ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลุยส์ ซัวเรซ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 68: บรรทัด 68:
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ลิเวอร์พูล ลงเล่นนัดแรกเจอกับ [[สโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์|ซันเดอร์แลนด์]] โดย ซัวเรซ ยิง[[จุดโทษ]]พลาดในช่วงต้นเกม แต่เขาก็ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล|อาร์เซนอล]] ถึง [[เอมิเรตส์สเตเดียม]] 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 2 ซัวเรซ ก็ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ Exeter City 3-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลวุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์|วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส]] 2-1 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน|เอฟเวอร์ตัน]] คู่ปรับร่วมเมือง 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำ 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์|ควีนส์พาร์กเรนเจอส์]] 1-0 ในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2012 หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย เป็นที่คาดการณ์กันว่าจะช่วยการันตีให้เขาค้าแข้งอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไปอย่างน้อยๆ 3 ปี โดยรับค่าเหนื่อยเทียบเท่า [[สตีเวน เจอร์ราร์ด]] ที่ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ลิเวอร์พูล ลงเล่นนัดแรกเจอกับ [[สโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์|ซันเดอร์แลนด์]] โดย ซัวเรซ ยิง[[จุดโทษ]]พลาดในช่วงต้นเกม แต่เขาก็ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล|อาร์เซนอล]] ถึง [[เอมิเรตส์สเตเดียม]] 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 2 ซัวเรซ ก็ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ Exeter City 3-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลวุลเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์|วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส]] 2-1 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน|เอฟเวอร์ตัน]] คู่ปรับร่วมเมือง 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำ 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์|ควีนส์พาร์กเรนเจอส์]] 1-0 ในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2012 หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย เป็นที่คาดการณ์กันว่าจะช่วยการันตีให้เขาค้าแข้งอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไปอย่างน้อยๆ 3 ปี โดยรับค่าเหนื่อยเทียบเท่า [[สตีเวน เจอร์ราร์ด]] ที่ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์


ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับแชมป์เก่า [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี|แมนเชสเตอร์ซิตี]] โดย ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-1 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ใน[[ยูฟ่ายูโรปาลีก]] ซัวเรซ ได้ยิงประตูตีเสมอ ฮาร์ท 1-1 ในช่วงท้าย ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 แต่ประตูของ ซัวเรซ ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ สเตเดียมออฟไลต์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ก่อนเริ่มการแข่งขัน ซัวเรซ ได้ยอมจับมือกับ [[ปาทริส เอวรา]] หลังจากที่ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ เอวรา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี โดย เจอร์ราร์ด ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ต่อมา ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2012 ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ที่ 2 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่บุกเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลนอริชซิตี|นอริชซิตี]] ถึง [[แคร์โรว์โรด]] 5-2 โดย ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ใส่ นอริชซิตี ที่สนามแคร์โรว์โรด เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ทำได้ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และเป็นชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อีกด้วย<ref>{{cite web|title=Norwich 2 - 5 Liverpool|url=http://www.bbc.co.uk/sport/0/football/19684133|work=BBC Sport|publisher=BBC|accessdate=29 September 2012|date=29 September 2012}}</ref> ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูล ไล่ อูดิเนเซ มาเป็น 2-3 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 2-3 ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ บุกไปเยือนที่ [[กูดิสันพาร์ก]] เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง โดย ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะถูก เอฟเวอร์ตัน ยิงตีเสมอเป็น 2-2 และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 3-2 แต่ผู้ตัดสินกลับยกธงล้ำหน้า โดยที่ ซัวเรซ ไม่ได้อยูในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้จบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ สวอนซีซิตี มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด|นิวคาสเซิลยูไนเต็ด]] โดย นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่ [[สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์|สแตมฟอร์ดบริดจ์]] เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลเชลซี|เชลซี]] โดย เชลซี ขึ้นนำก่อน 1-0 จาก [[จอห์น เทอร์รี]] แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลวีแกนแอธเลติก|วีแกนแอธเลติก]] โดย ซัวเรซ ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะชนะไป 3-0 ทำให้ ซัวเรซ เป็นคนแรกที่ยิงครบ 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก<ref name="liverpool">[http://www.liverpool.in.th/readnews.php?idnew=12688 ซัวเรซยิ้มร่ารับรางวัลซัด 10 ตุงคนแรกประจำซีซั่น]</ref>
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับแชมป์เก่า [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี|แมนเชสเตอร์ซิตี]] โดย ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-1 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ใน[[ยูฟ่ายูโรปาลีก]] รอบเพลย์ออฟ ซัวเรซ ได้ยิงประตูตีเสมอ ฮาร์ทส 1-1 ในช่วงท้าย ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 แต่ประตูของ ซัวเรซ ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ด้วยสกอร์รวม 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ สเตเดียมออฟไลต์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ก่อนเริ่มการแข่งขัน ซัวเรซ ได้ยอมจับมือกับ [[ปาทริส เอวรา]] หลังจากที่ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ เอวรา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี โดย เจอร์ราร์ด ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ต่อมา ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2012 ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ที่ 2 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่บุกเอาชนะ [[สโมสรฟุตบอลนอริชซิตี|นอริชซิตี]] ถึง [[แคร์โรว์โรด]] 5-2 โดย ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ใส่ นอริชซิตี ที่สนามแคร์โรว์โรด เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ทำได้ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และเป็นชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อีกด้วย<ref>{{cite web|title=Norwich 2 - 5 Liverpool|url=http://www.bbc.co.uk/sport/0/football/19684133|work=BBC Sport|publisher=BBC|accessdate=29 September 2012|date=29 September 2012}}</ref> ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ อูดิเนเซ มาเป็น 2-3 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 2-3 ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ บุกไปเยือนที่ [[กูดิสันพาร์ก]] เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง โดย ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะถูก เอฟเวอร์ตัน ยิงตีเสมอเป็น 2-2 และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 3-2 แต่ผู้ตัดสินกลับยกธงล้ำหน้า โดยที่ ซัวเรซ ไม่ได้อยูในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้จบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ สวอนซีซิตี มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด|นิวคาสเซิลยูไนเต็ด]] โดย นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่ [[สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์|สแตมฟอร์ดบริดจ์]] เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลเชลซี|เชลซี]] โดย เชลซี ขึ้นนำก่อน 1-0 จาก [[จอห์น เทอร์รี]] แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ [[สโมสรฟุตบอลวีแกนแอธเลติก|วีแกนแอธเลติก]] โดย ซัวเรซ ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะชนะไป 3-0 ทำให้ ซัวเรซ เป็นคนแรกที่ยิงครบ 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก<ref name="liverpool">[http://www.liverpool.in.th/readnews.php?idnew=12688 ซัวเรซยิ้มร่ารับรางวัลซัด 10 ตุงคนแรกประจำซีซั่น]</ref>


== สถิติ ==
== สถิติ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:20, 20 ธันวาคม 2555

หลุยส์ ซัวเรซ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม หลุยส์ อัลเบร์โต ซัวเรซ ดีอัซ
วันเกิด (1987-01-24) 24 มกราคม ค.ศ. 1987 (37 ปี)
สถานที่เกิด ซัลโต, ประเทศอุรุกวัย
ส่วนสูง 1.79 m (5 ft 10 in)
ตำแหน่ง กองหน้า
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล
หมายเลข 7
สโมสรเยาวชน
2003-2005 นาซีอองนัล
สโมสรอาชีพ*
ปี สโมสร ลงเล่น (ประตู)
2005-2006 นาซีอองนัล 34 (12)
2006-2007 โกรนิงเงิน 37 (15)
2007-2011 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 160 (111)
2011-ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล 52 (21)
ทีมชาติ
2007 อุรุกวัย ยู20 4 (2)
2007– อุรุกวัย 54 (28)
  • นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 3 พฤษภาคม 2010.

† ลงเล่น (ประตู).

‡ นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมชาติ ข้อมูลล่าสุดวันที่ 26 มิถุนายน 2010

หลุยส์ อัลเบร์โต ซัวเรซ ดีอัซ (สเปน: Luis Alberto Suárez Díaz) เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1987 ที่เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย เป็นนักฟุตบอลชาวอุรุกวัย ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ตำแหน่งกองหน้า

ซัวเรซ เกิด ณ เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย ไม่นานนักครอบครัวได้ย้ายมาตั้งรกรากที่เมือง มอนเตวิเดโอ ที่นี่เองที่เด็กชายเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของมารดาเพียงลำพัง ร่วมกับพี่น้อง 6 คน ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 ซัวเรซได้เซ็นต์สัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรนาซีอองนัล ของเมืองมอนเตวิเดโอ สโมสรที่ซัวเรสเล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน เมื่ออายุถึง 19 ปี เขาจึงย้ายสโมสรเป็นครั้งแรกไปสู่ สโมสรฟุตบอลโกรนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2006 และย้ายทีมอีกครั้งในปี 2007 ไปยังสโมสรชื่อดัง สโมสรอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฤดูกาล 2008-09 ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และทำประตูเป็นดาวซัลโวของสโมสร ถึงแม้ว่าจะถูกทำโทษเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม และได้รับถึง 7 ใบเหลืองในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาลนี้ เขายังได้เป็นกัปตันของสโมสรอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยิง 35 ประตู จาก 33 เกม ในลีก ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเนเธอร์แลนด์ ยิงรวมทุกถ้วย 49 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 เขายิงให้สโมสรอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ครบ 100 ลูก ทำผลงานเทียบชั้นตำนานของสโมสร อาทิ โยฮัน ครัฟฟ์, มาร์โก แวน บาสเทน และเดนนิส เบิร์กแคมป์ แต่ในฤดูกาลนี้มีเหตุการณ์อื้อฉาวคือ ซัวเรซไปกัดที่ไหล่ของนักเตะพีเอสวี ออสมาน แบคคาล และถูกแบน 7 นัด[1] ระหว่างที่ถูกแบนในเดือนมกราคม สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจากประเทศอังกฤษได้ซื้อตัวเขาในมูลค่า 26.5 ล้านยูโร นับแต่การมาของซัวเรซ ลิเวอร์พูลขยับจากอันดับที่ 12 ของตาราง ณ กลางเดือนมกราคม 2011 ไปจบที่อันดับ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลโดยเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล[2]

ในส่วนของการรับใช้อุรุกวัย ซัวเรสได้เป็นสมาชิกของทีมชุดยู 20 เข้าร่วมแข่ง บอลโลก ยู20 ประจำปี 2007 ในปี 2007 นี้เองซัวเรซได้ลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกเจอกับ ทีมชาติโคลัมเบีย และทำประตูได้ แต่ก็โดนไล่ออกจากสนามเนื่องจากรับ 2 ใบเหลือง ในฟุตบอลโลก ปี 2010 ซัวเรซมีบทบาทสำคัญในทีมชุดนี้ที่ได้อันดับที่ 4 โดยทำประตูได้ 3 ลูกตลอดการแข่งขัน เขาเรียกตัวเองว่า หัตถ์พระเจ้า[3] จากการแข่งขันรายการนี้ในนัดพบทีมชาติกานา ที่ใช้มือป้องกันประตูช่วยให้ทีมอุรุกวัยผ่านเข้ารอบต่อไป ในปี 2011 ซัวเรสและทีมชาติอุรุกวัยได้แชมป์ โคปาอเมริกา ในการแข่งขันนี้ซัวเรสได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม และยิงไปถึง 4 ประตู

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวคนแรกที่เมืองบาร์เซโลนา ตั้งชื่อเธอว่าเดลฟินา[4]

สโมสรอาชีพ

นาซีอองนัล

ซัวเรซเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมในบ้านเกิด ทีมนาซีอองนัล ทีมที่เขาเล่นในระดับเยาวชนมาตั้งแต่อายุ 14[5] คืนหนึ่งเขาถูกจับได้ว่าดื่มเหล้าในงานปาร์ตี้ ผู้ฝึกสอนในขณะนั้นปรามเขาว่า เขาจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกถ้ายังไม่จริงจังกับการเล่นฟุตบอล[5] [6] ในเดือนพฤษภาคม 2005 เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี เขาได้ลงเล่นให้สโมสรอย่างเป็นทางการโดยพบกับทีม จูเนียร์ เดอ บารานควิลลา ในการแข่งขันลิเบอร์ตาดอเรส คัพ[5] เขาทำประตูแรกได้ในเดือน กันยายน 2005[7] และช่วย นาซีอองนัล เป็นแชมป์ อุรุกวัยพรีเมียร์ดิวิชัน 2005-06 โดยทำได้ 10 ประตู ใน 27 เกม [8]

โกรนิงเงิน

ซัวเรซ สมัยอยู่กับ โกรนิงเงิน ในปี 2006

ซัวเรซถูกจับตาจากกลุ่มแมวมองของ สโมสรฟุตบอลโกรนิงเงิน ในตอนที่พวกเขาเดินทางไปประเทศอุรุกวัย เพื่อดูฟอร์มนักเตะอีกคนหนึ่ง ในเกมส์นั้นซัวเรสสร้างสรรค์เกม ยิงจุดโทษ และทำประตูที่สวยงาม[9] หลังเกมนั้น กลุ่มแมวมองสนใจที่จะเซ็นต์สัญญาซื้อ ซัวเรซ [9]หลังจบฤดูกาลนั้นสโมสรฟุตบอลโกรนิงเงิน เซ็นสัญญาซื้อเขาในราคา 800,000 ยูโร[5] ซัวเรซอยากที่จะย้ายไปเล่นที่ยุโรปเพราะว่าแฟนของเขาและภรรยาในปัจจุบัน โซเฟีย บาลบิ ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนาก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้เขาต้องรักษาความสัมพันธ์จากการต้องห่างกันเอาไว้ และนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้อยู่ใกล้แฟนสาวมากขึ้น[10]

เอเอฟซีอาแจ็กซ์

ซัวเรซ กับ สโมสรฟุตบอลเอเอฟซีอาแจ็กซ์

ในช่วงปี ค.ศ. 2007 ซัวเรซได้เซ็นสัญญากับ เอเอฟซีอาแจ็กซ์เอาไว้ 4 ปี โดยเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกและบอลถ้วยเกือบทุกนัด และยังได้ถูกเลือกให้เป็นผู้สวมปลอกแขนกัปตันทีมเอเอฟซีอาแจ็กซ์ อีกด้วย ซัวเรซนำทีมอาแจ็กซ์ คว้าแชมป์แชมป์เอเรดิวีซี่ ของลีกสูงสุดในประเทศ เนเธอร์แลนด์ในช่วงฤดูกาล 2010-2011 และ แชมป์เคเอ็นวีบี คัพ ในช่วงฤดูกาล 2009-2010 ก่อนที่จะย้ายไปสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลของ พรีเมียร์ลีก ที่ประเทศอังกฤษ ในปลายฤดูกาล 2010-2011

ลิเวอร์พูล

หลุยส์ ซัวเรซ เล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ใน ปี ค.ศ. 2011

ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 ลิเวอร์พูล ได้ซื้อกองหน้ามา 2 คนคือ แอนดี แคร์โรล และ หลุยส์ ซัวเรซ เข้ามาในถิ่นแอนฟิลด์ และได้เซ็นสัญญาให้กับ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ถึงปี 2016 โดยซัวเรซได้มีโอกาสลงเล่นตัวจริงค่อนข้างมากถึงแม้จะอยู่ในช่วงปลายฤดูกาล 2010-11 แล้วก็ตาม เคนนี ดัลกลิช ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้เห็นความสามารถและความพิเศษของเขาคนนี้ ดัลกลิชเลยให้เขาสวมเสื้อเบอร์ 7 โดยได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้ซัวเรซเป็นตำนานของลิเวอร์พูบต่อจากเขาต่อไป เกมแรกที่ซัวเรซได้เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกและเล่นในถิ่นแอนฟิลด์คือการเจอกับ สโตกซิตี โดยซัวเรซทำไป 1 ประตู และทำให้ลิเวอร์พูลชนะไป 2-0 โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและก็ประเดิมประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อลิเวอร์พูล ได้ทันที เรียกว่าเป็นการลดความกดดันทั้งในเรื่องค่าตัวและเบอร์เสื้ออย่างสิ้นเชิง[11] และในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในนัดที่ ลิเวอร์พูลเปิดรังแอนฟิลด์ตอนรับการมาเยือนของคู่อริ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ถึงแม้ในวันนั้นซัวเรซจะไม่ได้ทำประตูแต่ก็ช่วยจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไป 3-1 ซัวเรซได้จ่ายไป 2 ลูก โดยการทำ แฮตทริกของ เดิร์ค เคาท์ ปีกขวาทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งในเกมนั้นยังต้องหลบซีนตำแหน่ง นักเตะยอดเยี่ยมประจำ เกมให้กับเขาเลยทีเดียว จานนั้น ซัวเรซ ก็ยิงได้อีก 3 ประตู ในนัดที่ ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0, ชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3-0 และ ชนะ ฟูแลม 5-2 ทำให้ ซัวเรซทำสถิติตลอดระยะเวลา 5 เดือนแรกกับหงส์แดงด้วยการทำไป 4 ประตูจาก 13 เกม และก้าวเข้าไปอยู่ในหัวใจของสาวกเดอะ ค็อปได้อย่างเต็มตัว รวมถึง บรรดาเพื่อนร่วมทีมที่เรียงหน้าออกมาชมไม่ขาดสาย และช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2010-11 ซัวเรซ ก็กลายเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล

ซัวเรซ ดวลกับ ซิลแว็ง ดิสแต็ง นักเตะของ เอฟเวอร์ตัน ในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ในเดือนมีนาคม 2012

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 ลิเวอร์พูล ลงเล่นนัดแรกเจอกับ ซันเดอร์แลนด์ โดย ซัวเรซ ยิงจุดโทษพลาดในช่วงต้นเกม แต่เขาก็ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เอาชนะ อาร์เซนอล ถึง เอมิเรตส์สเตเดียม 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 2 ซัวเรซ ก็ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ Exeter City 3-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 2-0 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำ 2 ประตูให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1-0 ในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2012 หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตัดสินใจต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อย เป็นที่คาดการณ์กันว่าจะช่วยการันตีให้เขาค้าแข้งอยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไปอย่างน้อยๆ 3 ปี โดยรับค่าเหนื่อยเทียบเท่า สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ซิตี โดย ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-1 ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบเพลย์ออฟ ซัวเรซ ได้ยิงประตูตีเสมอ ฮาร์ทส 1-1 ในช่วงท้าย ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 แต่ประตูของ ซัวเรซ ทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ด้วยสกอร์รวม 2-1 ต่อมา ซัวเรซ ก็ทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ สเตเดียมออฟไลต์ 1-1 ต่อมา ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ก่อนเริ่มการแข่งขัน ซัวเรซ ได้ยอมจับมือกับ ปาทริส เอวรา หลังจากที่ ซัวเรซ ไม่ยอมจับมือกับ เอวรา เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี โดย เจอร์ราร์ด ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำไปก่อน 1-0 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-2 ต่อมา ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2012 ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ที่ 2 ของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่บุกเอาชนะ นอริชซิตี ถึง แคร์โรว์โรด 5-2 โดย ซัวเรซ ได้ทำแฮตทริก ใส่ นอริชซิตี ที่สนามแคร์โรว์โรด เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ทำได้ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว และเป็นชัยชนะนัดแรกของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อีกด้วย[12] ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซัวเรซ ได้ยิงฟรีคิกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ อูดิเนเซ มาเป็น 2-3 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 2-3 ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล ทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ บุกไปเยือนที่ กูดิสันพาร์ก เจอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง โดย ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะถูก เอฟเวอร์ตัน ยิงตีเสมอเป็น 2-2 และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซัวเรซ ยิงประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 3-2 แต่ผู้ตัดสินกลับยกธงล้ำหน้า โดยที่ ซัวเรซ ไม่ได้อยูในตำแหน่งล้ำหน้า ทำให้จบด้วยผลเสมอกัน 2-2 ต่อมา ในลีกคัพ รอบ 4 ซัวเรซ ก็ทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ สวอนซีซิตี มาเป็น 1-2 แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-3 ต่อมา ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด โดย นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล บุกไปเยือนที่ สแตมฟอร์ดบริดจ์ เจอกับ เชลซี โดย เชลซี ขึ้นนำก่อน 1-0 จาก จอห์น เทอร์รี แต่ ซัวเรซ ก็ทำประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะจบด้วยผลเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล เปิดรังแอนฟิลด์เจอกับ วีแกนแอธเลติก โดย ซัวเรซ ยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลออกนำ 2-0 ก่อนจะชนะไป 3-0 ทำให้ ซัวเรซ เป็นคนแรกที่ยิงครบ 10 ประตู ในพรีเมียร์ลีก[13]

สถิติ

สโมสร

สโมสร ฤดูกาล ลีก ฟุตบอลถ้วย ลีกคัพ ยุโรป อื่นๆ รวม
ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู
นาซีอองนัล[8][14][b] 2005–06 27 10 3 0 4 2 34 12
รวม 27 10 3 0 4 2 34 12
โกรนิงเงิน[b] 2006–07 29 10 6 2 1 0 2 1 0 4 3 0 37 15 6
รวม 29 10 6 2 1 0 2 1 0 4 3 0 37 15 6
เอเอฟซีอาแจ็กซ์ [b] 2007–08 33 17 4 3 2 0 4 1 0 4 2 0 44 22 4
2008–09 31 22 14 2 1 0 10 5 2 0 0 0 43 28 16
2009–10 33 35 14 6 8 0 9 6 2 0 0 0 48 49 14
2010–11 13 7 0 1 1 0 9 4 3 1 0 0 24 12 3
รวม 110 81 32 12 12 0 32 16 7 5 2 0 159 111 37
ลิเวอร์พูล[b] 2010–11 13 4 3 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 13 4 3
2011–12 31 11 6 3 3 1 4 3 3 0 0 0 0 0 0 39 17 10
2012–13 16 10 3 0 0 0 1 1 0 6 2 3 0 0 0 23 13 6
รวม 60 25 11 3 3 1 5 4 3 6 2 3 0 0 0 74 34 17
รวมทั้งหมด 226 126 49 17 16 1 5 4 3 43 19 10 13 7 0 304 172 60

ประตูในนามทีมชาติ

ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2012[8][15]

เกียรติประวัติ

ระดับสโมสร

นาซีอองนัล
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
  • แชมป์เอเรดิวีซี่ ฮอลแลนด์ 2010-11
  • แชมป์เคเอ็นวีบี คัพ 2009-10
ลิเวอร์พูล

ระดับชาติ

ฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัย

รางวัลส่วนตัว

ซัวเรซ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม ของ โคปา อเมริกา 2011

อ้างอิง

  1. http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/europe/9225097.stm เว็บไซต์ BBC
  2. http://soccernet.espn.go.com/news/story/_/id/969372/kenny-dalglish:-luis-suarez-set-to-star-for-liverpool?cc=4716 เว็บไซต์ ESPN
  3. http://www.guardian.co.uk/football/2010/jul/03/world-cup-2010-hand-god-suarez ลุยส์ ซัวเรซ ให้สัมภาษณ์สื่อ
  4. "Suarez in Barcelona vader geworden van dochter" (ภาษาDutch). Voetbal International. 2010-08-05. สืบค้นเมื่อ 2010-08-06.{{cite web}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 http://www.liverpoolecho.co.uk/liverpool-fc/lfc-player-profiles/luis-suarez/2011/02/09/luis-suarez-s-rise-from-the-streets-of-montevideo-to-liverpool-fc-hero-part-one-100252-28138725/2/
  6. Ben Lyttleton (4 July 2010). "In Suarez's absence Uruguay will lean even more heavily on Forlan". Sports Illustrated. สืบค้นเมื่อ 21 August 2011.
  7. Luis Suarez. "Biography - My History". Media Base Sports. สืบค้นเมื่อ 21 August 2011.
  8. 8.0 8.1 8.2 "Football: Luis Suárez". FootballDatabase.eu. สืบค้นเมื่อ 31 January 2011.
  9. 9.0 9.1 Matt Lawton (24 March 2011). "Luis Suarez - I want to be known for great goals not biting or that handball". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 21 August 2011.
  10. http://www.luissuarez.co.uk/en/biografia-en
  11. Mandeep Sanghera (2 February 2011). "Liverpool 2–0 Stoke". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2 February 2011.
  12. "Norwich 2 - 5 Liverpool". BBC Sport. BBC. 29 September 2012. สืบค้นเมื่อ 29 September 2012.
  13. 13.0 13.1 ซัวเรซยิ้มร่ารับรางวัลซัด 10 ตุงคนแรกประจำซีซั่น
  14. "Luis Suárez Statistics". Voetbal International. สืบค้นเมื่อ 13 April 2010.
  15. "Luis Suárez Statistics". Transfermarkt. สืบค้นเมื่อ 13 April 2010.
  16. "Football - Competition: Eredivisie 2009/2010 - Rankings - Scorers". FootballDatabase.eu. สืบค้นเมื่อ 25 August 2011.
  17. "Football: club - Ajax Amsterdam 2008/2009". FootballDatabase.eu. สืบค้นเมื่อ 25 August 2011.
  18. "Football: club - Ajax Amsterdam 2009/2010". FootballDatabase.eu. สืบค้นเมื่อ 25 August 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น