ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกปากห่าง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 20: | บรรทัด 20: | ||
'''นกปากห่าง''' ชื่อสามัญ '''Open-billed Stork'''หรือ '''Asian Openbill'''<ref>http://www.oknation.net/blog/plains-wanderer/2012/01/15/entry-1</ref> ชื่อวิทยาศาสตร์ ''Anastomus oscitans'' ประชากรนกปากห่างในประเทศไทย |
'''นกปากห่าง''' ชื่อสามัญ '''Open-billed Stork'''หรือ '''Asian Openbill'''<ref>http://www.oknation.net/blog/plains-wanderer/2012/01/15/entry-1</ref> ชื่อวิทยาศาสตร์ ''Anastomus oscitans'' ประชากรนกปากห่างในประเทศไทย |
||
มีประมาณ 300,000-400,000 ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เดิมนกปากห่างเป็นนกที่อพยพมาจากประเทศอินเดียและบังคลาเทศ เพื่อมาทำรังวางไข่ในประเทศไทยในราวเดือน |
มีประมาณ 300,000-400,000 ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เดิมนกปากห่างเป็นนกที่อพยพมาจากประเทศ[[อินเดีย]]และ[[บังคลาเทศ]] เพื่อมาทำรังวางไข่ในประเทศไทยในราวเดือน |
||
พฤศจิกายนถึงพฤษภาคม แต่ปัจจุบันจากข้อมูลการติดวิทยุติดตามตัวสัตว์ระบบดาวเทียม และการสำรวจประชากร พบว่ามีนกปากห่างจำนวนมากที่ไม่อพยพกลับ คงอยู่ในประเทศไทยตลอดทั้งปี เพียงแต่เปลี่ยนที่หากินตามฤดูกาลเท่านั้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร อันได้แก่ หอยเชอ |
พฤศจิกายนถึงพฤษภาคม แต่ปัจจุบันจากข้อมูลการติดวิทยุติดตามตัวสัตว์ระบบดาวเทียม และการสำรวจประชากร พบว่ามีนกปากห่างจำนวนมากที่ไม่อพยพกลับ คงอยู่ในประเทศไทยตลอดทั้งปี เพียงแต่เปลี่ยนที่หากินตามฤดูกาลเท่านั้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร อันได้แก่ [[หอยเชอรี่]]และหอยโข่ง ซึ่งมีมากในพื้นที่ที่มีการทำนาข้าวโดยเฉพาะในที่ราบลุ่มภาคกลาง |
||
== ลักษณะทั่วไป == |
== ลักษณะทั่วไป == |
||
บรรทัด 30: | บรรทัด 30: | ||
== ถิ่นอาศัย == |
== ถิ่นอาศัย == |
||
มักพบในภาคกลางและอีสาน แต่เนื่องจากเป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นหากินตามฤดูกาล ทำให้พบได้ในหลายประเทศ ซึ่งในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนจะพบเห็นได้มากที่สุด เนื่องจากนกชนิดนี้ได้อพยพกลับมา โดยประเทศไทยเป็นพื้นที่แหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญที่สุดของนกปากห่าง และเป็นพื้นที่อาศัยที่รองรับประชากรของนกปากห่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก<ref>กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช</ref> |
มักพบใน[[ภาคกลาง]]และ[[อีสาน]] แต่เนื่องจากเป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นหากินตามฤดูกาล ทำให้พบได้ในหลายประเทศ ซึ่งในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนจะพบเห็นได้มากที่สุด เนื่องจากนกชนิดนี้ได้อพยพกลับมา โดยประเทศไทยเป็นพื้นที่แหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญที่สุดของนกปากห่าง และเป็นพื้นที่อาศัยที่รองรับประชากรของนกปากห่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก<ref>กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช</ref> |
||
== พฤติกรรม == |
== พฤติกรรม == |
||
บรรทัด 43: | บรรทัด 43: | ||
== การแพร่กระจายพันธุ์ == |
== การแพร่กระจายพันธุ์ == |
||
นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเซียตอนใต้ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ศรีลังกา บังคลาเทศ พม่า ไทย ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไปๆมาๆระหว่างประเทศเหล่านี้ ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่<ref>http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html</ref> |
นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเซียตอนใต้ตั้งแต่[[ปากีสถาน]] [[อินเดีย]] [[เนปาล]] [[ศรีลังกา]] [[บังคลาเทศ]] [[พม่า]] [[ไทย]] ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไปๆมาๆระหว่างประเทศเหล่านี้ ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่<ref>http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html</ref> |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:15, 22 กันยายน 2555
นกปากห่าง | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Ciconiiformes |
วงศ์: | Ciconiidae |
สกุล: | Anastomus |
สปีชีส์: | A. oscitans |
ชื่อทวินาม | |
Anastomus oscitans Boddaert, 1783 | |
นกปากห่าง ชื่อสามัญ Open-billed Storkหรือ Asian Openbill[2] ชื่อวิทยาศาสตร์ Anastomus oscitans ประชากรนกปากห่างในประเทศไทย มีประมาณ 300,000-400,000 ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เดิมนกปากห่างเป็นนกที่อพยพมาจากประเทศอินเดียและบังคลาเทศ เพื่อมาทำรังวางไข่ในประเทศไทยในราวเดือน พฤศจิกายนถึงพฤษภาคม แต่ปัจจุบันจากข้อมูลการติดวิทยุติดตามตัวสัตว์ระบบดาวเทียม และการสำรวจประชากร พบว่ามีนกปากห่างจำนวนมากที่ไม่อพยพกลับ คงอยู่ในประเทศไทยตลอดทั้งปี เพียงแต่เปลี่ยนที่หากินตามฤดูกาลเท่านั้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร อันได้แก่ หอยเชอรี่และหอยโข่ง ซึ่งมีมากในพื้นที่ที่มีการทำนาข้าวโดยเฉพาะในที่ราบลุ่มภาคกลาง
ลักษณะทั่วไป
ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกัน มีขายาว คอยาว ปากใหญ่ส่วนกลางของปากห่างออกเพื่อคาบหอยโข่งซึ่งกลมลื่นได้ ขนตามตัวมีสีขาวมอ ๆ หางมีสีดำแกมน้ำเงิน ขนปลายปีกมีสีเหมือนและเป็นแถบสีดำ นกปากห่างมีลำตัวยาว 32 นิ้ว ชอบอยู่เป็นฝูง ทำรังบนต้นไม้ ทำรังด้วยเรียวไม้แบบนกยางหรือรังกา ออกไข่ครั้งละ 2 - 4 ฟอง ตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันกกไข่ [3]
ถิ่นอาศัย
มักพบในภาคกลางและอีสาน แต่เนื่องจากเป็นนกที่อพยพย้ายถิ่นหากินตามฤดูกาล ทำให้พบได้ในหลายประเทศ ซึ่งในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนจะพบเห็นได้มากที่สุด เนื่องจากนกชนิดนี้ได้อพยพกลับมา โดยประเทศไทยเป็นพื้นที่แหล่งทำรังวางไข่ที่สำคัญที่สุดของนกปากห่าง และเป็นพื้นที่อาศัยที่รองรับประชากรของนกปากห่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งโลก[4]
พฤติกรรม
นกปากห่างนับว่าเป็นนกที่บินได้เก่ง เวลาบินจะโบกปีกเป็นจังหวะสลับกับการร่อน และจะเหยียดหัวทำคอตรงออกไปทางด้านหน้า ส่วนเท้าเหยียดตรงไปทางด้านหลัง นกปากห่างถ้าพวกมันไม่บิน เราจะสังเกตเห็นพฤติกรรมของพวกมันได้ว่า พวกมันจะเดินท่องไปบนผิวน้ำอย่างช้าๆ เพื่อที่หาหอยโข่งกิน ซึ่งเป็นอาหารสุดโปรดโดยพวกมันจะใช้ปากที่แยกห่างออกจากกันช่วยจับหอยโข่งอาหารโปรดไม่ให้ลื่นหลุด แล้วจึงดึงเนื้อหอยที่อยู่ภายในเปลือกออกมากิน[5]
แหล่งอาหาร
บริเวณนาข้าว นกชนิดนี้มักชอบกินหอยเชอร์รี่และหอยโข่ง
การแพร่กระจายพันธุ์
นกปากห่างแพร่กระจายพันธุ์ อยู่ในทวีปเอเซียตอนใต้ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ศรีลังกา บังคลาเทศ พม่า ไทย ประเทศแถบอินโดจีน จำนวนในแต่ละประเทศไม่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพราะนกปากห่างมีการอพยพย้ายถิ่นไปๆมาๆระหว่างประเทศเหล่านี้ ตลอดทั้งปี เพื่อหาแหล่งหากินและทำรังวางไข่[6]
อ้างอิง
- ↑ BirdLife International (2012). "Anastomus oscitans". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012.1. สืบค้นเมื่อ 16 July 2012.
- ↑ http://www.oknation.net/blog/plains-wanderer/2012/01/15/entry-1
- ↑ http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/bird/sec02p30.html
- ↑ กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
- ↑ http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9470000022533
- ↑ http://www.kmitl.ac.th/agritech/ac/spproject/2552/bird2009/popup1.html