์]]" ซึ่งทำยอดขายในปีที่วางจำหน่ายได้ถึงกว่า 5,000,000 ก็อปปี้ และเขียว คาราบาว ได้ขึ้นเล่น[[คอนเสิร์ตทำโดยคนไทย]]ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคาราบาว ที่เวโลโดรม หัวหมาก ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวมียอดผู้ชมมากกว่า 6,0000 คน และผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียว ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง[[เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ]] ในปี พ.ศ. 2528 |
จนกระทั่งปลายปี [[พ.ศ. 2527]] คาราบาวจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจากอัลบั้มชุดที่ 5 "[[เมด อิน ไทยแลนด์]]" ซึ่งทำยอดขายในปีที่วางจำหน่ายได้ถึงกว่า 5,000,000 ก็อปปี้ และเขียว คาราบาว ได้ขึ้นเล่น[[คอนเสิร์ตทำโดยคนไทย]]ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคาราบาว ที่เวโลโดรม หัวหมาก ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวมียอดผู้ชมมากกว่า 6,0000 คน และผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียว ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง[[เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ]] ในปี พ.ศ. 2528 |
||
บรรทัด 40: | บรรทัด 40: | ||
การทำหน้าที่ของเขียวในวง คือ เบื้องหน้าเล่นกีตาร์,คีย์บอร์ดและร้องประสานเสียง มีร้องนำบ้างเป็นบางเพลง โดยเพลงของเขียวที่ร้องให้กับคาราบาวที่แฟนเพลงรู้จักดี คือ ''แป๊ะขายขวด'' และ ''สัญญาหน้าฝน'' ที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 10 "[[ห้ามจอดควาย]]" โดยเบื้องหลัง เขียวจะรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และควบคุมเสียง รวมถึงดูแลเรื่องธุรกิจการเงินของคาราบาว โดยเป็นงานที่เจ้าตัวถนัด |
การทำหน้าที่ของเขียวในวง คือ เบื้องหน้าเล่นกีตาร์,คีย์บอร์ดและร้องประสานเสียง มีร้องนำบ้างเป็นบางเพลง โดยเพลงของเขียวที่ร้องให้กับคาราบาวที่แฟนเพลงรู้จักดี คือ ''แป๊ะขายขวด'' และ ''สัญญาหน้าฝน'' ที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 10 "[[ห้ามจอดควาย]]" โดยเบื้องหลัง เขียวจะรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และควบคุมเสียง รวมถึงดูแลเรื่องธุรกิจการเงินของคาราบาว โดยเป็นงานที่เจ้าตัวถนัด |
||
=== แยกวง === |
=== แยกวง === |
||
ในปี [[พ.ศ. 2533]] วง[[คาราบาว]]ประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม"[[ห้ามจอดควาย]]" โดยมีเพลงที่โด่งดังอย่างมากคือเพลง''สัญญาหน้าฝน'' ซึ่งเขียว เป็นผู้ขับร้อง ผลจากความสำเร็จของเพลงนี้ทำให้เขียว โด่งดังอย่างมาก เขียว คาราบาวจึงได้ตัดสินใจแยกออกมาจากวงคาราบาว โดยก่อนหน้านี้สมาชิกในวงอีก 3 คน คือ[[เทียรี่ เมฆวัฒนา]],[[อำนาจ ลูกจันทร์]],[[ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี]]ได้แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวกันแล้ว เขียวจึงได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมาบ้างในชื่อชุด "ก่อกวน" โดยมี[[แอ๊ด คาราบาว]] แต่งเนื้อร้องเพลง ''ไม่เคย'' ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตที่แฟนเพลงในสมัยนั้นรู้จักกันดี และเป็นอีกหนึ่งเพลงประจำตัวของเขียว คาราบาว นอกจากเพลง ''สัญญาหน้าฝน'' |
ในปี [[พ.ศ. 2533]] วง[[คาราบาว]]ประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม"[[ห้ามจอดควาย]]" โดยมีเพลงที่โด่งดังอย่างมากคือเพลง''สัญญาหน้าฝน'' ซึ่งเขียว เป็นผู้ขับร้อง ผลจากความสำเร็จของเพลงนี้ทำให้เขียว โด่งดังอย่างมาก เขียว คาราบาวจึงได้ตัดสินใจแยกออกมาจากวงคาราบาว โดยก่อนหน้านี้สมาชิกในวงอีก 3 คน คือ[[เทียรี่ เมฆวัฒนา]],[[อำนาจ ลูกจันทร์]],[[ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี]]ได้แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวกันแล้ว เขียวจึงได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมาบ้างในชื่อชุด "ก่อกวน" โดยมี[[แอ๊ด คาราบาว]] แต่งเนื้อร้องเพลง ''ไม่เคย'' ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตที่แฟนเพลงในสมัยนั้นรู้จักกันดี และเป็นอีกหนึ่งเพลงประจำตัวของเขียว คาราบาว นอกจากเพลง ''สัญญาหน้าฝน'' |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวก็ยังคงกลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกเรื่อย ๆ เช่น การกลับมาร่วมงานในอัลบั้ม "[[หากหัวใจยังรักควาย|15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย]]" ในปี [[พ.ศ. 2539]] อัลบั้ม "[[อเมริกันอันธพาล]]" ในปี [[พ.ศ. 2541]] ที่สมาชิกในวง 5 คน กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และอัลบั้ม "ลูกลุงขี้เมา" ในปี [[พ.ศ. 2550]] ในโอกาสที่คาราบาวครบ 25 ปี รวมทั้งยังเป็นแขกรับเชิญในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ของวง และทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือผู้ควบคุมเสียงในการผลิตอัลบั้มของวงอีกต่างหากด้วย |
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวก็ยังคงกลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกเรื่อย ๆ เช่น การกลับมาร่วมงานในอัลบั้ม "[[หากหัวใจยังรักควาย|15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย]]" ในปี [[พ.ศ. 2539]] อัลบั้ม "[[อเมริกันอันธพาล]]" ในปี [[พ.ศ. 2541]] ที่สมาชิกในวง 5 คน กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และอัลบั้ม "ลูกลุงขี้เมา" ในปี [[พ.ศ. 2550]] ในโอกาสที่คาราบาวครบ 25 ปี รวมทั้งยังเป็นแขกรับเชิญในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ของวง และทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือผู้ควบคุมเสียงในการผลิตอัลบั้มของวงอีกต่างหากด้วย |
||
=== ชีวิตส่วนตัว === |
=== ชีวิตส่วนตัว === |
||
เขียว คาราบาวแต่งงานกับพรวรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ทั้งคู่มีทั้งลูกชายและลูกสาว โดยลูกสาวของเขียวคือ[[กิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร]] (กิ) อดีตสมาชิกวงนีซ สังกัด[[โดโจ ซิตี้]] ที่เคยมีผลงานในปี พ.ศ. 2541-43 และ ปัจจุบัน เป็นนักร้องสังกัด [[สมอลล์รูม]] นอกจากนี้เขียว คาราบาวยังมีกิจการของตัวเอง เป็นร้านอาหารชื่อ "สเต็กลาว เขียว คาราบาว" โดยเขียวเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านเอง และบางครั้งจะขึ้นเล่นดนตรีให้ลูกค้าฟังอีกด้วย [[ไฟล์:Bao106.jpg|thumb|250px|left|คาราบาวในยุคแรกเริ่ม (จากซ้าย) เขียว, แอ๊ด, เล็ก]] |
เขียว คาราบาวแต่งงานกับพรวรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ทั้งคู่มีทั้งลูกชายและลูกสาว โดยลูกสาวของเขียวคือ[[กิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร]] (กิ) อดีตสมาชิกวงนีซ สังกัด[[โดโจ ซิตี้]] ที่เคยมีผลงานในปี พ.ศ. 2541-43 และ ปัจจุบัน เป็นนักร้องสังกัด [[สมอลล์รูม]] นอกจากนี้เขียว คาราบาวยังมีกิจการของตัวเอง เป็นร้านอาหารชื่อ "สเต็กลาว เขียว คาราบาว" โดยเขียวเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านเอง และบางครั้งจะขึ้นเล่นดนตรีให้ลูกค้าฟังอีกด้วย [[ไฟล์:Bao106.jpg|thumb|250px|left|คาราบาวในยุคแรกเริ่ม (จากซ้าย) เขียว, แอ๊ด, เล็ก]] |
||
==ผลงานเพลง== |
== ผลงานเพลง == |
||
=== วงคาราบาว === |
=== วงคาราบาว === |
||
* Vol 1. [[ขี้เมา]] ([[พ.ศ. 2524]]) |
* Vol 1. [[ขี้เมา]] ([[พ.ศ. 2524]]) |
||
* Vol 2. [[แป๊ะขายขวด]] ([[พ.ศ. 2525]]) |
* Vol 2. [[แป๊ะขายขวด]] ([[พ.ศ. 2525]]) |
||
บรรทัด 70: | บรรทัด 70: | ||
* Vol 25. ลูกลุงขี้เมา ([[พ.ศ. 2550]]) |
* Vol 25. ลูกลุงขี้เมา ([[พ.ศ. 2550]]) |
||
=== อัลบั้มเดี่ยว === |
=== อัลบั้มเดี่ยว === |
||
[[ไฟล์:Keo1.jpg|180 px|right|thumb|หน้าปกอัลบั้ม ก่อกวน อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก]] |
[[ไฟล์:Keo1.jpg|180 px|right|thumb|หน้าปกอัลบั้ม ก่อกวน อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก]] |
||
* ก่อกวน ([[พ.ศ. 2533]]) |
* ก่อกวน ([[พ.ศ. 2533]]) |
||
* หัวใจและเวลา ([[พ.ศ. 2536]]) |
* หัวใจและเวลา ([[พ.ศ. 2536]]) |
||
* Kirati Project 1 ([[พ.ศ. 2550]]) |
* Kirati Project 1 ([[พ.ศ. 2550]]) |
||
* ชีวิตนี้สุขใจ ([[พ.ศ. 2552]]) |
* ชีวิตนี้สุขใจ ([[พ.ศ. 2552]]) |
||
=== ผลงานร่วมกับศิลปินอื่น === |
=== ผลงานร่วมกับศิลปินอื่น === |
||
* เซอโซไซตี้ ([[พ.ศ. 2537]]) ร่วมกับปราโมทย์ ม่วงไหมทอง |
* เซอโซไซตี้ ([[พ.ศ. 2537]]) ร่วมกับปราโมทย์ ม่วงไหมทอง |
||
บรรทัด 86: | บรรทัด 86: | ||
* 30 ปี เขียว คาราบาว |
* 30 ปี เขียว คาราบาว |
||
==Producer== |
== Producer == |
||
* กีต้าร์ ร้องเพลง 1 ([[พ.ศ. 2544]]) |
* กีต้าร์ ร้องเพลง 1 ([[พ.ศ. 2544]]) |
||
* กีต้าร์ ร้องเพลง 2 ([[พ.ศ. 2544]]) |
* กีต้าร์ ร้องเพลง 2 ([[พ.ศ. 2544]]) |
||
บรรทัด 94: | บรรทัด 94: | ||
* Carabao Dance ([[พ.ศ. 2553]]) |
* Carabao Dance ([[พ.ศ. 2553]]) |
||
==Co-Producer== |
== Co-Producer == |
||
* คอรัส เพื่อชีวิต 1 ([[พ.ศ. 2538]]) |
* คอรัส เพื่อชีวิต 1 ([[พ.ศ. 2538]]) |
||
* คอรัส เพื่อชีวิต 2 รักคุณเท่าฟ้า ([[พ.ศ. 2540]]) |
* คอรัส เพื่อชีวิต 2 รักคุณเท่าฟ้า ([[พ.ศ. 2540]]) |
||
บรรทัด 100: | บรรทัด 100: | ||
* Carabao Dance 2 ควายตกมัน ([[พ.ศ. 2543]]) |
* Carabao Dance 2 ควายตกมัน ([[พ.ศ. 2543]]) |
||
==ผลงานภาพยนตร์== |
== ผลงานภาพยนตร์ == |
||
* เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ([[พ.ศ. 2528]]) แสดงเป็น เขียว |
* เสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ([[พ.ศ. 2528]]) แสดงเป็น เขียว |
||
* ขัง 8 ([[พ.ศ. 2545]]) แสดงเป็น พโยม |
* ขัง 8 ([[พ.ศ. 2545]]) แสดงเป็น พโยม |
||
บรรทัด 113: | บรรทัด 113: | ||
* [http://www.nationejobs.com/content/worklife/careertalk/template.php?conno=248 "เขียว คาราบาว" สร้างตำนานเพื่อชีวิต (บทสัมภาษณ์)] |
* [http://www.nationejobs.com/content/worklife/careertalk/template.php?conno=248 "เขียว คาราบาว" สร้างตำนานเพื่อชีวิต (บทสัมภาษณ์)] |
||
==อ้างอิง== |
== อ้างอิง == |
||
* [http://www.carabao.net/Biography/artist.htm ประวัติศิลปินคาราบาว] |
* [http://www.carabao.net/Biography/artist.htm ประวัติศิลปินคาราบาว] |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:09, 30 มกราคม 2556
กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร | |
---|---|
ไฟล์:Keocarabao.jpg เขียว กีรติ พรหมสาขาฯ กับคอนเสิร์ตคาราบาว 30ปี ที่เวโลโดรม เดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร |
เกิด | 25 มกราคม พ.ศ. 2495 |
แนวเพลง | เพื่อชีวิต, อะคูสติก |
อาชีพ | นักร้อง, นักดนตรี, โปรดิวเซอร์, เจ้าของร้านอาหาร ศิลปิน |
เครื่องดนตรี | กีตาร์ |
ช่วงปี | พ.ศ. 2524 - ปัจจุบัน |
เว็บไซต์ | http://www.carabao.net http://www.steaklao.com |
กิรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร หรือที่รู้จักกันในชื่อ เขียว คาราบาว เป็นนักร้องและมือกีตาร์ อดีตสมาชิกวงคาราบาว และเคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2495 ที่กรุงเทพมหานคร มีผลงานเพลงที่โด่งดังคือเพลง สัญญาหน้าฝน และ เพลง ไม่เคย
ประวัติ
เขียว คาราบาว เกิดที่ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2495 เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง5คน และเริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และจบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนสาธิตสวนสุนันทาวิทยาลัย จากนั้นจึงเข้าศึกษาในระดับชั้นมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เขียว ชื่นชอบการเล่นฟุตบอลอย่างมากถึงขนาดเคยเป็นตัวแทนของโรงเรียน และเริ่มสนใจดนตรีสากลโดยเริ่มหัดเล่นกีตาร์และเบส โดยหัดเล่นเพลงสากลอย่างเช่น Hang On Sloopy ของวง The McCoys
หลังจบชั้นมัธยมปลาย เขียวได้เล่นดนตรีอาชีพตามบาร์ของทหารจีไอ ที่มาตั้งฐานทัพ ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเล่นได้ซักระยะจึงยกระดับวงของตัวเองขึ้นมาโดยมีนักดนตรีต่างชาติฝีมือดีมาเล่นรวมอยู่ในวงด้วย ทำให้ได้ย้ายมาเล่นประจำที่ตึกนายเลิศ โดยเขียวทำหน้าที่เล่นเบส ต่อมาเมื่อทางวงมีรายได้จากการเล่นดนตรีมากขึ้น ก็เกิดปัญหาการแบ่งค่าตัวระหว่างสมาชิกภายในวงที่เป็นคนต่างชาติและสมาชิกที่เป็นคนไทย เขียวจึงตัดสินใจยุบวงตั้งแต่ตอนนั้น และเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ที่สถาบันเทคโนโลยีมาปัว (Mapua Institute of Technology) เมือง มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
คาราบาว
ที่ฟิลิปปินส์ เขียว ได้พบกับเพื่อนนักเรียนไทยที่นั่น คือ ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด)และ สานิตย์ ลิ่มศิลา (ไข่) ทั้ง 3 ได้ตั้งวงดนตรีที่ชื่อ "คาราบาว" ขึ้นมาเพื่อเล่นประกวดในงานดนตรีของมหาวิทยาลัย โดยขึ้นเล่นเพลง Carry On ของวง Crossby,Still,Nash & Young และเพลง Mahal Kita ซึ่งเป็นเพลงของฟิลิปปินส์ วงคาราบาวได้เข้าถึงรอบ10วงสุดท้าย ก่อนจะตกรอบต่อมา เมื่อกลับมาเมืองไทยในปี พ.ศ. 2520 เขียวได้เป็นวิศวกรประเมินราคา แต่ยังคงเล่นดนตรีสากลในนามคาราบาว ร่วมกับแอ๊ด และ ไข่ โดยใช้เวลาหลังจากเลิกงานประจำ ต่อมาเมื่อ ไข่ สานิตย์ ลิ่มศิลา ได้แยกตัวออกไป คาราบาวจึงเหลือเพียง แอ๊ดและเขียว ทั้งคู่ได้ตระเวนเล่นดนตรีตามห้องอาหารต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันก็ทำงานประจำ โดยทางวงจะเล่นเพลงสากลของ จอห์น เดนเวอร์ ,อิเกิ้ลส์, Crosby,Still,Nash & Young
จนในปลายปี พ.ศ. 2524 อัลบั้มชุดแรกของคาราบาวก็เกิดขึ้น ในชื่อว่า "ขี้เมา" โดยเขียว รับหน้าที่เล่นกีตาร์เบส แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ต่อมาอัลบั้มชุด"แป๊ะขายขวด" ซึ่งวางจำหน่ายปีพ.ศ. 2525 เขียวได้เปลี่ยนหน้าที่จากเล่นเบสมาเล่นกีตาร์ และได้ร้องนำเป็นครั้งแรก โดยเป็นการร้องคู่กับ แอ๊ด ยืนยง โอภากุล ในเพลง"แป๊ะขายขวด" และยังร้องเพลง หนทางใด และเพลงพรานทะเล อัลบั้มนี้ทำให้คาราบาวเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และในอัลบั้มชุดวณิพกซึ่งวางจำหน่ายในปีถัดมา เขียว สมาชิกในตำแหน่งมือกีตาร์ ได้ร้องนำในเพลง "หัวลำโพง" ก่อนจะเริ่มหันมาทำงานและมีบทบาทเบื้องหลังกับวงคาราบาวมากขึ้น
จนกระทั่งปลายปี พ.ศ. 2527 คาราบาวจึงประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดจากอัลบั้มชุดที่ 5 "เมด อิน ไทยแลนด์" ซึ่งทำยอดขายในปีที่วางจำหน่ายได้ถึงกว่า 5,000,000 ก็อปปี้ และเขียว คาราบาว ได้ขึ้นเล่นคอนเสิร์ตทำโดยคนไทยซึ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคาราบาว ที่เวโลโดรม หัวหมาก ซึ่งคอนเสิร์ตดังกล่าวมียอดผู้ชมมากกว่า 6,0000 คน และผลจากความสำเร็จของอัลบั้มชุดนี้ทำให้เขียว ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องเสียงเพลงแห่งเสรีภาพ ในปี พ.ศ. 2528
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวได้ทำงานร่วมกับคาราบาวอีกหลายชุด เช่น อเมริโกย,ประชาธิปไตย,เวลคัม ทู ไทยแลนด์,ทับหลัง,ห้ามจอดควาย
การทำหน้าที่ของเขียวในวง คือ เบื้องหน้าเล่นกีตาร์,คีย์บอร์ดและร้องประสานเสียง มีร้องนำบ้างเป็นบางเพลง โดยเพลงของเขียวที่ร้องให้กับคาราบาวที่แฟนเพลงรู้จักดี คือ แป๊ะขายขวด และ สัญญาหน้าฝน ที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 10 "ห้ามจอดควาย" โดยเบื้องหลัง เขียวจะรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และควบคุมเสียง รวมถึงดูแลเรื่องธุรกิจการเงินของคาราบาว โดยเป็นงานที่เจ้าตัวถนัด
แยกวง
ในปี พ.ศ. 2533 วงคาราบาวประสบความสำเร็จกับอัลบั้ม"ห้ามจอดควาย" โดยมีเพลงที่โด่งดังอย่างมากคือเพลงสัญญาหน้าฝน ซึ่งเขียว เป็นผู้ขับร้อง ผลจากความสำเร็จของเพลงนี้ทำให้เขียว โด่งดังอย่างมาก เขียว คาราบาวจึงได้ตัดสินใจแยกออกมาจากวงคาราบาว โดยก่อนหน้านี้สมาชิกในวงอีก 3 คน คือเทียรี่ เมฆวัฒนา,อำนาจ ลูกจันทร์,ธนิสร์ ศรีกลิ่นดีได้แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวกันแล้ว เขียวจึงได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของตัวเองออกมาบ้างในชื่อชุด "ก่อกวน" โดยมีแอ๊ด คาราบาว แต่งเนื้อร้องเพลง ไม่เคย ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตที่แฟนเพลงในสมัยนั้นรู้จักกันดี และเป็นอีกหนึ่งเพลงประจำตัวของเขียว คาราบาว นอกจากเพลง สัญญาหน้าฝน
ต่อมาในปีพ.ศ. 2536 เขียว คาราบาว ได้ออกอัลบั้มชุดที่ 2 ของตนในชื่อชุด "หัวใจและเวลา" โดยเป็นการทำงานร่วมกับวงตาวัน และแอ๊ดได้แต่งเพลงให้อีกหนึ่งเพลงคือเพลง รักเหรอ โดยเพลงนี้ได้มีการทำเป็นมิวสิควิดีโอ นอกจากนี้พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ยังได้ช่วยแต่งเพลง ตายรัง ให้อีกหนึ่งเพลง ซึ่งอัลบั้มชุดนี้ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี
ปี พ.ศ. 2537 เขียว คาราบาว ได้ออกอัลบั้มร่วมกับ ปราโมทย์ ม่วงไหมทอง อดีตมีกีตาร์ของวงซูซู และพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ในชื่อชุด "เซอ โซไซตี้" แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ก่อนที่ ปราโมทย์ จะเสียชีวิตในอีก 3 ปีต่อมา
เขียว คาราบาวได้ออกอัลบั้มของตัวเองตามมาอีกหลายชุด โดยส่วนมากจะเป็นดนตรีในแนวอคูสติกและคันทรีบลูส์ แต่ก็ยังถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มเดี่ยว 2 ชุดแรก
หลังจากนั้นเขียว คาราบาวก็ยังคงกลับมาร่วมงานกับคาราบาวอีกเรื่อย ๆ เช่น การกลับมาร่วมงานในอัลบั้ม "15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย" ในปี พ.ศ. 2539 อัลบั้ม "อเมริกันอันธพาล" ในปี พ.ศ. 2541 ที่สมาชิกในวง 5 คน กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และอัลบั้ม "ลูกลุงขี้เมา" ในปี พ.ศ. 2550 ในโอกาสที่คาราบาวครบ 25 ปี รวมทั้งยังเป็นแขกรับเชิญในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ของวง และทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หรือผู้ควบคุมเสียงในการผลิตอัลบั้มของวงอีกต่างหากด้วย
ชีวิตส่วนตัว
เขียว คาราบาวแต่งงานกับพรวรินทร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ทั้งคู่มีทั้งลูกชายและลูกสาว โดยลูกสาวของเขียวคือกิรตรา พรหมสาขา ณ สกลนคร (กิ) อดีตสมาชิกวงนีซ สังกัดโดโจ ซิตี้ ที่เคยมีผลงานในปี พ.ศ. 2541-43 และ ปัจจุบัน เป็นนักร้องสังกัด สมอลล์รูม นอกจากนี้เขียว คาราบาวยังมีกิจการของตัวเอง เป็นร้านอาหารชื่อ "สเต็กลาว เขียว คาราบาว" โดยเขียวเป็นผู้ดูแลกิจการของร้านเอง และบางครั้งจะขึ้นเล่นดนตรีให้ลูกค้าฟังอีกด้วย
ผลงานเพลง
วงคาราบาว
- Vol 1. ขี้เมา (พ.ศ. 2524)
- Vol 2. แป๊ะขายขวด (พ.ศ. 2525)
- Vol 3. วณิพก (พ.ศ. 2526)
- Vol 4. ท.ทหารอดทน (พ.ศ. 2526)
- Vol 5. เมด อิน ไทยแลนด์ (พ.ศ. 2527)
- Vol 6. อเมริโกย (พ.ศ. 2528)
- Vol 7. ประชาธิปไตย (พ.ศ. 2529)
- Vol 8. เวลคัม ทู ไทยแลนด์ (พ.ศ. 2530)
- Vol 9. ทับหลัง (พ.ศ. 2531)
- Vol 10. ห้ามจอดควาย (พ.ศ. 2533)
- Vol 16. 15 ปี คาราบาว หากหัวใจยังรักควาย (พ.ศ. 2539)
- Vol 19. อเมริกันอันธพาล (พ.ศ. 2541)
- Vol 25. ลูกลุงขี้เมา (พ.ศ. 2550)
อัลบั้มเดี่ยว
ผลงานร่วมกับศิลปินอื่น
- เซอโซไซตี้ (พ.ศ. 2537) ร่วมกับปราโมทย์ ม่วงไหมทอง
อัลบั้มรวมเพลง
Producer
- กีต้าร์ ร้องเพลง 1 (พ.ศ. 2544)
- กีต้าร์ ร้องเพลง 2 (พ.ศ. 2544)
- Ezy Ezy Carabao (อ้อม จาริยา ฉัตรสุวรรณ) (พ.ศ. 2543)
- เงินๆ ทองๆ สิบล้อ (พ.ศ. 2549)
- คอรัสเพื่อชีวิต (พ.ศ. 2553)
- Carabao Dance (พ.ศ. 2553)
Co-Producer
- คอรัส เพื่อชีวิต 1 (พ.ศ. 2538)
- คอรัส เพื่อชีวิต 2 รักคุณเท่าฟ้า (พ.ศ. 2540)
- Carabao Dance 1 เท้าติดไฟ (พ.ศ. 2542)
- Carabao Dance 2 ควายตกมัน (พ.ศ. 2543)
ผลงานภาพยนตร์
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ฟังเพลง สัญญาหน้าฝน
- ฟังเพลง ไม่เคย
- เว็บไซต์ร้านสเต๊กลาว
- "เขียว คาราบาว" สร้างตำนานเพื่อชีวิต (บทสัมภาษณ์)