ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โจรสลัด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
LaaknorBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3rc2) (โรบอต เพิ่ม: fo:Sjórænarar
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaSearch
บรรทัด 21: บรรทัด 21:


== โจรสลัดในอดีต ==
== โจรสลัดในอดีต ==
[[ประวัติศาสตร์]]ของโจรสลัด สามารถย้อนหลังได้ถึง 1,400 ปีก่อน[[คริสตศักราช]] เมื่อในบริเวณ[[ทะเลเอเจียน]] และทะเลเมดิเตอเรเนียน มีชนพื้นเมือง 2 ชนชาติ คือ [[Liiyrian|อิลลีเรียน]] และ [[Tyrrenian|ไทร์เรเนียน]] ที่ปล้นเรือสินค้าของชาว[[ฟินิเชีย|ฟีนีเชียน]] เป็นประจำ และจับเอาเด็กทั้งชายและหญิงไปขายเป็น[[ทาส]]อีกด้วย
[[ประวัติศาสตร์]]ของโจรสลัด สามารถย้อนหลังได้ถึง 1,400 ปีก่อน[[คริสต์ศักราช]] เมื่อในบริเวณ[[ทะเลเอเจียน]] และทะเลเมดิเตอเรเนียน มีชนพื้นเมือง 2 ชนชาติ คือ [[Liiyrian|อิลลีเรียน]] และ [[Tyrrenian|ไทร์เรเนียน]] ที่ปล้นเรือสินค้าของชาว[[ฟินิเชีย|ฟีนีเชียน]] เป็นประจำ และจับเอาเด็กทั้งชายและหญิงไปขายเป็น[[ทาส]]อีกด้วย


ราว 300 ปีก่อนคริสตศักราช โจรสลัดอิลลีเรียนซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกของ[[คาบสมุทรบอลข่าน]] ได้ขยายอิทธิพลไปใน[[ทะเลเอเดรียติก]] ซึ่งทำให้[[อาณาจักรโรมัน]]ทนไม่ไหว ในปี 168 ก่อนคริสต์ศักราช กองทัพโรมันจึงยกกำลังไปปราบดินแดนอิลลีเรียจนราบคาบ และยึดเป็นเมืองขึ้นทำให้ขบวนการโจรสลัดสงบลงชั่วขณะ
ราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช โจรสลัดอิลลีเรียนซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกของ[[คาบสมุทรบอลข่าน]] ได้ขยายอิทธิพลไปใน[[ทะเลเอเดรียติก]] ซึ่งทำให้[[อาณาจักรโรมัน]]ทนไม่ไหว ในปี 168 ก่อนคริสต์ศักราช กองทัพโรมันจึงยกกำลังไปปราบดินแดนอิลลีเรียจนราบคาบ และยึดเป็นเมืองขึ้นทำให้ขบวนการโจรสลัดสงบลงชั่วขณะ


กระทั่ง 100 ปี ก่อนคริสตศักราช ได้มีแหล่งโจรสลัดชุมนุมอยู่แถบ[[ชายฝั่งอนาโตเลีย]] คอยดักปล้นเรือสินค้าโรมันทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และในปีที่ 75 ก่อนคริสต์ศักราช ก็ได้กระทำการอุกอาจ โดย โจรสลัดชาว[[ราชอาณาจักรซิลิเซีย|ซิลิเชีย]] เมื่อจับเอา[[จูเลียส ซีซาร์]] นักการเมืองและกงศุลผู้มีอำนาจใหญ่แห่งโรมัน ขณะที่กำลังแล่นเรือข้ามทะเลเอเจียนเพื่อเอาตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยประสงค์เรียกจากโรมันเป็นจำนวน[[ทองคำ]] 20 ทาเลนท์ แต่ซีซาร์มิได้หวั่นไหวแม้ตกเป็นเชลย พร้อมกับได้ทักท้วงว่าค่าตัวของตนเองนั้นอย่างน้อยก็ต้อง 50 ทาเลนท์ขึ้นไป เหล่าโจรสลัดจึงเปลี่ยนเป็นเรียกค่าไถ่ 50 ทาเลนท์ พอได้รับค่าไถ่แล้วก็ปล่อยซีซาร์เป็นอิสระ ซีซาร์เมื่อกลับไปยัง[[โรม]]แล้วจัดกองทัพเรือออกไล่ล่าโจรสลัด และลงโทษด้วยวิธีการ[[ตรึงกางเขน]]
กระทั่ง 100 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ได้มีแหล่งโจรสลัดชุมนุมอยู่แถบ[[ชายฝั่งอนาโตเลีย]] คอยดักปล้นเรือสินค้าโรมันทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และในปีที่ 75 ก่อนคริสต์ศักราช ก็ได้กระทำการอุกอาจ โดย โจรสลัดชาว[[ราชอาณาจักรซิลิเซีย|ซิลิเชีย]] เมื่อจับเอา[[จูเลียส ซีซาร์]] นักการเมืองและกงศุลผู้มีอำนาจใหญ่แห่งโรมัน ขณะที่กำลังแล่นเรือข้ามทะเลเอเจียนเพื่อเอาตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยประสงค์เรียกจากโรมันเป็นจำนวน[[ทองคำ]] 20 ทาเลนท์ แต่ซีซาร์มิได้หวั่นไหวแม้ตกเป็นเชลย พร้อมกับได้ทักท้วงว่าค่าตัวของตนเองนั้นอย่างน้อยก็ต้อง 50 ทาเลนท์ขึ้นไป เหล่าโจรสลัดจึงเปลี่ยนเป็นเรียกค่าไถ่ 50 ทาเลนท์ พอได้รับค่าไถ่แล้วก็ปล่อยซีซาร์เป็นอิสระ ซีซาร์เมื่อกลับไปยัง[[โรม]]แล้วจัดกองทัพเรือออกไล่ล่าโจรสลัด และลงโทษด้วยวิธีการ[[ตรึงกางเขน]]


ในยุคต่อมา ก็ยังคงมีโจรสลัดปฏิบัติการปล้นอยู่เป็นครั้งเป็นคราว แต่มาโด่งดังในช่วง[[คริสต์ศตวรรษที่ 8|ศตวรรษที่ 8]] และ [[คริสต์ศตวรรษที่ 12|12]] เมื่อชนเผ่า[[ไวกิ้ง]] จาก[[สแกนดิเนเวีย]] แล่นเรือเข้ามาปล้นรุกรานทั่วแถบชายฝั่งตะวันตกของยุโรป แล้วก็ยังระรานตลอดลงไปถึง[[แอฟริกาเหนือ]] ย่าน[[ทะเลบอลติก]] และลามตาม[[แม่น้ำ]]ไปถึง[[ยุโรปตะวันออก]]จรด[[ทะเลดำ]] กับ[[อ่าวเปอร์เซีย]] ด้วยว่าอำนาจทางการเมืองของยุโรปขณะนั้นยังไม่รวมตัวเป็นพลังที่พอจะต้านทานได้
ในยุคต่อมา ก็ยังคงมีโจรสลัดปฏิบัติการปล้นอยู่เป็นครั้งเป็นคราว แต่มาโด่งดังในช่วง[[คริสต์ศตวรรษที่ 8|ศตวรรษที่ 8]] และ [[คริสต์ศตวรรษที่ 12|12]] เมื่อชนเผ่า[[ไวกิ้ง]] จาก[[สแกนดิเนเวีย]] แล่นเรือเข้ามาปล้นรุกรานทั่วแถบชายฝั่งตะวันตกของยุโรป แล้วก็ยังระรานตลอดลงไปถึง[[แอฟริกาเหนือ]] ย่าน[[ทะเลบอลติก]] และลามตาม[[แม่น้ำ]]ไปถึง[[ยุโรปตะวันออก]]จรด[[ทะเลดำ]] กับ[[อ่าวเปอร์เซีย]] ด้วยว่าอำนาจทางการเมืองของยุโรปขณะนั้นยังไม่รวมตัวเป็นพลังที่พอจะต้านทานได้

รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:33, 8 กันยายน 2555

ภาพวาดการโจมตีเรือของเคราดำ โจรสลัดที่มีชื่อเสียงในยุคกลาง (วาดในปี ค.ศ. 1718

โจรสลัด (อังกฤษ: Pirate, Buccaneer, Frigate) คือบุคคลที่ปล้นหรือโจรกรรมในทะเล หรือบางครั้งตามชายฝั่งหรือท่าเรือต่างๆ โจรสลัดในปัจจุบันจะแตกต่างกับโจรสลัดในอดีตที่มีลักษณะเฉพาะคือจะมีผ้าคาดหัว ใช้ดาบใบกว้างหรือปืนพกและเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ในปัจจุบันโจรสลัดนิยมใช้เรือเร็ว และใช้ปืนกลแทนที่ดาบ

เป้าหมายส่วนใหญ่ที่โจรสลัดเลือกคือเรือสินค้าและเรือโดยสาร สำหรับรูปแบบที่ใช้ในการบุกเข้าปล้นมีทั้งชูธงหลอกล่อเป้าหมายว่าเป็นเรือสินค้าบ้าง เรือของกองทัพหรือของศาสนจักรบ้าง หรือแม้กระทั่งใช้กำลังบุกเข้าโจมตีโดยตรงเลยก็มี

โจรสลัดในปัจจุบัน

ในปัจจุบันชายฝั่งและทะเลในอเมริกาใต้และทะเลเมดิเตอเรเนียน ยังคงมีโจรสลัดที่ปล้นผู้อื่น โดยชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา และชายฝั่งของทะเลแคริบเบียน เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากมีการป้องการจากกองกำลังรัฐบาล ค่าเสียหายที่เกิดจากโจรสลัดปล้นในปัจจุบัน คาดว่าประมาณ 5-6.5 แสนล้านบาทต่อปีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย จุดที่อยู่ระหว่างช่องแคบมะละกา และประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีเรือพาณิชย์ผ่านประมาณ 50,000 ลำต่อปี

ซึ่งโจรสลัดที่ออกปล้นในแถบนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ปฏิบัติการปล้นจะใช้เรือเล็กเร็วเทียบขนานเรือใหญ่แล้วปีนขึ้นเรืออย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ด้วยความชำนาญ ซึ่งบางครั้งลูกเรือใหญ่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่บางคนจะบริกรรมคาถาซึ่งเชื่อว่าจะช่วยในการกำบังกายได้ด้วย และควบคุมลูกเรือทั้งหมดให้อยู่ในจุดเดียวกัน ขณะที่บุคคลสำคัญ เช่น กัปตัน หรือต้นหนจะถูกกักตัวไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ ในบางครั้งอาจจะแค่ปล้นทรัพย์อย่างเดียว ส่วนตัวบุคคลหากไม่จำเป็นแล้ว อาจมีการสังหารทิ้งศพลงทะเล

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 สำนักงานพาณิชยนาวีระหว่างประเทศ รายงานการปล้นของโจรสลัดในช่องแคบมะละกาและบริเวณใกล้เคียงว่ามีถึง 258 ครั้ง โดยมีลูกเรือกว่า 200 คนถูกจับเป็นตัวประกันและ 8 คนเสียชีวิต[1]

ในประเทศไทย ฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน ยังคงมีโจรสลัดอยู่ ซึ่งใช้เรือเร็วปล้นเรือสินค้าของผู้คนที่แล่นเรือผ่าน โดยในบางครั้งจะเก็บค่าคุ้มครอง หรือจ่ายเงินค่าผ่านทางแทน

โจรสลัดในยุคปัจจุบันมักใช้เรือเล็กแต่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย ทั้งโทรศัพท์ดาวเทียม, จีพีเอส, ระบบโซนาร์ ในช่วงเดือนมกราคม-เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2009 มีสถิติเรือสินค้าที่แล่นในแถบอ่าวเอเดน และนอกชายฝั่งของโซมาเลีย ได้ถูกโจรสลัดโจมตีถึง 306 ลำ ซึ่งในบางครั้ง โจรสลัดจะไม่สนใจสินค้าที่บรรทุกมา แต่จะมุ่งฉกฉวยทรัพย์สมบัติของผู้โดยสาร ตลอดจนตู้เซฟของเรือที่เก็บเงินก้อนใหญ่ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่าย บางครั้งจะไล่ลูกเรือไป แล้วนำเรือเข้าฝั่งไปแปลงโฉมเป็นเรือลำใหม่เพื่อขายหรือใช้ต่อไป หรือกระทำการอุจอาจกว่านั้น คือ คุมตัวเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของเรือไว้แล้วเรียกค่าไถ่ เพื่อหวังจะได้ค่าตอบแทนระดับสูง

จากการประเมินในปี ค.ศ. 2011 ระบุว่า อนาคตจะมีเรือโจรสลัดโซมาเลีย เพิ่มขึ้นปีละ 400 ลำ โดยมีสิ่งจูงใจก็คือ มูลค่าจากการปล้นที่สูงถึง 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะปี ค.ศ. 2010 ปีเดียว ซึ่งเฉลี่ยแล้วรายได้โจรสลัดโซมาเลียแต่ละคนอยู่ราวปีละ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,400,000 บาท) สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของชาวโซมาเลียทั่วไปถึง 150 เท่า

ซึ่งในปี ค.ศ. 2010 และ ค.ศ. 2011 มีการร่วมมือกันของหลายชาติในสหประชาชาติ รวมถึงไทยด้วย ในการส่งกองทัพเรือปฏิบัติการร่วมกัน ในชื่อ ปฏิบัติการปราบปรามโจรสลัดโซมาเลีย ซึ่งกองทัพเรือไทยก็มีส่วนร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย[2] [3]

โจรสลัดในอดีต

ประวัติศาสตร์ของโจรสลัด สามารถย้อนหลังได้ถึง 1,400 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่อในบริเวณทะเลเอเจียน และทะเลเมดิเตอเรเนียน มีชนพื้นเมือง 2 ชนชาติ คือ อิลลีเรียน และ ไทร์เรเนียน ที่ปล้นเรือสินค้าของชาวฟีนีเชียน เป็นประจำ และจับเอาเด็กทั้งชายและหญิงไปขายเป็นทาสอีกด้วย

ราว 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช โจรสลัดอิลลีเรียนซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ได้ขยายอิทธิพลไปในทะเลเอเดรียติก ซึ่งทำให้อาณาจักรโรมันทนไม่ไหว ในปี 168 ก่อนคริสต์ศักราช กองทัพโรมันจึงยกกำลังไปปราบดินแดนอิลลีเรียจนราบคาบ และยึดเป็นเมืองขึ้นทำให้ขบวนการโจรสลัดสงบลงชั่วขณะ

กระทั่ง 100 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ได้มีแหล่งโจรสลัดชุมนุมอยู่แถบชายฝั่งอนาโตเลีย คอยดักปล้นเรือสินค้าโรมันทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และในปีที่ 75 ก่อนคริสต์ศักราช ก็ได้กระทำการอุกอาจ โดย โจรสลัดชาวซิลิเชีย เมื่อจับเอาจูเลียส ซีซาร์ นักการเมืองและกงศุลผู้มีอำนาจใหญ่แห่งโรมัน ขณะที่กำลังแล่นเรือข้ามทะเลเอเจียนเพื่อเอาตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยประสงค์เรียกจากโรมันเป็นจำนวนทองคำ 20 ทาเลนท์ แต่ซีซาร์มิได้หวั่นไหวแม้ตกเป็นเชลย พร้อมกับได้ทักท้วงว่าค่าตัวของตนเองนั้นอย่างน้อยก็ต้อง 50 ทาเลนท์ขึ้นไป เหล่าโจรสลัดจึงเปลี่ยนเป็นเรียกค่าไถ่ 50 ทาเลนท์ พอได้รับค่าไถ่แล้วก็ปล่อยซีซาร์เป็นอิสระ ซีซาร์เมื่อกลับไปยังโรมแล้วจัดกองทัพเรือออกไล่ล่าโจรสลัด และลงโทษด้วยวิธีการตรึงกางเขน

ในยุคต่อมา ก็ยังคงมีโจรสลัดปฏิบัติการปล้นอยู่เป็นครั้งเป็นคราว แต่มาโด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 8 และ 12 เมื่อชนเผ่าไวกิ้ง จากสแกนดิเนเวีย แล่นเรือเข้ามาปล้นรุกรานทั่วแถบชายฝั่งตะวันตกของยุโรป แล้วก็ยังระรานตลอดลงไปถึงแอฟริกาเหนือ ย่านทะเลบอลติก และลามตามแม่น้ำไปถึงยุโรปตะวันออกจรดทะเลดำ กับอ่าวเปอร์เซีย ด้วยว่าอำนาจทางการเมืองของยุโรปขณะนั้นยังไม่รวมตัวเป็นพลังที่พอจะต้านทานได้

ส่วนยุคทองของโจรสลัดในทะเลแคริบเบียนอยู่ในช่วงประมาณ คริสต์ทศวรรษ 1560-คริสต์ทวรรษ 1720 โดยยุคที่โจรสลัดชุกชุมที่สุดได้แก่ช่วง คริสต์ทศวรรษ 1640-คริสต์ทศวรรษ 1680

ซึ่งสัญลักษณ์ของโจรสลัดที่เป็นที่รับรู้กันดี คือ ธงสีดำผืนใหญ่ที่มีรูปกะโหลกและกระดูกไขว้สีขาว[4]

โจรสลัดที่มีชื่อเสียง

ธงโจรสลัดแบบต่างๆ

โจรสลัดในสื่อต่างๆ

ลักษณะของโจรสลัดในการ์ตูน

ลักษณะของโจรสลัดได้ถูกมาสร้างเป็นตัวละครในวรรณกรรม ภาพยนตร์ การ์ตูน ต่างๆ (โดยเฉพาะในแนวแฟนตาซี) โดยมีลักษณะต่างๆ ดังนี้

  • ใส่เสื้อผ้าสีสด
  • มีผ้าปิดตาข้างนึง
  • ขาเป็นขาปลอม
  • มือเป็นตะขอ
  • ตุ้มหูทอง
  • มีผ้าคาดผม
  • มีนกแก้วเป็นสัตว์เลี้ยง
  • ใช้ดาบใบกว้าง

ลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้แสดงถึงลักษณะของโจรสลัดในยุคทอง โดยโจรสลัดมักจะสูญเสียอวัยวะ (เช่น ขา,แขน, มือ,ตา) ในการต่อสู้ และมักจะไม่เลี้ยงสัตว์ไว้ในเรือเนื่องจากเรื่องอาหาร แต่จะหาสัตว์ที่มาจากต่างถิ่นเป็นสัญลักษณ์ของตัวเอง[5]

สื่อต่างๆ เกี่ยวกับโจรสลัด

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link GA