ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"

พิกัด: 13°44′37″N 100°31′53″E / 13.743588°N 100.531455°E / 13.743588; 100.531455
นี่คือบทความคุณภาพ คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
M sky (คุย | ส่วนร่วม)
M sky (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 72: บรรทัด 72:
ได้อีกด้วย<ref>[http://blog.eduzones.com/cucamp/44594 เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของจุฬาฯ (ไม่ใช่เด็กจุฬาฯก็อ่านได้)] blog.eduzone.com เรียกข้อมูลวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556</ref>
ได้อีกด้วย<ref>[http://blog.eduzones.com/cucamp/44594 เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของจุฬาฯ (ไม่ใช่เด็กจุฬาฯก็อ่านได้)] blog.eduzone.com เรียกข้อมูลวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556</ref>


== งานวิชาการ ==
== การเรียนการสอน ==
=== การเรียนการสอน ===
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการเรียนการสอนใน 3 ระดับการศึกษา คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยการเรียนการสอนในระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) ของคณะใช้ระบบทวิภาคคือ แบ่งปีการศึกษาหนึ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษา ได้แก่ ภาคการศึกษาต้นและภาคการศึกษาปลาย (หรืออาจมีภาคฤดูร้อนก็ได้) โดยแบ่งเป็น 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิชาการ[[เภสัชกรรมปฏิบัติ|บริบาลทางเภสัชกรรม]]และสาขาวิชา[[เภสัชศาสตร์]] ทั้งสองสาขาใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 6 ปี แบ่งเป็นการศึกษาวิชาการศึกษาทั่วไปและวิชาพื้นฐานวิชาชีพเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง และการศึกษาวิชาเฉพาะวิชาชีพเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง และฝึกปฏิบัติวิชาชีพ 1 ปี ในสาขาการบริบาลทางเภสัชกรรมจะเน้นด้านการดูแลผู้ป่วยในกระบวนการใช้ยา และในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์จะสามารถเลือกวิชาเฉพาะของสาขาใน 3 สาขา ได้แก่ สาขาเภสัชกรรมและเทคโนโลยี สาขาค้นพบและพัฒนายา และสาขา[[เภสัชศาสตร์สังคม]]และ[[บริหารเภสัชกิจ|บริหาร]] ซึ่งทั้งสองหลักสูตรได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรมและสภามหาวิทยาลัย<ref>[http://www.pharmacycouncil.org/file_attach/28Oct200919-AttachFile1256702719.pdf ประกาศสภาเภสัชกรรม เรื่อง สถาบันการศึกษาเภสัชศาสตร์ที่สภาเภสัชกรรมรับรอง] เรียกข้อมูลวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553</ref><ref>[http://www.pharm.chula.ac.th/course_Thai.html หลักสูตรปริญญาตรีของคณะเภสัชศาสตร์] เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553</ref><ref>[http://www.pharm.chula.ac.th/ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย] เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553</ref> หลังสำเร็จการศึกษาต้องชดใช้ทุนโดยเป็นเภสัชกรสังกัด[[กระทรวงสาธารณสุข]]เป็นระยะเวลา 2 ปี<ref name="แนะนำ">หน่วยทะเบียนคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, '''เอกสารแนะนำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'''</ref> หรือหน่วยงานราชการอื่นที่ระบุตำแหน่งในแต่ละปีการศึกษา<ref>คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [http://www.pharm.chula.ac.th/news-view.php?id=61 กำหนดการจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาฯ ปี 2555] สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555</ref>
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการเรียนการสอนใน 3 ระดับการศึกษา คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยการเรียนการสอนในระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) ของคณะใช้ระบบทวิภาคคือ แบ่งปีการศึกษาหนึ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษา ได้แก่ ภาคการศึกษาต้นและภาคการศึกษาปลาย (หรืออาจมีภาคฤดูร้อนก็ได้) โดยแบ่งเป็น 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิชาการ[[เภสัชกรรมปฏิบัติ|บริบาลทางเภสัชกรรม]]และสาขาวิชา[[เภสัชศาสตร์]] ทั้งสองสาขาใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 6 ปี แบ่งเป็นการศึกษาวิชาการศึกษาทั่วไปและวิชาพื้นฐานวิชาชีพเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง และการศึกษาวิชาเฉพาะวิชาชีพเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง และฝึกปฏิบัติวิชาชีพ 1 ปี ในสาขาการบริบาลทางเภสัชกรรมจะเน้นด้านการดูแลผู้ป่วยในกระบวนการใช้ยา และในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์จะสามารถเลือกวิชาเฉพาะของสาขาใน 3 สาขา ได้แก่ สาขาเภสัชกรรมและเทคโนโลยี สาขาค้นพบและพัฒนายา และสาขา[[เภสัชศาสตร์สังคม]]และ[[บริหารเภสัชกิจ|บริหาร]] ซึ่งทั้งสองหลักสูตรได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรมและสภามหาวิทยาลัย<ref>[http://www.pharmacycouncil.org/file_attach/28Oct200919-AttachFile1256702719.pdf ประกาศสภาเภสัชกรรม เรื่อง สถาบันการศึกษาเภสัชศาสตร์ที่สภาเภสัชกรรมรับรอง] เรียกข้อมูลวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553</ref><ref>[http://www.pharm.chula.ac.th/course_Thai.html หลักสูตรปริญญาตรีของคณะเภสัชศาสตร์] เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553</ref><ref>[http://www.pharm.chula.ac.th/ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย] เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553</ref> หลังสำเร็จการศึกษาต้องชดใช้ทุนโดยเป็นเภสัชกรสังกัด[[กระทรวงสาธารณสุข]]เป็นระยะเวลา 2 ปี<ref name="แนะนำ">หน่วยทะเบียนคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, '''เอกสารแนะนำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย'''</ref> หรือหน่วยงานราชการอื่นที่ระบุตำแหน่งในแต่ละปีการศึกษา<ref>คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [http://www.pharm.chula.ac.th/news-view.php?id=61 กำหนดการจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาฯ ปี 2555] สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555</ref>



รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:34, 11 มกราคม 2556

คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Faculty of Pharmaceutical Sciences
Chulalongkorn university
ชื่อย่อภ.
สถาปนา8 ธันวาคม พ.ศ. 2456
คณบดีภญ.รศ.ดร.พิณทิพย์ พงษ์เพ็ชร
ที่อยู่
วารสารวารสารไทยเภสัชสาร
สี  สีเขียวมะกอก
มาสคอต
งูศักดิ์สิทธิ์พันถ้วยยาไฮเกีย
สถานปฏิบัติโอสถศาลา
เว็บไซต์www.pharm.chula.ac.th

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคณะเภสัชศาสตร์แห่งแรกในประเทศไทย โดยถือกำเนิดจาก "แผนกแพทย์ผสมยา โรงเรียนราชแพทยาลัย" หรือ "โรงเรียนปรุงยา"[1] ตามดำริของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานารถและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นวันสถาปนาวิชาชีพเภสัชกรรมในประเทศไทยอีกด้วย[2]

เมื่อประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว โรงเรียนปรุงยามีฐานะเป็นแผนกแพทย์ผสมยา ในสังกัดคณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล) และได้รับการพัฒนาหลักสูตรขึ้น จัดตั้งเป็นแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2477 ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 มีการโอนย้ายสังกัดไปยังมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยมหิดล) เมื่อมหาวิทยาลัยมหิดลจัดตั้งคณะคณะเภสัชศาสตร์ขึ้นใหม่ จึงได้โอนย้ายคณะเภสัชศาสตร์แห่งนี้กลับมาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้อาคารเภสัชศาสตร์ (ปัจจุบันคือคณะศิลปกรรมศาสตร์) เป็นที่ทำการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2525 ได้ย้ายอาคารมาทำการเรียนการสอน ณ ที่ตั้งปัจจุบัน บริเวณสยามสแควร์ ติดกับคณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์[2]

ปัจจุบัน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยในระดับปริญญาตรีได้เปิดการเรียนการสอนใน 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม และหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ ทั้ง 2 หลักสูตรใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 6 ปี โดยแบ่งการศึกษาออกเป็น 7 ภาควิชา และยังมีโครงการแลกเปลี่ยนนิสิตกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ อาทิ โครงการแลกเปลี่ยนนิสิตคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ-ชิบะ, โครงการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิตคณะเภสัชศาสตร์กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นต้น[3]

ประวัติ

2456 - 2485 แผนกแพทย์ผสมยา โรงเรียนราชแพทยาลัย และแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

นักเรียนปรุงยาและคณาจารย์ถ่ายภาพร่วมกัน (รุ่น พ.ศ. 2456 - 2458)

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบกในขณะนั้น ทรงมีพระดำริประทานแก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ผู้ตรวจการโรงเรียนราชแพทยาลัยในขณะนั้น ว่าตามกรมกองทหารบกมีแพทย์ประจำหน่วยพยาบาลอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดได้เล่าเรียนและได้รับการอบรมไปประจำตามที่จ่ายยา ควรตั้งโรงเรียนแพทย์ปรุงยาขึ้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งทรงมีพระดำริเห็นพ้องและบันทึก "ความคิดเห็นเรื่อง การฝึกหัดแพทย์ผสมยา" เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2456 เนื้อหาของบันทึกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับระบบการจัดการเรียนการสอน สถานที่การปฏิบัติการ และครูผู้สอน จากแนวพระดำริจึงได้มีการสถาปนาแผนกแพทย์ผสมยาขึ้นตามประกาศเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เรื่อง "ระเบียบการจัดนักเรียนแพทย์ผสมยา พ.ศ. 2457" เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2456 จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันก่อตั้งวิชาชีพเภสัชกรรมในประเทศไทย และถือเป็นวันกำเนิดคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรจึงได้รับการยกย่องเป็น "บิดาแห่งวิชาชีพเภสัชกรรมแห่งประเทศไทย"[2]

การศึกษาด้านเภสัชศาสตร์เริ่มต้นการสอนแผนกแพทย์ผสมยาหรือในอีกชื่อหนึ่งว่า "โรงเรียนปรุงยา" ในสังกัดโรงเรียนราชแพทยาลัย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เมื่อจบการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรแพทย์ปรุงยา โดยมีนักเรียนจบการศึกษาในรุ่นแรก 4 คน ต่อมาได้มีการประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้น กระทรวงธรรมการจึงได้ประกาศให้รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้ามาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2460 เป็นคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศิริราชพยาบาลในปัจจุบัน) การศึกษาด้านเภสัชศาสตร์จึงได้ยกระดับขึ้นสู่ระดับอุดมศึกษา[2] โดยใช้สถานที่ทำการสอนบริเวณวังวินด์เซอร์ เรือนนอนหอวังและโรงพยาบาลศิริราช ต่อมาในปี พ.ศ. 2475 ปทานุกรมของไทยได้กำหนดให้บัญญัติใช้คำว่า "เภสัชกรรม" แทนคำว่า "ปรุงยา" หรือ "ผสมยา"[4] จึงได้มีประกาศกระทรวงธรรมการให้มีการเปลี่ยนชื่อแผนกเป็น "แผนกเภสัชกรรม" ในสังกัดของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[5] ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2477 กำหนดจัดตั้งแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ มีฐานะเป็นแผนกอิสระ เช่นเดียวกับแผนกสถาปัตกรรมศาสตร์ในขณะนั้น เป็นหน่วยงานในบังคับบัญชาโดยตรงของมหาวิทยาลัย และได้ยกระดับวุฒิการศึกษาเป็น "ประกาศนียบัตรเภสัชกรรม (ป.ภ.)" เทียบเท่าอนุปริญญา โดยให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รักษาการตำแหน่งหัวหน้าแผนกอิสระเภสัชกรรมศาสตร์อีกตำแหน่งหนึ่ง

การปรับปรุงการศึกษาทางเภสัชศาสตร์ดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2479 ได้ยกระดับหลักสูตรเป็น "อนุปริญญาเภสัชศาสตร์" ใช้ระยะเวลาศึกษา 3 ปี เป็นหลักสูตรที่ครอบคลุมเนื้อหาวิชาทางเภสัชศาสตร์อย่างกว้างขวาง และนำเอาวิชาทางการแพทย์สมัยใหม่เข้ามาบรรจุในหลักสูตรดังกล่าวโดยเริ่มใช้ในปีการศึกษาต่อมา และมีการแบ่งแผนกวิชาต่างๆ ขึ้นตามกฎหมาย แม้กระนั้นการศึกษาเภสัชศาสตร์ก็ไม่ได้รับความสนใจต่อผู้เข้าการศึกษามากนัก จนกระทั่ง เภสัชกร ดร. ตั้ว ลพานุกรม อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการในขณะนั้น ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกอิสระเภสัชกรรมศาสตร์อีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2482[2] และได้จัดการศึกษาเภสัชศาสตร์ขึ้นอย่างเต็มรูปแบบโดยยกระดับหลักสูตรเภสัชกรรมศาสตร์จนถึงระดับปริญญา (หลักสูตร 4 ปี) และจัดสร้างอาคารเรียนถาวรของแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484 (อาคารคณะศิลปกรรมศาสตร์ในปัจจุบัน)[6]

ห้องสมุด คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (อาคารคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ในปัจจุบัน)

2486 - 2515 คณะเภสัชกัมสาตร มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์

ในปี พ.ศ. 2486 มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ในฐานะเป็นกรมหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุข และได้โอนย้ายแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปเป็นคณะเภสัชกัมสาตร มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ พร้อมกับแผนกทันตแพทยศาสตร์และแผนกสัตวแพทยศาสตร์ อย่างไรก็ดี อัตรากำลังและสถานที่ที่ใช้ทำการสอนยังคงอยู่ภายในบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเช่นเดิม พร้อมกันนั้นได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทและพัฒนาหลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 โดยต้องศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 2 ปี และคณะเภสัชศาสตร์เป็นเวลา 3 ปี มีการกำหนดจำนวนเวลาฝึกงานทั้งในโรงงานเภสัชกรรม ร้านยา และสถานพยาบาล และในช่วง พ.ศ. 2509 มีความต้องการให้เภสัชกรเข้ามาดูแลระบบสาธารณสุขและการใช้ยาของประชาชนมากขึ้น จึงได้มีการเพิ่มเติมวิชาทางเภสัชกรรมคลินิกและโรงพยาบาล[7][8]

ในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2505 ได้มีหนังสือจากกระทรวงมาถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ว่าขอให้มีการเปิดรับนักศึกษาสาขาเภสัชศาสตร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นเปิดรับนักศึกษาปีละประมาณ 100 คน แต่ด้วยสภาพพื้นที่ของคณะเภสัชศาสตร์ไม่สามารถขยายรับนักศึกษาเพิ่มได้อีก จึงได้บรรจุโครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์แห่งใหม่ขึ้นในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะที่ 2 และมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์แห่งใหม่คือ คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ บริเวณถนนพญาไท แล้วให้ใช้หลักสูตรเดียวกับคณะเภสัชศาสตร์เดิม และมีการสับกำลังอัตราคณาจารย์กัน[9]

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2512 มีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดลประกาศใช้หลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานนาม "มหิดล" แทนชื่อ "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" คณะเภสัชศาสตร์จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" ต่อมามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้โอนคณะเภสัชศาสตร์แห่งนี้ (ณ ตำบลวังใหม่) กลับเข้าสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 118 ลงวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2515[10] จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" จวบจนปัจจุบัน และได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2538 (ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 118 ลงวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2515 ว่าด้วยการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์และคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกใช้บังคับในระหว่างที่มีการปกครองโดยคณะปฏิวัติและใช้ชื่อว่าประกาศของคณะปฏิวัติ สมควรปรับปรุงรูปแบบและบทบัญญัติของกฎหมายตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวให้เป็นพระราชกฤษฎีกา เพื่อให้เป็นไปตามวิธีการตรากฎหมายในระบบปกติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้)[11]

2515 - ปัจจุบัน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อย้ายสังกัดเข้าสู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบริหารและระบบติดตามการเรียนการสอน และการนับหน่วยกิตตามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนปัญหาด้านสถานที่ของคณะที่ไม่เอื้อต่อการเรียนการสอนและการขยายจำนวนนิสิตทำให้คณะมีโครงการจัดสร้างอาคารใหม่ขึ้นในบริเวณใกล้เคียงอาคารหลังเดิม แต่อย่างไรก็ดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเคยมีแนวคิดการสร้าง "Medical Square" ในพื้นที่การศึกษาที่ติดต่อกับสยามสแควร์ซึ่งมีคณะทันตแพทยศาสตร์และคณะสัตวแพทยศาสตร์อยู่แล้ว จึงมีโครงการสร้างอาคารคณะเภสัชศาสตร์หลังใหม่ในบริเวณใหม่[12] การก่อสร้างเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2525 และได้ย้ายสถานที่ทำการเรียนการสอนคณะเภสัชศาสตร์ไปยังอาคารแห่งใหม่บริเวณสยามสแควร์

คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จัดโครงการเภสัชกรคู่สัญญาโดยใช้ทุนเป็นเวลา 2 ปี ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2527[13] โดยคณะเภสัชศาสตร์ยังคงปรับปรุงการศึกษาอย่างสืบเนื่อง ในปี พ.ศ. 2532 ได้เปิดหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต 3 สาขา และในปีถัดมาได้ปรับปรุงหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตเป็นลักษณะกึ่งเฉพาะทาง 5 สาขา ประกอบด้วย สาขาเภสัชกรรมโรงพยาบาลและเภสัชกรรมคลินิก, สาขาเทคโนโลยีการผลิตยา, สาขาวิจัยและพัฒนาเภสัชภัณฑ์, สาขาเภสัชกรรมชุมชนและบริหารเภสัชกิจ และสาขาเภสัชสาธารณสุข และมีการจัดสร้างอาคารเรียนและปฏิบัติการแห่งใหม่เพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาเภสัชศาสตร์ในสยามประเทศครบ 80 ปีโดยใช้ชื่อ "อาคาร 80 ปีเภสัชศาสตร์" ในปี พ.ศ. 2536

นอกจากการพัฒนาด้านการเรียนการสอนและอาคารสถานที่นั้น คณะเภสัชศาสตร์ยังได้รวบรวมเภสัชภัณฑ์, เครื่องยา และเภสัชวัตถุโบราณซึ่งสั่งสมมาแต่ครั้งก่อตั้งคณะจัดสร้างเป็น "พิพิธภัณฑ์สมุนไพร" ขึ้น โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานในการเปิดพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวพร้อมกับเปิดอาคารโอสถศาลาในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2544[14] และได้มีการจัดตั้งสมาคมนิสิตเก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นในปี พ.ศ. 2548 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์นิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบัน ให้มีความแน่นแฟ้น รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมคณะฯ พร้อมทั้งกิจกรรมวิชาชีพเภสัชกรรมอีกด้วย[15]

ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ใช้หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2552 โดยแบ่งเป็น 2 สาขา คือ หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาเภสัชศาสตร์ และหลักสูตรเภสัชศาสตบัณฑิต สาขาบริบาลทางเภสัชกรรม โดยใช้ระยะเวลาการศึกษา 6 ปี[16] มีการพัฒนาผลงานวิจัยทางเภสัชกรรมโดยจัดตั้งศูนย์พัฒนาเภสัชภัณฑ์และสมุนไพร ณ อาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ ซึ่งได้ทำพิธีเปิดเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธี[17] และยังมีโครงการต่างๆ อาทิ สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ "โอสถศาลา" ศูนย์คอมพิวเตอร์ทางเภสัชศาสตร์ ศูนย์เภสัชสารสนเทศ ศูนย์บริการเทคโนโลยีทางเภสัชอุตสาหกรรม หน่วยวิจัยและพัฒนาสมุนไพรและเครื่องเทศ รายการคลินิก FM 101.5 วิทยุจุฬาฯ ศูนย์ผลิตสื่อประสมคอมพิวเตอร์ ศูนย์สื่อสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง ห้องสมุดและระบบคอมพิวเตอร์ทางเภสัชศาสตร์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรรมให้ปกป้องคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ตาม "ปรัชญาแห่งวิชาชีพเภสัชกรรม"[18]

สัญลักษณ์ประจำคณะ

  • งูศักดิ์สิทธิ์พันถ้วยยาไฮเกีย เป็นสัญลักษณ์วิชาชีพเภสัชกรรมของกรีก โดยมีที่มาจากเทพีไฮเกีย เทพีแห่งสุขอนามัยและความสะอาด สัญลักษณ์ดังกล่าวได้นำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีพระเกี้ยวประดับเหนือถ้วย
  • กระถินณรงค์ ต้นไม้ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีสถานที่ปลูกบริเวณป้ายคณะ
  • สีเขียวมะกอก เป็นสีประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นสีประจำคณะเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศ และยังเป็นสีประจำของวิชาชีพเภสัชกรรมอีกด้วย
  • "เพลงมาร์ชเภสัช" ผลงานการประพันธ์ของเภสัชกร พันโท สำเริง อุทัยวรรณ โดยใช้ทำนองเพลง March Inda และ "เพลงเภสัช" หรือที่นิยมเรียกว่า "เภสัชเกียรติกำจร" ผลงานการประพันธ์ของเอื้อ สุนทรสนานซึ่งเป็นจังหวะมาร์ช ทั้งสองเพลงเป็นเพลงประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้นแต่สมัยยังสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์[19]

สถานที่และการเดินทาง

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Medical Square) จรดสยามสแควร์ตรงข้ามศูนย์การค้ามาบุญครอง มีพื้นที่ติดต่อกับคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัย[20] แต่เดิมคณะเภสัชศาสตร์ใช้สถานที่ทำการเรียนการสอน ณ อาคารของคณะศิลปกรรมศาสตร์ในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 และได้ย้ายมายังสถานที่ตั้งปัจจุบันในปี พ.ศ. 2525

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง เป็นอาคารเรียนและวิจัย 4 หลัง คือ อาคารคณะเภสัชศาสตร์ (เปิดใช้ พ.ศ. 2525) อาคาร 80 ปี เภสัชศาสตร์ (เปิดใช้ พ.ศ. 2536) อาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ (เปิดใช้ พ.ศ. 2552) และอาคารเลี้ยงสัตว์ทดลอง ในสถานที่ตั้งปัจจุบันแต่เดิมมีอาคารคณะเภสัชศาสตร์เพียงหลังเดียว แต่เนื่องจากมีการขยายตัวทางด้านการเรียนการสอนและการวิจัยจึงจำเป็นต้องมีการขยายพื้นที่ใช้สอบเพิ่มเติม นำไปสู่การสร้างอาคาร "80 ปี เภสัชศาสตร์" ขึ้น[21] ซึ่งมีความทันสมัย และได้นำครุภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน[21] อย่างไรก็ดี พืนที่งานวิจัยยังต้องการการขยายตัวอีกมาก จึงมีการสร้างอาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ขึ้น เพื่อเป็นอาคารวิจัยและหอประชุม เริ่มต้นการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2546 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549 และในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารหลังนี้[22]

นอกจากนี้ยังมีอาคารที่เกี่ยวข้องกับการฝึกปฏิบัติวิชาชีพคือ อาคารโอสถศาลา (เปิดใช้ พ.ศ. 2526, เปิดใช้ครั้งใหม่ พ.ศ. 2544) เป็นที่ตั้งของสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชนหรือร้านยาของคณะสำหรับให้นิสิตและนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ได้ฝึกปฏิบัติวิชาชีพในร้านยา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารหลังนี้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2544 ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อทดแทนอาคารหลังเดิมที่เปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2529[23]

ภายในคณะยังมีพื้นที่เพื่อการนันทนาการสำหรับนิสิต คณาจารย์ และบุคลากร ได้แก่ สนามบาสเกตบอล และลานอาร์เอ็กซ์ (Rx) รวมถึงยังมีการรวบรวมพรรณพืช สมุนไพรท้องถิ่น สมุนไพรหายาก จัดตั้งขึ้นเป็น "พิพิธภัณฑ์สมุนไพร" เปิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2544 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาเสด็จเข้าเยี่ยมชมเป็นพระองค์แรก พร้อมทั้งคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย[24]

คณะเภสัชศาสตร์มีประตู 2 ประตู ได้แก่ ประตูซอยจุฬาฯ 64 ซึ่งจรดพื้นที่ของศูนย์การค้าสยามสแควร์ และประตูซอยจุฬาฯ 62 ติดต่อกับถนนพญาไท ภายในมหาวิทยาลัยมีการจัดระบบการเดินรถภายใน สายเดินรถที่ผ่านคณะเภสัชศาสตร์ ได้แก่สายที่ 1 และ 4[25] นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งใกล้กับสถานีสยาม ได้อีกด้วย[26]

งานวิชาการ

การเรียนการสอน

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการเรียนการสอนใน 3 ระดับการศึกษา คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยการเรียนการสอนในระดับปริญญาบัณฑิต (ปริญญาตรี) ของคณะใช้ระบบทวิภาคคือ แบ่งปีการศึกษาหนึ่งออกเป็น 2 ภาคการศึกษา ได้แก่ ภาคการศึกษาต้นและภาคการศึกษาปลาย (หรืออาจมีภาคฤดูร้อนก็ได้) โดยแบ่งเป็น 2 สาขา ได้แก่ สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรมและสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ ทั้งสองสาขาใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 6 ปี แบ่งเป็นการศึกษาวิชาการศึกษาทั่วไปและวิชาพื้นฐานวิชาชีพเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง และการศึกษาวิชาเฉพาะวิชาชีพเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง และฝึกปฏิบัติวิชาชีพ 1 ปี ในสาขาการบริบาลทางเภสัชกรรมจะเน้นด้านการดูแลผู้ป่วยในกระบวนการใช้ยา และในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์จะสามารถเลือกวิชาเฉพาะของสาขาใน 3 สาขา ได้แก่ สาขาเภสัชกรรมและเทคโนโลยี สาขาค้นพบและพัฒนายา และสาขาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร ซึ่งทั้งสองหลักสูตรได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรมและสภามหาวิทยาลัย[27][28][29] หลังสำเร็จการศึกษาต้องชดใช้ทุนโดยเป็นเภสัชกรสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นระยะเวลา 2 ปี[30] หรือหน่วยงานราชการอื่นที่ระบุตำแหน่งในแต่ละปีการศึกษา[31]

นอกจากการจัดการศึกษาในระดับปริญญาบัณฑิตนั้น คณะเภสัชศาสตร์ยังได้จัดการเรียนการสอนในระดับบัณฑิตศึกษาโดยใช้ระยะเวลาศึกษาทั่วไป 2 ปี แบ่งเป็นหลักสูตรเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต, หลักสูตรเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิตและวิทยาศาสตรดุษฎีบันฑิต ทั้งนี้ยังมีการเรียนการสอนในหลักสูตรนานาชาติในสาขาเทคโนโลยีเภสัชกรรม และสาขาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร

ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก

หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ใช้ระยะเวลาศึกษา 6 ปี

หลักสูตรเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต ใช้ระยะเวลาศึกษา 2 ปี

  • สาขาวิชาเภสัชกรรม
  • สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก
  • สาขาวิชาเภสัชอุตสาหกรรม
  • สาขาวิชาเภสัชเคมี
  • สาขาวิชาอาหารเคมีและโภชนศาสตร์การแพทย์
  • สาขาวิชาเภสัชพฤกษศาสตร์
  • สาขาวิชาเภสัชเวท
  • สาขาวิชาจุลชีววิทยา
  • สาขาวิชาสรีรวิทยา
  • สาขาวิชาเภสัชวิทยา
  • สาขาชีวเวชเคมี
  • สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม (นานาชาติ)
  • สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ)

หลักสูตรเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิต ใช้ระยะเวลาศึกษา 2 ปี

  • สาขาวิชาเภสัชกรรม
  • สาขาวิชาการบริบาล

หลักสูตรวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต

  • สาขาวิชาเภสัชเคมีและ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
  • สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ชีวภาพ
  • สาขาวิชาชีวเวชเคมี
  • สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม (นานาชาติ)
  • สาขาวิชาเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร (นานาชาติ)
  • สาขาวิชาเภสัชเวททางเภสัชกรรม (นานาชาติ)

การบริหารองค์กรและงานวิจัย

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการบริหารงานเช่นเดียวกับคณะวิชาทั่วไป คือ มีคณะกรรมการบริหารคณะ และฝ่ายงาน 6 ฝ่ายได้แก่ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายกิจการนิสิต ฝ่ายวางแผนและพัฒนา ฝ่ายประกันคุณภาพ และฝ่ายวิจัย[32] มีคณบดีเป็นหัวหน้าและมีรองคณบดีเป็นหัวหน้าฝ่ายงาน มีการแบ่งโครงสร้างในการจัดการเรียนการสอนออกเป็น 7 ภาควิชา ได้แก่วิทยาการเภสัชกรรมและเภสัชอุตสาหกรรม เภสัชกรรมปฏิบัติ อาหารและเภสัชเคมี ชีวเคมีและจุลชีววิทยา เภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ เภสัชวิทยาและสรีรวิทยา และเภสัชศาสตร์สังคมและบริหาร[33]

นอกจากนี้คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังมีหน่วยวิจัยและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางกว่า 18 หน่วย/ศูนย์[30] เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยทางเภสัชกรรมและการพัฒนาการศึกษาทางเภสัชศาสตร์ มีผลงานการตีพิมพ์ทางวิชาการด้านเภสัชกรรมและเภสัชวิทยาในอันดับที่ 2 ของคณะเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย[34] นอกจากนี้ยังได้สร้างอาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ ซึ่งทำพิธีเปิดในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการวิจัยทางยาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเชื่อมโยงงานเภสัชกรรมะหว่างภาคอุตสาหกรรมยาและภาครัฐในการทางพัฒนาเภสัชภัณฑ์และสมุนไพร เพื่อลดอัตราการนำเข้ายาจากต่างประเทศ[35] ประกอบด้วยหน่วยวิจัย 5 หน่วย[36] ได้แก่ หน่วยวิจัยสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (HERB) หน่วยวิจัยจุลชีววิทยา ชีววิทยาโมเลกุลและเทคโนโลยีชีวภาพ (MMBB) หน่วยประเมินประสิทธิศักย์และความปลอดภัยพรีคลินิก (PESA) หน่วยพัฒนาเภสัชภัณฑ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี (PDTT) และหน่วยวิจัยเครื่องสำอาง (COSM)

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดประชุมวิชาการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ทางเภสัชศาสตร์แก่เภสัชกร บุคลากรทางสาธารณสุข และบุคคลทั่วไป โดยมีหน่วยการศึกษาต่อเนื่องเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการประชุม[37] และยังมีการจัดการประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยทางเภสัชศาสตร์เป็นประจำทุกปี[38] นอกจากนี้ยังมีโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โครงการประชุมวิชาการนานาชาติ (NRCT-JSPS Joint Seminar) ซึ่งร่วมจัดกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ภายใต้ความร่วมมือข้อตกลงของสภาวิจัยแห่งชาติ (NRCT) สถาบันสมุนไพร มหาวิทยาลัยโทโยม่า และสมาคมส่งเสริมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น (JSPS) [39] โครงการแลกเปลี่ยนนิสิตคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิบะ โครงการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิต คณะเภสัชศาสตร์กับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลี เป็นต้น โครงการเชิญคณาจารย์และวิทยากรจากต่างประเทศ ร่วมบรรยายและสัมมนา[40]

การรับบุคคลเข้าศึกษาและอันดับของคณะ

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีเกณฑ์การรับบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ปริญญาตรี) ทั้งสิ้น 4 โครงการ ดังต่อไปนี้

  • โครงการรับผ่านระบบแอดมิสชัน ของคณะกรรมการการอุดมศึกษา เปิดรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ช่วงชั้นที่ 4) ทั่วไปที่ผ่านการสอบในระบบแอดมิสชัน
  • โครงการรับตรงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยใช้คะแนนสอบแอดมิสชันในการเลือกคณะได้ 4 คณะของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[41]
  • โครงการพัฒนากีฬาชาติ ตามนโยบายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนานักกีฬาของชาติให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ โดยเปิดรับผ่านการสมัครโครงการพัฒนากีฬาชาติตามระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [42]
  • โครงการจุฬาฯ ชนบท เปิดรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่พักอาศัยในต่างจังหวัด โดยนิสิตในโครงการนี้จะได้รับเงินอุดหนุนค่าการศึกษาตลอดการศึกษา[43]

จากผลการรายงาน 50 อันดับของคณะทางสาขาชีวการแพทย์ของคณะกรรมการการอุดมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2552 โดยประเมินคุณภาพของการเรียนการสอนและงานวิจัย คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อันดับที่ 23 และเป็นอันดับที่ 1 ในคณะเภสัชศาสตร์ทั้งหมด[44][45][46] ในส่วนผลการสอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมโดยสภาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีร้อยละของนิสิตผู้สอบผ่านมากเป็นอันดับต้นๆ ของคณะเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศ อาทิ ในปี พ.ศ. 2552 มีนิสิตสอบผ่านร้อยละ 88.9[47] ปี พ.ศ. 2553 มีนิสิตผ่านร้อยละ 81.7[48] ในปี พ.ศ. 2554 มีนิสิตสอบผ่านร้อยละ 96.93 และในปี พ.ศ. 2555 มีนิสิตอบผ่านร้อยละ 85.9[49] นอกจากนี้เว็บไซต์เด็กดียังจัดอันดับคณะที่มีนักเรียนเลือกมากที่สุด โดยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต สาขาเภสัชศาสตร์อยู่ในอันดับที่ 5 ในการสอบแอดมิดชันประจำปี พ.ศ. 2555[50]

บุคคล

รายพระนามและรายนามผู้บัญชาการโรงเรียน หัวหน้าแผนกและคณบดี

ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผู้บัญชาการโรงเรียน หัวหน้าแผนกปรุงยา หัวหน้าแผนกเภสัชกรรมศาสตร์ และคณบดีตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีดังนี้

ผู้บัญชาการโรงเรียนปรุงยา
รายพระนามและรายนามผู้อำนวยการและผู้บัญชาการ วาระการดำรงตำแหน่ง
1. อำมาตย์เอก พระยาเวชสิทธิ์พิลาศ (จรัส วิภาตะแพทย์) พ.ศ. 2456 - 2458
2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พ.ศ. 2458 - 2459
หัวหน้าแผนกแพทย์ผสมยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายพระนามและรายนามหัวหน้า วาระการดำรงตำแหน่ง
2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พ.ศ. 2459 - 2460
1. อำมาตย์เอก พระยาเวชสิทธิ์พิลาศ (จรัส วิภาตะแพทย์) พ.ศ. 2460 - 2465
3. ศาสตราจารย์ นายแพทย์แอลเลอร์ กัสติน เอลลิส พ.ศ. 2465 - 2475
4. ศาสตราจารย์ หลวงพรตพิทยพยัต พ.ศ. 2475 - 2476
หัวหน้าแผนเภสัชกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายนามหัวหน้า วาระการดำรงตำแหน่ง
3. ศาสตราจารย์ นายแพทย์แอลเลอร์ กัสติน เอลลิส พ.ศ. 2476 - 2481 (วาระที่ 2) (รักษาการ)
5. ศาสตราจารย์ พระอัพภันตราพาธพิศาล (กำจร พลางกูร) พ.ศ. 2481 - 2482 (รักษาการ)
6. ฯพณฯ เภสัชกร ดร.ตั้ว ลพานุกรม พ.ศ. 2482 - 2484
คณบดีคณะเภสัชกัมสาตร มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
รายนามคณบดี วาระการดำรงตำแหน่ง
7. เภสัชกร ศาสตราจารย์หลวงลิปิธรรมศรีพยัต (ลิ ศรีพยัตต์) พ.ศ. 2485 - 2487 (รักษาการ)
8. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เรือโทอวย เกตุสิงห์ พ.ศ. 2487 - 2489
9. เภสัชกร ศาสตราจารย์จำลอง สุวคนธ์ พ.ศ. 2489 - 2500
10. เภสัชกร ศาสตราจารย์ชลอ โสฬสจินดา พ.ศ. 2500- 2509
11. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัชวาลย์ โอสถานนท์ พ.ศ. 2509 - 2512 (รักษาการ)
คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
รายนามคณบดี วาระการดำรงตำแหน่ง
11. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัชวาลย์ โอสถานนท์ พ.ศ. 2512 - 2513 (รักษาการ)
12. เภสัชกร ศาสตราจารย์ ไฉน สัมพันธารักษ์ พ.ศ. 2513 - 2515
คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายนามคณบดี วาระการดำรงตำแหน่ง
13. เภสัชกร ศาสตราจารย์(พิเศษ) ดร.วิเชียร จีรวงส์ ราชบัณฑิต พ.ศ. 2515 - 2517
14. ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมัคร พุกกะณะเสน พ.ศ. 2517 (รักษาการ)
15. เภสัชกร ศาสตราจารย์ นาวาเอกพิสิทธิ์ สุทธิอารมณ์ พ.ศ. 2517 - 2521
16. เภสัชกร รองศาสตราจารย์ ดร.บุญอรรถ สายศร พ.ศ. 2521 - 2532
17. เภสัชกร ศาสตราภิชาน ดร.ภาวิช ทองโรจน์ พ.ศ. 2532 - 2536
18. เภสัชกร รองศาสตราจารย์ ดร.สุนิพนธ์ ภุมมางกูร พ.ศ. 2536 - 2544
19. เภสัชกร รองศาสตราจารย์ ดร.บุญยงค์ ตันติสิระ พ.ศ. 2544 - 2548
20. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร.พรเพ็ญ เปรมโยธิน พ.ศ. 2548 - 2552
21. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร.พิณทิพย์ พงษ์เพ็ชร พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน

นิสิตเก่าที่มีชื่อเสียง

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลิตเภสัชกรและบุคลากรที่ประสบความสำเร็จในหลากสาขาทางเภสัชกรรม และสาขาอื่นๆ ทั้งด้านการศึกษาและวงการบันเทิง ตลอดจมีบทบาทยังด้านการเมืองการปกครองของชาติ สามารถดูรายนามนิสิตเก่าที่มีชื่อเสียงได้ที่ รายนามบุคคลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กิจกรรมและประเพณีของคณะ

กิจกรรมนิสิตของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับหน่วยงานของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งหน่วยงานส่วนกลางของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดขึ้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • วันคล้ายวันสถาปนาคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงกับวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี โดยมีกิจกรรมทำบุญตักบาตร ทำบุญคณะ การจัดงานประชุมวิชาการ เป็นต้น

งานรับน้องใหม่

  • วันแรกพบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ CU First Date เป็นวันแรกของนิสิตใหม่ที่ได้เข้าทำกิจกรรมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งานนี้ได้จัดขึ้นเพื่อทดแทนงาน ณ สถานที่ประกาศผลเอนทรานซ์ในระบบเก่า งานนี้จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสโมสรนิสิตและคณะกรรมการคณะต่างๆ ทุกคณะ ช่วงหลังประกาศผลแอดมิสชันของทุกปี[51]
  • สู่รั้วกระถินณรงค์ จะจัดขึ้นภายหลังการสอบสัมภาษณ์ของนิสิตใหม่ใราวเดือนพฤษภาคม[52] งานนี้เปรียบเสมือนงานแรกพบของคณะฯ เป็นกิจกรรมแรกที่จัดขึ้นภายในคณะฯ สำหรับนิสิตใหม่ งานนี้จัดขึ้น โดยสโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นประจำทุกปี
  • แรกพบ สนภท. (สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย) จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นงานที่นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์ทั่วประเทศมาพบปะกัน เพื่อทำความรู้จัก และสานสัมพันธ์ร่วมกัน จัดขึ้นโดยสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย[53] โดยจัดขึ้น ณ บริเวณคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ในภายหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดงาน โดยเวียนไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ภายในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ในปีการศึกษาล่าสุด งานนี้ได้จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระรชวังสนามจันทร์[54] และในปีการศึกษา 2556 จะจัดขึ้น ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[55]
  • รับน้องคณะฯ จัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยสโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของนิสิตใหม่ด้วยกันเอง และกับรุ่นพี่ภายในคณะฯ
  • กิจกรรมห้องเชียร์ จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี เป็นกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีนิสิตใหม่ โดยฝึกการร้องเพลงประจำคณะฯ เพลงมหาวิทยาลัย โดยจัดขึ้นภายในบริเวณของคณะฯ

กิจกรรมกีฬา

  • กีฬาน้องใหม่ หรือ กีฬาเฟรชชี่ เป็นงานสำหรับนิสิตใหม่ทุกคณะในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยองค์การบริหารนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์นิสิตภายในมหาวิทยาลัย[56][57]
  • กระถินณรงค์คัพ จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์นิสิตภายในคณะในแต่ละชั้นปี เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลของนิสิตแต่ละชั้นปี และบุคลาการในคณะฯ
  • กีฬาเภสัชสัมพันธ์ จัดขึ้นโดยสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์ในแต่ละมหาวิทยาลัย โดยจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี โดยเจ้าภาพหมุนเวียนสลับกันไปในแต่ละสถาบัน ในปีการศึกษาล่าสุดจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น[58][59]
  • กีฬาสีภายในคณะฯ เป็นกิจกรรมแข่งขันกีฬาพื้นบ้านของนิสิต บุคลากร ครู-อาจารย์ภายในคณะฯ จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นประจำทุกปี
  • กีฬา 5 หมอ เป็นการแข่งขันกีฬาร่วมกันของนิสิตคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี ณ ศูนย์กีฬาในร่มแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • กีฬาสองเม็ด เป็นการแข่งขันกีฬาร่วมกันระหว่างนิสิตคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สลับกันเป็นเจ้าภาพ การแข่งขันครั้งสุดท้ายคือปีการศึกษา 2544 ก่อนว่างเว้นไปกว่า 10 ปี และมีการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างสโมสรนิสิตนักศึกษาทั้งสองคณะในการร่วมจัดงานนี้อีกครั้ง และนำมาจัดใหม่ในปี พ.ศ. 2554 ณ สนามกีฬาในร่ม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[60]

กิจกรรมวิชาการ

  • สัปดาห์เภสัชกรรม เป็นกิจกรรมเผยแพร่บทบาทของเภสัชกรในสังคมปัจจุบัน รวมทั้งให้ความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับสุขอนามัยและยาแก่ประชาชนทั่วไป จัดขึ้น ณ สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน โอสถศาลา ในช่วงเดือนกรกฎาคม ของทุกปี
  • จุฬาฯ วิชาการ เป็นกิจกรรมให้ความรู้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ถึงบทบาทและหน้าที่ของเภสัชกร และวิชาชีพเภสัชกรรม รวมไปถึงความก้าวหน้าและงานวิจัยทางเภสัชกรรมในปัจจุบันทั้งของคณะและในระดับสากล จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสโมสรและคณะกรรมการนิสิตของแต่ละคณะ รวมถึงคณาจารย์ และสมาคมนิสิตเก่า จัดขึ้นทุก 3 ปี[61]
  • ค่ายอยากเป็นเภสัชกร เป็นกิจกรรมเผยแพร่ความรู้แก่นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยให้เข้าค่ายเป็นเวลา 2 วัน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาทางเภสัชศาสตร์ แขนงวิชา และการปฏิบัติการทางเภสัชกรรมจริง จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคมของทุกปี[62]

กิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

  • พิธีไหว้ครู เป็นกิจกรรมที่นิสิตเภสัชศาสตร์จัดขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของครู-อาจารย์ที่อบรมสั่งสอน ให้ความรู้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทำบุญตักบาตร พิธีการมอบทุนการศึกษาแก่นิสิต การมอบประกาศนียบัตรนิสิตดีเด่น นิสิตที่ทำกิจกรรมดีเด่น นิสิตที่มีผลการเรียนดีเด่น โดยจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี[63]
  • งานลอยกระทงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถือเป็นกิจกรรมที่มีชื่อเสียงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นบริเวณสนามฟุตบอลหน้าลานพระบรมรูป 2 รัชกาล โดยนิสิตทุกคณะร่วมกันจัดขบวนแห่นางนพมาศ และลอยกระทงร่วมกัน ณ บ่อน้ำหน้าพระบรมรูป 2 รัชกาล โดยจัดขึ้นในวันลอยกระทงของทุกปี

กิจกรรมสานสัมพันธ์ภายในคณะ

  • งานคืนถิ่นกระถินณรงค์ จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีกับนิสิตที่จบการศึกษาเภสัชศาสตร์ โดยสโมสรนิสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี
  • งานแฟร์เวลล์ จัดขึ้นเพื่อแสดงความยินดีและอำลานิสิตชั้นปีที่ 5 ที่จะสำเร็จการศึกษาจากคณะเภสัชศาสตร์ ในงานประกอบไปด้วยการแสดงของนิสิตชั้นปีที่ 1 - 4 และการเลี้ยงอาหารแก่รุ่นพี่
  • งานบายบายเฟรชชี่ จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม เป็นกิจกรรมส่งท้ายของนิสิตชั้นปีที่ 1 ที่จะทำกิจกรรมร่วมกันในฐานะเป็นเฟรชชี่ จัดขึ้นโดยสโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • งานส่งพี่ข้ามฟาก เป็นกิจกรรมที่นิสิตชั้นปีที่ 1 ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อขอบคุณรุ่นพี่ปี 2 ที่ดูแลมาโดยตลอดปีการศึกษา โดยถือเป็นประเพณีที่นิสิตชั้นปีที่ 2 จะไม่ได้ศึกษาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของถนนพญาไท หรือ จุฬาฯใหญ่[64]

อ้างอิง

  1. ประวัติคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 หนังสือ "กระถินณรงค์'44"
  3. แนะนำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  4. ภญ.รศ.ภรทิพย์ นิมมานนิตย์, "ประวัติการศึกษาเภสัชศาสตร์" การประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่น, สมาคมนิสิตเก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2553.
  5. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงธรรมการ เรื่อง แก้ไขความคลาดเคลื่อนประกาศขนานนามแผนกเภสัชกรรม เรียกข้อมูลวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
  6. รายงานวิจัยบุคคลสำคัญทางเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  7. 95 ปี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 95 ปี เภสัชศาสตร์ในประเทศไทย
  8. ภก.รศ.ประโชติ เปล่งวิทยา. 87 ปี การศึกษาเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย
  9. 95 ปี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  10. ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 118 ลงวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2515 เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  11. http://www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/legis/compe/th/decree/2538/a820-2A-2538-001.htm
  12. 80 ปี เภสัชศาสตร์, 2537
  13. ทางเลือกโครงการเภสัชกรคู่สัญญา : ผลกระทบด้านกำลังคนเภสัชกร วารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านสุขภาพปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (หน้า 80 - 92) เมษายน - มิถุนายน 2543
  14. พิพิธภัณฑ์สมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  15. ประกาศนายทะเบียนสมาคม กรุงเทพมหานคร เรื่องจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2548 เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  16. หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  17. สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  18. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน่วยสนับสนุนการศึกษาและวิจัย เรียกข้อมูลเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  19. Booklet รวมเพลงเภสัช สมาคมนิสิตเก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  20. หนังสือ 95 ปี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  21. 21.0 21.1 หนังสือ 80 ปี การศึกษาเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย
  22. งานพิธีการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิธีเปิดอาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ เรียกข้อมูลวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556
  23. หน่วยงานสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชนโอสถศาลา เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  24. ประวัติพิพิธภัณฑ์สมุนไพร เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  25. รถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556
  26. เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของจุฬาฯ (ไม่ใช่เด็กจุฬาฯก็อ่านได้) blog.eduzone.com เรียกข้อมูลวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556
  27. ประกาศสภาเภสัชกรรม เรื่อง สถาบันการศึกษาเภสัชศาสตร์ที่สภาเภสัชกรรมรับรอง เรียกข้อมูลวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553
  28. หลักสูตรปริญญาตรีของคณะเภสัชศาสตร์ เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553
  29. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกข้อมูลวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553
  30. 30.0 30.1 หน่วยทะเบียนคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เอกสารแนะนำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  31. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำหนดการจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาฯ ปี 2555 สืบค้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555
  32. หนังสือกระถินณรงค์ 2553
  33. ข้อบังคับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยการแบ่งหน่วยงานในคณะเภสัชศาสตร์ พ.ศ. 2551
  34. ผลงานวิจัยมากที่สุดประจำปี พ.ศ. 2551 เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  35. คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เตรียมจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมทางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ มุ่งสร้างมาตรฐานนวัตกรรมยาเชิงพาณิชย์ เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  36. สมาคมนิสิตเก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จุลสารข่าว อาคารนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ ฉบับที่ 5 มีนาคม 2553.
  37. เกี่ยวกับหน่วยการศึกษาต่อเนื่อง เรียกข้อมูลวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  38. กำหนดการนำเสนอผลงานวิจัยทางเภสัชศาสตร์ครั้งที่ 29
  39. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ The 8th NRCT-JSPS Joint Seminar
  40. แนะนำคณะฯ เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  41. ประกาศจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง การรับสมัครและคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี ด้วยวิธีการรับตรง (แบบปกติ) พ.ศ. ๒๕๕๓ เรียกข้อมูลวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553
  42. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : โครงการพัฒนากีฬาชาติ เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  43. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : โครงการจุฬาชนบท เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  44. จัดอันดับคุณภาพคณะชีวการแพทย์ 50 อันดับแรก เรียกข้อมูลวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552
  45. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 50 อันดับคณะชีวการแพทย์ เรียกข้อมูลวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  46. เปิด 50 อันดับสาขาด้าย "วิจัย-สอน" เรียกข้อมูลวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  47. Unigang สภาเภสัชฯห่วงคุณภาพ 'หมอยา'ไทยชี้บัณฑิตเภสัชฯม.เอกชนห่วย-ส่อเค้าสั่งห้ามผลิต เรียกข้อมูลวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  48. Unigang เภสัชฯ ทับแก้ว ผงาด! สอบใบประกอบวิชาชีพผ่านมากสุดนำอันดับ 1 ของประเทศ เรียกข้อมูลวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  49. Unigang ผลสอบใบประกอบวิชาชีพ เภสัช 2555 !!! เรียกข้อมูลวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  50. Dek-D's Admission Top 200 (ตอนที่ 2) 200 คณะที่ (แนวโน้ม) จะถูกเลือกเยอะสุดในแอดมิชชั่นปี 55 เรียกข้อมูลวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  51. หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซุปเปอร์ฮีโร่น้องใหม่จุฬาฯ บุก “CU First Date’55" เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  52. สำนัหบริหารงานกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปฏิทินกิจกรรม เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  53. รัก ม.อ. กิจกรรมแรกพบ สนภท. เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  54. เด็กดีดอตคอม น้องๆเภสัชฯรหัส'55 ทุกคน เตรียมพบกับงาน " แรกพบ สนภท. 2555 " @ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  55. รายงานการประชุมคณะกรรมการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย (สนภท.) สมัยสามัญ ที่ 4/2555 วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  56. Unigang ชีวิตน้องใหม่ กีฬาเฟรชชี่ เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  57. หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนุ่มสาวหน้าใสเฟรชชี่ลูกพระเกี้ยว ร่วมงาน “กีฬาน้องใหม่ ‘54”เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  58. มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกาศ มข. เรื่องการจัดที่พักการแข่งขันกีฬาเภสัชสัมพันธ์ ครั้งที่ 25 เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  59. หนังสือการประชุมสามัญสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทยประจำปี 2554 (PSUT Annual Congress 2011) หน้า 51
  60. นสภ.ฐิติรัตน์ ลิ่มดุลย์ ใน 60 ปี สโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. กีฬาสองม็ด ; 146-149. ISBN 978-616-551-471-2
  61. จุฬาฯ วิชาการ เดอะ เธอร์ทีนส์ เรื่องน่ารู้เกี่ยกับจุฬาฯ วิชาการ หน้า 35
  62. โครงการค่ายอยากเป็นเภสัชกร (Pharma Camp) สโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครั้งที่ 7 เรียกข้อมูลวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555
  63. 60 ปี สโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สรุปกิจกรรมตลอดปีการศึกษา; 194. ISBN 978-616-551-471-2
  64. 60 ปี สโมสรนิสิตเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สรุปกิจกรรมตลอดปีการศึกษา; 189-205. ISBN 978-616-551-471-2

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

13°44′37″N 100°31′53″E / 13.743588°N 100.531455°E / 13.743588; 100.531455