ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 28: บรรทัด 28:
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย มีศักดิ์รองจาก[[เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก]]ในชั้นที่เท่ากัน เช่น ชั้นที่ 3 ต้องประดับ ดวงตราช้างเผือกก่อนแล้วจึงต่อด้วยดวงตรามงกุฎไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย มีศักดิ์รองจาก[[เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก]]ในชั้นที่เท่ากัน เช่น ชั้นที่ 3 ต้องประดับ ดวงตราช้างเผือกก่อนแล้วจึงต่อด้วยดวงตรามงกุฎไทย


==ประวัติ==
==ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ==
{{โครง-ส่วน}}


==ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ==
{|class="wikitable" width="80%"
{|class="wikitable" width="80%"
|-
|-

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:27, 30 มกราคม 2555

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย
[[File:เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ทุกชั้นตรา พร้อมด้วยแพรแถบย่อ และดุมเสื้อ|220px]]
อักษรย่อดูในบทความ
ประเภทสายสะำพายพร้อมดารา , ดวงตราพร้อมดารา , ดวงตรา , เหรียญทอง , เหรียญเงิน (8 ชั้น)
วันสถาปนาพ.ศ. 2412
ประเทศไทย สยาม, ประเทศไทย
จำนวนสำรับไม่จำกัดจำนวน
ผู้สมควรได้รับพระบรมวงศานุวงศ์, ข้าราชการ, ผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี
มอบเพื่อผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน
สถานะยังพระราชทาน
ผู้สถาปนาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประธานพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย
ลำดับเกียรติ
สูงกว่าเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
รองมาเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์
หมายเหตุรัฐบาลไทยเป็นผู้เสนอชื่อเพื่อขอรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (อังกฤษ: The Most Noble Order of the Crown of Thailand)) เป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หนึ่งใน 8 ตระกูลที่สำหรับพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยนี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน โดยการพิจารณาเสนอขอพระราชทานของรัฐบาล เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูง แก่ผู้ได้รับพระราชทาน พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แล้ว ให้ประกาศรายนามในราชกิจจานุเบกษา ปรกติแล้วจะประกาศในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของทุกปี แยกเป็น 2 ฉบับ คือชั้นต่ำกว่าสายสะพาย และชั้นสายสะพาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2412 เดิมมีชื่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎสยาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2484 [1]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย มีศักดิ์รองจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกในชั้นที่เท่ากัน เช่น ชั้นที่ 3 ต้องประดับ ดวงตราช้างเผือกก่อนแล้วจึงต่อด้วยดวงตรามงกุฎไทย

ประวัติ

ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ

แพรแถบย่อ ชั้น ชื่อ อักษรย่อ ชื่อเดิม วันสถาปนา ลำดับเกียรติ
ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ ม.ว.ม. - - 9
ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ป.ม. มหาสุราภรณ์ พ.ศ. 2412 11
ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ท.ม. จุลสุราภรณ์ พ.ศ. 2412 16
ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ต.ม. มัณฑนาภรณ์ พ.ศ. 2412 24
ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย จ.ม. ภัทราภรณ์ พ.ศ. 2412 29
ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย บ.ม. วิจิตราภรณ์ พ.ศ. 2412 34
ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย ร.ท.ม. - พ.ศ. 2445 -
ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย ร.ง.ม. - พ.ศ. 2445 -

ลักษณะ

ไฟล์:มหาวชิรมงกุฎ.jpg
มหาวชิรมงกุฎ
  • ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) ประกอบด้วย
  1. ดวงตรามงกุฎ ห้อยสายสะพายสีคราม มีริ้วแดง ริ้วขาว อยู่ริมทั้งสองข้าง สายสะพายชั้นนี้สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
  2. ดารามงกุฎ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย
  • ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ประกอบด้วย
  1. ดวงตรามงกุฎ ห้อยสายสะพายสีน้ำเงิน ริมเขียว มีริ้วเหลือง ริ้วแดง คั่นทั้งสองข้าง สายสะพายชั้นนี้สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
  2. ดารามงกุฎ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย
  • ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) ประกอบด้วย
  1. ดวงตรามงกุฎ สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบสวมคอ สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย
  2. ดารามงกุฎ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย
  • ขั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.) สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบสวมคอ สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูก เป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อบ่าซ้าย
  • ขั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.) สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับสตรี ห้อยแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย ดวงตราชั้นที่ 4 เล็กกว่าดวงตราชั้นที่ 3 และ มีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ
  • ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีจีบติดบนแพรแถบ วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
  • ชั้นที่ 6 เหรียญทอง (ร.ท.ม.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
  • ชั้นที่ 7 เหรียญเงิน (ร.ง.ม.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4

การขอพระราชทาน

การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลมงกุฎไทยนี้ กำหนดให้พิจารณาถึงตำแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ กำหนดระยะเวลา และความดีความชอบ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 การขอพระราชทานในครั้งแรกในกรณีข้าราชการ จะต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับแต่วันเริ่มเข้ารับราชการจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม ของปี โดยให้เริ่มจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกสลับกัน ดังนี้

  1. ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย
  2. ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก
  3. ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย
  4. ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก
ไฟล์:พระราชลัญจกร-มงกุฎสยาม.jpg
พระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎสยาม / มงกุฎไทย

ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ในกรณีข้าราชการเริ่มที่

  1. ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
  2. ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
  3. ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
  4. ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
  5. ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
  6. ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
  7. ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
  8. ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก

ชั้นสายสะพาย หรือ ข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ สามารถขอรับพระราชทานโกศประดับเมื่อสิ้นชีวิต

  1. ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย 1)
  2. ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 2)
  3. ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (สายสะพาย 3)
  4. ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 4)

การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง

การเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีทั้งหมด 44 บัญชี

  1. บัญชี 1 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่องคมนตรี
  2. บัญชี 2 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่รัฐมนตรี
  3. บัญชี 3 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองและคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา
  4. บัญชี 4 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐสภาและตุลาการรัฐธรรมนูญ
  5. บัญชี 5 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
  6. บัญชี 6 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
  7. บัญชี 7 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
  8. บัญชี 8 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการทหาร
  9. บัญชี 9 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตำรวจ
  10. บัญชี 10 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตุลาการ
  11. บัญชี 11 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการอัยการ
  12. บัญชี 12 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
  13. บัญชี 13 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องถิ่น
  14. บัญชี 14 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน พนักงานองค์การของรัฐ หรือพนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น ๆ
  15. บัญชี 15 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ลูกจ้างประจำ
  16. บัญชี 16 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ดะโต๊ะยุติธรรมและผู้พิพากษาสมทบ
  17. บัญชี 17 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย
  18. บัญชี 18 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีลักษณะพิเศษ
  19. บัญชี 19 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ราชบัณฑิตและกรรมการตามกฎหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
  20. บัญชี 20 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ชาวต่างประเทศ
  21. บัญชี 21 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสองคมนตรี
  22. บัญชี 22 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสรัฐมนตรี
  23. บัญชี 23 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสสมาชิกรัฐสภา (บางตำแหน่ง)
  24. บัญชี 24 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ดำรงตำแหน่ง (สมาชิกรัฐสภา/ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่/ทหารชั้นผู้ใหญ่/ตำรวจชั้นผู้ใหญ/ตุลาการ และอัยการ
  25. บัญชี 25 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการการเลือกตั้ง
  26. บัญชี 26 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
  27. บัญชี 27 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
  28. บัญชี 28 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
  29. บัญชี 29 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลปกครอง
  30. บัญชี 30 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
  31. บัญชี 31 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  32. บัญชี 32 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานราชการ
  33. บัญชี 33 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการการเลือกตั้ง
  34. บัญชี 34 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
  35. บัญชี 35 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
  36. บัญชี 36 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
  37. บัญชี 37 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลปกครอง
  38. บัญชี 38 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
  39. บัญชี 39 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  40. บัญชี 40 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
  41. บัญชี 41 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตามระบบจำแนกประเภทตำแหน่ง
  42. บัญชี 42 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานของหน่วยธุรการขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นข้าราชการ
  43. บัญชี 43 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  44. บัญชี 44 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

กรณีข้าราชการพลเรือน

การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ต้องมีระยะเวลาในการรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยมีแนวทางยึดตามระดับตำแหน่ง ดังนี้[2]

ประเภททั่วไป

  • ระดับปฏิบัติงาน เริ่มขอ บ.ม. ถึง จ.ช.
  • ระดับชำนาญงาน เริ่มขอ ต.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ต.ช.)
  • ระดับอาวุโส เริ่มขอ ท.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ท.ช.)
  • ระดับทักษะพิเศษ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช.)

ประเภทวิชาการ

  • ระดับปฏิบัติการ เริ่มขอ ต.ม.
  • ระดับชำนาญการ เริ่มขอ ต.ช. (ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ขอ ท.ม.- ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษมาแล้ว 5 ปี ขอ ท.ช.)
  • ระดับชำนาญการพิเศษ เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ป.ม.)
  • ระดับเชี่ยวชาญ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
  • ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 13,000 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
  • ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 15,600 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)

ประเภทอำนวยการ

  • ระดับต้น เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม.)
  • ระดับสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)

ประเภทบริหาร

  • ระดับต้น ได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
  • ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 14,500 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
  • ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)

กรณีข้าราชการทหาร

การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการทหาร มีแนวทางยึดตามระดับดังนี้...

กรณีข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร

กรณีข้าราชการอัยการ

กรณีข้าราชการตุลาการ

กรณีลูกจ้างประจำ

  • ลูกจ้างประจำ ซึ่งได้รับเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการพลเรือน ระดับ 3 ไม่ถึงระดับ 6 ให้ขอ บ.ม. ถึง จ.ม.
  • ลูกจ้างประจำ ซึ่งได้รับเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการพลเรือน ระดับ 6 ขึ้นไป ให้ขอ บ.ช. ถึง จ.ช.[3]

อ้างอิง

  1. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, พระราชลัญจกร, พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2538, ISBN 974-7771-63-2
  2. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
  3. http://www.srb1.go.th/personal/naw/the_most/the_most_2.htm

แหล่งข้อมูลอื่น